Osaka - Nara
22 August 2015
เราค่อยๆลืมตาขึ้นในตอนเช้าของอีกวัน ยังงัวเงียแบบเพลียๆ อยากนอนต่ออีกหน่อยเพราะเหมือนว่าเราพึ่งหลับไปได้ไม่นานเท่าไหร่เลย เราค่อยๆหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา 6 โมงเช้า และหนุ่มญี่ปุ่นยังคงหลับสนิท เราค่อยๆลุกขึ้นไปอาบน้ำ พออาบเสร็จก็เห็นหนุ่มญี่ปุ่นเล่นเกมส์ในมือถืออยู่ พวกเราพากันรีบเก็บของกันแล้วไป Check out จากโรงแรม (พึ่งจะรู้ว่า Love Hotel แบบนอนค้างคืนก็ราคาสูงอยู่เหมือนกันนะคะเนี่ย?) ( ̄▽ ̄a) แต่พี่เค้าก็จ่ายให้ค่ะ มาวันแรกก็รบกวนเค้าซะแล้ว TT'
พี่เค้าขับรถไปเรื่อยๆ จนขับมาจอดอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะบอกให้เราลงจากรถและเดินตามเค้าเข้าไปในบ้าน
เราคิดว่าที่นี่เป็นเกสเฮาส์ที่เค้าเปิดให้ลูกค้าเข้าพัก เพราะเค้าค่อยๆเปิดประตูและค่อยๆเดินเข้าไปแบบไม่ส่งเสียงดัง เราก็ค่อยๆย่องตามเค้าไปด้วย และสังเกตุเห็นรองเท้าที่ถอดอยู่บนพื้นเยอะมากกก พี่เค้าเลื่อนประตูปิดและพาเราไปที่ห้องท้ายสุดของบ้าน ซึ่งนั่นคือห้องครัว
เราเลยพูดเบาๆว่า "お邪魔します = ขอโทษที่มารบกวนนะคะ" เป็นภาษาญี่ปุ่น พี่เค้าเลยแปลกใจเล็กน้อยที่เราพูดได้ ก่อนจะตอบว่า "ไฮ้!"
เราก็ได้แต่นั่งนิ่ง ออกอาการเกรงๆ ไม่กล้าแตะต้องอะไรเลย พี่เค้าก็เริ่มต้นเปิดแก๊สและทำอาหาร เราก็ถามว่าให้ช่วยอะไรมั้ย? พี่เค้าก็บอกนั่งเฉยๆก็พอครับ อ้าว? 555
เราก็มองไปรอบๆห้อง ก่อนเข้ามาก็ไม่ได้สังเกตุว่าบ้านมีกี่ชั้น แล้วลูกค้าพักกี่ห้อง เราก็เลยถามเค้าไป แต่คำตอบของเค้าคือ ที่นี่คือบ้านของเค้าเองนะ พี่เค้าพักอยู่กับน้องสาวเค้า 2 คน ตอนนี้น้องเค้าหลับอยู่ ส่วนอาพาร์ตเม้นท์ของเค้าอยู่อีกที่ อ้าว! นี่เข้าใจผิดมาตั้งนานแหนะ นึกว่าที่นี่ก็เปิดเป็นเกสเฮาส์ แหะๆ (´∀`*)
พอสักพักคุณแฟนก็เอาข้าวมาเสริฟ เป็นข้าวราดแกงกะหรี่เนื้อ ดูเหมือนจะตักให้เราเยอะไปนิดนึง กลัวเราไม่อิ่มหรืออย่างไร? แต่...อ้าาาา~~! กลิ่นหอมจุง นั่งดมกลิ่นอาหารอยู่พักนึงก่อนที่จะตักข้าวเข้าปาก (*´꒳`*) "อิ ตา ดะ คิ มาส~" เราพูดพร้อมตักเข้าปากคำแรก (*⁰▿⁰*) เห้ยยยยย~~! มันอร่อยอ่ะ!♡ นี่ไม่ได้อวยนะคะพูดจริงๆ (อร่อยหรือหิวอันนี้ต้องมาวิเคราะห์กันอีกที) กินจนอิ่มแต่ก็ต้องกินต่อให้หมดเพื่อมารยาทที่ดี แต่แน่นท้อง จุกมากกกก พอเรากินเสร็จพี่แกก็เอาจานไปล้างให้อีก คือเราก็บอกนะ ว่าเราจะล้างเอง แต่พี่เค้าไม่ให้เราทำอะไรแบบนี้มันก็เกรงใจอยู่นะเนี่ย... แหมมม~~ บริการทุกระดับประทับใจจริงๆ หาที่ไหนได้อีกแบบนี้ ฮาาาาา
