เกริ่นนำ
บทความนี้ผู้เขียนจัดทำขึ้นเพื่อรวมรวบองค์ความรู้ที่ผู้เขียนได้ศึกษามาด้วยตนเองทั้งหมด ผ่านประสบการณ์ที่ได้ศึกษาการทำนายไพ่ยิปซีมากกว่า 10 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจโดยทั่วไป ได้นำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาฝีมือในการทำนายไพ่ยิปซี แลประดับความรู้ต่อไป
หมายเหตุ : บทความนี้เหมาะสำหรับผู้มีพื้นฐานความรู้ไพ่ยิปซีมาแล้วระดับหนึ่ง คือพอรู้ความหมายขอไพ่ครบทั้ง 78 ใบ สามารถทำนายได้แบบเปิดหนังสือดู หรือทำนายแบบเบื้องต้น ได้(งูๆปลาๆ ดำน้ำอยู่บ้างก็พอได้) แต่จะไม่เหมาะกับผู้อยากจะเรียนลัดตัดกระบวนการ เช่น ผู้ที่ซื้อหนังสือและไพ่มาแล้วยังไม่ทันอ่านให้ละเอียดดี หรือผู้ที่ใจร้อนอยากดูให้เป็นไวๆแต่ขี้เกียจจำความหมายไพ่ เพราะจะทำให้งงที่ผมอธิบาย ดังนั้นโปรดเข้าใจวัตถุประสงค์ของบทความด้วยครับ
บทความ : การเชื่อมโยงไพ่ ตอนที่ 2
ความเดิมจากตอนที่แล้ว เรากำลังจะมาพูดถึงว่า หากเราจะวิเคราะห์หน้าไพ่สักใบ เราจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างในการดูรูปสัญญะที่สำคัญๆ แล้วดึงเอาความหมายออกมาเพื่อตีความ และเราจะนำความหมายที่ได้มานั้น มาประกอบสร้างให้เป็นเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างไร โดยนำความหมายจากไพ่ 2 ใบมา
“สมาส-สนธิ” กันขึ้น
แน่นอนว่าก่อนอื่นเลย เราก็ต้องมีภาพตัวอย่างเสียก่อน ในครั้งนี้ ผมขอยกตัวอย่างจากไพ่ที่คนน่าจะคุ้นเคยกันมากที่สุด แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้ก็ตาม นั้นก็คือไพ่ Death โดยจากภาพตัวอย่างจะเห็นได้ว่ารูปสัญญะสำคัญของไพ่ Death ที่สังเกตได้และควรต้องให้ความสำคัญ มีดังต่อไปนี้
1.
อัศวินแห่งความตาย หมายถึง การมาถึงของความทุกข์หนัก ลางร้าย เคราะห์หนัก
2.
ความตาย หมายถึง การเสียชีวิต หรือ การสิ้นสุดของบางสิ่งบางอย่าง
3.
