สิ่งที่ผมจะเล่าไม่ต้องเชื่อผมครับ เป็นกระทู้แรกของผมด้วย แต่ใช้บัญชีของน้องผมมาเล่า แค่มาเล่าสู่กันฟังจากคนที่เคยทำงานที่ ตม ของอังกฤษ ต้องขอโทษกับภาษาไทยที่ไม่แตกฉานด้วย ผมอยู่อังกฤษมา 26 ปีแล้ว มาเรียนตั้งแต่ ม2 เรียนโรงเรียนประจำ จนจบป.โท ที่นี่ ตอนนี้ผมถือหนังสือเดินทางBritishและไทย เคยทำงานให้กับ Home Office หรือเรียกอีกอย่างว่า ตม อังกฤษ เคยถูกส่งไปประจำงานที่ Heathrow Airport ซึ่ง ตม ที่นี่ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ เข้าอบรมและเรียนกมการเข้าเมืองก่อนเริ่มงาน จบแล้วมานั่งโต๊ะให้ตรวจลงตราพวกนักท่องเที่ยวอยู่ระยะนึงที่ Heathrow แต่ตอนนี้ผมได้ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวแล้ว ผมเลยออกมาพูดได้
กฏของการขอลี้ภัยใน UK นั้น ผู้ร้องขอต้องอยู่ในประเทศอังกฤษเท่านั้น การขอลี้ภัยทางการเมืองผ่านสถานฑูตอังกฤษจากประเทศต้นทางที่มีถิ่นพำนักถาวรค่อนข้างยากกว่ามาก เพราะสถานฑูตอังกฤษเห็นความเป็นไปทางการเมืองของประเทศนั้นๆ ว่าเป็นอันตรายหรือไม่ เช่นสถานฑูตอังกฤษในไทย ก็จะรู้ว่า ยล ขอลี้ภัยทำไม เป็นการเมืองหรือไม่ หรือแค่หนีคดีทั่วไป อังกฤษไม่ได้ห้ามการขอลี้ภัยแต่จะได้หรือไม่นั้นข็้นอยู่กับ ตม ของเขา โดยที่สถานฑูตอังกฤษเป็นพยานปากเอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยลในประเทศไทย สถานฑูตอังกฤษคุยกับ ตม อังกฤษ Home Office ทุกวันอยู่แล้ว ถ้ายลขอลี้ภัยจริงๆ สถานฑูตอังกฤษในไทยจะเป็นพยานปากเอกที่ ตม อังกฤษไว้ใจได้มากที่สุด แต่ตอนนี้ ยล ก็ไม่ได้เข้า UK เหมือนตามที่ข่าวในเมืองไทยพูดถึง เพราะยลจัดอยู่ในกลุ่ม watch list หรือโดนจับตามอง ทางสถานทูตอังกฤษที่เมืองไทยน่าจะส่งชื่อและรายละเอียดของ ยล เข้ามาที่ตม เหมือนตอนที่อังกฤษประกาศออกสื่อยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยวของพี่ชายและเมียเก่า ผมได้ขอให้เพื่อนร่วมงานเก่าที่ ตม อังกฤษลองเช็คให้ดู ปรากฏว่ายังไม่มี Landing Card หรือการเข้าประเทศของยลในระบบของ ตม ที่นี่ในช่วง 3 เดือนผ่านมา ถึงมีวีซ่าท่องเที่ยวก็ไม่น่าจะได้เข้าประเทศ เพราะ UK รู้แล้วว่า ยล จะอพยพเข้ามาโดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว หรือใช้วีซ่าผิดประเภท และจะเป็นการเข้าเมืองผิดกม เพราะเข้ามาและไม่กลับไทยแน่ จะเข้ามาเพื่อลี้ภัย ไม่ได้เข้าเงื่อนไข Tourist Visa Rules ที่ออกให้คือ ต้องมาท่องเที่ยว อยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน ต้องออกจาก UK ก่อนวีซ่าหมดอายุ ถ้ามาก็จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ หรือ Refused Entry และจะถูกส่งกลับไทยทันที หรือประเทศต้นทางที่เธอถือหนังสือเดินทางอยู่ตอนนี้ เข่น หนังสือเดินทางมอนติเนโกรจากพี่ชายหรือกัมพูชา