ข้าวฝีมือแฟนญี่ปุ่นค่ะ ให้เยอะมาก อร่อยมากด้วย
สักพักพี่เค้าเดินออกไปอีกห้องนึง เราก็มองรอบๆห้อง ฮืมมม์ บ้านคนญี่ปุ่นนี่น่ารักจังเลยนะ ไม่รู้เราคิดไปเองรึเปล่า แต่ดูเหมือนเค้าจะใส่ใจรายละเอียดมากๆเลย มีมุมต้นไม้กระบองเพชรเล็กๆน่ารักไว้เป็นจุดพักสายตา แถมตรงขาเก้าอี้นั่งยังมีถุงเท้าใส่ตรงขาเก้าอี้อีก มีตัวการ์ตูนกระต่ายน้อยแปะไว้ตรงตู้เย็น เหมือนดูอะไรก็มุ้งมิ้งไปหมด♡ พี่เค้าเดินเปิดประตูห้องครัวแล้วเข้ามาคุยกับเรา
K : "น้องสาวผมตื่นแล้ว ผมเลยบอกว่าพาคุณมาที่บ้าน น้องสาวผมอยากเจอคุณนะ"
ห๊าาาาาา~~! เจอน้องสาวเค้าหรอ??? ยัง ยัง ยัง เรายังไม่พร้อมมมมม ฮืออออ~~~! T___T
N : "เอ่อ... ฉันเขินจังเลยค่ะ ยังไม่พร้อมที่จะเจอเลย..." ( ̄▽ ̄")
K : "ฮืมมมม์... งั้นเดี๋ยวผมไปบอกน้องให้นะ" ว่าแล้วพี่เค้าก็เดินไปตรงห้องซักผ้า แล้วหยิบเอาชุดของน้องสาวเค้าออกมา ก่อนที่จะเดินเข้าไปอีกห้องนึง
ทำแบบนี้จะเสียมารยาทรึเปล่าน้าาา~~ เรานั่งครุ่นคิด (-..-)
สักพักคุณแฟนก็เดินเข้ามา
K : "ผมบอกน้องไปแล้วว่ายังไม่เจอตอนนี้ แต่...ดูเหมือนน้องสาวผมอยากเจอคุณมากๆเลยนะ" ^^
N : "อ่าาา... ขอโทษด้วยนะคะ... TT'"
K : "ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องสาวผมเข้าใจ"
พี่เค้าก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วพวกเราก็พากันออกไปขึ้นรถ มุ่งหน้าไปยังเมืองนารา
ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ เราก็พยายามเก็บความทรงจำให้มากที่สุด นั่นก็คือการถ่ายรูป อัดคลิป 5555 เรามองพี่เค้าที่กำลังขับรถ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันดูเหมือนกับความฝันเลยแหะ เหมือนกับเหตุการณ์เดจาวู เหมือนเราเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ระหว่างทางเราก็มองวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ประเทศนี้สะอาดเป็นระเบียบดีจังเลยนะ ผู้คนก็ดูดีกันจังเลย เราไปสะดุดตาสาวคนนึงน่ารักมากกกกกก เราเลยสะกิดให้คุณแฟนดู บอกผู้หญิงคนนี้น่ารักจัง พี่เค้าหันไปมองแล้วบอก 'ก็งั้นๆอ่ะนะ'
หืออออออ!!??? (O__O!)
