[CR] มาเลเซีย : หลงทาง ขาพัง ตังค์หาย

มาเลเซีย : หลงทาง ขาพัง ตังค์หาย
สวัสดีสมาชิกพันทิปทุกท่านค่ะ
*ขอขายตรงก่อน*
เมื่อปีก่อนนู้นไปญี่ปุ่น (2015) >> https://pantip.com/topic/33723495
และปีที่แล้วไปสิงคโปร์ (2016) >> https://pantip.com/topic/34855759
ในที่สุดทริปของปี2017ก็เดินทางมาถึงแล้ว! ไปใกล้ๆก็แล้วกันเนอะ ตามแต่สภาพกระเป๋าสตางค์จะเอื้ออำนวย
จะมาบอกเล่าการเดินทางในสไตล์ของเราเช่นเคย(สไตล์มั่วๆ)

มาเริ่มกันเลย
- ตั๋วเครื่องบิน คราวนี้เดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย จองล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน
บิน เช้าวันศุกร์ไฟลท์ 8.40 กลับวันอาทิตย์ไฟลท์ 15.35 ไม่โหลดกระเป๋า
รวมค่าเสียหาย 2,4xx บาท เดินทางในวันที่ 12-14 พฤษภาคม

ออกบ้านแต่เช้าไปสนามบินดอนเมืองเทอร์มินอล 1 เช็คอินที่เคาท์เตอร์ก็จะได้รับใบตม.มา กรอกให้เรียบร้อย (ตอนนี้ไม่ต้องกรอกแล้ว)
ตรวจพาสปอร์ต ตรวจสัมภาระ ใช้เวลาไม่นานเลย จะบอกว่าเป็นครั้งแรกที่บินไปต่างประเทศที่ดอนเมืองด้วย
แต่ว่าก็ใช้บริการและคุ้นชินมาก่อนที่บินในประเทศจะย้ายไปเทอร์มินอล 2

การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และมาเลเซียเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง !!
บินกลางวันก็จะได้เห็นทะเลสวยๆด้วย พอเริ่มเข้าเขตมาเลเซีย
เห็นแดดก็ตื่นเต้นค่ะเพราะเช็คอากาศมาคือเจอฝนสามวันแน่นอน พอได้เห็นแดดก็ดีใจจจ

แอร์เอเชียจะลงที่สนามบิน KLIA2 ตอนที่เราออกมาจากเครื่องจะเจอพวกบูธซิมยี่ห้อต่างๆ แต่ว่าคนเยอะเราเลยจะลงไปซื้อด้านล่างแทน
พิธีรีตองของการเข้าเมืองก็ไม่ยาก มีช่องอำนวยความสะดวกสำหรับ ASEAN ด้วย
จริงๆก็เหมือนช่วยกระจายนักท่องเที่ยวไปหลายๆแถวนั่นแหละค่ะ จะได้รวดเร็วมากขึ้น
ตม. ไม่ได้ถามอะไรสักคำเหมือนกับตอนไปสิงคโปร์เลย ทำไมนะ ฮะฮ่าๆ

จากนั้นก็เดินไปตามทางที่เขียนว่า EXIT WAY เดินทางศุลกากรออกไปด้านนอก แล้วให้ลงไปที่ชั้น 1 ของสนามบิน
ตรงนี้ก็มีร้านค้าเยอะแยะมากมายเราไปซื้อซิมการ์ดยี่ห้อที่คนส่วนใหญ่แนะนำ
ในราคา 22 MYR โทรได้ 30 นาที อินเตอร์เนต 2 GB ซิมมีอายุ 7 วัน (เดี๋ยวจะพูดถึงไปเรื่อยๆ หึหึ)
จากนั้นก็เดินออกมาจนเกือบจะออกประตูสนามบินจะเจอเคาน์เตอร์เรียงๆกันอยู่ซ้ายมือ ไปซื้อตั๋วรถบัสเข้าเมือง
มองหาป้ายที่เขียน BUS TO KL SENTRAL ตอนนี้ตั๋วราคา 12 MYR เราได้รถเที่ยว 12.40
ในตั๋วจะบอกชานชาลาแต่ว่าจะไม่เป๊ะๆซะทีเดียว เดินไปถามพนักงานตรงรถได้เลย
แล้วก็ถึงในตั๋วจะมีเลขที่นั่งแต่คนขับบอกว่า ‘ANY SEATx2’ “ที่ไหนก็ได้ๆ”



