สวัสดีค่ะ -/\-
มาด้วยชื่อกระทู้เวอร์วังอลังแบบสุด(ตรงไหน?) ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงตั้งกระทู้แบบนี้คะ!!
เราว่าหลายคนประสบปัญหาเวลาหาข้อมูลจะไปเที่ยวต่างประเทศเอง อ่านรีวิวมาก็เยอะ เห็นภาพสวยๆมาก็แยะ
แต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆว่าถ้าฉันไปถึงตรงนั้น ฉันจะทำยังไง ซื้อตั๋วตรงไหน ขึ้นรถตรงไหน ใครที่จะพึ่งพาได้
เราเองก่อนไปก็หาข้อมูลเยอะมากเพราะไปนานถึง 14 วัน และมีลูกเรือฝากชีวิตกับเราไว้อีก 3 คน
และเป็นผู้เดียวที่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อน สื่อสารภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นได้นิดหน่อย เราถือว่าเราโชคดีที่สื่อสารได้
เพราะบางคนกลัวการไปเที่ยวด้วยตัวเองเพราะติดปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่เราบอกตรงนี้เลยว่ามันไม่ใช่ปัญหา
พอไปถึงที่นั่นทุกคนพร้อมช่วยคุณเสมอ คิดบวกแล้วจะสวยค่ะ
หมายเหตุ รีวิวครั้งแรก ผิดพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ -/\-
หยุดเพ้อเจ้อแล้วมาเริ่มเลยดีกว่า ข้อมูลคร่าวๆของเกาะคิวชู ก็เป็นเกาะทางใต้สุดของญี่ปุ่นมีทั้งหมด 7 จังหวัด
มีเมืองใหญ่คือจังหวัดฟุคุโอกะ คือหลายคนบอกว่าเป็นเกาะที่ไม่ค่อยมีหิมะในช่วงหน้าหนาว
อารมณ์แบบว่าอาจจะตกแต่ไม่ขาวโพลนอะไรทำนองนั้น แต่บางพื้นที่ก็ตกจริงจังอยู่
อ่านเจออะไรพวกนี้ก็แบบว่า อ่า ฉันไปช่วงหน้าหนาวแต่ฉันจะไม่ได้สัมผัสหิมะหรอนี่
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย เจอก็ดีไม่เจอก็แล้วไป : )
เราเดินทางโดยสายการบิน Jetstar Airways บินตรงจากสุวรรณภูมิถึงสนามบินฟุคุโอกะ
สายการบินนี้ราคาปกติก็ไม่แพง ราคาอยู่ราวๆ 5-7 พันต่อเที่ยว จังหวะโปรฯก็เหลือครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว
ต้องส่องกันดีๆ ตอนแรกจะซื้อผ่านเว็บแต่ว่าตัดบัตรไม่ผ่าน ก็เลยซื้อผ่านคอลเซนเตอร์ในไทยแทน
แค่แจ้งช่วงเวลา บอกข้อมูลผู้เดินทาง บอกเลขบัตรเครดิต หลังจากพยายามตัดบัตรผ่านเว็บหลายรอบ
โทรไปคอลเซนเตอร์รอบเดียวจอดค่ะ เสร็จเรียบร้อยแบบงงๆ
*ภาพจากเว็บไซต์
ช่วงวางแพลนก็ซื้อเจอาร์พาสไว้แล้วค่ะ เจอาร์พาสในพื้นที่คิวชูมีสองแบบ คือ All area กับ North area
