ตอนที่ผ่าน ๆ มา =
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 = https://pantip.com/topic/36826773
ตอนที่ 2 = https://pantip.com/topic/36840648
ตอนที่ 3 = https://pantip.com/topic/36854431
ตอนที่ 4 = https://pantip.com/topic/36870573
ตอนที่ 5 = https://pantip.com/topic/36887882/
ตอนที่ 6 = https://pantip.com/topic/36901653
ตอนที่ 7 = https://pantip.com/topic/36918484
ตอนที่ 8 = https://pantip.com/topic/36937480
ตอนที่ 9 = https://pantip.com/topic/36945190
สองวัน ก่อนกำหนดนัดหมายพบกันที่เวียนนา...
แอ๊ดดี้ พาติ๊กแฟนสาวไปพบปะทำความรู้จักกับพรรคพวกเพื่อนฝูงทั้งหมด ได้แก่ เพื่อนๆที่เคยเล่นดนตรีรำวง วง "หนองกระทิง" มี ยักษ์ มือกลอง อ๊อด มือเบสร่างโย่ง เก่ง มือคีย์บอร์ด กร นักร้องนำรูปหล่อ และพี่พันหัวหน้าวง พวกเขายังคงเล่นดนตรีรำวงกันอยู่โดยมี แซม มือกีตาร์คนใหม่มาแทนที่แอ๊ดดี้ซึ่งเข้าสู่วงการหลังจากชนะเลิศการประกวดโซโล่กีตาร์ในครั้งนั้น และเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้แอ๊ดดี้ได้ติดต่อกับคุณนิวัติ บิ๊กบอสของบริษัท CGM Entertainment ประจำประเทศไทย เสี่ยวิชัย และเพื่อน ๆ ในวง Dark Rocker ทุก ๆ คนเรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ ทั้งสองกลุ่มเห็นพ้องต้องกันว่าจะเดินทางไปกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อเข้าชมการแสดง "โซนาต้า" ของแอ๊ดดี้ ซึ่งจะต้องประชันเดี่ยวๆ กับนักไวโอลินเอกคนหนึ่งซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
อันที่จริง การที่แอ๊ดดี้เดินทางกลับไปหาเพื่อนๆ ทั้งสองกลุ่มในคราวนี้ เป็นการตั้งใจอำลาพวกเขาเหล่านี้ล่วงหน้า เพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายตนเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกนี้หรือไม่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ เขาสามารถเขียนโน้ตเพลงต้นฉบับของซาตานได้แล้วก็ตาม แต่ทว่าการเล่นกับการเขียนนั้นแตกต่างกันมาก การเขียนโน้ตเพลง สามารถที่จะเขียนตัวโน้ตละเอียดถี่ยิบ เขบ็ดห้าหกเจ็ดชั้นหรือแม้มากกว่านั้นก็เขียนได้ แต่เขียนแล้ว เล่นตามได้ไหม ? นั่นแหละคือปัญหา !! บางช่วงบางตอนมีการโซโล่อย่างเร็วเหลือเชื่อ และบางช่วงบางตอนเหล่านั้นแอ๊ดดี้ยังไม่สามารถเล่นตามได้ทั้งหมด! นิ้วที่เกาะอยู่บนสายจะหลุดทุกครั้งที่เข้าสู่ "ช่วงวิกฤติ" เหล่านั้น !! สิ่งที่คิดไว้ตอนนี้คือ อาจจะต้อง "เล่นให้มันง่ายลง" แต่แอ๊ดดี้ก็ไม่อยากทำอย่างนั้น !!
