ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ จะมีระบุว่า
พระมหากษัตริย์ทรงเป็น
พุทธศาสนิก และ อัครศาสนูปถัมภก ซึ่งมีความหมายว่า
นอกจากต้องทรงนับถือศาสนาพุทธแล้ว ทรงต้องทำนุบำรุงศาสนาอื่นที่กฏหมายยอมรับด้วย
ซึ่งตลอดการครองราชย์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
จนเป็นที่สรรเสริญยกย่องของศาสนาอื่นมากมาย


ในส่วนของพระพุทธศาสนา ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระผนวชที่วัด
พระศรีรัตนศาสดาราม
เมื่อวันที่
๒๒ ตุลาคม พ.ศ ๒๔๙๙ โดยมี
สมเด็จพระวชิรญาณวงค์ สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์
สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พระศาสนโศภณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
คลิป ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงผนวช

ช่วงเวลาที่ทรงผนวชนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้แต่งตั้ง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
ก็ทรงปฏิบัติหน้าที่ได้ดียิ่ง และในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๙ จึงทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็น
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงลาผนวช ณ.วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่
๕ พฤศจิกายน พ.ศ ๒๔๙๙
รวมเวลา
ทรงผนวช ๑๕ วัน








พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงศรัทธาในพระอริยะหลายรูป โดยเฉพาะ
วัดป่าสายกรรมฐาน โดยเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ไปสนทนาธรรมกับพระอริยะตามสถานที่ต่างๆบ่อยครั้ง
และทุกครั้งของการสนทนาธรรมก็จะไม่พ้นการหาวิธีให้
ประชาชนมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังเช่น
เมื่อคราวที่ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระกฐินต้นที่
วัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร
พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในปีพ.ศ ๒๕๑๖

การสนทนาธรรมของ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับ หลวงปู่ฝั้น มีใจความดังนี้
นมัสการถาม :
ทำอย่างไร ประเทศชาติ ประชาชน จะอยู่ดีกินดี มีความสามัคคีปรองดองกัน ?
ถวายวิสัชนา :
ให้เข้าหาพุทธศาสนา เพราะศาสนาสอนให้ละชั่ว กระทำความดี ทำใจให้ผ่องใส
นมัสการถาม :
คนส่วนมากทำดี คนส่วนน้อยทำชั่ว จะทำให้คนส่วนมากเดือดร้อนไหม ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขได้ ?
ถวายวิสัชนา :
ขอถวายพระพร ทุกวันนี้คนไม่รู้จักศาสนาจึงเบียดเบียนกัน ถ้าคนเรานึกถึงตนแล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน
เพราะต้องการความสุขความเจริญ คนอื่นก็เช่นกัน ทุกคนวันนี้เข้าใจศาสนาว่า อยู่กับวัด อยู่ใต้ตู้
ในหืบ ในใบลาน อยู่กับพระพุทธเจ้าที่ประเทศอินเดียโน่น จึงไม่สนใจบ้านเมืองจึงเดือดร้อนวุ่นวาย
มองหน้ากันได้ ถ้าคนเราถือเป็นบิดา มารดา เป็นพี่ เป็นน้อง กันแล้วก็สบาย ไปมาหาสู่กันได้
เพราะใจเราไม่มีเวร เวรก็ไม่มีใจ เราก็ไม่มีกรรม กรรมก็ไม่มี ฉะนั้นให้เรามีพรหมวิหารธรรม
อย่างมหาบพิตรเสด็จมานี้ทุกอย่างเรียบร้อยหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ความข้างต้นจากหนังสืออนุสรณ์พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
ในปีพ.ศ ๒๕๑๙ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จไปที่วัดป่าอุดมสมพรอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พระองค์ทรงรับสั่งว่า
"อยากมาอยู่ที่วัด แต่ไม่มีเวลาเพราะภารกิจเยอะมาก"
หลวงปู่ฝั้นจึงตอบพระองค์ว่า
"วัดนี้ไม่ใช่วัดอุดมสมพร วัดบวร หรือวัดอื่นๆ แต่คือ วัดใจตัวเอง ไม่ใช่วัดตามสถานที่ต่างๆ
ให้วัดจิตวัดใจ ถ้าใจดีก็ดีหมด"