การมีวีซ่าท่องเที่ยวของอังกฤษ ก็ไม่ได้รับรองว่าคุณจะได้เข้าประเทศอังกฤษ 100% คุณแค่ได้สิทธิ์มาเคาะประตูหน้าบ้าน และ ตม ที่สนามบินจะเป็นผู้พิจารณาให้เข้าประเทศได้หรือไม่ เมื่อ ตม เอาหนังสือเดินทางเข้าสู่ระบบ ก็จะมีหมายเหตุเด้งขึ้นมาเตือนถ้ามีอะไรสำคัญกับผู้โดยสารคนนี้ ถึงแม้ว่าจะใช้หนังสือเดินทางฑูตของไทยเข้ามา ยังไงรัฐบาลไทยต้องยกเลิกหนังสือเดินทางไทยอยู่ดี เมื่อถูกยกเลิกก็จะกลายเป็นบุคคลเถื่อนที่อยู่อังกฤษทันที ตม อังกฤษก็ต้องจับและส่งกลับไทย เพราะอยู่แบบผิดกม ทำให้การขอลี้ภัยยากขึ้นไปอีกเพราะไปทำผิดกมการเข้าเมืองเขา และอังกฤษก็มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนด้วย
กฏของการขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว UK Tourist Visa Rules
https://www.gov.uk/standard-visitor-visa
อีกประเด็น ตม อังกฤษตอนนี้ไม่มีนโยบายการรับผู้ลี้ภัยแล้ว ปิดประตูตายเพราะอังกฤษมีปัญหาเรื่องคนอพยพมากล้นประเทศ พวกคนทำงาน ตม ที่นี่รู้ดี ถ้าพวกคุณเคยมาเที่ยวที่นี่จะเห็นได้ว่าอังกฤษมีคนอินเดีย แขกดำ แขกขาว จีนHK จีนแผ่นดินใหญ่ และคน EU จาก 27 ประเทศ คนอพยพล้นประเทศมาก เป็นจำนวน 1ใน4 ของประชากรทั้งหมดในอังกฤษ คนอังกฤษเค้าเริ่มที่จะเบื่อหน่ายพวกคนอพยพ เพราะมาแย่งงานคนอังกฤษทำ กลายเป็นนโยบายเร่งด่วนและสำคัญมากของรัฐบาลอังกฤษที่จะไม่รับคนอพยพและลี้ภัย ทาง UK ถึงได้มีการลงประชามติ Brexit หรือการแยกตัวออกจาก EU ก็เพราะต้องกันคนอพยพที่มาจาก EU และประเทศ Commonwealth หรือประเทศที่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมีทั้งหมด 52 ประเทศ(เยอะมาก) มาอยู่ในอังกฤษมากเกินไป จะเรียกว่าเป็นนโยบายแห่งชาติของอังกฤษเลยก็ได้ เป็น hot topic มาเป็นเวลา 10-15 ปีแล้ว ผมก็สนับสนุนให้อังกฤษถอนตัวออกจาก EU ด้วย
ขอยกตัวอย่างเช่นสถิติของการขอวีซ่าอพยพแบบแต่งงานกว่าครึ่งของการสมัครที่สถานฑูตอังกฤษทั่วโลก มีสิทธิ์ที่จะถูกปฏิเสธวีซ่าอพยพหรือวีซ่าถาวร ค่าวีซ่าอพยพ 2หมื่นกว่าบาทแล้วก็ไม่มีการคืนเงินถ้าวีซ่าไม่ผ่าน เพราะทางสถานทูตเค้าจะหาจุดอ่อนที่จะปฏิเสธวีซ่าคุณทันที เพราะ ตม จะรับนโยบายจากรัฐบาลที่กีดกันผู้อพยพทุกทาง แต่ถ้าขอวีซ่าท่องเที่ยวจะออกให้ง่ายกว่า เพราะมันไม่ใช่วีซ่าอพยพ ถ้าคุณมีวีซ่าอเมริกาและเคยไปมาแล้ว ก็จะออกง่ายขึ้นด้วย ผมมีเพื่อนอยู่ 2-3 คู่ที่ขอวีซ่าแต่งงานจะไปอังกฤษไม่ผ่านมา 4-5 รอบแล้ว บางคู่ต้องเลิกลากันไปเพราะห่างกัน