ที่บอกไปว่าเกาะคิวชูมี 7 จังหวัด แบบแรกก็จะไปได้ทั่วเลย แต่แบบหลังไป 2 จังหวัดล่างสุดไม่ได้คือ คาโงะชิมะ กับ มิยะซะกิ
เราใช้แบบหลังเพราะไม่ได้ไป 2 จังหวัดที่กล่าวไป บัตรก็มีแบบ 3 วัน กับ 5 วัน ราคาแตกต่างกันไป เราใช้แบบ 5 วัน
ราคาประมาณ 2,6xx บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราซื้อกับ LCMT TOUR เพราะว่าเพื่อนทำพาร์ทไทม์อยู่ จริงๆโดนบังคับฮา
แต่เพราะว่าถูกกว่าบ.อื่นที่ดูๆไว้ เรตตาม ธ. ซึ่งเปลี่ยนรายวัน เราว่าทำให้เราตัดสินใจง่ายกว่าบางที่ที่เหมาเรตเป็นรายอาทิตย์
แล้วยังมีบัตร tokyo disneyland / disneysea / USJ ด้วย สนใจลองไปดูได้ที่
https://www.facebook.com/pages/LCMT-TOUR/168110513339290?fref=ts
ปล. ทั้งทริปเรตเงินประมาณ 27-28 บาท เงินเยนคิดไปเป็นไทยง่ายๆคือคูณด้วยเรตเงิน
เช่น 5000yen x 0.27 แบบนี้ก็จะได้เป็นเงินไทยค่ะ
*ภาพจากเว็บไซต์ไม่ได้ถ่ายเองค่ะ รูปบนAnnex รูปล่างOriginal
มาถึงส่วนของโรงแรม เราพักที่เดียวกันทั้งหมด คือ Khaosan Fukuoka Annex แต่มีหนึ่งคืนที่เราไปนอนที่ Khaosan Fukuoka Original เครือเดียวกันค่ะแต่ถูกกว่านิดหน่อย เดี๋ยวเล่าทีหลังว่าทำไมถึงไปนอนที่นั่น ฮาสุดค่ะ เราจองที่พักผ่านเว็บของโรงแรม ไม่ยากเช่นกัน เลือกช่วงวัน เลือกแบบห้อง ใส่ชื่อ ใส่เลขบัตรเพื่อเป็นการประกัน แล้วไปจ่ายเงินที่โรงแรมค่ะ รับเงินเยนสด และบัตรเครดิต ดูรายละเอียดการจอง ราคาห้อง ได้ที่เว็บโรงแรมได้เลย มีสตาฟคนไทยด้วยค่ะ
http://www.khaosan-fukuoka.com/th/
เว็บไซต์นี้ทั้งสองโรงแรมค่ะ มีภาษาไทยด้วย จองง่ายมากๆมีปัญหาถามได้ ยินดีช่วยเหลือค่ะ

ส่วนการเตรียมตัวอื่นๆก็มี Pocket Wifi ที่ซื้อจากเอเจนซี่ไทย อันนี้เราไม่ได้จัดการแต่ก็ไม่ยากค่ะ
เราไม่ได้โหลดกระเป๋าเพิ่ม ตอนนั้นมีโปรฯสำหรับคนที่จองก่อนเดือนตุลาคม ได้กระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่อง 10kg
ปกติ 7Kg สัมภาระรวมสองชิ้น ตามระเบียบการโดยสารทั่วไป ขนาดกระเป๋าก็ไม่เกินๆราว 22 นิ้ว ประมาณนี้ค่ะ
แล้วก็แนะนำว่าให้โหลด Application Hyperdia ไว้ในมือถือด้วยค่ะ ช่วยเราเรื่องตารางเวลารถไฟได้เยอะมากๆ
มาถึงตรงนี้ถ้ามีคำถาม ถามได้เลยนะคะ ถ้าตอบได้จะตอบ ถ้าตอบไม่ได้จะช่วยค้นอากู๋ให้ค่ะ =,.=