และเมื่อถึงตอนกล่าวอำลาเพื่อนๆ ทั้งสองกลุ่ม ปรากฏว่าทุกคนไม่ยอมให้เขาจากไป ไม่ยอมให้เขากับติ๊กไปกันเพียงลำพังสองคน ทุกคนต้องการติดตามไปด้วย โดยหวังว่าหากมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น ก็อาจจะพากันเข้าไปช่วยเหลือเขาได้บ้าง อย่างน้อยที่สุดก็จะได้เป็นกำลังใจให้แก่เขา ในขณะที่เขากำลังเล่นดนตรีอยู่บนเวที ดังนั้น เพื่อนๆทั้งสองกลุ่มจึงรวมตัวกันที่กรุงเทพฯ เมื่อแอ๊ดดี้และติ๊กถึงกรุงเทพแล้วก็พากันไปรับตัวเขาไปพักที่บ้านของคุณนิวัติ เพื่อปรึกษาหารือกันก่อนจะเดินทางสู่กรุงเวียนนาในวันรุ่งขึ้น
"ตอนนี้ นายกลายเป็นนักไวโอลินไปเสียแล้ว แอ๊ดดี้" คุณนิวัติเอ่ยยิ้มๆ แต่เป็นยิ้มซึ่งเจือด้วยความเครียด "นายฝึกซ้อมเพลงต้นฉบับของ DEVIL'S TRILL SONATA ได้ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ?"
"ถ้าเอาตามที่จำได้โดยไม่ดูสมุดโน้ต ผมรู้สึกว่ายังจำได้ไม่ถึงครึ่ง!!" แอ๊ดดี้ตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "แต่ถ้าดูโน้ตไปเล่นไป มันก็พอถูไถไปได้ ประมาณ 60 -70 เปอร์เซ็นต์ครับผม"
"อืมม...แปลว่ามันยากมาก..."
"ใช่ครับผม ยากมากๆ ผมโชคดีที่ได้พบวิญญาณของคุณจูเซปเป้ ตาร์ตินี่ ในความฝัน แล้วเขาพาผมกลับสู่อดีต ไปฟังซาตานบรรเลงในคืนที่เขาฝันคืนนั้น"
"แล้วพอนายตื่น นายก็รีบเขียนโน้ตเพลงทั้งหมดทันที ?"
"ครับผม"
"คิดว่า เขียนได้ถูกต้องทั้งหมดเลยไหม ?"
"อืม...ไม่แน่ใจว่าจะถูกหมดร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มครับ" แอ๊ดดี้ครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนตอบ "แต่ยังไงก็ เชื่อว่า ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ครับผม อย่างน้อยต้องมี 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป และที่แน่ๆ เพลงเดิมของคุณจูเซปเป้ ตาร์ตินี่ กลายเป็นเพลงเด็กๆไปเลยเมื่อเทียบกับเพลงที่ผมเขียนใหม่ !! มันยากและสลับซับซ้อนกว่าของเขา หลายสิบเท่า เป็นร้อยเท่าก็ว่าได้!"
"อ่าฮะ..." บิ๊กบอสพยักหน้าหงึกๆ "ไหนลอง..เล่นให้ฉันฟังซักหน่อยซิ เอาเท่าที่นายจำได้ อยากฟังว่ะ!"
"ได้ครับผม" แอ๊ดดี้พยักหน้าตอบตกลง แล้วหยิบกระเป๋าไวโอลินสีน้ำตาลแดงเหมือนสีของมันขึ้นมา เปิดกระเป๋า หยิบไวโอลินและไม้สีขึ้นมา อยู่ในท่าเตรียมพร้อม
ทุกคนเข้ามานั่งล้อมวง บนเก้าอี้บ้าง บนพื้นพรมบ้าง
แอ๊ดดี้สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเริ่มบรรเลง นิ้วทั้ง 4 ค่อยๆ กรีดกราย การสีเป็นไปโดยเริ่มต้นจากท่วงทำนองเชื่องช้าอ้อยอิ่งฟังดูเศร้าสร้อยหดหู่ คล้ายคลึงกับ DEVIL'S TRILL SONATA ของจูเซปเป้ ตาร์ตินี่ แต่แตกต่างกันมาก ของแอ๊ดดี้ฟังดูบีบคั้นจิตใจมากกว่า...
และเมื่อท่วงทำนองกับจังหวะเริ่มเร่งถี่กระชั้นขึ้นทีละน้อยๆ ทุกคนที่กำลังฟังอยู่รู้สึกเคลิ้มเหมือนถูกวางยา จากนั้นหัวใจทุกคนก็เต้นระทึกแรงขึ้นๆ ด้วยอำนาจบทเพลงปีศาจซึ่งเหมือนกำลังบีบคั้นกระชากหัวใจให้หลุดออกมาจากอก! บางคน ทำท่าจะเป็นลม ทนฟังไม่ไหว ถึงกับเดินหนีออกไปหายใจข้างนอกห้อง!