หลวงปู่ฝั้น มรณภาพในวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ ๒๕๒๐ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพร้อมพระราชินี
ไปที่วัดป่าอุดมสมพร ในวันรุ่งขึ้นทันที และได้พระราชทานสรงน้ำศพ และตามธรรมเนียมเมื่อ
พระมหากษัตริย์ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพแล้ว จะไม่มีการรดน้ำศพอีก แต่ครั้งนี้
พระองค์ทรงเข้าพระทัยถึงจิตใจประชาชนที่ศรัทธาต่อหลวงปู่ฝั้น จึงทรงตรัสว่า
"ขออย่าได้ห้ามประชาชนสรงน้ำศพท่านอาจารย์ จงให้เขาได้สรงน้ำกันต่อไปตามแต่ศรัทธา..."
และยังทรงตรัสรับสั่งต่อไปว่า
"...ในฐานะที่เราเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ ขอให้ทุกคนได้สามัคคีกัน อย่าให้เกิดความแตกแยก
และขอให้ยึดมั่นในคำสอนของท่านไว้ให้มั่นคง...."
รูปพระจริยวัตรที่งดงามเมื่อทั้งสองพระองค์ลดพระองค์กราบศพพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร

ช่วงหลวงปู่ฝั้น มรณภาพ ในปีพ.ศ ๒๕๒๐ ช่วงนั้นนักศึกษาส่วนหนึ่งหนีเข้าป่าไปต่อสู้
และเขตที่ตั้งของวัดป่าอุดมสมพรของหลวงปู่ฝั้น ก็อยู่ใน
เขตมีความขัดแย้งสูง
ถือเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย แต่ด้วยน้ำพระทัยที่กล้าหาญ เต็มเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูต่อพระอาจารย์
และหวังสร้างความสามัคคีปรองดองกลมเกลียวกันในหมู่ประชาชน เพื่อลดความขัดแย้งในสังคมไทย
ทำให้พระองค์ไม่ลังเลที่จะเสด็จไป สมแล้วที่พระองค์ทรงเป็น
"มหาราชที่ครองใจประชาชนตลอดรัชสมัยของพระองค์"
ป.ล ในส่วนเม้นท์ย่อย ยังมีเรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับพระอริยะรูปอื่นๆ
ป.ล ๒ เนื้อหาบางส่วนมาจากหนังสือ
"ในหลวงกับพระป่ากรรมฐาน"
ป.ล ๓ ถ้าเนื้อหาส่วนใดมีการใช้คำราชาศัพท์ หรือ คำศัพท์ ที่ไม่ถูกต้อง ขออภัยมา ณ ที่นี้
เสด็จสู่ฟากฟ้าสุราลัย พระมหากรุณาธิคุณจารึกในใจไทยชั่วกาล .. ข้าพระพุทธเจ้า*ห้องเพลงคนรากหญ้า* 19/10/2560 ศาสนา พระอริยะ
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธศาสนิก และ อัครศาสนูปถัมภก ซึ่งมีความหมายว่า
นอกจากต้องทรงนับถือศาสนาพุทธแล้ว ทรงต้องทำนุบำรุงศาสนาอื่นที่กฏหมายยอมรับด้วย
ซึ่งตลอดการครองราชย์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
จนเป็นที่สรรเสริญยกย่องของศาสนาอื่นมากมาย
ในส่วนของพระพุทธศาสนา ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระผนวชที่วัด พระศรีรัตนศาสดาราม
เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ ๒๔๙๙ โดยมี
สมเด็จพระวชิรญาณวงค์ สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์
สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พระศาสนโศภณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
คลิป ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงผนวช
ช่วงเวลาที่ทรงผนวชนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้แต่งตั้ง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
ก็ทรงปฏิบัติหน้าที่ได้ดียิ่ง และในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๙ จึงทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็น
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงลาผนวช ณ.วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ ๒๔๙๙
รวมเวลาทรงผนวช ๑๕ วัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงศรัทธาในพระอริยะหลายรูป โดยเฉพาะ
วัดป่าสายกรรมฐาน โดยเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ไปสนทนาธรรมกับพระอริยะตามสถานที่ต่างๆบ่อยครั้ง
และทุกครั้งของการสนทนาธรรมก็จะไม่พ้นการหาวิธีให้ประชาชนมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังเช่น