บางคู่ต้องมาอยู่นอกอังกฤษเพื่อตั้งหลักขอวีซ่าใหม่ เหตุผลที่ classic ที่สถานฑูตอังกฤษจะปฏิเสธวีซ่าแต่งงานคือ ไม่แน่ใจว่าจะรักและอยู่ได้นานแต่หรือไม่ หรือเพราะต้องการได้วีซ่ามากกว่า เงินไม่พอสำหรับ 2 คน รูปถ่ายคู่กันเพื่อการขอวีซ่าหรือไม่ บางคู่มีลูกด้วยกันก็ยังถูกปฏิเสธวีซ่าแต่งงาน เพราะ ตม สงสัยว่ามีลูกเพื่อต่อรองในการขอวีซ่าอพยพ เค้าสามารถหาข้ออ้างต่างๆนาๆที่จะไม่ให้วีซ่าคุณได้เสมอ ก็น่าเห็นใจ ตม เองก็ถูกกดดันจากรัฐบาลและเสียงของประชาชน ว่าจะต้องลดจำนวนคนอพยพให้มากที่สุด ปีละ 1-3แสนคนต่อปีให้ได้ นี่คือการตั้งเป้าไว้
ทำไมวีซ่าอังกฤษถึงแพง? เพราะเป็นค่าวีซ่าที่แพงที่สุดในโลกด้วย ค่าวีซ่าของอังกฤษคือรายได้หลักของสถานฑูตอังกฤษทั่วโลก เป็นเงินเดือนของพนักงานในสถานฑูต เลยเอาค่าวีซ่ามาเลี้ยงตัวเองหรือ Self-Funded โดยงบจากรัฐบาลได้ถูกตัดงบลง เป็นวิธีที่ฉลาดมาก นั่นคือส่วนหนึ่งทำไมสถานฑูตอังกฤษที่ กทม ถึงได้ขายที่ดินข้างหน้าให้กับ Central Group ไป เพราะค่าดูแลแต่ละปีแพงมากเลยต้องขาย ตมและแผนกวีซ่าตอนนี้ก็ไม่ง้อนักท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าทุกๆคนอยากมาเที่ยวที่นี่ อัตราการปฏิเสธวีซ่าของอังกฤษก็ไม่แพ้กับวีซ่าอเมริกาในตอนนี้
ความรวยของ ยล และพี่ชายไม่ใช่จุดสำคัญที่รัฐบาลอังกฤษมองหรือจะให้วีซ่าอพยพ แต่เค้าห่วงว่าอาจจะกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาลไทยและอังกฤษมากกว่า จากประสบการณ์ของผมที่เคยเป็น ตม มาก่อน เงินในธนาคารของพี่ชายที่อังกฤษยังถูกยึดและประกาศและให้ข่าวโดยรัฐบาลอังกฤษ เพราะพี่ชายยังหาหลักฐานว่าเงินนี้ได้มาจากไหน ผมเชื่อว่าทักกี้ก็เคยขอลี้ภัยที่อังกฤษแต่คงไม่ได้รับการอนุมัติ เพราะไม่เข้าข่ายการลี้ภัยทางการเมืองแต่คือการคอรัปชั่นของนักการเมืองที่หนีคดี การลี้ภัยทางการเมืองคือคุณจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีสงครามกลางเมืองและคุณถูกไล่ล่า ส่วนน้องสาวก็โดนคดีคล้ายกับพี่ชาย แค่ต่างกรรมและวาระ ตัวพี่ชายถ้าขออพยพที่อังกฤษได้ ป่านนี้คงประกาศให้โลกรู้ว่าไปอยู่ที่อังกฤษแล้ว คงไม่เร่ร่อนเหมือนทุกวันนี้ ไม่ต้องใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้าไปอังกฤษ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เข้าแล้วก็ต้องออกเพราะไม่มีวีซ่าอพยพ ถือหนังสือเดินทาง Monte Negro ความน่าเชื่อถือแทบไม่มี เข้าเมืองไทยก็ยังต้องขอวีซ่า ปรกติหนังสือเดินทางของประเทศที่พัฒนาแล้วมาเที่ยวไทยได้ 30-90วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า ผ่านมาสิบปีแล้ว พี่ชายยังไม่ได้สัญชาติอะไรเลยที่อยากได้ หมายความว่าเงินมันซื้อไม่ได้ทุกอย่าง การที่ได้อยู่อังกฤษแแบบที่หวังไว้ก็แค่ฝันไป