นี่เราว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักกว่าเราสิบเท่าเลยนะ! แต่งตัวก็ดีหน้าตาก็โคตรน่ารัก ถ้าผู้หญิงน่ารักขนาดนี้พี่เค้ายังบอกงั้นๆ แล้วเราล่ะ??? ยังไม่ได้ครึ่งของสาวคนนั้นเลย รึพี่เค้าเห็นจนชินแล้ว หรือจริงๆแล้วพี่เค้าอาจจะชอบของแปลกแบบเราก็เป็นได้ LOL!
พวกเราออกมาถึงชาญเมืองกันแล้ว มีวิวภูเขาและต้นไม้สีเขียวสองข้างทาง อากาศวันนี้ก็ร้อนพอสมควรเลย ร้อนพอๆกับที่ไทย แต่ที่ญี่ปุ่นจะแย่กว่าตรงรถยนต์ส่วนตัวหรือรถแท็กซี่ ไม่สามารถติดฟิล์มดำกันแดดได้ เพราะมันเป็นกฎหมายของประเทศเค้า เพราะถ้าติดฟิล์มดำแล้วกล้องตรวจจับจะไม่เห็นหน้าคนขับรถ และจะต้องรักษาความเร็วให้คงที่ คือกฎหมายบ้านเค้าเคร่งและแรงมากๆเลยค่ะ ( ´∀`)
ถ่ายรูปกันสักหน่อยนะค้าาา
พวกเรามาจนถึงเมืองนารา พี่เค้าก็ดู gps แล้วขับตามทางมาเรื่อยๆ บางซอยมันเป็นซอกหลืบที่เล็กมาๆ พี่แกยังขับออกมาได้โดยไม่ชน นี่เป็นสกิลการขับรถของคนญี่ปุ่นรึเปล่านะ เราดูยังไงก็ไม่น่าไปได้แน่ๆ แต่พี่เค้าก็ขับแบบค่อยๆไปทีละน้อย กระดึ๊บๆเข้ามา และพับกระจกด้านข้างเข้ามาเพื่อไม่ให้ชน ซอยนี้นี่มันแคบจริงๆ เราก็คอยลุ้นตัวโก่ง ต้องคอยดูฝั่งที่เรานั่งว่ามันพ้นมั้ย ห่างจากเสาไฟฟ้าแค่ เซ็นสองเซ็น โอ้ว แม่เจ้า... นี่มันสกิลขั้นเทพชัดๆ ถ้าเป็นที่ไทยคงไม่ขับแบบนี้แน่ๆ ฮ่าๆ ( ̄▽ ̄a)
พวกเราวนหาที่จอดรถ ที่จอดรถที่นี่ต้องเสียตังค์ คิดเป็นรายชั่วโมง หรือครึ่งชั่วโมง และเป็นที่จอดรถแบบออโต้ คือพอเราเข้าไปจอดตามบล็อค จะมีที่ล็อครถออกมากันไว้ ขากลับต้องมาจ่ายเงินที่ตู้ก่อนค่อยนำรถออกไปได้ เราเฝ้ามองแบบสนใจ เหมือนเด็กหัดที่จะเรียนรู้ เหมือนศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ ถึงมันจะเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆก็เถอะ เพราะที่ไทยไม่มีแบบนี้แน่นอน 55555
พวกเราเดินมาตามทางเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เห็นน้องกวางน้อยตัวนึงโผล่มา เย้~~! พวกเรามาถึงสักทีนะ นารา งั้นเรารีบไปลุยกันเลยดีกว่า Let's Go!!! \(^o^)/
ไว้มาอ่านต่อตอนหน้านะคะ ^^
อ่านตอนย้อนหลังได้ที่
https://pantip.com/topic/36934896
อ่านตอนถัดไปได้ที่
https://pantip.com/topic/37040497
ฝากเพจของพวกเราด้วยนะคะ
https://web.facebook.com/nekocouplestory/