แอ๊ดดี้สังเกตอากัปกิริยาของแต่ละคนๆในขณะที่กำลังเล่นเพลงปีศาจจากความจำ จนเห็นทุกคนหน้าแดงก่ำตาเบิกกว้าง จึงหยุดเล่นกลางคัน!
พอเขาหยุดเล่นเท่านั้น ทุกคนถึงกับเป่าลมออกจากปาก ถอนหายใจ บ้างก็ยกมือตบหน้าอกข้างซ้าย เหมือนกับจะให้หัวใจเต้นช้าลง
"นี่มัน เพลงปลิดวิญญาณชัดๆ !!" คุณนิวัติร้องออกมา "นี่ถ้านายไม่หยุดเล่น คงมีคนหัวใจวาย!!"
แอ๊ดดี้ก้มหน้ารับ แล้วให้ข้อแนะนำแก่ทุกคน
"พวกเราทุกคนต้องเตรียมตัวไว้นะครับ! เวลาจะฟังผมเล่นบนเวที เตรียมสำลีหรืออะไรก็ได้ที่หนาๆ ไว้อุดหู เวลาที่ฟังๆไปแล้ว เริ่มรู้สึกใจเต้น เริ่มหวิวๆจะเป็นลม เพลงนี้อันตรายมากครับ !!!"
"นี่ขนาด...นายยังเล่นไม่จบ เบรคกลางคัน ยังขนาดนี้..." ยักษ์ มือกลองวงหนองกระทิงเอ่ยขึ้นบ้าง "ที่เล่นมานี่ เล่นไปกี่เปอร์เซ็นต์ ? แอ๊ดดี้"
"ซัก...ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เองมั้ง!" เขาตอบหน้าตาเรียบเฉย
"หา !!! แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น !!???" อ๊อดมือเบสร้องจ๊าก "แค่นี้ก็จะแย่กันแล้ว แอ๊ดดี้..."
"แบบนี้ คนในฮอลซึ่งจะได้ฟังกันเต็มๆเพลง ต้องย่ำแย่กันแน่" วิชัยกล่าวอย่างหวาดหวั่น "และต้องมีคนฟังเป็นจำนวนมากแน่ๆ"
"ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ไหน..." แอ๊ดดี้กล่าวแสดงความสงสัย "แต่ผมเชื่อว่า คนที่จะเข้าไปฟังงานนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ !"
"ไม่ธรรมดายังไงเหรอ แอ๊ดดี้ ?" บิ๊กบอสขมวดคิ้วถาม
"ผมว่า...." แอ๊ดดี้หยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะให้ข้อสันนิษฐาน
"อาจจะเป็นพวก...ลัทธิบูชาซาตาน ไปรวมตัวกันครับ !!"
"โอ...ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็น่ากลัวนะคะ" ติ๊กเอ่ยขึ้นมาบ้าง "พวกนี้ คงสามารถฟังเสียงเพลงของปีศาจได้อย่างสบายไม่มีผลกระทบใดๆ แต่คนธรรมดาๆที่จะเข้าไปดูไปฟังนี่สิคะ น่าเป็นห่วง และต้องมีแน่ๆ"
"แบบนี้ พวกเรายิ่งไม่อาจให้เธอกับแอ๊ดดี้ไปกันแค่สองคน" คุณนิวัติกล่าวยืนยันการเดินทางไปด้วยกัน "ไม่ว่าผลการประชันไวโอลินจะเป็นอย่างไร พวกเราจะปกป้องคุ้มกันแอ๊ดดี้ให้ดีที่สุด!"
"ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณทุกๆคนด้วยครับ" แอ๊ดดี้ยกมือไหว้คุณนิวัติ แล้วหันไปหาเพื่อนๆ
"จะเที่ยงคืนแล้ว" คุณนิวัติยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วชวนทุกคนเข้านอน "แยกย้ายกันไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้จะได้เตรียมตัวเดินทางกัน"
"เราจะขึ้นเครื่องกันตอนกลางคืนของวันพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ ?" แอ๊ดดี้เอ่ยถาม
"ใช่ แอ๊ดดี้" คุณนิวัติพยักหน้า "ไปกับการบินไทย เวลาตีหนึ่งครึ่ง สักเที่ยงคืนพวกเราก็ไปเช็คอินกัน"
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สนามบินดอนเมือง คืนวันถัดมา เวลาเที่ยงคืนเศษๆ
แอ๊ดดี้และคณะ เข้าเช็คอินแล้วพากันเดินไปที่ห้องพักผู้โดยสารขาออก
ขณะที่กำลังเดินไป คุณนิวัติ และคนอื่นๆซึ่งเดินอยู่ข้างหลังแอ๊ดดี้กับติ๊ก ต่างหยุดชะงัก ทำท่าตื่นตกใจ...
คุณนิวัติหันกลับมายังทุกคนที่เดินตามมา แล้วยกมือขึ้น เอานิ้วชี้ข้างขวาแตะริมฝีปาก และส่ายหน้า เป็นเชิงห้ามมิให้ใครพูดอะไรออกมา
สาเหตุที่ทุกคนตกใจ เพราะว่า ทุกคนซึ่งเดินตามแอ๊ดดี้อยู่เบื้องหลัง มองเห็นเขาไม่มีหัว !!!
คุณนิวัติ หันรีหันขวาง แล้วตัดสินใจถอดเสื้อแจ็คเก็ตหนังออกจากตัว ถือไว้และร้องเรียก "แอ๊ดดี้ !!"
"ครับผม ?" แอ๊ดดี้หยุดเดิน หันกลับมามอง
"แอ๊ดดี้ ยืนอยู่เฉยๆ นะ คนอื่นๆ ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น เงียบไว้ !" คุณนิวัติสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
ทุกคนทั้งที่อยู่ข้างหน้าและข้างหลังแอ๊ดดี้หยุดเดิน มองมาที่แอ๊ดดี้และตกตะลึงกับภาพที่เห็นเหมือนกันหมดคือ
เขาไม่มีหัว !!!
แอ๊ดดี้เองก็แปลกใจ แต่ก็หยุดยืนอยู่นิ่งๆ ตามคำสั่งเจ้านาย
คุณนิวัติเดินปรี่เข้าหาเขา แล้วเอาเสื้อแจ๊คเก็ตครอบศีรษะเขา !!
"อยู่เฉยๆ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นนะแอ๊ดดี้ !!!"
แอ๊ดดี้ได้แต่ผงกหัวแล้วยืนนิ่ง ในใจก็สงสัยอยู่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
ครู่หนึ่งผ่านไป คุณนิวัติก็ดึงเสื้อแจ๊คเก็ตซึ่งปกคลุมหัวเขาออก และทุกคนก็ได้มองเห็นเขามีศีรษะตามปกติ
"มันอะไรกันครับเนี่ย ? ทำไมต้องคลุมหัวผม ?" แอ๊ดดี้ถามอย่างงุนงงไม่เข้าใจ
"เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ตอนที่นายกำลังเดินไปข้างหน้า พวกเราซึ่งเดินตามอยู่ข้างหลัง เห็นนายไม่มีหัว !!"
"ไม่มีหัว !?" แอ๊ดดี้ทวนประโยคสุดท้ายของเจ้านาย "พี่ก็เลย ถอดเสื้อของพี่มาคลุมหัวผม ?"
"เออ!! จริงๆแล้วที่เคยฟังคนเฒ่าคนแก่เล่ามา คนสมัยก่อนเขาจะหาตะกร้าหรือภาชนะอะไรมาครอบหัวคนที่มองเห็นว่าไม่มีหัวเพื่อแก้เคล็ด บริเวณนี้มันไม่มีอะไร พี่ก็เลยถอดเสื้อพี่คลุมให้ และห้ามไม่ให้ทุกคนเอ่ยทักอะไร"
"มันแปลว่า ผม...ดวงไม่ดี ก็เลยต้องทำแบบนี้หรือครับ ?"
