"มีใครเคยเป็นบ้าง อารมณ์เศร้าๆหงอยๆทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจ" จากกระทู้
https://pantip.com/topic/36969657
ซึ่งอารมณ์นี้เป็นกันเกือบทุกคน ซึ่งผมก็เคยเป็นมาก่อน แม้ภรรยาผมก็เป็น ลูกสาวก็เป็น ลูกชายก็เป็น และคนอื่นที่ผมพอทราบก็เป็นกัน ในปัจจุบัน
แต่การปฏิบัติธรรมอย่างเนื่องๆ ไม่ทอดธุระ จนยิ่งยวด ในพุทธศาสนา สามารถทำให้มันหมดสิ้นไปได้. ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่ง เป็นทุกข์อย่างหนึ่ง ที่พึงสามารถละมันให้หมดสิ้นได้ ในการปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนา จึงนำมาตั้งกระทู้ใหม่ เพื่อให้ห้องศาสนา พิจารณากัน.
ผมได้ตอบกระทู้นั้นไปว่า. (ปรับเพิ่ม ให้อ่านได้ชัดเจนขึ้น)
-----------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 29
ผมก็เป็นตั้งแต่เด็ก เพราะมีความทุกข์กดดันรอบด้านมากยิ่ง แล้วผมก็ละมันทิ้ง เพิกมันทิ้งไปอย่างเด็ดขาดเมื่อประมาณปี 2537 อารมณ์ทุกข์เศร้าหมองแบบสะสมจนไม่ทราบสาเหตุ ไม่หวนกลับมาอีกเลย
ดังนั้นเมื่อมีปัญหายุ่มหยิม หรือโกรธเคืองไม่ว่ามากหรือน้อย เมื่อได้นอนหลับไป หรือวันรุ่งขึ้นก็จะหายไปอย่างปลิดทิ้ง.
ออ... ความจริงผมพ้นจากความทุกข์ความกดดันที่ทำให้เกิดบ้าได้ เมื่ออายุ 23 - 24 ปี ปี 2526 แม้มีปัญหาทุกข์หนักแบบเดิม กดดันแบบเดิม หรือมากกว่าเดิมมาก เป็นเวลา 10 ปีกว่า ก็ไม่ทำให้ผิดเพี้ยนหรือบ้าไปได้ แบบพี่ชายคนโตตนเอง ที่ต้องบ้าผิดเพียนไปเพียงอายุแค่ 16-17 ปี นั้นเอง
แต่เรื่องความเศร้าความทุกข์ที่ไม่ทราบสาเหตุ ที่ยังคุกครุ่นอยู่สะสมอยู่ได้ ก็ยังมีอยู่ แต่เมื่อนั่งเสมาธิหรือภาวนาก็จะหมดไป มีความเป็นปกติสุขได้เช่นเดิม แล้วค่อยเริ่มสะสมขึ้นมาใหม่ ก็ต้องใช้วิธีนั่งสมาธีภาวนาจนมันทิ้งไป ก็จะวนรอบไปเช่นนี้ ก็ดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติสุขดี
แล้วในช่วง ต้น-กลางปี 2537 มันก็หมดสิ้นไป ด้วยเพราะผมสนใจในพุทธศาสนาตั้งแต่เด็กอายุ 10 กว่าปี เอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งเพราะทุกข์กดดันมากตั้งแต่เกิดจำความได้ ด้วยไม่มีมนุษย์คนใหน แม้แต่พ่อแม่ก็ช่วยไม่ได้ แถมยังโดนขัดขวางเสียอีกไม่ให้เรียนศึกษาเพื่อปัญญาความรู้ แล้วผมปฏิบัติธรรมกรรมฐานอย่างมากและเยอะเกือบตลอดเวลาที่ระลึกขึ้นได้ อยู่ตลอด อย่างเนืองๆ ติดต่อกันมาตั้งแต่เริ่มเรียนมหาลัย จนปฏิบั้ติธรรมอย่างยิ่งยวดและสละชีวิตทิ้งได้พร้อมกับการภาวนานั้นเมื่อเรียนจบพอดี เมื่ออายุ 23-24 ปี ทราบชัดว่าตนเองจะไม่บ้าผิดเพี้ยนแบบพี่ชายคนโตอีกแล้วนั้นเอง แต่ก็ยังปฏิบั้ติธรรมอยู่เนื่องๆ ไม่ทอดธุระ
กาลต่อมาหลังจากนั้นประมาณ 10-11 ปี ผมปฏิบัติธรรมอยู่เนื่องๆ ไม่เคยทอดธุระ ผมยังปฏิบัติธรรมอย่างมากและยิ่งยวดเป็นช่วงๆ จนเกิดสภาวะธรรมขึ้น แล้วความทุกข์เศร้าหมองเล็กน้อยที่สะสมได้จนไม่ทราบสาเหตุในบางช่วงบางอารมณ์ ที่ได้ตั้งกระทู้และแสดงความคิดเห็นกันนี้ ผมได้ละและเพิกทิ้งไปตั้งแต่ ปี 2537 แล้วนั้นเอง และไม่กลับมาให้เป็นอีกเลย.
P_vicha
-----------------------------------------
นำเสนอให้พิจารณาและแสดงความคิดเห็นได้ เพื่อได้เทียบเคียง.
.