✿✿แชร์ประสบการณ์ ♥ริรักกับหนุ่มญี่ปุ่น♥ เมื่อความบังเอิญทำให้เราได้มาเจอกัน✿✿ (●^o^●) ตอนที่ 20
22 August 2015
เราค่อยๆลืมตาขึ้นในตอนเช้าของอีกวัน ยังงัวเงียแบบเพลียๆ อยากนอนต่ออีกหน่อยเพราะเหมือนว่าเราพึ่งหลับไปได้ไม่นานเท่าไหร่เลย เราค่อยๆหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา 6 โมงเช้า และหนุ่มญี่ปุ่นยังคงหลับสนิท เราค่อยๆลุกขึ้นไปอาบน้ำ พออาบเสร็จก็เห็นหนุ่มญี่ปุ่นเล่นเกมส์ในมือถืออยู่ พวกเราพากันรีบเก็บของกันแล้วไป Check out จากโรงแรม (พึ่งจะรู้ว่า Love Hotel แบบนอนค้างคืนก็ราคาสูงอยู่เหมือนกันนะคะเนี่ย?) ( ̄▽ ̄a) แต่พี่เค้าก็จ่ายให้ค่ะ มาวันแรกก็รบกวนเค้าซะแล้ว TT'
พี่เค้าขับรถไปเรื่อยๆ จนขับมาจอดอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะบอกให้เราลงจากรถและเดินตามเค้าเข้าไปในบ้าน
เราคิดว่าที่นี่เป็นเกสเฮาส์ที่เค้าเปิดให้ลูกค้าเข้าพัก เพราะเค้าค่อยๆเปิดประตูและค่อยๆเดินเข้าไปแบบไม่ส่งเสียงดัง เราก็ค่อยๆย่องตามเค้าไปด้วย และสังเกตุเห็นรองเท้าที่ถอดอยู่บนพื้นเยอะมากกก พี่เค้าเลื่อนประตูปิดและพาเราไปที่ห้องท้ายสุดของบ้าน ซึ่งนั่นคือห้องครัว
เราเลยพูดเบาๆว่า "お邪魔します = ขอโทษที่มารบกวนนะคะ" เป็นภาษาญี่ปุ่น พี่เค้าเลยแปลกใจเล็กน้อยที่เราพูดได้ ก่อนจะตอบว่า "ไฮ้!"
เราก็ได้แต่นั่งนิ่ง ออกอาการเกรงๆ ไม่กล้าแตะต้องอะไรเลย พี่เค้าก็เริ่มต้นเปิดแก๊สและทำอาหาร เราก็ถามว่าให้ช่วยอะไรมั้ย? พี่เค้าก็บอกนั่งเฉยๆก็พอครับ อ้าว? 555
เราก็มองไปรอบๆห้อง ก่อนเข้ามาก็ไม่ได้สังเกตุว่าบ้านมีกี่ชั้น แล้วลูกค้าพักกี่ห้อง เราก็เลยถามเค้าไป แต่คำตอบของเค้าคือ ที่นี่คือบ้านของเค้าเองนะ พี่เค้าพักอยู่กับน้องสาวเค้า 2 คน ตอนนี้น้องเค้าหลับอยู่ ส่วนอาพาร์ตเม้นท์ของเค้าอยู่อีกที่ อ้าว! นี่เข้าใจผิดมาตั้งนานแหนะ นึกว่าที่นี่ก็เปิดเป็นเกสเฮาส์ แหะๆ (´∀`*)
พอสักพักคุณแฟนก็เอาข้าวมาเสริฟ เป็นข้าวราดแกงกะหรี่เนื้อ ดูเหมือนจะตักให้เราเยอะไปนิดนึง กลัวเราไม่อิ่มหรืออย่างไร? แต่...อ้าาาา~~! กลิ่นหอมจุง นั่งดมกลิ่นอาหารอยู่พักนึงก่อนที่จะตักข้าวเข้าปาก (*´꒳`*) "อิ ตา ดะ คิ มาส~" เราพูดพร้อมตักเข้าปากคำแรก (*⁰▿⁰*) เห้ยยยยย~~! มันอร่อยอ่ะ!♡ นี่ไม่ได้อวยนะคะพูดจริงๆ (อร่อยหรือหิวอันนี้ต้องมาวิเคราะห์กันอีกที) กินจนอิ่มแต่ก็ต้องกินต่อให้หมดเพื่อมารยาทที่ดี แต่แน่นท้อง จุกมากกกก พอเรากินเสร็จพี่แกก็เอาจานไปล้างให้อีก คือเราก็บอกนะ ว่าเราจะล้างเอง แต่พี่เค้าไม่ให้เราทำอะไรแบบนี้มันก็เกรงใจอยู่นะเนี่ย... แหมมม~~ บริการทุกระดับประทับใจจริงๆ หาที่ไหนได้อีกแบบนี้ ฮาาาาา
