[CR] ***บันทึกเดินทาง ZIP LINE TREETOP ADVENTURE LOAS ที่ราบสูงโบโลเวน ปากเซ ลาวใต้ เที่ยวนี้ คุ้มไปมั้ย***


↑↑เห็นเพื่อนรูปนี้ หน้านางมันส์ดี 555 นางเป็นเจ้าของคลิปมันส์ๆด้วยนะจ๊ะ ขอยืมมาแป๊ะรีวิวหน่อยนะ↑↑

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


อยากเที่ยวลาวมานานหลายปีแล้ว และแล้วมันก็มาถึง
กลางเดือนกค.เพื่อนส่งคลิป zip line มาให้ดู เลยตอบตกลงแบบ 5 วิ ว่า “ไปดิ”
และมันก็เริ่มขึ้นใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง เราก็ได้เพื่อนร่วมทริปทั้งหมด 7 คน
เลยทำการจองวันไปและจองตั๋วเครื่องบินวันนั้นเลยคืออารมณ์แบบว่า “เมิงจ่ายตังแล้ว เมิงต้องไป”
ทำให้เป็นการเดินทางที่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเยอะแยะ
วันนี้เลยอยากมาแชร์ให้คนที่สนใจไปเที่ยวทริปนี้ได้ วางแผนและเตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดีดี  
แต่เอาเข้าจริง สิ่งที่ไม่คาดคิดที่มันเกิดขึ้นนั่นหล่ะที่ให้ทริปนี้เป็นทริปที่โคตะระมันส์และสนุกที่สุด
จนต้องมานั่งเขียวรีวิวแรกอันนี้
อยากจะให้คนที่จะไปได้สัมผัสอีกมุมนึงที่ไม่ค่อยได้เห็นจากรีวิวอื่นๆ พร้อมกับคำแนะนำ (ตามความคิดเราเองอะนะ)
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ ยิ้ม


ทริปนี้เป็นช่วงวันที่ 7-9 ตุลาคม 60 อย่างที่บอกว่าตอนแรกว่าพอคิดจะไปก็โทรจองที่ Green discovery
ได้วันก็ซื้อตั๋วเครื่องบินเลยไม่ได้ถาม ไม่ได้หาข้อมูลอะไรมากนัก
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ต้องดูว่าเราจะเดินทางไปลาวยังไง
ก็ปรากฎว่าเราควรไปถึงที่หมู่บ้านหนองหลวงก่อนเที่ยง
แต่เนื่องจากตั๋วที่เราซื้อไปก่อนหน้านี้ไปถึงอุบลก็ 8.30 แล้ว
กว่าจะเดินทางผ่านช่องแม็ก เข้าลาว และเดินทางไปปากเซ เข้าหมู่บ้านก็ค่อนข้างเลทมากถ้าเราขึ้นรถบัสไป
เลยตัดสินใจเช่ารถตู้ยิงยาวไปหมู่บ้านหนองหลวงเลย

Day 1
ตอนแรกคาดว่าไม่น่าเกินบ่ายสองก็น่าจะได้เดินเท้าเข้าป่าที่หมู่บ้านหนองหลวงแล้ว
แต่เอาเข้าวันจริงขึ้นจากดอนเมืองไปลงที่อุบล เครื่องก็ดีเลย์
บวกกับฝนที่ตกตลอดทางอีก ทำให้กว่าจะถึงที่ราบสูงโบโลเวนปากทางเข้าหมู่บ้านก็เกือบบ่ายสองแล้ว
และต้องรอให้รถบัสมารับที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน เนื่องจากทางเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดใหญ่จนรถตู้ที่เช่ามาไม่สามารถเข้าได้

กว่าจะเข้าไปถึงหมู่บ้านหนองหลวงก็เกือบบ่ายสาม พอถึงหมู่บ้านก็กินข้าวที่ชาวบ้านเตรียมไว้ให้
ตอนนั้นก็กินพอประมาณนะ คิดว่าถ้าหิวเราก็หยิบช็อกโกแล็ตที่เตรียมไว้มากินก็ได้  
จุดนี้แนะนำว่าให้กินให้อิ่ม อัดไปให้เยอะๆเลยนะ เพราะระหว่างทางอาจจะไม่ได้โอกาสได้หยิบอะไรขึนมากินก็ได้