"ถูกต้อง แอ๊ดดี้ ตามความเชื่อคนไทยโดยเฉพาะชาวพุทธ แบบนี้ความหมายคือ ชะตาขาด!! แต่ถ้ามีคนแก้เคล็ดได้ทันท่วงที และไม่มีใครเอ่ยทักเลย ก็อาจจะรอดพ้นเคราะห์ร้ายนั้นได้" เสี่ยวิชัยกล่าวเสริม
"เมื่อกี้ ถ้าพี่ห้ามไว้ไม่ทัน มีใครสักคนเอ่ยทักขึ้นมาว่าแอ๊ดดี้ไม่มีหัวละก็ แย่เลย"
"โอเค งั้นตอนนี้ก็คงไม่เป็นไรแล้ว พวกเราเข้าไปในห้องผู้โดยสารขาออกกันเถอะครับ"
"อื้ม...ไปกัน!"
คุณนิวัติพยักหน้า แล้วเดินนำหน้าทุกคนเข้าสู่ห้องผู้โดยสารขาออก
ทุกคนพากันจับจองเก้าอี้ที่นั่งบริเวณด้านหน้าเพื่อนั่งรอเวลาตีหนึ่งครึ่งซึ่งเป็นกำหนดเวลาที่เครื่องจะลง บางคนหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน บางคนก็ดูทีวี สลับกับการตรวจเช็คดูข้อมูลเที่ยวบินต่างๆบนจอมอนิเตอร์ซึ่งติดตั้งไว้สูงเหนือศีรษะ
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณนิวัติมองดูจอมอนิเตอร์ แล้วลุกขึ้นยืน เพราะพบสิ่งผิดปกติ!
"ทุกๆคน" เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดังพอประมาณ "ดูเหมือนเที่ยวบินของเราจะมีปัญหาบางอย่าง!"
"มีปัญหาอะไรครับ ?" แอ๊ดดี้เงยหน้าขึ้นมาถาม
"ไฟล์ดีเลย์...แอ๊ดดี้" เขาตอบในขณะที่ตาจ้องมองอยู่ที่จอมอนิเตอร์ "เราคงจะยังไม่ได้ขึ้นเครื่องตามกำหนดเวลาเดิม เท่าที่มองเห็นอยู่ตอนนี้ ดีเลย์ไปตีสองครึ่ง"
"คงไม่เป็นไรมั้งคะ" ติ๊กให้ความเห็น "เที่ยวบินดีเลย์เกิดขึ้นเป็นประจำ เป็นเรื่องปกติ คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
"อืม...หวังว่าเป็นเช่นนั้นนะติ๊ก" คุณนิวัติพยักหน้าแล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม
"ถ้าดีเลย์แค่ชั่วโมงสองชั่วโมง ก็คงไม่เป็นไรครับ อย่าเลยไปเป็นวันก็แล้วกัน ไม่งั้นเราอาจจะไปไม่ทันเวลาซึ่งถูกกำหนดไว้ แล้วไหนเครื่องจะต้องแวะลงจอดที่มิวนิคอีก ไม่ได้บินตรง น่าจะมีเที่ยวบินให้บินตรงรวดเดียวเลยนะครับ" แอ๊ดดี้พูดเหมือนบ่น
"ในอนาคตคงมีมั้ง แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่มี ก็ต้องมีการแวะพักข้างทาง" ยักษ์หันมาพูดยิ้มๆ
"พูดยังกะเป็นรถทัวร์กรุงเทพเชียงใหม่ แวะกินข้าวต้มที่นครสวรรค์ตอนเที่ยงคืน!" แอ๊ดดี้หันไปตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน แล้วนั่งรอต่อไป
(มีต่อครับ)
⚡️⚡️⚡️ <<< คนขายวิญญาณ - ตอนอวสาน "คอนเสิร์ตซึ่งเดิมพันด้วยชีวิต" >>> ⚡️⚡️⚡️
สองวัน ก่อนกำหนดนัดหมายพบกันที่เวียนนา...
