บทเรียนสำหรับคนมีคู่ ถ้าตอนนี้มีกันอยู่ก็ดูแลกันดีๆ

บอกก่อนว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้ที่อยากเตือนใจคนมีคู่ว่าอย่าละเลยหน้าที่ของคำว่าแฟน เพราะต่อให้รักกันแค่ไหน แต่ถ้าละเลยและไม่ให้เกียรติกันก็เท่านั้น

เราคบกับแฟนมาปีครึ่งกว่าๆเกือบ2ปีแล้ว แต่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย เรารู้จักกันด้วยแอพผึ้งเหลือง และเราก็มาคุยต่อกันในไลน์ และพอคุยกันไปคุยกันมาก็มารู้ทีหลังว่าเราเคยเรียนอนุบาลที่รร.เดียวกัน และบ้านเขากับบ้านเราก็อยู่ใกล้กัน เรารู้จักกันและเขาเริ่มเข้ามาในชีวิตตอนเราคบกับแฟนที่เราคิดว่าตอนนั้นรักมาก เขาคอยเข้ามาช่วยปลอบ ช่วยเหลือ จนเราต้องยอมรับจริงๆว่าเรารู้สึกดีจนชอบเขา ตอนมัธยมก็นะมีแฟนเยอะเปลี่ยนแฟนเรื่อยๆเพราะความรักในวัยเด็กๆ ธรรมดากับการได้เจอคน พอมาวันนึงที่เราเริ่มรู้สึกว่าเหลือเทอมสุดท้ายละที่จะเข้ามหาลัย เราเลยเลิกกับรุ่นน้องที่คบกันอยู่ตอนนั้น อาจจะเพราะด้วยตอนนั้นตัวเราเองติดมหาลัยที่ภาคเหนือ ทำใจนึงลังเลในการจะไป และตอนนั้นเองที่เราได้คอยบอกความรู้สึกของเราว่าเราชอบเขา เรารู้ว่ามันไม่ดีหรอกเพราะว่าเขาเองก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่ความสัมพันธ์และสถานะของเพื่อนก็เลยเถิดมาเพราะเราคุยกันทุกวัน จนวันนึงเราตัดสินใจเลิกคุยเพราะรู้ว่ามันผิด เราเลยเดินออกมา แต่เขาเองก็กลับไปบอกเลิกแฟนเขาในวันเดียวกับที่เราเดินออกมา และโทรมาขอให้เรากับไปคุยกับเขา เขาบอกเขาคิดดีแล้วที่เลือกให้เป็นแบบนี้
         หลังจากนั้นมาได้ไม่นาน เขาก็บอกให้เป็นเพื่อนกันไปจนเรียนจบก่อน แต่เรากลับมองว่าสถานะมันไม่แน่นอนและเราต่างคนต่างเริ่มได้เจอโลกกว้าง เราเลยคุยกันใหม่จนเขาขอเราคบในวันสงกรานต์ หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจที่จะไม่ไปเรียนที่เหนือเพราะแม่ไม่อยากให้ไปประกอบกับคณะที่เราอยากจะเรียนนั้นมีอยู่ที่กรุงเทพ ตอนนั้นเขาได้โควต้าติดคณะวิศวะในมอ ที่มีชื่อเสียง และเราก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาสอบมหาลัยที่เราคาดหวังไว้ แต่ปรากฎว่าเราสอบไม่ติด วันที่มหาลัยประกาศผลเขาก็รีบหาเว๊บมาให้ดูว่ามหาลัยประกาศแล้วนะ แต่ไม่มีชื่อเรา เขาก็พูดปลอบว่าใจเย็นๆนะยังมีที่อื่นอีก เราช่วยกันหามหาลัยที่จะเข้าเรียนของเราเอง พร้อมกับตอนนั้นเราทำงานหาเงินในช่วงปิดเทอม แต่เขาอยู่บ้านคอยช่วยแม่ทำงานกิจการที่บ้าน นานมากที่กว่าเราจะได้เจอกัน นานๆครั้งที เราอาศัยจะหวะที่คอยไปวิ่ง ออกกำลังกายถึงจะได้เจอกันบ้าง เราทั้งสองต่างคอยเวลา