เราออกเดินทางคืน(เช้ามืด)วันที่ 24 DEC เวลาตีสองกับอีกสิบห้านาที ช่วงเช็คอินคือใช้เวลานานพอสมควรค่ะ
กว่าจะเสร็จ กว่าจะผ่านนู่นนี่ กว่าจะเดินไปถึงเกท ก็ประมาณ ตีหนึ่งครึ่งแล้ว เราไม่แน่ใจว่ามันช้าหรือเปล่า
แต่คือตอนที่เราเช็คอินเสร็จมีคนรออีกประมาณหนึ่งเลย จำได้ว่าคนท้ายๆที่มาถึงเกท ช่วงนั้นก็เริ่มจะเดินไปขึ้นเครื่องแล้ว

บนเครื่องได้เจอเพื่อนร่วมทางที่อ่านหนังสือท่องเที่ยวเกี่ยวกับคิวชูเล่มเดียวกัน ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ : )
หลังจากนั่งหลับสัปหงกโดยใช้เวลาประมาณหกขั่วโมงน้องเจทก็พาเรามาถึงสนามบินฟุคุโอกะประมาณ 9.25 ตามเวลาท้องถิ่น
ฟีลลิ่งแรกที่รู้สึกคือช่วงที่เริ่มบินเข้าน่านฟ้าญี่ปุ่นคือหนาวค่ะ พอเครื่องแลนดิ้งก็มองออกไปนอกหน้าต่างคือ
....ทำไมเมืองมันดูเงียบเหงางี้ล่ะ
คือสนามบินมีภูเขาเตี้ยๆอยู่ใกล้ๆ สีของภาพที่เห็นคือมันดูหม่นๆเหมือนเมืองที่เพิ่งผ่านสงครามมาอย่างไงอย่างงั้น
มันหม่นและเงียบเหงาจริงๆเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมายืนยันความรู้สึกเพราะไม่ได้นั่งริมหน้าต่าง
แอบหวั่นใจเล็กน้อยแต่ทำไงได้มาถึงแล้วนี่
พอเครื่องจอดสนิทก็หอบหิ้วสัมภาระที่ไม่ได้โหลดสักชั้นลงจากเครื่อง ย้ำว่าไม่ได้โหลดค่ะ (14วันแบบไม่โหลดนี่ก็โหดของจริง)
สิบกิโลเต็มลิมิตพร้อมเป้อีกใบ ปุเรงๆไปขึ้นชัตเทิลบัสไปยังอาคารผู้โดยสาร เท่าที่สังเกตก็มีคนไทยเยอะมากๆ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตอนที่บอกเพื่อนว่าจะไปญี่ปุ่นนะ ไปฟุคุโอกะ ไปคิวชู ทุกเสียงจะมาทำนองเดียวกัน
ทำไมไม่ไปโตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโดล่ะ นี่อยากจะบึนปากใส่แล้วบอกว่าเดี๋ยวเราทำทริปนี้ให้สนุกเอง!!!!
แต่อากาศห้าองศาคือสิ่งที่เรายอมแพ้ตั้งแต่เริ่ม เป็นคนที่ทนอากาศหนาวๆไม่ค่อยได้เท่าไหร่
เจอตอนรับด้วยห้านี่พี่แทบโบกมือลาเลยค่ะคิวชูวววว
ภาพตัดไปที่อาคารผู้โดยสาร ด้วยความที่ออกจากชัตเทิลบัสเป็นคนท้ายๆ ทีนี้ต้องมาทำเวลาตอนกรอกข้อมูลนี่แหละ
“เดี๋ยวไฟลท์ต่อมาจะลงแล้วนะคะ” เสียงใสของพนักงานคนสวยดังขึ้นที่ข้างหู โอ่ยมือก็แข็ง รีบก็รีบ ใจเย็นค้าใจเย็นนน
อย่าลืมเตรียมข้อมูลเรื่องสถานที่โรงแรมไว้ด้วยนะคะ ชื่อโรงแรมอะไร บลาๆ สุดท้ายก็รีบกรอกแล้วก็เข้าสู่การสู้หน้ากับตม.