รถออกค่อนข้างตรงเวลา นั่งชมบ้านชมเมืองไปประมาณ 45นาทีก็จะไปถึง KL SENTRAL ที่เป็น HUB ใหญ่
(เดี๋ยวจะขยายความเพิ่มว่าทำไมต้องเรียกที่นี่ว่า HUB) ที่ๆรถจอดจะเหมือนเป็นชั้นใต้ดินของอาคาร
เราต้องเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปด้านบนก่อน แล้วจะไปไหนต่อก็เริ่มจากข้างบน ต้องต่อรถไฟไปที่อื่นก็เริ่มจากตรงนี้

เรามาถึงประมาณน่าจะเกือบๆเที่ยง โรงแรมที่เราจะไปอยู่ใกล้กับ KL SENTRAL มากๆ แต่ปัญหาคือเราหาไม่เจอค่ะ
ก่อนมาโทรไปถามเรื่องห้องมาแล้วแต่ลืมถามเรื่องการเดินทางเลยอีเมลไปถามแต่ว่าเขาไม่ได้ตอบ
เราทำได้แค่ว่ามันอยู่อีกฟากของ KL SENTRAL ซึ่งสามารถเดินทะลุห้าง NU SENTRAL ซึ่งเป็นห้างที่อยู่ติดกับ KL SENTRAL เลย
มีทางเดินเชื่อมกัน แต่พอเปิดgoogle mapแล้วสับสนเอง เดินวนอยู่รอบสถานีสามรอบถ้วน สุดท้ายเลยโทรหาโรงแรม
นางก็บอกว่าถามตำรวจตรงห้างเลย พวกเขารู้จัก ก็พยายามเดินไปจนได้ค่ะ

สรุปคือคำว่า KL SENTRAL ที่ว่าใกล้โรงแรมมากๆ ไม่ได้หมายถึง KL SENTRAL ที่เป็น HUB
แต่หมายถึง สถานีโมโนเรล KL SENTRAL ต่างหากที่อยู่ใกล้กับโรงแรมซึ่งใกล้มากๆ ไอ้เราก็วนรอบ HUB ไปสามรอบถ้วน T^T


สำหรับที่พัก
เราจองผ่าน EXPEDIA ซึ่งมีโค้ดลด10%จากบัตรเครดิต KTC โรงแรมชื่อ NEW WINNER HOTEL
มีห้องสองแบบคือเตียงเดี่ยวใหญ่ กับ เตียงคู่ ซึ่งราคาเท่ากัน ค่าโรงแรมสองคนหารกันแล้วหกประมาณ 6xx บาท
ห้องน้ำก็โอเคดี มีน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัว แล้วก็สบู่เหลว แต่ประสบการณ์จากทริปสิงคโปร์เราเลยหอบเครื่องอาบน้ำมาเองทั้งหมด สบายใจสบายกาย
ในห้องมีทีวี แอร์ โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ไดรเป่าผมสามารถลงไปยืมได้ แต่ก็เอามาเองอีกเช่นกัน
ปลั๊กในห้องเป็นแบบUniversalแล้ว ที่มาเลเซียเสียบแล้วต้องเปิดสวิทซ์อีกที
แต่เราโชคร้ายที่ปลั๊กตรงเตียงทั้งสองข้างใช้ไม่ได้ ใช้ได้ที่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างเดียว
พกเอาสามตาไปด้วยเลยสบาย (เอาไปเองทุกอย่างจริงๆ ฮะฮ่าๆ)

ข้อดี คือ ใกล้การเดินรถมากๆ แล้วใกล้ๆก็มีโรงแรมให้เลือกเยอะแยะเลย การนอนก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ ราคาถูก
เคาน์เตอร์เป็นมิตรอันนี้ประทับใจส่วนตัว ห้องเป็นคีย์การ์ดใช้งานสะดวกแบบโรงแรมทั่วไป
ข้อเสีย ด้วยความที่เป็นห้องที่ไม่มีหน้าต่างค่ะ เราอ่านรีวิวเจอมาว่า ผ้าขนหนูกับผ้าห่ม SOMETHING SMELLY หลายคอมเม้นท์อยู่
แต่พอไปจริงๆผ้าขนหนูยังมีกลิ่นแดด แต่ผ้าห่มค่อนข้างอับๆแต่ก็ไม่ได้แย่จนนอนไม่ได้ คนมาเลเซียชอบบีบแตร
เสียงจะดังเข้ามาในห้องนอนตอนเช้าๆ แล้วก็พอไม่มีหน้าต่างเวลาปิดประตูมันต้องใช้แรงดึงแล้วประตูจะดัง
แรกๆรำคาญห้องข้างๆเราก็พยายามปิดเบาๆแต่ดึงมาสุดมันก็ดังอยู่ดี ช่างมันค่ะ