อดทนให้ได้เข้ามหาลัย เราก็ได้มหาลัยที่ดังทางด้านกฎหมายที่ขึ้นชื่อว่าเข้าง่ายออกยาก และเราก็คบกันมาเรื่อยๆ เขาคอยดูแลเราดีมาก คอยซัพพอตในเรื่องต่างๆ แน่นอนว่าปีแรกเขาดูแลเราดีมาก ในตอนที่เราไปหอเพื่อนเราที่อยู่ใกล้หอเขา เขาก็มาเล่นด้วย ในวันไหนที่เราไม่สบาย ปวดท้องกลางคืนหรือว่าท้องเสีย เขาก็จะไปซื้อยา คอยหาอะไรมาให้กินเพื่อให้เราดีขึ้น ช่วงที่เราเป็นเมนเขาก็จะคอยหาวิธีประคบน้ำอุ่นให้กับท้องเรา เราพยายามใช้ชีวิตกันแบบวัยรุ่นทั่วไปโดยการมีเวลาว่างออกไปเที่ยวแบบคู่อื่นๆ ออกไปหาข้าวกินในวันครบรอบ ไปกินหมูกะทะ อยู่ฉลองทุกเทศกาล ไม่ว่าจะวันเกิด หรือปีใหม่ วันครบรอบ เขาก็มีของขวัญให้เรา บางทีก็ซื้อประมวลกฎหมายมาให้เราโดยฝากแม่มาให้เรา เราเริ่มทำความรู้จักกับบ้านเขา มีของขวัญในช่วงเทศกาลต่างๆให้แม่เขา ให้เขา เราพยายามปรับตัวให้เข้ากับที่บ้านเขาให้ได้ เพราะเราก็มีความคิดที่อยากจะคบกันไปนานๆเหมือนคู่อื่น เพราะฝันของเราที่เคยเล่าให้เขาฟัง ว่าเราจะทำอาชีพที่เราอยากทำจนเราเก็บเงินได้สักก้อนและไปซื้อที่ที่เหนือทำไรทำสวนที่นั่น เขาเองก็ขอมาเป็นคนงานให้กับเรา เรามองกันไปไกลมาก ว่าเราจะคบกัน มีอนาคตที่ดี คอยดูแลกันและกันถึงวันนั้น เพราะเราต่างคนต่างคิดว่าเราน่าจะรู้จักกันมามากพอในฐานะเพื่อนสนิทแล้ว แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น ปีหนึ่งผ่านไปไวเหมือนโกหก เขาดีกับเรามาก จนเราไม่ได้คิดที่จะเผื่อใจหรือตั้งตัวอะไรเลย พอปี2เราย้ายหอมาอยู่กับเพื่อนใกล้ๆเขา ทุกอย่างเหมือนจะดีแต่ป่าวเลย ตอนนั้นเขาเริ่มหันมาเล่นเกมROV จนได้เข้าทีมไปแข่งล่าเงินรางวัล เขาดีใจมากขนาดส่งแชทมาให้เราดูว่าเขาทำได้แล้วนะ ต่อจากนั้นมาเขาก็ซ้อมเกมเพื่อจะไปแข่งจนดึกจนดื่น จาก2ทุ่มที่เขาเลิกเรียนพิเศษถึงเที่ยงคืน เวลาคุยของเราก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ การดูแลที่เขาเคยดูแลเราก็น้อยลงเรื่อยๆ หลายครั้งที่เราทะเลาะกันเรื่องเกมและเราบอกเลิกเขาบ่อยๆ เขาก็ง้อเรามาเรื่อยๆ เราเริ่มงี่เง่ามากขึ้นเรื่อยๆประกอบกับเขาไม่สนใจ หลังจากที่เขาติดเกมมากขึ้น เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เป็นคนคล้ายๆหัวรุนแรง พูดจาทำร้ายจิตใจเรามากขึ้น แต่เขาก็มียังมีช่วงเวลาดีๆให้เราโดยการพาไปดูหนัง เดินห้างบ้างแต่นานๆครั้ง ถ้าเราไม่ทะเลาะกันมากๆเขาก็ไม่ออกมาดูหนังหรือเดินห้างด้วย แต่เขาก็จะคอยมีความโรแมนติกให้โดยการซื้อของขวัญให้ ใส่ถุงเท้ารองเท้าให้ตอนเรารีบๆ เราเริ่มออกไปทำงานเพราะเรามีความคิดว่าอยากตั้งตัวได้ก่อนเพื่อนในรุ่นโดยเรียนจบและเงิน