สักพักพี่เค้าเดินออกไปอีกห้องนึง เราก็มองรอบๆห้อง ฮืมมม์ บ้านคนญี่ปุ่นนี่น่ารักจังเลยนะ ไม่รู้เราคิดไปเองรึเปล่า แต่ดูเหมือนเค้าจะใส่ใจรายละเอียดมากๆเลย มีมุมต้นไม้กระบองเพชรเล็กๆน่ารักไว้เป็นจุดพักสายตา แถมตรงขาเก้าอี้นั่งยังมีถุงเท้าใส่ตรงขาเก้าอี้อีก มีตัวการ์ตูนกระต่ายน้อยแปะไว้ตรงตู้เย็น เหมือนดูอะไรก็มุ้งมิ้งไปหมด♡ พี่เค้าเดินเปิดประตูห้องครัวแล้วเข้ามาคุยกับเรา
K : "น้องสาวผมตื่นแล้ว ผมเลยบอกว่าพาคุณมาที่บ้าน น้องสาวผมอยากเจอคุณนะ"
ห๊าาาาาา~~! เจอน้องสาวเค้าหรอ??? ยัง ยัง ยัง เรายังไม่พร้อมมมมม ฮืออออ~~~! T___T
N : "เอ่อ... ฉันเขินจังเลยค่ะ ยังไม่พร้อมที่จะเจอเลย..." ( ̄▽ ̄")
K : "ฮืมมมม์... งั้นเดี๋ยวผมไปบอกน้องให้นะ" ว่าแล้วพี่เค้าก็เดินไปตรงห้องซักผ้า แล้วหยิบเอาชุดของน้องสาวเค้าออกมา ก่อนที่จะเดินเข้าไปอีกห้องนึง
ทำแบบนี้จะเสียมารยาทรึเปล่าน้าาา~~ เรานั่งครุ่นคิด (-..-)
สักพักคุณแฟนก็เดินเข้ามา
K : "ผมบอกน้องไปแล้วว่ายังไม่เจอตอนนี้ แต่...ดูเหมือนน้องสาวผมอยากเจอคุณมากๆเลยนะ" ^^
N : "อ่าาา... ขอโทษด้วยนะคะ... TT'"
K : "ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องสาวผมเข้าใจ"
พี่เค้าก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วพวกเราก็พากันออกไปขึ้นรถ มุ่งหน้าไปยังเมืองนารา
ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ เราก็พยายามเก็บความทรงจำให้มากที่สุด นั่นก็คือการถ่ายรูป อัดคลิป 5555 เรามองพี่เค้าที่กำลังขับรถ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันดูเหมือนกับความฝันเลยแหะ เหมือนกับเหตุการณ์เดจาวู เหมือนเราเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ระหว่างทางเราก็มองวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ประเทศนี้สะอาดเป็นระเบียบดีจังเลยนะ ผู้คนก็ดูดีกันจังเลย เราไปสะดุดตาสาวคนนึงน่ารักมากกกกกก เราเลยสะกิดให้คุณแฟนดู บอกผู้หญิงคนนี้น่ารักจัง พี่เค้าหันไปมองแล้วบอก 'ก็งั้นๆอ่ะนะ'
หืออออออ!!??? (O__O!)