มีการชั่งใจเลือกช่องนิดหน่อยว่าคนไหนดี ทันใดนั้นคุณลุงก็กวักมือหยอยๆ โอเค คนนี้ล่ะวะ
เปิดพาสปอร์ตยุกยิกๆมองหน้าแปบๆ อะริกาโต อ่าวว งั้นก็ โอฮาโยยะค่ะ
จากนั้นก็ลากตัวเองลงสู่ชั้นล่างเพื่อไปเขียนใบเหลืองๆที่เป็นเรื่องศุลกากรค่ะ
จริงๆทั้งสองใบนี่แจกบนเครื่องแต่ปากกาอยู่ในกระเป๋าบนชั้นอีกที
เลยต้องลงมาเขียนข้างล่าง เอกสารพวกนี้ต้องใช้สกิลภาษาอังกฤษนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ใบศุลกากรนี่ก็ตอบว่าไม่ๆๆอย่างเดียวเลยค่ะ
ใบศุลกากรเขียนแค่ใบเดียวต่อกรุ๊ปที่มาด้วยกันนะคะ เจ้าหน้าที่จะถามเราว่า “นี่แฟมิลี่ของยูใช่ไหมก๊ะ” เขาก็จะให้เราเขียนแค่ใบเดียวค่ะ
หลังจากโอฮาโยเจ้าหน้าที่สาวสวยอีกครั้ง เราก็จะเปิดประตูที่เหมือนฐานทัพขององค์กรลับในหนังออกไปสู่โลกภายนอกค่ะ
มันเหมือนจริงๆนะ ตอนแรกเราแทบหาๆไม่เจอว่านี่จะออกจากกำแพงนี่ได้ยังไง

พอออกมาจากฐานทัพแล้วเราจะต้องนั่งชัตเทิลบัสจากอาคารที่เราอยู่ไปยังอาคารผู้โดยสารในประเทศค่ะ
มีรถทุกๆห้าถึงสิบนาทีค่ะ หน้ารถจะมีอักษร K13 อยู่นั่นแปลว่ารถคันนี้ไปอาคารผู้โดยสารในประเทศ
เพราะ K13 เป็นลำดับของสถานีรถไฟใต้ดิน สถานีสนามบินฟุคุโอกะค่ะ
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงอาคารผู้โดยสารในประเทศพอลงจากรถเดินไปตามทางจะเจอทางลงไปสถานีรถไฟใต้ดิน มองๆหาป้ายดูก็ได้ค่ะ
อีกอย่างรูปยังไม่ได้ทำเลยค่ะ ไม่รู้ว่าที่เอาลงนี่ใหญ่ไปหรือเปล่า เราปรับเล็กแล้วความคมหายหมดเลย
มีทั้งจากมือถือและกล้องDSLRค่ะ อ่านยากหรือเปล่าคะ ถ้ายากบอกได้เลย เดี๋ยวต่อไปจะแก้ไข รีวิวนี้มหากาพย์ค่ะ ฮาาา
[CR] คิวชูของพี่ รีวิวนี้อ่านแล้วไปได้เลย!! [Kyushu14Days]
สวัสดีค่ะ -/\-
มาด้วยชื่อกระทู้เวอร์วังอลังแบบสุด(ตรงไหน?) ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงตั้งกระทู้แบบนี้คะ!!
เราว่าหลายคนประสบปัญหาเวลาหาข้อมูลจะไปเที่ยวต่างประเทศเอง อ่านรีวิวมาก็เยอะ เห็นภาพสวยๆมาก็แยะ
แต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆว่าถ้าฉันไปถึงตรงนั้น ฉันจะทำยังไง ซื้อตั๋วตรงไหน ขึ้นรถตรงไหน ใครที่จะพึ่งพาได้
เราเองก่อนไปก็หาข้อมูลเยอะมากเพราะไปนานถึง 14 วัน และมีลูกเรือฝากชีวิตกับเราไว้อีก 3 คน
และเป็นผู้เดียวที่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อน สื่อสารภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นได้นิดหน่อย เราถือว่าเราโชคดีที่สื่อสารได้
เพราะบางคนกลัวการไปเที่ยวด้วยตัวเองเพราะติดปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่เราบอกตรงนี้เลยว่ามันไม่ใช่ปัญหา
พอไปถึงที่นั่นทุกคนพร้อมช่วยคุณเสมอ คิดบวกแล้วจะสวยค่ะ