พระอาทิตย์กำลังขึ้น หมายถึง การเริ่มต้นใหม่ของบางสิ่งบางอย่าง
ดังนั้น ในหน้าไพ่ 1 ใบ ซึ่งในกรณีนี้คือไพ่ Death นั้น ประกอบไปด้วยรูปสัญญะหลักถึง 3 รูปด้วยกัน เมื่อเราได้ความหมายหลักมาครบแล้ว จึงนำความหมายหลักทั้งหมดมาตีความรวมกัน จึงได้ความหมายหลักของไพ่ Death ว่า
“การมาถึงของเคราะห์กรรมหนักแสนสาหัส การสูญเสียอันใหญ่หลวง และการสิ้นสุดที่จะนำมาซึ่งการเริ่มต้นสิ่งใหม่” นี่คือการนำรูปสัญญะทั้งหมดภายในไพ่ใบเดียวกันมารวมกันแล้วจึงตีความออกมา จึงจะเรียกว่า
“การตีความไพ่ที่สมบูรณ์”
บางคนอาจจะสงสัยว่า
“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า รูปใดหรือสัญลักษณ์ใด คือสิ่งที่ต้องให้ความสนใจ ?” คำตอบคือ ต้องหมั่นศึกษาจากตำราไพ่ยิปซีที่มีวางขายตามท้องตลาดครับ โดยเฉพาะตำราภาษาต่างประเทศจะให้รายละเอียดเยอะกว่าที่เป็นภาษาไทยมาก ส่วนใหญ่มักมาในรูปของงานวิชาการ บทความ หรือ ตำนานที่เกี่ยวกับศาสนาและทวยเทพทั้งหลาย ซึ่งถ้าจะเอาให้ลึกจริงๆ ก็ต้องเก่งภาษากันพอสมควร ด้วยเหตุนี้หมอดูไพ่ยิปซีคนใดจะตีความได้แม่นและลึกตรงตามเจตนารมณ์ของผู้สร้างเครื่องมือชนิดนี้หรือไม่ ก็อยู่ที่เขาผู้นั้นศึกษาตำราในด้านนี้มากว้างขวางและลึกซึ้งมากเพียงใดนั่นเองครับ นอกนั้นก็อาจเติมแต่งเอาเองจากประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ผิดนักเพราะเครื่องมือก็เอื้อให้ทำเช่นนั้นได้อยู่บ้าง แต่ถ้าทำมากไป ความแม่นก็จะลดลงไปเองเพราะสิ่งที่แต่งเติมกับหน้าไพ่ไม่ได้ไปด้วยกัน จึงเกิดความไม่แม่นขึ้นในที่สุด
ที่นี้ พอเราได้ความหมายของไพ่ 1 ใบแบบชัดเจนแล้ว การจะประกอบสร้างเหตุการณ์ระหว่างไพ่ 2 ใบให้เชื่อมเข้าหากัน ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่หมอดูจำเป็นต้องทำให้ได้ หลักการก็คล้ายๆตอนที่เรารวมความหมายหลายๆอันภายในไพ่ใบเดียวเข้าด้วยกันนั่นแหละ เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนจากภายในไพ่ใบเดียว เป็นระหว่างไพ่ 2 ใบ ตัวอย่างที่จะยกคราวนี้ก็คือ ไพ่ Death ที่ยกมาเมื่อสักครู่นี้ กับไพ่ The Hermit
เมื่อไพ่ Death มีค่าเท่ากับ
“จุดจบสำหรับบางสิ่งเพื่อการเริ่มต้นใหม่” และ The Hermit มีค่าเท่ากับ
“โอกาสในด้านการศึกษาค้นคว้าและวิชาการ” การนำไพ่ 2 ใบนี้มา
“สมาส-สนธิ” กันจึงทำให้สามารถประกอบสร้างความหมายใหม่ได้ว่า
“เป็นช่วงเวลาที่กำลังจะเรียนจบจากที่ปัจจุบัน และได้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นในสถานศึกษาแห่งใหม่” เช่นนี้เป็นต้น ซึ่งเวลาทำนายจริง คำทนายอาจไม่ได้ออกมาตามนี้เป๊ะๆก็ได้ เพราะอย่าลืมว่า
“มุมมองและทัศนคติของผู้ทำนาย” มีส่วนสำคัญยิ่งต่อการประมวลผลออกมาเป็นคำทำนาย ต่อให้ไพ่มีแนวทางของมันเป็นรูปสัญญะตายตัวอยู่แล้ว แต่ถ้าใช่ผู้ทำนายที่มีคุณวุฒิและวัยวุฒิแตกต่างกัน คำทำนายที่ได้ออกมาย่อมแตกต่างกันไปด้วย
บทส่งท้าย
ในตอนหน้าเราจะมาพูดถึงเทคนิคในด้านการทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับตัวผู้มาดูดวงกันบ้าง ว่าจะมีเทคนิคอย่างไรในการดูเชิงพวกเขา ทั้งก่อนและระหว่างการทำนาย เพื่อให้การทำนายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
...สำหรับวันนี้ ....
...สวัสดีครับ...