นี่เราว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักกว่าเราสิบเท่าเลยนะ! แต่งตัวก็ดีหน้าตาก็โคตรน่ารัก ถ้าผู้หญิงน่ารักขนาดนี้พี่เค้ายังบอกงั้นๆ แล้วเราล่ะ??? ยังไม่ได้ครึ่งของสาวคนนั้นเลย รึพี่เค้าเห็นจนชินแล้ว หรือจริงๆแล้วพี่เค้าอาจจะชอบของแปลกแบบเราก็เป็นได้ LOL!
พวกเราออกมาถึงชาญเมืองกันแล้ว มีวิวภูเขาและต้นไม้สีเขียวสองข้างทาง อากาศวันนี้ก็ร้อนพอสมควรเลย ร้อนพอๆกับที่ไทย แต่ที่ญี่ปุ่นจะแย่กว่าตรงรถยนต์ส่วนตัวหรือรถแท็กซี่ ไม่สามารถติดฟิล์มดำกันแดดได้ เพราะมันเป็นกฎหมายของประเทศเค้า เพราะถ้าติดฟิล์มดำแล้วกล้องตรวจจับจะไม่เห็นหน้าคนขับรถ และจะต้องรักษาความเร็วให้คงที่ คือกฎหมายบ้านเค้าเคร่งและแรงมากๆเลยค่ะ ( ´∀`)
พวกเรามาจนถึงเมืองนารา พี่เค้าก็ดู gps แล้วขับตามทางมาเรื่อยๆ บางซอยมันเป็นซอกหลืบที่เล็กมาๆ พี่แกยังขับออกมาได้โดยไม่ชน นี่เป็นสกิลการขับรถของคนญี่ปุ่นรึเปล่านะ เราดูยังไงก็ไม่น่าไปได้แน่ๆ แต่พี่เค้าก็ขับแบบค่อยๆไปทีละน้อย กระดึ๊บๆเข้ามา และพับกระจกด้านข้างเข้ามาเพื่อไม่ให้ชน ซอยนี้นี่มันแคบจริงๆ เราก็คอยลุ้นตัวโก่ง ต้องคอยดูฝั่งที่เรานั่งว่ามันพ้นมั้ย ห่างจากเสาไฟฟ้าแค่ เซ็นสองเซ็น โอ้ว แม่เจ้า... นี่มันสกิลขั้นเทพชัดๆ ถ้าเป็นที่ไทยคงไม่ขับแบบนี้แน่ๆ ฮ่าๆ ( ̄▽ ̄a)
พวกเราวนหาที่จอดรถ ที่จอดรถที่นี่ต้องเสียตังค์ คิดเป็นรายชั่วโมง หรือครึ่งชั่วโมง และเป็นที่จอดรถแบบออโต้ คือพอเราเข้าไปจอดตามบล็อค จะมีที่ล็อครถออกมากันไว้ ขากลับต้องมาจ่ายเงินที่ตู้ก่อนค่อยนำรถออกไปได้ เราเฝ้ามองแบบสนใจ เหมือนเด็กหัดที่จะเรียนรู้ เหมือนศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ ถึงมันจะเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆก็เถอะ เพราะที่ไทยไม่มีแบบนี้แน่นอน 55555
พวกเราเดินมาตามทางเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เห็นน้องกวางน้อยตัวนึงโผล่มา เย้~~! พวกเรามาถึงสักทีนะ นารา งั้นเรารีบไปลุยกันเลยดีกว่า Let's Go!!! \(^o^)/
ไว้มาอ่านต่อตอนหน้านะคะ ^^
อ่านตอนย้อนหลังได้ที่ https://pantip.com/topic/36934896
อ่านตอนถัดไปได้ที่ https://pantip.com/topic/37040497
ฝากเพจของพวกเราด้วยนะคะ https://web.facebook.com/nekocouplestory/