หมายเหตุ รีวิวครั้งแรก ผิดพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ -/\-
หยุดเพ้อเจ้อแล้วมาเริ่มเลยดีกว่า ข้อมูลคร่าวๆของเกาะคิวชู ก็เป็นเกาะทางใต้สุดของญี่ปุ่นมีทั้งหมด 7 จังหวัด
มีเมืองใหญ่คือจังหวัดฟุคุโอกะ คือหลายคนบอกว่าเป็นเกาะที่ไม่ค่อยมีหิมะในช่วงหน้าหนาว
อารมณ์แบบว่าอาจจะตกแต่ไม่ขาวโพลนอะไรทำนองนั้น แต่บางพื้นที่ก็ตกจริงจังอยู่
อ่านเจออะไรพวกนี้ก็แบบว่า อ่า ฉันไปช่วงหน้าหนาวแต่ฉันจะไม่ได้สัมผัสหิมะหรอนี่
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย เจอก็ดีไม่เจอก็แล้วไป : )
เราเดินทางโดยสายการบิน Jetstar Airways บินตรงจากสุวรรณภูมิถึงสนามบินฟุคุโอกะ
สายการบินนี้ราคาปกติก็ไม่แพง ราคาอยู่ราวๆ 5-7 พันต่อเที่ยว จังหวะโปรฯก็เหลือครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว
ต้องส่องกันดีๆ ตอนแรกจะซื้อผ่านเว็บแต่ว่าตัดบัตรไม่ผ่าน ก็เลยซื้อผ่านคอลเซนเตอร์ในไทยแทน
แค่แจ้งช่วงเวลา บอกข้อมูลผู้เดินทาง บอกเลขบัตรเครดิต หลังจากพยายามตัดบัตรผ่านเว็บหลายรอบ
โทรไปคอลเซนเตอร์รอบเดียวจอดค่ะ เสร็จเรียบร้อยแบบงงๆ
*ภาพจากเว็บไซต์
ช่วงวางแพลนก็ซื้อเจอาร์พาสไว้แล้วค่ะ เจอาร์พาสในพื้นที่คิวชูมีสองแบบ คือ All area กับ North area
ที่บอกไปว่าเกาะคิวชูมี 7 จังหวัด แบบแรกก็จะไปได้ทั่วเลย แต่แบบหลังไป 2 จังหวัดล่างสุดไม่ได้คือ คาโงะชิมะ กับ มิยะซะกิ
เราใช้แบบหลังเพราะไม่ได้ไป 2 จังหวัดที่กล่าวไป บัตรก็มีแบบ 3 วัน กับ 5 วัน ราคาแตกต่างกันไป เราใช้แบบ 5 วัน
ราคาประมาณ 2,6xx บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. ทั้งทริปเรตเงินประมาณ 27-28 บาท เงินเยนคิดไปเป็นไทยง่ายๆคือคูณด้วยเรตเงิน
เช่น 5000yen x 0.27 แบบนี้ก็จะได้เป็นเงินไทยค่ะ
*ภาพจากเว็บไซต์ไม่ได้ถ่ายเองค่ะ รูปบนAnnex รูปล่างOriginal
มาถึงส่วนของโรงแรม เราพักที่เดียวกันทั้งหมด คือ Khaosan Fukuoka Annex แต่มีหนึ่งคืนที่เราไปนอนที่ Khaosan Fukuoka Original เครือเดียวกันค่ะแต่ถูกกว่านิดหน่อย เดี๋ยวเล่าทีหลังว่าทำไมถึงไปนอนที่นั่น ฮาสุดค่ะ เราจองที่พักผ่านเว็บของโรงแรม ไม่ยากเช่นกัน เลือกช่วงวัน เลือกแบบห้อง ใส่ชื่อ ใส่เลขบัตรเพื่อเป็นการประกัน แล้วไปจ่ายเงินที่โรงแรมค่ะ รับเงินเยนสด และบัตรเครดิต ดูรายละเอียดการจอง ราคาห้อง ได้ที่เว็บโรงแรมได้เลย มีสตาฟคนไทยด้วยค่ะ
http://www.khaosan-fukuoka.com/th/
เว็บไซต์นี้ทั้งสองโรงแรมค่ะ มีภาษาไทยด้วย จองง่ายมากๆมีปัญหาถามได้ ยินดีช่วยเหลือค่ะ
ส่วนการเตรียมตัวอื่นๆก็มี Pocket Wifi ที่ซื้อจากเอเจนซี่ไทย อันนี้เราไม่ได้จัดการแต่ก็ไม่ยากค่ะ
เราไม่ได้โหลดกระเป๋าเพิ่ม ตอนนั้นมีโปรฯสำหรับคนที่จองก่อนเดือนตุลาคม ได้กระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่อง 10kg