แอ๊ดดี้ พาติ๊กแฟนสาวไปพบปะทำความรู้จักกับพรรคพวกเพื่อนฝูงทั้งหมด ได้แก่ เพื่อนๆที่เคยเล่นดนตรีรำวง วง "หนองกระทิง" มี ยักษ์ มือกลอง อ๊อด มือเบสร่างโย่ง เก่ง มือคีย์บอร์ด กร นักร้องนำรูปหล่อ และพี่พันหัวหน้าวง พวกเขายังคงเล่นดนตรีรำวงกันอยู่โดยมี แซม มือกีตาร์คนใหม่มาแทนที่แอ๊ดดี้ซึ่งเข้าสู่วงการหลังจากชนะเลิศการประกวดโซโล่กีตาร์ในครั้งนั้น และเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้แอ๊ดดี้ได้ติดต่อกับคุณนิวัติ บิ๊กบอสของบริษัท CGM Entertainment ประจำประเทศไทย เสี่ยวิชัย และเพื่อน ๆ ในวง Dark Rocker ทุก ๆ คนเรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ ทั้งสองกลุ่มเห็นพ้องต้องกันว่าจะเดินทางไปกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อเข้าชมการแสดง "โซนาต้า" ของแอ๊ดดี้ ซึ่งจะต้องประชันเดี่ยวๆ กับนักไวโอลินเอกคนหนึ่งซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
อันที่จริง การที่แอ๊ดดี้เดินทางกลับไปหาเพื่อนๆ ทั้งสองกลุ่มในคราวนี้ เป็นการตั้งใจอำลาพวกเขาเหล่านี้ล่วงหน้า เพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายตนเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกนี้หรือไม่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ เขาสามารถเขียนโน้ตเพลงต้นฉบับของซาตานได้แล้วก็ตาม แต่ทว่าการเล่นกับการเขียนนั้นแตกต่างกันมาก การเขียนโน้ตเพลง สามารถที่จะเขียนตัวโน้ตละเอียดถี่ยิบ เขบ็ดห้าหกเจ็ดชั้นหรือแม้มากกว่านั้นก็เขียนได้ แต่เขียนแล้ว เล่นตามได้ไหม ? นั่นแหละคือปัญหา !! บางช่วงบางตอนมีการโซโล่อย่างเร็วเหลือเชื่อ และบางช่วงบางตอนเหล่านั้นแอ๊ดดี้ยังไม่สามารถเล่นตามได้ทั้งหมด! นิ้วที่เกาะอยู่บนสายจะหลุดทุกครั้งที่เข้าสู่ "ช่วงวิกฤติ" เหล่านั้น !! สิ่งที่คิดไว้ตอนนี้คือ อาจจะต้อง "เล่นให้มันง่ายลง" แต่แอ๊ดดี้ก็ไม่อยากทำอย่างนั้น !!
และเมื่อถึงตอนกล่าวอำลาเพื่อนๆ ทั้งสองกลุ่ม ปรากฏว่าทุกคนไม่ยอมให้เขาจากไป ไม่ยอมให้เขากับติ๊กไปกันเพียงลำพังสองคน ทุกคนต้องการติดตามไปด้วย โดยหวังว่าหากมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น ก็อาจจะพากันเข้าไปช่วยเหลือเขาได้บ้าง อย่างน้อยที่สุดก็จะได้เป็นกำลังใจให้แก่เขา ในขณะที่เขากำลังเล่นดนตรีอยู่บนเวที ดังนั้น เพื่อนๆทั้งสองกลุ่มจึงรวมตัวกันที่กรุงเทพฯ เมื่อแอ๊ดดี้และติ๊กถึงกรุงเทพแล้วก็พากันไปรับตัวเขาไปพักที่บ้านของคุณนิวัติ เพื่อปรึกษาหารือกันก่อนจะเดินทางสู่กรุงเวียนนาในวันรุ่งขึ้น
"ตอนนี้ นายกลายเป็นนักไวโอลินไปเสียแล้ว แอ๊ดดี้" คุณนิวัติเอ่ยยิ้มๆ แต่เป็นยิ้มซึ่งเจือด้วยความเครียด "นายฝึกซ้อมเพลงต้นฉบับของ DEVIL'S TRILL SONATA ได้ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ?"