พอใส่อุปกรณ์ zip line ถึงแม้ว่ามันจะหนักมากก็ตาม แต่จะบอกว่าอุปกรณ์พวกนี้เป็นประโยชน์มาก ไม่งั้นอาจได้เลือดกันแน่ๆ
อ้ออีกเรื่องพวกเราเที่ยวแบบ Backpack กันตั้งแต่ขึ้นเครื่องยันเข้าป่า เพราะฉะนั้นสัมภาระก็หนักพอสมควร
ยังไม่พอ Staff บอกว่าต้องเอาน้ำไปคนละ 2 ขวดด้วย โอ้วพระเจ้าจอน์ช มันหนักมาก
อุตส่าห์ไม่แบกน้ำมาแล้วนะ นี่กุต้องแบกมันใส่หลังไปด้วยหรา ตอนนั้นคิด ‘ทำใจแป็ปปปปปปป’


พอถ่ายรูปกลุ่มผู้ร่วมชะตากรรมทั้ง 7 คน ทีม Staff  2 คน; พี่เรย์กับน้องโหย และเด็กฝึกงาน; น้องอุดรซึ่งเข้าป่าครั้งแรกกับพวกเรา
การเดินทางก็เริ่มขึ้นตอนบ่ายสามโมงกว่าๆ พอเริ่มเดินแบบหอบๆไปซัก 10 นาที ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ และเริ่มหนักขึ้น
คนที่ไม่ได้ใส่ชุดกันฝนก็เริ่มหยิบมาใส่กัน และเรียกว่าใส่กันตอนที่อยู่ในดงทาก!!

ตอนนั้นคิดในใจ ‘อิบ้า!!!! เมิงก็เห็นท้องฟ้ามึดขนาดนี้ ตอนนั่งรถมาฝนก็ตกตลอด
ทำไมไม่ใส่ตั้งแต่แรก กุต้องมาช่วยเมิงใส่ ในดงทากเนี่ยนะ’

และคือทากตัวเล็กเท่าด้ายอ่ะ ยั้วเยี้ยไปหมด ฉีดซอฟเฟล(ซอฟเฟลกันยุงและฆ่าทากได้)กันแทบไม่ทัน
ส่วนคนที่ไม่ได้ใส่ถุงเท้าหรือถุงกันทากมาก็บริจาคเลือดกันไป

จุดนี้ก่อนไปเช็คกันนิดนึงว่ามีทากมั้ย ซึ่งก่อนไปเราก็อีเมลไปเช็คมานะว่ามีทากมั้ย ซึ่งเค้าบอกมีแต่ไม่เยอะมาก
แต่เอาเข้าจริงโคตรเยอะเพราะฝนตกด้วย
และที่สำคัญคือมันตัวเล็กอะ น้ำดินที่มันกระเด็นมาใส่ถุงเท้า ก็แทบจะดูไม่ออกว่ามันคืออะไร
ก็เลยทำการฉีดซอฟเฟลเคลือบให้ชุ่มถุงเท้าไป ไม่พอ Staff ก็ให้กำลังใจเราว่า

“ครั้งก่อนเห็นคนที่ใส่ถุงกันทากมาแบบนี้ก็ไม่โดนดูดที่ขานะ แต่เห็นทากดูดเลือดที่คอแทน”
เอ้า!! ดีเนอะ ขอบคุณมากเลย

แนะนำว่าใส่สีสดๆก็พอช่วยได้นะ
อย่างเราก็ใส่ถุงเท้าบอลสีเหลือง เห็นเพื่อนบอกว่าของเราเห็นง่ายสุดแล้ว
แต่ขอบอกว่าซอฟเฟลฉีกทากปุ๊บ ทากตายปั๊บ ของเค้าดีจริงๆ

พอผ่านดงทากมาด้วยความระแวง ก้มหน้ามองเท้าตลอดทาง Staff คงสงสารและก็บอกว่า
“แถวนี้ไม่มีทากแล้ว แต่ว่าเราจะเดินทางลัดกัน ไม่งั้นจะถึงที่พักดึกมาก”

ระหว่างนั้นฝนก็ยังคงตกตลอดทางและเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ อากาศก็ค่อนข้างอบอ้าว
ตอนนั้นไม่รู้ว่ากี่โมงแต่ความรู้สึกเหมือน 6 โมงเย็นบ้านเรา คือท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว

ซักพักก็เริ่มมีเสียงดูตื่นเต้นจากเพื่อนที่เดินอยู่ข้างหน้า มองเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นสลิง 2 เส้น อยู่บนและล่าง
เห็นเพื่อนคนแรกขึ้นไปยืนและกำลังแขวนอุปกรณ์เซฟตี้เป็นที่เป็นตะขอเซฟตี้ไปกับสลิงที่อยู่เส้นบน
มองไปทางซ้ายเป็นน้ำตก และ Staff ก็ให้กำลังใจว่าตรงนี้เป็นน้ำตกที่อยู่บนสุด
เพราะฉะนั้นทางขวาเป็นเหวที่ลึกที่สุด ห้ามพลาด จับให้ดีดีนะ ณ.ตอนนั้นก็คิดนะว่าไม่เท่าไหร่

ยังมีอารมณ์ถ่ายรูปเพื่อนอยู่เลย แต่พอตาเราบ้างเท่านั้นล่ะ
ยิ่งเดินบนสลิงทำไมมันยิ่งไกลอ่ะ น้ำตกก็แรง หน้าผาก็สูงมากกกกกก หัวใจแทบหยุดเต้น
ยิ่งเดินไป ทำไมสลิงยิ่งห่าง
คือตัวเราก็เตี้ยไง สุดมือสุดตีนไปหมดอ่ะ จะจับแทบไม่ไหวแล้ว
แบบคิดในใจว่า ‘ไม่ได้นะ เราจะพลาดไม่ได้ เราไม่ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่ๆ’
รู้สึกว่ารักตัวกลัวตายมากอ่ะตอนนั้น

พอผ่านมาได้เท่านั้นอ่ะ คิดในใจกุรอดแล้ว แต่ขานี่สั่นมาก เดินไม่เป็นท่าเลย เดินไปเซไป
แต่ก็หยุดเดินไม่ได้ไง เย็นมากแล้ว ต้องรีบเดิน พอเดินไปซักพัก
แป็ปเดียวจริงๆ ขายังไม่ทันหายสั่นเลย ก็ถึงทางลัดซึ่งเป็นหน้าผาที่เราต้องไต่ลง
คือถ้าเรามาถึงหมู่บ้านก่อนเที่ยง เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น

Staff ก็ให้กำลังใจอีกเช่นเคย
“ไต่หน้าผาลง ยากกว่าปีกหน้าผาขึ้นอีก แต่มันเป็นทางลัด”
เอ้า ขอบคุณ กำลังใจมาล้นเหลือเกิน T T

Staff ก็สอนพวกเราใช้อุปกรณ์เซฟตี้ เสร็จแล้ว Staff ไต่ลงไปก่อนคนแรก
เพื่อนที่อยู่ข้างหน้าก็ตะโกนมาว่า “โอ้ววววว สูงมากกกกก”

ส่วนเราและเพื่อนที่อยู่ข้างหลัง ก็ได้แต่รวบรวมสมาธิ ท่องก.ไก่ ถึง ฮ.ฮูกตาโต  ตอนนั้นเราว่าเราตาโตกว่านกฮูกอีก

แต่เราก็พออุ่นใจเพราะว่าอุปกรณ์เซฟมาก เป็นตะขอเซฟตี้ 2 อันที่เราต้องยึดกับลวดสลิง
ระหว่างที่เราปีนจะมีที่ยึดลวดสลิงอยู่เป็นระยะๆ เราต้องสลับตะขอเซฟตี้ที่ตัวเราทีละเส้น

แรกๆก็ไม่ยังไม่ค่อยถนัดจะดึงจะยึดก็ดูเก้ๆกังๆไปหมด พอทำไปซักพักก็เริ่มคล่อง
ระหว่างที่ไต่ลงที่มีที่ยืนให้พอพักแขนได้บ้าง ก็ได้ฟินกับบรรยากาศไป
และก็จะมีจุดให้ลุ้นอยู่  3 จุดที่ต้องใช้เวลาและสติในการไต่ลง