ปกติ 7Kg สัมภาระรวมสองชิ้น ตามระเบียบการโดยสารทั่วไป ขนาดกระเป๋าก็ไม่เกินๆราว 22 นิ้ว ประมาณนี้ค่ะ
แล้วก็แนะนำว่าให้โหลด Application Hyperdia ไว้ในมือถือด้วยค่ะ ช่วยเราเรื่องตารางเวลารถไฟได้เยอะมากๆ
มาถึงตรงนี้ถ้ามีคำถาม ถามได้เลยนะคะ ถ้าตอบได้จะตอบ ถ้าตอบไม่ได้จะช่วยค้นอากู๋ให้ค่ะ =,.=
เราออกเดินทางคืน(เช้ามืด)วันที่ 24 DEC เวลาตีสองกับอีกสิบห้านาที ช่วงเช็คอินคือใช้เวลานานพอสมควรค่ะ
กว่าจะเสร็จ กว่าจะผ่านนู่นนี่ กว่าจะเดินไปถึงเกท ก็ประมาณ ตีหนึ่งครึ่งแล้ว เราไม่แน่ใจว่ามันช้าหรือเปล่า
แต่คือตอนที่เราเช็คอินเสร็จมีคนรออีกประมาณหนึ่งเลย จำได้ว่าคนท้ายๆที่มาถึงเกท ช่วงนั้นก็เริ่มจะเดินไปขึ้นเครื่องแล้ว
บนเครื่องได้เจอเพื่อนร่วมทางที่อ่านหนังสือท่องเที่ยวเกี่ยวกับคิวชูเล่มเดียวกัน ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ : )
หลังจากนั่งหลับสัปหงกโดยใช้เวลาประมาณหกขั่วโมงน้องเจทก็พาเรามาถึงสนามบินฟุคุโอกะประมาณ 9.25 ตามเวลาท้องถิ่น
ฟีลลิ่งแรกที่รู้สึกคือช่วงที่เริ่มบินเข้าน่านฟ้าญี่ปุ่นคือหนาวค่ะ พอเครื่องแลนดิ้งก็มองออกไปนอกหน้าต่างคือ
....ทำไมเมืองมันดูเงียบเหงางี้ล่ะ
คือสนามบินมีภูเขาเตี้ยๆอยู่ใกล้ๆ สีของภาพที่เห็นคือมันดูหม่นๆเหมือนเมืองที่เพิ่งผ่านสงครามมาอย่างไงอย่างงั้น
มันหม่นและเงียบเหงาจริงๆเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมายืนยันความรู้สึกเพราะไม่ได้นั่งริมหน้าต่าง
แอบหวั่นใจเล็กน้อยแต่ทำไงได้มาถึงแล้วนี่
พอเครื่องจอดสนิทก็หอบหิ้วสัมภาระที่ไม่ได้โหลดสักชั้นลงจากเครื่อง ย้ำว่าไม่ได้โหลดค่ะ (14วันแบบไม่โหลดนี่ก็โหดของจริง)
สิบกิโลเต็มลิมิตพร้อมเป้อีกใบ ปุเรงๆไปขึ้นชัตเทิลบัสไปยังอาคารผู้โดยสาร เท่าที่สังเกตก็มีคนไทยเยอะมากๆ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตอนที่บอกเพื่อนว่าจะไปญี่ปุ่นนะ ไปฟุคุโอกะ ไปคิวชู ทุกเสียงจะมาทำนองเดียวกัน
ทำไมไม่ไปโตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโดล่ะ นี่อยากจะบึนปากใส่แล้วบอกว่าเดี๋ยวเราทำทริปนี้ให้สนุกเอง!!!!
แต่อากาศห้าองศาคือสิ่งที่เรายอมแพ้ตั้งแต่เริ่ม เป็นคนที่ทนอากาศหนาวๆไม่ค่อยได้เท่าไหร่
เจอตอนรับด้วยห้านี่พี่แทบโบกมือลาเลยค่ะคิวชูวววว
ภาพตัดไปที่อาคารผู้โดยสาร ด้วยความที่ออกจากชัตเทิลบัสเป็นคนท้ายๆ ทีนี้ต้องมาทำเวลาตอนกรอกข้อมูลนี่แหละ
“เดี๋ยวไฟลท์ต่อมาจะลงแล้วนะคะ” เสียงใสของพนักงานคนสวยดังขึ้นที่ข้างหู โอ่ยมือก็แข็ง รีบก็รีบ ใจเย็นค้าใจเย็นนน
อย่าลืมเตรียมข้อมูลเรื่องสถานที่โรงแรมไว้ด้วยนะคะ ชื่อโรงแรมอะไร บลาๆ สุดท้ายก็รีบกรอกแล้วก็เข้าสู่การสู้หน้ากับตม.