จากกระทู้ "มีใครเคยเป็นบ้าง อารมณ์เศร้าๆหงอยๆทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจ" ซึ่งอารมณ์นี้เป็นกันเกือบทุกคน.
ซึ่งอารมณ์นี้เป็นกันเกือบทุกคน ซึ่งผมก็เคยเป็นมาก่อน แม้ภรรยาผมก็เป็น ลูกสาวก็เป็น ลูกชายก็เป็น และคนอื่นที่ผมพอทราบก็เป็นกัน ในปัจจุบัน
แต่การปฏิบัติธรรมอย่างเนื่องๆ ไม่ทอดธุระ จนยิ่งยวด ในพุทธศาสนา สามารถทำให้มันหมดสิ้นไปได้. ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่ง เป็นทุกข์อย่างหนึ่ง ที่พึงสามารถละมันให้หมดสิ้นได้ ในการปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนา จึงนำมาตั้งกระทู้ใหม่ เพื่อให้ห้องศาสนา พิจารณากัน.
ผมได้ตอบกระทู้นั้นไปว่า. (ปรับเพิ่ม ให้อ่านได้ชัดเจนขึ้น)
-----------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 29
ผมก็เป็นตั้งแต่เด็ก เพราะมีความทุกข์กดดันรอบด้านมากยิ่ง แล้วผมก็ละมันทิ้ง เพิกมันทิ้งไปอย่างเด็ดขาดเมื่อประมาณปี 2537 อารมณ์ทุกข์เศร้าหมองแบบสะสมจนไม่ทราบสาเหตุ ไม่หวนกลับมาอีกเลย
ดังนั้นเมื่อมีปัญหายุ่มหยิม หรือโกรธเคืองไม่ว่ามากหรือน้อย เมื่อได้นอนหลับไป หรือวันรุ่งขึ้นก็จะหายไปอย่างปลิดทิ้ง.
ออ... ความจริงผมพ้นจากความทุกข์ความกดดันที่ทำให้เกิดบ้าได้ เมื่ออายุ 23 - 24 ปี ปี 2526 แม้มีปัญหาทุกข์หนักแบบเดิม กดดันแบบเดิม หรือมากกว่าเดิมมาก เป็นเวลา 10 ปีกว่า ก็ไม่ทำให้ผิดเพี้ยนหรือบ้าไปได้ แบบพี่ชายคนโตตนเอง ที่ต้องบ้าผิดเพียนไปเพียงอายุแค่ 16-17 ปี นั้นเอง
แต่เรื่องความเศร้าความทุกข์ที่ไม่ทราบสาเหตุ ที่ยังคุกครุ่นอยู่สะสมอยู่ได้ ก็ยังมีอยู่ แต่เมื่อนั่งเสมาธิหรือภาวนาก็จะหมดไป มีความเป็นปกติสุขได้เช่นเดิม แล้วค่อยเริ่มสะสมขึ้นมาใหม่ ก็ต้องใช้วิธีนั่งสมาธีภาวนาจนมันทิ้งไป ก็จะวนรอบไปเช่นนี้ ก็ดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติสุขดี
แล้วในช่วง ต้น-กลางปี 2537 มันก็หมดสิ้นไป ด้วยเพราะผมสนใจในพุทธศาสนาตั้งแต่เด็กอายุ 10 กว่าปี เอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งเพราะทุกข์กดดันมากตั้งแต่เกิดจำความได้ ด้วยไม่มีมนุษย์คนใหน แม้แต่พ่อแม่ก็ช่วยไม่ได้ แถมยังโดนขัดขวางเสียอีกไม่ให้เรียนศึกษาเพื่อปัญญาความรู้ แล้วผมปฏิบัติธรรมกรรมฐานอย่างมากและเยอะเกือบตลอดเวลาที่ระลึกขึ้นได้ อยู่ตลอด อย่างเนืองๆ ติดต่อกันมาตั้งแต่เริ่มเรียนมหาลัย จนปฏิบั้ติธรรมอย่างยิ่งยวดและสละชีวิตทิ้งได้พร้อมกับการภาวนานั้นเมื่อเรียนจบพอดี เมื่ออายุ 23-24 ปี ทราบชัดว่าตนเองจะไม่บ้าผิดเพี้ยนแบบพี่ชายคนโตอีกแล้วนั้นเอง แต่ก็ยังปฏิบั้ติธรรมอยู่เนื่องๆ ไม่ทอดธุระ
กาลต่อมาหลังจากนั้นประมาณ 10-11 ปี ผมปฏิบัติธรรมอยู่เนื่องๆ ไม่เคยทอดธุระ ผมยังปฏิบัติธรรมอย่างมากและยิ่งยวดเป็นช่วงๆ จนเกิดสภาวะธรรมขึ้น แล้วความทุกข์เศร้าหมองเล็กน้อยที่สะสมได้จนไม่ทราบสาเหตุในบางช่วงบางอารมณ์ ที่ได้ตั้งกระทู้และแสดงความคิดเห็นกันนี้ ผมได้ละและเพิกทิ้งไปตั้งแต่ ปี 2537 แล้วนั้นเอง และไม่กลับมาให้เป็นอีกเลย.
P_vicha
-----------------------------------------
นำเสนอให้พิจารณาและแสดงความคิดเห็นได้ เพื่อได้เทียบเคียง.
.