{ดูดวงง่ายๆ สไตล์ Draconyz} Miniseries – เทคนิคการทำนายด้วยไพ่ยิปซี: การเชื่อมโยงไพ่ ตอนที่ 2
บทความนี้ผู้เขียนจัดทำขึ้นเพื่อรวมรวบองค์ความรู้ที่ผู้เขียนได้ศึกษามาด้วยตนเองทั้งหมด ผ่านประสบการณ์ที่ได้ศึกษาการทำนายไพ่ยิปซีมากกว่า 10 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจโดยทั่วไป ได้นำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาฝีมือในการทำนายไพ่ยิปซี แลประดับความรู้ต่อไป
หมายเหตุ : บทความนี้เหมาะสำหรับผู้มีพื้นฐานความรู้ไพ่ยิปซีมาแล้วระดับหนึ่ง คือพอรู้ความหมายขอไพ่ครบทั้ง 78 ใบ สามารถทำนายได้แบบเปิดหนังสือดู หรือทำนายแบบเบื้องต้น ได้(งูๆปลาๆ ดำน้ำอยู่บ้างก็พอได้) แต่จะไม่เหมาะกับผู้อยากจะเรียนลัดตัดกระบวนการ เช่น ผู้ที่ซื้อหนังสือและไพ่มาแล้วยังไม่ทันอ่านให้ละเอียดดี หรือผู้ที่ใจร้อนอยากดูให้เป็นไวๆแต่ขี้เกียจจำความหมายไพ่ เพราะจะทำให้งงที่ผมอธิบาย ดังนั้นโปรดเข้าใจวัตถุประสงค์ของบทความด้วยครับ
บทความ : การเชื่อมโยงไพ่ ตอนที่ 2
ความเดิมจากตอนที่แล้ว เรากำลังจะมาพูดถึงว่า หากเราจะวิเคราะห์หน้าไพ่สักใบ เราจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างในการดูรูปสัญญะที่สำคัญๆ แล้วดึงเอาความหมายออกมาเพื่อตีความ และเราจะนำความหมายที่ได้มานั้น มาประกอบสร้างให้เป็นเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างไร โดยนำความหมายจากไพ่ 2 ใบมา “สมาส-สนธิ” กันขึ้น
แน่นอนว่าก่อนอื่นเลย เราก็ต้องมีภาพตัวอย่างเสียก่อน ในครั้งนี้ ผมขอยกตัวอย่างจากไพ่ที่คนน่าจะคุ้นเคยกันมากที่สุด แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้ก็ตาม นั้นก็คือไพ่ Death โดยจากภาพตัวอย่างจะเห็นได้ว่ารูปสัญญะสำคัญของไพ่ Death ที่สังเกตได้และควรต้องให้ความสำคัญ มีดังต่อไปนี้
1. อัศวินแห่งความตาย หมายถึง การมาถึงของความทุกข์หนัก ลางร้าย เคราะห์หนัก
2. ความตาย หมายถึง การเสียชีวิต หรือ การสิ้นสุดของบางสิ่งบางอย่าง
3. พระอาทิตย์กำลังขึ้น หมายถึง การเริ่มต้นใหม่ของบางสิ่งบางอย่าง
ดังนั้น ในหน้าไพ่ 1 ใบ ซึ่งในกรณีนี้คือไพ่ Death นั้น ประกอบไปด้วยรูปสัญญะหลักถึง 3 รูปด้วยกัน เมื่อเราได้ความหมายหลักมาครบแล้ว จึงนำความหมายหลักทั้งหมดมาตีความรวมกัน จึงได้ความหมายหลักของไพ่ Death ว่า “การมาถึงของเคราะห์กรรมหนักแสนสาหัส การสูญเสียอันใหญ่หลวง และการสิ้นสุดที่จะนำมาซึ่งการเริ่มต้นสิ่งใหม่” นี่คือการนำรูปสัญญะทั้งหมดภายในไพ่ใบเดียวกันมารวมกันแล้วจึงตีความออกมา จึงจะเรียกว่า “การตีความไพ่ที่สมบูรณ์”