สำหรับเราคิดว่ามันยากตรงที่เรามองไม่เห็นว่าเท้าเราจะไปเหยียบตรงไหนที่ไหน
ต้องควานหาและต้องให้เพื่อนบอกว่าเราเหยียบตรงไหนได้บ้าง
และจะมีจุดที่ ‘อ้าวววว เพื่อนไปไหนว่ะ เมิงไม่บอกกุแล้วหรอ กุจะเหยียบยังไง ก้าวขาไหน’

แต่พอเราไปถึงในจุดของมันจริงๆ เราก็เข้าใจมันได้ทันทีว่า
‘มันเอาตัวเองให้รอดอยู่ แม้แต่จะหายใจมันยังยากเลย’
เปล่งเสียงออกมาไม่ได้จริงๆ และแล้วทุกคนก็รอดมาได้อย่างปลอดภัย
ส่วนภาพบรรยาการดูได้ที่คลิปด้านบนเลย ยิ้ม

“เดินต่อค่ะ รออะไร” ตอนนั้นน่าจะห้าโมง ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว แต่โชคดีที่ฝนหยุดตก
พวกเราก็เริ่มเดินต่อมาเรื่อยๆ จนถึง Zip line แรก
Staff ก็เริ่มสอนใช้อุปกรณ์ สอนว่าเวลาเบรกต้องทำยังไง ให้มองไปที่ Staff ที่อยู่ข้างหน้า มีอยู่ 3 สัญลักษณ์ คือ ให้เบรก, ไม่ต้องเบรก และ ให้ยกขา

ถึงคราวเพื่อนคนแรกของเรา นางก็กรีดร้อง ลั่นป่าเลยทีเดียว 55555
ส่วนเราก็คนสุดท้าย หมอกก็เริ่มปกคลุมล่ะ มองข้างหน้าไม่ค่อยเห็นแล้ว
แต่ถือว่าเรายังโชคดีตอน Zip พอเห็นบรรยากาศสวยๆข้างล่างอยู่บ้าง “ฮ่า....ฟินเฟ้อ”

ระยะทาง Zip แรก ก็ยาวเหมือนกันนะประมาณ 300 กว่าเมตรได้
พอ Zip จะไปถึงอีกฝั่ง ก็มีสัญลักษณ์บอกว่าห้ามเบรก
เราก็ทำตัวไม่ค่อยถูกนะ แบบว่าวินาทีนั้น ทำไรไม่ถูก กดเบรกซะงั้น 555
ก็หยุดห้อยอยู่อย่างนั้น ห่างจากที่หยุดประมาณ 2 เมตร ก็กระดึบตัวเองเข้าไป
แต่ช้ามากจน Staff ทนไม่ไหว ต้องเข้ามาลากไป ณ.จุดนั้นก็รู้ว่า

‘ไม่เป็นไร ถ้าไปไม่ถึง Staff ก็มาช่วยลากไปอยู่ดี แต่ถ้าเบรกไม่ทันนี่ดิ จะได้ต้นไม้เป็น Stopper แทน’

หลังจากนั้นก็ zip มาอีก 3 ครั้ง แต่มองไม่เห็นอะไรแล้ว ทำให้กรี๊ดไม่ได้ ต้อง ‘ฮึบเสียง’ เงียบไว้
และตั้งใจฟังเสียงอีกฝั่งว่าเค้าจะบอกให้เราหยุดได้รึยัง ทุกคนก็ผ่านมาได้ด้วยดี

หลังจากนั้นก็ต้องเดินเข้าที่พักต่อ แต่อย่างที่บอกว่ามันมืดมากแม้จะแค่ 6 โมงเย็นก็ตาม
จน Staff บอกให้หยิบไฟฉายขึ้นมา แต่บางอันมันอยู่ในกระเป๋าลึกมาก
เลยก็ไม่ได้หยิบขึ้นมากันทุกคน อารมณ์แบบว่าอยากรีบเดินให้ถึงที่พัก
ทำให้เราเดินด้วยกัน 10 คน มีไฟฉายอยู่ประมาณ 5 อันได้ คอยส่องทางให้สว่างอย่างสลัวๆ
ก็ต้องคอยเดินแบบให้ตัวไม่บังแสง ให้พอมองเห็นทาง

บรรยากาศตอนนั้นนึกว่าอยู่ในหนังผี มีแต่เสียงแมลงร้อง และเสียงเดิน
คือทุกคนเงียบมากกกกก ตั้งใจ มีสติกันสุดๆ แอบคิดว่านี่เดินจงกลมกันอยู่รึปล่าว
แต่เปลี่ยนจาก “ขวา ย่าง หนอ ซ้าย ย่าง หนอ ยก หนอ เหยียบ หนอ...”
เป็น “ขวา เหยียบมั่น หนอ มือซ้าย ยึดมั่น หนอ ซ้าย เหยียบมั่น หนอ มือขวา ยึดมั่น หนอ....”