การซื้อบ้านที่อังกฤษไม่ได้หมายความว่าจะได้วีซ่าอังกฤษอย่างถาวร มันคนละเรื่องกันครับ รัฐบาลอังกฤษเค้าอนุญาตให้ต่างชาติซื้อบ้านได้ เหมือนอเมริกาและประเทศยุโรปอื่นๆ คุณพ่อผมก็ซื้อบ้านที่ลอนดอนสมัยพ่อผมเป็นนักเรียนที่นี่ โดยใช้วีซ่านักเรียนซื้อและใช้เงินสด แต่ก็ไม่ได้วีซ่าอพยพอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน และกฏการขอวีซ่าอพยพของอังกฤษบอกไว้ชัดเจนว่าการซื้อบ้านเพื่ออยู่หรือลงทุนไม่สามารถขอวีซ่าถาวรได้
You can’t: invest in companies mainly engaged in property investment, property management or property development
อ้างอิงจาก Tier 1 Investor Visa Rules
ผมขอจบเรื่องเล่าแต่เพียงเท่านี้ ขอภาวนาให้คนไทยไม่ทะเลาะกันและมีความสงบสุข สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล คนไทยทุกคนก็ต้องทำงานหาเงินเหมือนเดิม เงินเดือนเท่าเดิม มีรายจ่ายเหมือนเดิม เงินเฟ้อ 3% ต่อปีเหมือนเดิม อย่าตกเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองใดๆ สำหรับคนที่ทำธุรกิจ เป็นการง่ายที่จะชี้นิ้วโทษรัฐบาลว่าไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี ผมอยากจะบอกว่าที่อังกฤษก็ไม่ดีเหมือนกันครับ คนตกงานเยอะมากเพราะคนอพยพจาก EU ไหลเข้ามาทุกวัน และเศรษฐกิจทั่วโลกก็ไม่ดีตั้งแต่ปี 2008 แต่ถ้าคุณไม่ปรับตัวเอง ทุกรัฐบาลหรือกี่รัฐบาลก็ทำให้คุณเจ๊งได้เหมือนกัน เพราะรัฐบาลทำได้แค่สร้างนโยบาย แต่การทำกำไรและเดินหน้าธุรกิจเพิ่อความอยู่รอดคือหน้าที่ของพวกเราเอง ธรรมชาติของคนคือชอบโทษคนอื่น ยกเว้นตัวเอง คุณว่าไหม
การขอลี้ภัยในอังกฤษของ ยล
กฏของการขอลี้ภัยใน UK นั้น ผู้ร้องขอต้องอยู่ในประเทศอังกฤษเท่านั้น การขอลี้ภัยทางการเมืองผ่านสถานฑูตอังกฤษจากประเทศต้นทางที่มีถิ่นพำนักถาวรค่อนข้างยากกว่ามาก เพราะสถานฑูตอังกฤษเห็นความเป็นไปทางการเมืองของประเทศนั้นๆ ว่าเป็นอันตรายหรือไม่ เช่นสถานฑูตอังกฤษในไทย ก็จะรู้ว่า ยล ขอลี้ภัยทำไม เป็นการเมืองหรือไม่ หรือแค่หนีคดีทั่วไป อังกฤษไม่ได้ห้ามการขอลี้ภัยแต่จะได้หรือไม่นั้นข็้นอยู่กับ ตม ของเขา โดยที่สถานฑูตอังกฤษเป็นพยานปากเอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยลในประเทศไทย สถานฑูตอังกฤษคุยกับ ตม อังกฤษ Home Office ทุกวันอยู่แล้ว ถ้ายลขอลี้ภัยจริงๆ สถานฑูตอังกฤษในไทยจะเป็นพยานปากเอกที่ ตม อังกฤษไว้ใจได้มากที่สุด แต่ตอนนี้ ยล ก็ไม่ได้เข้า UK เหมือนตามที่ข่าวในเมืองไทยพูดถึง เพราะยลจัดอยู่ในกลุ่ม watch list หรือโดนจับตามอง