มีการชั่งใจเลือกช่องนิดหน่อยว่าคนไหนดี ทันใดนั้นคุณลุงก็กวักมือหยอยๆ โอเค คนนี้ล่ะวะ
เปิดพาสปอร์ตยุกยิกๆมองหน้าแปบๆ อะริกาโต อ่าวว งั้นก็ โอฮาโยยะค่ะ
จากนั้นก็ลากตัวเองลงสู่ชั้นล่างเพื่อไปเขียนใบเหลืองๆที่เป็นเรื่องศุลกากรค่ะ
จริงๆทั้งสองใบนี่แจกบนเครื่องแต่ปากกาอยู่ในกระเป๋าบนชั้นอีกที
เลยต้องลงมาเขียนข้างล่าง เอกสารพวกนี้ต้องใช้สกิลภาษาอังกฤษนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ใบศุลกากรนี่ก็ตอบว่าไม่ๆๆอย่างเดียวเลยค่ะ
ใบศุลกากรเขียนแค่ใบเดียวต่อกรุ๊ปที่มาด้วยกันนะคะ เจ้าหน้าที่จะถามเราว่า “นี่แฟมิลี่ของยูใช่ไหมก๊ะ” เขาก็จะให้เราเขียนแค่ใบเดียวค่ะ
หลังจากโอฮาโยเจ้าหน้าที่สาวสวยอีกครั้ง เราก็จะเปิดประตูที่เหมือนฐานทัพขององค์กรลับในหนังออกไปสู่โลกภายนอกค่ะ
มันเหมือนจริงๆนะ ตอนแรกเราแทบหาๆไม่เจอว่านี่จะออกจากกำแพงนี่ได้ยังไง
พอออกมาจากฐานทัพแล้วเราจะต้องนั่งชัตเทิลบัสจากอาคารที่เราอยู่ไปยังอาคารผู้โดยสารในประเทศค่ะ
มีรถทุกๆห้าถึงสิบนาทีค่ะ หน้ารถจะมีอักษร K13 อยู่นั่นแปลว่ารถคันนี้ไปอาคารผู้โดยสารในประเทศ
เพราะ K13 เป็นลำดับของสถานีรถไฟใต้ดิน สถานีสนามบินฟุคุโอกะค่ะ
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงอาคารผู้โดยสารในประเทศพอลงจากรถเดินไปตามทางจะเจอทางลงไปสถานีรถไฟใต้ดิน มองๆหาป้ายดูก็ได้ค่ะ
เราพิมพ์ไว้เกือบจะจบแล้ว แต่ว่ากำลังรื้อฟื้นความทรงจำ เพราะไปตั้งปลายปีที่แล้ว
เขียนเก็บหอมรอมริบไว้เรื่อยๆ (ขี้เกียจนั่นแหละ ฮาา)
อีกอย่างรูปยังไม่ได้ทำเลยค่ะ ไม่รู้ว่าที่เอาลงนี่ใหญ่ไปหรือเปล่า เราปรับเล็กแล้วความคมหายหมดเลย
มีทั้งจากมือถือและกล้องDSLRค่ะ อ่านยากหรือเปล่าคะ ถ้ายากบอกได้เลย เดี๋ยวต่อไปจะแก้ไข รีวิวนี้มหากาพย์ค่ะ ฮาาา
น้อมรับทุกคำติชม จะพยายามเขียนและเอาลงให้เร็วที่สุด ขอบคุณค่ะ : )
รูปเรียลไทม์ช่วงที่ไปเที่ยวค่ะ ดูใน #soft14daysinkyushu ใน IG ค่ะ
ปล.แท๊กภาพถ่ายเพราะชอบถ่ายรูปค่ะ แท๊กนี่มันแท๊กยังไง โอ่ยยย