การเดินมาโรงแรมอย่างถูกต้องคือ!! พอลงรถบัสแล้วขึ้นมาด้านบน ขึ้นบันไดเลื่อน เดินเข้าห้าง NU SENTRAL
เดินไปฝั่งตรงข้ามของห้าง ซึ่งจะเป็นถนนใหญ่ ห้างก็ทำทางเชื่อมข้ามเป็นสะพานลอยข้ามถนนด้วย
สุดทางเชื่อมจะเป็น สถานีโมโนเรล KL SENTRAL หรือสายสีเขียวบนแผนที่
เดินข้ามถนนลงบันไดเลื่อนมาจะเจอโรงแรมอะไรสักอย่างอยู่ตรงทางขึ้นสะพาน
ตรงนั้นมีร้านอาหารชื่อ ABC อยู่ติดกับตอม่อของสถานีโมโนเรลเลย ร้าน ABC อยู่ขวามือของตอม่อ
โรงแรมเราอยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายไปไม่เกิน200เมตรเจอโรงแรมเลย 40นาทีที่เดินหลงไป จริงๆคือ 5นาทีจาก HUB *ร้องไห้ดังๆ*


หลังจากนอนฟื้นฟูสภาพร่างกายจากแดดอันร้อนแรงของมาเลเซีย อาหารเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
แต่สภาพที่ไม่เอื้ออำนวยก็เลยตัดสินใจว่ากินในห้างไปก่อนแล้วกัน ยังไม่มีเวลาหา
เลยขึ้นไปฟู้ดคอร์ทที่ NU SENTRAL และนี่คือมื้อแรกของเราที่มาเลเซีย อาหารจานเดียวแบบนี้จะราคาราวๆ 8-12 MYR

ออกเดินทางตอนบ่ายสาม โดยมีสถานที่ในวันนี้คือ KLCC PARK – PETRONAS TWIN BUILDING – CHINA TOWN

ไปขึ้นรถไฟLRTสายสีชมพู KELENA JAYA LINE ลงสถานี KLCC  ราคา 2.4 MYR รถไฟฟ้าที่นี่เร็วมาก
ขับซิ่งมากๆซึ่งพออยู่ไปจะพบว่าซิ่งทุกอย่างจริงๆ


พอมาถึงสถานีเราก็ถามคนที่เหมือนจะเป็นเจ้าหน้าที่ว่า KLCC PARK อยู่ตรงไหน แต่เขาดันบอกว่าKLCC นี่เป็นตึกนะไม่ใช่สวน
เราก็ได้แต่เถียงในใจว่ามันมีว้อยย แต่นางก็ชี้ทางออกให้ว่าให้ไปทางไหน ขึ้นมาเจอป้ายรถเมล์เลย
ก็ถามอีกสรุปคือสวนอยู่หลังตึกตรงหน้าเรานี่แหละ


เป็นสวนกลางเมืองที่ร่มรื่นเพราะต้นไม้และร่มตึก มีน้ำพุลีลา (เรียกแบบนี้ใช่มั้ย)
เดินเล่นถ่ายรูปตึกแฝดจากด้านหลัง คือตั้งใจจะรอฟ้ามืดที่นี่เพื่อถ่ายตึกตอนกลางคืน




สักพักเริ่มหิวเลยเดินเข้าห้าง SURIA ไปหาอะไรกินได้ชามากินคนละแก้ว
คือเห็นคนถือออกมาเยอะมากสรุปคือเป็นวันศุกร์ที่ลดราคาแก้วปกติทุกน้ำราคา 5 MYR
แต่ทั้งสองคนไม่กินชานมทั้งคู่ เลยได้เมนูแบบนี้มาแทน ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ร้านเขาดังเรื่องอะไรก็สั่งนั้นเถอะ ฮา


ตั้งใจว่าจะไลฟ์รีวิวชาในมือ แต่เนตใช้งานไม่ได้เลย พยายามหลายครั้งมากจนแบบ เออ โดนอิเหลืองนี่เล่นงานแล้ว
พอพระอาทิตย์ตกก็ย้ายไปหน้าตึกแฝดคนเยอะมากๆ คนก็อยากถ่ายกับตึกแต่ยังไงก็พัง
หน้าคนเนี่ย เพราะตึกตรงข้ามเปิดไฟสีส้มหน้าเราก็ส้มมมมม รูปตึกที่สวยคือรูปตึกที่ไม่ต้องมีเรา!!!