ทางสถานทูตอังกฤษที่เมืองไทยน่าจะส่งชื่อและรายละเอียดของ ยล เข้ามาที่ตม เหมือนตอนที่อังกฤษประกาศออกสื่อยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยวของพี่ชายและเมียเก่า ผมได้ขอให้เพื่อนร่วมงานเก่าที่ ตม อังกฤษลองเช็คให้ดู ปรากฏว่ายังไม่มี Landing Card หรือการเข้าประเทศของยลในระบบของ ตม ที่นี่ในช่วง 3 เดือนผ่านมา ถึงมีวีซ่าท่องเที่ยวก็ไม่น่าจะได้เข้าประเทศ เพราะ UK รู้แล้วว่า ยล จะอพยพเข้ามาโดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว หรือใช้วีซ่าผิดประเภท และจะเป็นการเข้าเมืองผิดกม เพราะเข้ามาและไม่กลับไทยแน่ จะเข้ามาเพื่อลี้ภัย ไม่ได้เข้าเงื่อนไข Tourist Visa Rules ที่ออกให้คือ ต้องมาท่องเที่ยว อยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน ต้องออกจาก UK ก่อนวีซ่าหมดอายุ ถ้ามาก็จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ หรือ Refused Entry และจะถูกส่งกลับไทยทันที หรือประเทศต้นทางที่เธอถือหนังสือเดินทางอยู่ตอนนี้ เข่น หนังสือเดินทางมอนติเนโกรจากพี่ชายหรือกัมพูชา
การมีวีซ่าท่องเที่ยวของอังกฤษ ก็ไม่ได้รับรองว่าคุณจะได้เข้าประเทศอังกฤษ 100% คุณแค่ได้สิทธิ์มาเคาะประตูหน้าบ้าน และ ตม ที่สนามบินจะเป็นผู้พิจารณาให้เข้าประเทศได้หรือไม่ เมื่อ ตม เอาหนังสือเดินทางเข้าสู่ระบบ ก็จะมีหมายเหตุเด้งขึ้นมาเตือนถ้ามีอะไรสำคัญกับผู้โดยสารคนนี้ ถึงแม้ว่าจะใช้หนังสือเดินทางฑูตของไทยเข้ามา ยังไงรัฐบาลไทยต้องยกเลิกหนังสือเดินทางไทยอยู่ดี เมื่อถูกยกเลิกก็จะกลายเป็นบุคคลเถื่อนที่อยู่อังกฤษทันที ตม อังกฤษก็ต้องจับและส่งกลับไทย เพราะอยู่แบบผิดกม ทำให้การขอลี้ภัยยากขึ้นไปอีกเพราะไปทำผิดกมการเข้าเมืองเขา และอังกฤษก็มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนด้วย
กฏของการขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว UK Tourist Visa Rules https://www.gov.uk/standard-visitor-visa
อีกประเด็น ตม อังกฤษตอนนี้ไม่มีนโยบายการรับผู้ลี้ภัยแล้ว ปิดประตูตายเพราะอังกฤษมีปัญหาเรื่องคนอพยพมากล้นประเทศ พวกคนทำงาน ตม ที่นี่รู้ดี ถ้าพวกคุณเคยมาเที่ยวที่นี่จะเห็นได้ว่าอังกฤษมีคนอินเดีย แขกดำ แขกขาว จีนHK จีนแผ่นดินใหญ่ และคน EU จาก 27 ประเทศ คนอพยพล้นประเทศมาก เป็นจำนวน 1ใน4 ของประชากรทั้งหมดในอังกฤษ คนอังกฤษเค้าเริ่มที่จะเบื่อหน่ายพวกคนอพยพ เพราะมาแย่งงานคนอังกฤษทำ กลายเป็นนโยบายเร่งด่วนและสำคัญมากของรัฐบาลอังกฤษที่จะไม่รับคนอพยพและลี้ภัย ทาง UK ถึงได้มีการลงประชามติ Brexit หรือการแยกตัวออกจาก EU ก็เพราะต้องกันคนอพยพที่มาจาก EU และประเทศ Commonwealth หรือประเทศที่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมีทั้งหมด 52 ประเทศ(เยอะมาก) มาอยู่ในอังกฤษมากเกินไป จะเรียกว่าเป็นนโยบายแห่งชาติของอังกฤษเลยก็ได้ เป็น hot topic มาเป็นเวลา 10-15 ปีแล้ว ผมก็สนับสนุนให้อังกฤษถอนตัวออกจาก EU ด้วย