มันเลยยิ่งทำให้เขามีช่วงเวลาเล่นเกมมากขึ้น จนเราเปลี่ยนงานมาทำงานวิจัยและเรียนไปด้วย เริ่มมีเวลาเจอกันมากและอยู่กันมากขึ้น เขาก็ยังคงเล่นเกมแบบเดิม เล่นจนดึกดื่น เวลาชวนไปไหนแม้แต่กินข้าว คำตอบที่ได้คือ ขอจบตานี้ก่อน คุยกับคนในกิลก่อน จนเมื่อ2อาทิตย์ที่แล้ว ที่ก่อนเขาสอบมิดเทอม เขาอ่านหนังสือไปด้วย เล่นเกมพร้อมกับคุยกับเพื่อนในกิลไปด้วย โดยเวลาตั้งแต่ตี1-ตี5ครึ่ง เราเริ่มรู้สึกว่าเขาติดเกม คุยกับเพื่อนในกิลที่เป็นผู้หญิงโดยไม่ไว้หน้าเรา เรียกเค้า เหมือนตอนเรียกเรา เราก็น้อยใจ เรารู้ว่าเขาอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเพราะตัวเขาเองเป็นคนที่ชอบทำอะไรให้เสร็จเป็นอย่างๆเหมือนกันกับที่เขาเลือกเรียนวิศวะในสาขาที่ขึ้นชื่อว่ายากในมหาลัยที่เขาเลือก เขาบอกเขาอยากขึ้นแร้งค์คอนเร็วๆ อันนี้เราก็เข้าใจ แต่เราเริ่มไม่เข้าใจที่เข้าติดเกมจนละเลยหน้าที่ของตัวเองที่ต้องอ่านหนังสือสอบ จนเราเริ่มมีปากเสียงกันในขณะที่เราเริ่มพูดว่าจะไม่ว่าอะไรถ้าเธอเล่นเกมดึกดื่นตอนที่สอบมิดเทอมเสร็จแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเราก็ทะเลาะกันเรื่องเล็กๆน้อยๆ จนเราบอกเลิกเขาอีกเพราะตอนนั้นเราเล่นกันและเขาดึงเราลงมาจนเข่ากระแทกกับพื้นเขียว ฝ่ามื้อช้ำ และเราแค่ต้องการคำขอโทษ แต่เขากลับเข้ามาว่าเราว่าถ้าลงไปซื้อของด้วยกันก็จบตั้งแต่แรกแล้วไหม ไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ เราได้แต่ร้องไห้ เขาเลยเข้ามาถามว่าเป็นอะไรในเสียงดังๆ เราเลยบอกเลิกเขา และเขาไม่ง้อเราแบบเมื่อก่อน พอวันต่อมาเราเลยเข้าไปว่าเขา ร้องไห้ และเผลอทำร้ายเขาที่เขาไม่ขอโทษ จนเรากลับมาดีกัน แต่เราสังเกตุได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา เขายังคงเล่นเกมแบบเดิม เราเริ่มว่าเขาไม่ได้ เขาเปลี่ยนไปมาก จนเราทะเลาะกันอีกครั้ง และอยู่ในช่วงสอบ เขาเริ่มเล่นเกมดึกเหมือนเดิมในขณะที่จะสอบอีก2-3วัน เขาอ่านหนังสือไม่ทันและกลายเป็นเราที่โดนว่าทำให้เขาทำข้อสอบไม่ได้บ้าง เราเลยโพสเฟสระบาย จนเพื่อนเราเข้ามาแสดงความคิดเห็นและแม่เราก็เข้ามาบอกว่าถ้าไม่มีเหตุผลก็เลิก และเขาก็ขอเลิกกับเราเพราะเขาบอกว่าแม่เรายังบอกให้เลิกเลย ไหนจะเพื่อนเราที่อยากให้เลิกอีก แต่เราก็ง้อเขา ง้อจนเขาพูดว่า กลับมาได้นะแต่ไม่เหมือนเดิม เขาก็เล่นเกมไม่สนใจเรา เราคิดว่าเดี๋ยวมันก็คงจะดีขึ้น แต่พอวันที่เราจะกลลับบ้านและเขาไม่สบายเรายังเช็ดตัวหาข้าวซื้อยาให้เขากินอยู่เลย เราคิดว่าเรากลับบ้านรอบนี้น่าจะดีขึ้น แต่เหมือนเราคิดผิด เขาบอกเราว่าตั้งแต่เหตุการณ์นั้นที่เราทะเลาะกันเขาเสียความรู้สึกมาก เขาอยากอยู่คนเดียวแต่ไม่มีใคร อยากอยู่สบายๆชิวๆ แต่เราทำไม่ได้เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเรามีเขามาตลอด เขาเป็นทั้งเพื่อน พี่ แฟน ลองมาจากพ่อกับแม่ก็คือเขา ตอนนี้เขาพยายามบอกให้เราพอ เขาบอกว่าเราดีอยู่แล้ว เขาเองที่ไม่ดี

ตอนนี้เราอยากบอกเขาว่า เราขอโทษนะ ขอโทษที่ที่ผ่านมาเรางี่เง่าเอาแต่ใจตัวเองตลอด ขอบคุณที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาดูแลเราดีมาก
คอยเช็ดผมให้หวีผมให้ คอยนวดขานวดเท้าเวลาเราปวดขาปวดเท้า ยอมฝืนตัวเองไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งๆที่ไม่อยากไป ขอบคุณสำหรับของทุกอย่างที่ซื้อให้มาตลอด ขอบคุณที่ไปเที่ยวด้วยกันทั้งๆที่ไม่ได้อยากไป ขอบคุณนะ เธอเป็นผู้ชายที่โรแมนติกมาก เพียงแต่เราชอบมองว่าเธอไม่โรแมนติกเอง เราขอโทษที่ชอบเช็คโทรศัพท์ คอยห้ามนู่นนี่จนเธอบอกว่าเราจุกจี้ ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วเพราะเธอเองก็พยายามหลบหน้าเรา เธอบอกให้เราตัดเธอ มันไม่ง่ายเลย เธอบอกว่ามีคนที่ดีกว่าเธอ แต่เราว่าไม่มีแล้วละ  ความสุขจริงๆในช่วงวัยมหาลัยตอนนี้คือการได้อยู่ข้างๆกันดูแลกันแบบนี้ ไม่ต้องมีรถขับพาไปไหน นั่งรถเมลล์ไปด้วยกันเราก็มีความสุขมากๆแล้ว ตอนนี้เธอจะไปขอให้เธอคิดดีๆ กว่าจะผ่านเรื่องครอบครัวแต่ละคนมาไม่ได้ง่ายๆเลย และเรารู้แล้วว่าเราผิดตรงไหน เราแย่ตรงไหน เราพร้อมจะกลับไปแก้ไขแล้ว เราอยากให้เธอกลับมานะ กลับมาอยู่ข้างๆกัน เราเองก็ยังอยากกลับไปดูแลเธอ ขอให้เธอกลับมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กันและกันอีก เราสัญญาว่าเราจะรักษาเธอด้วยตัวของเราเอง เดินมาด้วยกันแต่จะทิ้งกันไปงี้มันก็ไม่ใช่ กลับมาเดินด้วยกันใหม่นะ แม่เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดเธอเลย เขาจะรอเธอกลับมานะเจ้าหมูอ้วน

บทสุดท้ายที่อยากจะฝากถึงคนมีคู่คือ รักกันคอยดูแลกันไว้ดีๆ ให้เกียรติคนของคุณดีๆ อย่าทำร้ายเขาไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ
เว้นช่องว่างให้เขาได้อยู่คนเดียวบ้าง คอยให้กำลังใจเขามากๆ อยู่ด้วยกันในทั้งช่วงสุขและทุกข์ อย่าให้อะไรมาทำลายความรู้สึกดีๆที่มีด้วยกัน
พูดจาดีๆให้กัน และที่สำคัญอย่าพูดคำว่าเลิกบ่อยๆ เพราะคำนี้มีผลมากกับการใช้ชีวิตคู่ และพยายามดูแลกันให้ดีที่สุดให้นึกไปว่าพรุ่งนี้เราจะไม่มีกันและกันไว้ จะได้ใส่ใจคนที่คุณรักมากๆและจะไม่มีวันมาเป็นแบบเรื่องของเรา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่