เมื่อคราวที่ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระกฐินต้นที่วัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร
พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในปีพ.ศ ๒๕๑๖
การสนทนาธรรมของ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับ หลวงปู่ฝั้น มีใจความดังนี้
นมัสการถาม : ทำอย่างไร ประเทศชาติ ประชาชน จะอยู่ดีกินดี มีความสามัคคีปรองดองกัน ?
ถวายวิสัชนา : ให้เข้าหาพุทธศาสนา เพราะศาสนาสอนให้ละชั่ว กระทำความดี ทำใจให้ผ่องใส
นมัสการถาม : คนส่วนมากทำดี คนส่วนน้อยทำชั่ว จะทำให้คนส่วนมากเดือดร้อนไหม ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขได้ ?
ถวายวิสัชนา : ขอถวายพระพร ทุกวันนี้คนไม่รู้จักศาสนาจึงเบียดเบียนกัน ถ้าคนเรานึกถึงตนแล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน
เพราะต้องการความสุขความเจริญ คนอื่นก็เช่นกัน ทุกคนวันนี้เข้าใจศาสนาว่า อยู่กับวัด อยู่ใต้ตู้
ในหืบ ในใบลาน อยู่กับพระพุทธเจ้าที่ประเทศอินเดียโน่น จึงไม่สนใจบ้านเมืองจึงเดือดร้อนวุ่นวาย
มองหน้ากันได้ ถ้าคนเราถือเป็นบิดา มารดา เป็นพี่ เป็นน้อง กันแล้วก็สบาย ไปมาหาสู่กันได้
เพราะใจเราไม่มีเวร เวรก็ไม่มีใจ เราก็ไม่มีกรรม กรรมก็ไม่มี ฉะนั้นให้เรามีพรหมวิหารธรรม
อย่างมหาบพิตรเสด็จมานี้ทุกอย่างเรียบร้อยหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในปีพ.ศ ๒๕๑๙ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จไปที่วัดป่าอุดมสมพรอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พระองค์ทรงรับสั่งว่า
"อยากมาอยู่ที่วัด แต่ไม่มีเวลาเพราะภารกิจเยอะมาก"
หลวงปู่ฝั้นจึงตอบพระองค์ว่า
"วัดนี้ไม่ใช่วัดอุดมสมพร วัดบวร หรือวัดอื่นๆ แต่คือ วัดใจตัวเอง ไม่ใช่วัดตามสถานที่ต่างๆ
ให้วัดจิตวัดใจ ถ้าใจดีก็ดีหมด"
หลวงปู่ฝั้น มรณภาพในวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ ๒๕๒๐ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพร้อมพระราชินี
ไปที่วัดป่าอุดมสมพร ในวันรุ่งขึ้นทันที และได้พระราชทานสรงน้ำศพ และตามธรรมเนียมเมื่อ
พระมหากษัตริย์ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพแล้ว จะไม่มีการรดน้ำศพอีก แต่ครั้งนี้
พระองค์ทรงเข้าพระทัยถึงจิตใจประชาชนที่ศรัทธาต่อหลวงปู่ฝั้น จึงทรงตรัสว่า
"ขออย่าได้ห้ามประชาชนสรงน้ำศพท่านอาจารย์ จงให้เขาได้สรงน้ำกันต่อไปตามแต่ศรัทธา..."
และยังทรงตรัสรับสั่งต่อไปว่า
"...ในฐานะที่เราเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ ขอให้ทุกคนได้สามัคคีกัน อย่าให้เกิดความแตกแยก
และขอให้ยึดมั่นในคำสอนของท่านไว้ให้มั่นคง...."
รูปพระจริยวัตรที่งดงามเมื่อทั้งสองพระองค์ลดพระองค์กราบศพพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
ช่วงหลวงปู่ฝั้น มรณภาพ ในปีพ.ศ ๒๕๒๐ ช่วงนั้นนักศึกษาส่วนหนึ่งหนีเข้าป่าไปต่อสู้
และเขตที่ตั้งของวัดป่าอุดมสมพรของหลวงปู่ฝั้น ก็อยู่ในเขตมีความขัดแย้งสูง
ถือเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย แต่ด้วยน้ำพระทัยที่กล้าหาญ เต็มเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูต่อพระอาจารย์
และหวังสร้างความสามัคคีปรองดองกลมเกลียวกันในหมู่ประชาชน เพื่อลดความขัดแย้งในสังคมไทย
ทำให้พระองค์ไม่ลังเลที่จะเสด็จไป สมแล้วที่พระองค์ทรงเป็น "มหาราชที่ครองใจประชาชนตลอดรัชสมัยของพระองค์"
ป.ล ในส่วนเม้นท์ย่อย ยังมีเรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับพระอริยะรูปอื่นๆ
ป.ล ๒ เนื้อหาบางส่วนมาจากหนังสือ "ในหลวงกับพระป่ากรรมฐาน"
ป.ล ๓ ถ้าเนื้อหาส่วนใดมีการใช้คำราชาศัพท์ หรือ คำศัพท์ ที่ไม่ถูกต้อง ขออภัยมา ณ ที่นี้