ขอยกตัวอย่างเช่นสถิติของการขอวีซ่าอพยพแบบแต่งงานกว่าครึ่งของการสมัครที่สถานฑูตอังกฤษทั่วโลก มีสิทธิ์ที่จะถูกปฏิเสธวีซ่าอพยพหรือวีซ่าถาวร ค่าวีซ่าอพยพ 2หมื่นกว่าบาทแล้วก็ไม่มีการคืนเงินถ้าวีซ่าไม่ผ่าน เพราะทางสถานทูตเค้าจะหาจุดอ่อนที่จะปฏิเสธวีซ่าคุณทันที เพราะ ตม จะรับนโยบายจากรัฐบาลที่กีดกันผู้อพยพทุกทาง แต่ถ้าขอวีซ่าท่องเที่ยวจะออกให้ง่ายกว่า เพราะมันไม่ใช่วีซ่าอพยพ ถ้าคุณมีวีซ่าอเมริกาและเคยไปมาแล้ว ก็จะออกง่ายขึ้นด้วย ผมมีเพื่อนอยู่ 2-3 คู่ที่ขอวีซ่าแต่งงานจะไปอังกฤษไม่ผ่านมา 4-5 รอบแล้ว บางคู่ต้องเลิกลากันไปเพราะห่างกัน บางคู่ต้องมาอยู่นอกอังกฤษเพื่อตั้งหลักขอวีซ่าใหม่ เหตุผลที่ classic ที่สถานฑูตอังกฤษจะปฏิเสธวีซ่าแต่งงานคือ ไม่แน่ใจว่าจะรักและอยู่ได้นานแต่หรือไม่ หรือเพราะต้องการได้วีซ่ามากกว่า เงินไม่พอสำหรับ 2 คน รูปถ่ายคู่กันเพื่อการขอวีซ่าหรือไม่ บางคู่มีลูกด้วยกันก็ยังถูกปฏิเสธวีซ่าแต่งงาน เพราะ ตม สงสัยว่ามีลูกเพื่อต่อรองในการขอวีซ่าอพยพ เค้าสามารถหาข้ออ้างต่างๆนาๆที่จะไม่ให้วีซ่าคุณได้เสมอ ก็น่าเห็นใจ ตม เองก็ถูกกดดันจากรัฐบาลและเสียงของประชาชน ว่าจะต้องลดจำนวนคนอพยพให้มากที่สุด ปีละ 1-3แสนคนต่อปีให้ได้ นี่คือการตั้งเป้าไว้
ทำไมวีซ่าอังกฤษถึงแพง? เพราะเป็นค่าวีซ่าที่แพงที่สุดในโลกด้วย ค่าวีซ่าของอังกฤษคือรายได้หลักของสถานฑูตอังกฤษทั่วโลก เป็นเงินเดือนของพนักงานในสถานฑูต เลยเอาค่าวีซ่ามาเลี้ยงตัวเองหรือ Self-Funded โดยงบจากรัฐบาลได้ถูกตัดงบลง เป็นวิธีที่ฉลาดมาก นั่นคือส่วนหนึ่งทำไมสถานฑูตอังกฤษที่ กทม ถึงได้ขายที่ดินข้างหน้าให้กับ Central Group ไป เพราะค่าดูแลแต่ละปีแพงมากเลยต้องขาย ตมและแผนกวีซ่าตอนนี้ก็ไม่ง้อนักท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าทุกๆคนอยากมาเที่ยวที่นี่ อัตราการปฏิเสธวีซ่าของอังกฤษก็ไม่แพ้กับวีซ่าอเมริกาในตอนนี้
ความรวยของ ยล และพี่ชายไม่ใช่จุดสำคัญที่รัฐบาลอังกฤษมองหรือจะให้วีซ่าอพยพ แต่เค้าห่วงว่าอาจจะกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาลไทยและอังกฤษมากกว่า จากประสบการณ์ของผมที่เคยเป็น ตม มาก่อน เงินในธนาคารของพี่ชายที่อังกฤษยังถูกยึดและประกาศและให้ข่าวโดยรัฐบาลอังกฤษ เพราะพี่ชายยังหาหลักฐานว่าเงินนี้ได้มาจากไหน ผมเชื่อว่าทักกี้ก็เคยขอลี้ภัยที่อังกฤษแต่คงไม่ได้รับการอนุมัติ เพราะไม่เข้าข่ายการลี้ภัยทางการเมืองแต่คือการคอรัปชั่นของนักการเมืองที่หนีคดี การลี้ภัยทางการเมืองคือคุณจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีสงครามกลางเมืองและคุณถูกไล่ล่า ส่วนน้องสาวก็โดนคดีคล้ายกับพี่ชาย แค่ต่างกรรมและวาระ ตัวพี่ชายถ้าขออพยพที่อังกฤษได้ ป่านนี้คงประกาศให้โลกรู้ว่าไปอยู่ที่อังกฤษแล้ว คงไม่เร่ร่อนเหมือนทุกวันนี้ ไม่ต้องใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้าไปอังกฤษ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เข้าแล้วก็ต้องออกเพราะไม่มีวีซ่าอพยพ ถือหนังสือเดินทาง Monte Negro ความน่าเชื่อถือแทบไม่มี เข้าเมืองไทยก็ยังต้องขอวีซ่า ปรกติหนังสือเดินทางของประเทศที่พัฒนาแล้วมาเที่ยวไทยได้ 30-90วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า ผ่านมาสิบปีแล้ว พี่ชายยังไม่ได้สัญชาติอะไรเลยที่อยากได้ หมายความว่าเงินมันซื้อไม่ได้ทุกอย่าง การที่ได้อยู่อังกฤษแแบบที่หวังไว้ก็แค่ฝันไป
การซื้อบ้านที่อังกฤษไม่ได้หมายความว่าจะได้วีซ่าอังกฤษอย่างถาวร มันคนละเรื่องกันครับ รัฐบาลอังกฤษเค้าอนุญาตให้ต่างชาติซื้อบ้านได้ เหมือนอเมริกาและประเทศยุโรปอื่นๆ คุณพ่อผมก็ซื้อบ้านที่ลอนดอนสมัยพ่อผมเป็นนักเรียนที่นี่ โดยใช้วีซ่านักเรียนซื้อและใช้เงินสด แต่ก็ไม่ได้วีซ่าอพยพอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน และกฏการขอวีซ่าอพยพของอังกฤษบอกไว้ชัดเจนว่าการซื้อบ้านเพื่ออยู่หรือลงทุนไม่สามารถขอวีซ่าถาวรได้
You can’t: invest in companies mainly engaged in property investment, property management or property development
อ้างอิงจาก Tier 1 Investor Visa Rules
ผมขอจบเรื่องเล่าแต่เพียงเท่านี้ ขอภาวนาให้คนไทยไม่ทะเลาะกันและมีความสงบสุข สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล คนไทยทุกคนก็ต้องทำงานหาเงินเหมือนเดิม เงินเดือนเท่าเดิม มีรายจ่ายเหมือนเดิม เงินเฟ้อ 3% ต่อปีเหมือนเดิม อย่าตกเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองใดๆ สำหรับคนที่ทำธุรกิจ เป็นการง่ายที่จะชี้นิ้วโทษรัฐบาลว่าไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี ผมอยากจะบอกว่าที่อังกฤษก็ไม่ดีเหมือนกันครับ คนตกงานเยอะมากเพราะคนอพยพจาก EU ไหลเข้ามาทุกวัน และเศรษฐกิจทั่วโลกก็ไม่ดีตั้งแต่ปี 2008 แต่ถ้าคุณไม่ปรับตัวเอง ทุกรัฐบาลหรือกี่รัฐบาลก็ทำให้คุณเจ๊งได้เหมือนกัน เพราะรัฐบาลทำได้แค่สร้างนโยบาย แต่การทำกำไรและเดินหน้าธุรกิจเพิ่อความอยู่รอดคือหน้าที่ของพวกเราเอง ธรรมชาติของคนคือชอบโทษคนอื่น ยกเว้นตัวเอง คุณว่าไหม