บางคนอาจจะสงสัยว่า “แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า รูปใดหรือสัญลักษณ์ใด คือสิ่งที่ต้องให้ความสนใจ ?” คำตอบคือ ต้องหมั่นศึกษาจากตำราไพ่ยิปซีที่มีวางขายตามท้องตลาดครับ โดยเฉพาะตำราภาษาต่างประเทศจะให้รายละเอียดเยอะกว่าที่เป็นภาษาไทยมาก ส่วนใหญ่มักมาในรูปของงานวิชาการ บทความ หรือ ตำนานที่เกี่ยวกับศาสนาและทวยเทพทั้งหลาย ซึ่งถ้าจะเอาให้ลึกจริงๆ ก็ต้องเก่งภาษากันพอสมควร ด้วยเหตุนี้หมอดูไพ่ยิปซีคนใดจะตีความได้แม่นและลึกตรงตามเจตนารมณ์ของผู้สร้างเครื่องมือชนิดนี้หรือไม่ ก็อยู่ที่เขาผู้นั้นศึกษาตำราในด้านนี้มากว้างขวางและลึกซึ้งมากเพียงใดนั่นเองครับ นอกนั้นก็อาจเติมแต่งเอาเองจากประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ผิดนักเพราะเครื่องมือก็เอื้อให้ทำเช่นนั้นได้อยู่บ้าง แต่ถ้าทำมากไป ความแม่นก็จะลดลงไปเองเพราะสิ่งที่แต่งเติมกับหน้าไพ่ไม่ได้ไปด้วยกัน จึงเกิดความไม่แม่นขึ้นในที่สุด
ที่นี้ พอเราได้ความหมายของไพ่ 1 ใบแบบชัดเจนแล้ว การจะประกอบสร้างเหตุการณ์ระหว่างไพ่ 2 ใบให้เชื่อมเข้าหากัน ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่หมอดูจำเป็นต้องทำให้ได้ หลักการก็คล้ายๆตอนที่เรารวมความหมายหลายๆอันภายในไพ่ใบเดียวเข้าด้วยกันนั่นแหละ เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนจากภายในไพ่ใบเดียว เป็นระหว่างไพ่ 2 ใบ ตัวอย่างที่จะยกคราวนี้ก็คือ ไพ่ Death ที่ยกมาเมื่อสักครู่นี้ กับไพ่ The Hermit
เมื่อไพ่ Death มีค่าเท่ากับ “จุดจบสำหรับบางสิ่งเพื่อการเริ่มต้นใหม่” และ The Hermit มีค่าเท่ากับ “โอกาสในด้านการศึกษาค้นคว้าและวิชาการ” การนำไพ่ 2 ใบนี้มา “สมาส-สนธิ” กันจึงทำให้สามารถประกอบสร้างความหมายใหม่ได้ว่า “เป็นช่วงเวลาที่กำลังจะเรียนจบจากที่ปัจจุบัน และได้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นในสถานศึกษาแห่งใหม่” เช่นนี้เป็นต้น ซึ่งเวลาทำนายจริง คำทนายอาจไม่ได้ออกมาตามนี้เป๊ะๆก็ได้ เพราะอย่าลืมว่า “มุมมองและทัศนคติของผู้ทำนาย” มีส่วนสำคัญยิ่งต่อการประมวลผลออกมาเป็นคำทำนาย ต่อให้ไพ่มีแนวทางของมันเป็นรูปสัญญะตายตัวอยู่แล้ว แต่ถ้าใช่ผู้ทำนายที่มีคุณวุฒิและวัยวุฒิแตกต่างกัน คำทำนายที่ได้ออกมาย่อมแตกต่างกันไปด้วย
บทส่งท้าย
ในตอนหน้าเราจะมาพูดถึงเทคนิคในด้านการทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับตัวผู้มาดูดวงกันบ้าง ว่าจะมีเทคนิคอย่างไรในการดูเชิงพวกเขา ทั้งก่อนและระหว่างการทำนาย เพื่อให้การทำนายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
...สวัสดีครับ...