จากนั้นก็มีความพยายามจะขึ้นบัสไป CHINA TOWN แต่เจ้าหน้าที่บอกว่ามันต้องไปเปลี่ยนสายนะ ไปรถไฟฟ้าเถอะ
คือไม่ได้งกแต่อยากลองนั่งเฉยๆ สรุปก็ไปรถไฟฟ้าโดยมีคนจีนติดสอยห้อยตามมาด้วยเพราะไปไม่เป็นและสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้
ในหนึ่งวันที่มาเลเซียคุณจะได้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างน้อย3สำเนียง บันเทิงมั่กๆ


การเดินทางไป China Town ก็กลับลงไปใต้ดินที่เรามาในตอนแรก แล้วเลือกไปลงสถานี Pasar Seni
ตู้ซื้อตั๋วจะไม่รับแบงค์ใหญ่ๆนะคะ น่าจะไม่เกินแบงค์10 หรือ 20MYR ไม่แน่ใจ แต่เดินไปแลกแบงค์ย่อยกับพนักงานได้ค่ะ ค่ารถไฟ 2.2 MYR

สถานี Pasar Seni ช่วงที่เราไปกำลังอยุ่ในช่วงปรับปรุง อาจจะดูเงียบๆหน่อยแต่ก็พอมีนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง
จากนี้ก็ถามเอาค่ะว่าต้องเดินไปทางไหน เราบังเอิญเจอชาวต่างชาติก็เลยเดินตามเขาไปเพราะมีคนมาเลเซียในกลุ่มด้วย
แถมเขาบอกเราว่า มาจากกรุงเทพเมื่อเช้าใช่มั้ย ฉันเห็นเธอที่สนามบิน โลกกลมจริงๆส่วนเรานั้นจำใครไม่ได้เลย

China Town ที่นี่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ พี่พูดว่าบรรยากาศมันเหมือนกาดหลวงที่เชียงใหม่
ของละเมิดลิขสิทธิ์ที่นี่ขายกันเปิดเผยมากๆ เราจบมื้อเย็นด้วย บักกุดเต๋ไซส์เล็กสุดราคา 14 MYR ข้าวเปล่า 2 MYR
ร้านอยู่สุดทางเดินข้ามถนนไปทางซ้าย เราว่ามันอร่อยเพราะไม่ชอบบักกุตเต๋ที่ใส่เครื่องเทศแน่นๆ อันนี้กำลังดีเลย

สรุป CHINA TOWN งั้นๆค่ะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่ไปก็ไม่มีปัญหา ขากลับเราเดินกลับทางเดิมไม่ถูก เลยไปโผล่อีกจุดหนึ่ง
แต่เห็นป้ายบอกทางไปโมโนเรล พอดีมีคนเดินสวนมาก็เลยถามว่ามันไปทางไหน เขาดันบอกว่าตอนนี้มัน Out of Service เพราะมีระเบิด
ต่างชาติสองคนอย่างเราตาโต เราก็แบบ หือ? บอมบ์?!! เขาก็ตอบย้ำ เยส ซัมธิงบอมบ์ สรุปเลยเรียก GRAB CAR กลับโรงแรมแทน
ไปมาเลเซียนี่เรียกรถก็คุ้มมากๆค่ะ ถูกมากกกก รถเยอะมากกก ขึ้นสองคนก็คุ้มกว่านั่งรถไฟฟ้าแล้วค่ะ

วันนี้ขาอ่อนแอมากๆ แวะซื้อน้ำเข้ากลับโรงแรม และพบว่า กระเป๋าสตางค์หาย!! บันเทิงเริงใจมากๆ
แต่ก็มีเงินไม่เยอะค่ะก็เลยปล่อยวาง อาบน้ำสระผมนอนดีกว่า