ณ.จุดนี้ที่ว่าดงทากสยองแล้ว ก็เรื่องของดงทากเถอะ
เจอจุดนี้เข้าไป เรื่องดงทากดูดเลือดเป็นเรื่องเล็กน้อยขึ้นมาทันที

จากเดิมที่เป็นคนไม่ค่อยชอบสัมผัสกับสิ่งที่ดูเหมือนสกปรก
ก็จับก็คว้าทุกอย่างเลยจร้า คำว่าสกปรกเป็นยังไง ตอนนั้นไม่รู้จักเลย ทุกอย่างสะอาดหมด
อ้อแนะนำว่าเอาถุงมือไปกันด้วยก็ดีนะ เราไม่ได้เอาไป มือเกือบแหกกันไปข้างเลย

และแล้วก็เห็นแสงอยู่ใกล้เข้ามาๆ ถึงซักที เย่!!! เราก็เห็นฝรั่งนั่งปิ้งรองเท้าที่กองไฟอยู่
และคนไทยที่มาก่อนหน้าเรา 3 คน พี่จอน์ชและผองเพื่อนก็พึ่งอาบน้ำเสร็จ ซึ่งเป็นแก็งค์ที่อยู่กับเราไปจนกลับถึงฝั่งไทย
ส่วนเราก็ทำการปลดเปลื้องอุปกรณ์เซฟตี้ และเป้ที่โคระตะหนักลง

ไม่ทันไร Staff ก็บอกให้ไปอาบน้ำ ระหว่างรอข้าว ก็ผลัดกันไปอาบ
มีห้องอาบน้ำอยู่ 2 ห้อง เป็นท่อที่ต่อมาจากน้ำตก ไม่ต้องถามว่าน้ำจะเย็นเจี๊ยบขนาดไหน
และห้องน้ำ 2 ห้อง เป็นชักโครก cotto ด้วยนะจ๊ะ สบายล่ะทีนี้ อิอิ
อาบน้ำเสร็จก็สบายตัวกันไป

เสร็จก็นั่งกินข้าวมี Background เป็นน้ำตกตาดขมึดอยู่ข้างหลัง
ตอนนั้นก็มองไม่เห็นหรอกนะ แต่ว่าได้ยินเสียงน้ำตกดังมาก อยู่ใกล้ๆ ก็นั่งเม้ามอยทำความรู้จักกับแก็งค์พี่จอน์ช
แลกเปลี่ยนกันว่าไปเจออะไรกันมากบ้าง

เสร็จก็ถึงเวลา   Zip line เข้าพักที่บ้านต้นไม้ 555
ชอบตรงนี้ ยังจะมี Zip ก่อนนอนอีกน่ะ

ที่บ้านต้นไม้ ก็มีห้องน้ำ อ่างล้างมือ เหมือนเดิม ก็ถือว่าสะดวกสบายเลยทีเดียว นึกว่าต้อง Zip ลงไปเข้าห้องน้ำส่วนกลางซะอีก
บ้านหลังนี้มีเตียงนอน 5 เตียงสำหรับสาวๆ แต่ละเตียงก็มีถุงนอนให้ พร้อมกับมุ้งกันยุง มีช่องหรือรูขนาดใหญ่ให้อากาศเข้ามาได้สะดวกบ้าง 555

ส่วนอีก 2 หนุ่มก็กระหนุงกระหนิงกันอีกหลัง

อ่อก่อน Zip เข้าบ้านต้นไม้ staff ยังไม่วายให้กำลังใจก่อนเข้านอนว่า “ระวังนะคืนนี้จะฝันว่าเบรกๆๆๆ”
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ 55555
ชื่อสินค้า:   ZIP LINE ปากเซ ลาวใต้
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่