"ถ้าเอาตามที่จำได้โดยไม่ดูสมุดโน้ต ผมรู้สึกว่ายังจำได้ไม่ถึงครึ่ง!!" แอ๊ดดี้ตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "แต่ถ้าดูโน้ตไปเล่นไป มันก็พอถูไถไปได้ ประมาณ 60 -70 เปอร์เซ็นต์ครับผม"
"อืมม...แปลว่ามันยากมาก..."
"ใช่ครับผม ยากมากๆ ผมโชคดีที่ได้พบวิญญาณของคุณจูเซปเป้ ตาร์ตินี่ ในความฝัน แล้วเขาพาผมกลับสู่อดีต ไปฟังซาตานบรรเลงในคืนที่เขาฝันคืนนั้น"
"แล้วพอนายตื่น นายก็รีบเขียนโน้ตเพลงทั้งหมดทันที ?"
"ครับผม"
"คิดว่า เขียนได้ถูกต้องทั้งหมดเลยไหม ?"
"อืม...ไม่แน่ใจว่าจะถูกหมดร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มครับ" แอ๊ดดี้ครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนตอบ "แต่ยังไงก็ เชื่อว่า ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ครับผม อย่างน้อยต้องมี 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป และที่แน่ๆ เพลงเดิมของคุณจูเซปเป้ ตาร์ตินี่ กลายเป็นเพลงเด็กๆไปเลยเมื่อเทียบกับเพลงที่ผมเขียนใหม่ !! มันยากและสลับซับซ้อนกว่าของเขา หลายสิบเท่า เป็นร้อยเท่าก็ว่าได้!"
"อ่าฮะ..." บิ๊กบอสพยักหน้าหงึกๆ "ไหนลอง..เล่นให้ฉันฟังซักหน่อยซิ เอาเท่าที่นายจำได้ อยากฟังว่ะ!"
"ได้ครับผม" แอ๊ดดี้พยักหน้าตอบตกลง แล้วหยิบกระเป๋าไวโอลินสีน้ำตาลแดงเหมือนสีของมันขึ้นมา เปิดกระเป๋า หยิบไวโอลินและไม้สีขึ้นมา อยู่ในท่าเตรียมพร้อม
ทุกคนเข้ามานั่งล้อมวง บนเก้าอี้บ้าง บนพื้นพรมบ้าง
แอ๊ดดี้สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเริ่มบรรเลง นิ้วทั้ง 4 ค่อยๆ กรีดกราย การสีเป็นไปโดยเริ่มต้นจากท่วงทำนองเชื่องช้าอ้อยอิ่งฟังดูเศร้าสร้อยหดหู่ คล้ายคลึงกับ DEVIL'S TRILL SONATA ของจูเซปเป้ ตาร์ตินี่ แต่แตกต่างกันมาก ของแอ๊ดดี้ฟังดูบีบคั้นจิตใจมากกว่า...
และเมื่อท่วงทำนองกับจังหวะเริ่มเร่งถี่กระชั้นขึ้นทีละน้อยๆ ทุกคนที่กำลังฟังอยู่รู้สึกเคลิ้มเหมือนถูกวางยา จากนั้นหัวใจทุกคนก็เต้นระทึกแรงขึ้นๆ ด้วยอำนาจบทเพลงปีศาจซึ่งเหมือนกำลังบีบคั้นกระชากหัวใจให้หลุดออกมาจากอก! บางคน ทำท่าจะเป็นลม ทนฟังไม่ไหว ถึงกับเดินหนีออกไปหายใจข้างนอกห้อง!
แอ๊ดดี้สังเกตอากัปกิริยาของแต่ละคนๆในขณะที่กำลังเล่นเพลงปีศาจจากความจำ จนเห็นทุกคนหน้าแดงก่ำตาเบิกกว้าง จึงหยุดเล่นกลางคัน!
พอเขาหยุดเล่นเท่านั้น ทุกคนถึงกับเป่าลมออกจากปาก ถอนหายใจ บ้างก็ยกมือตบหน้าอกข้างซ้าย เหมือนกับจะให้หัวใจเต้นช้าลง
"นี่มัน เพลงปลิดวิญญาณชัดๆ !!" คุณนิวัติร้องออกมา "นี่ถ้านายไม่หยุดเล่น คงมีคนหัวใจวาย!!"
แอ๊ดดี้ก้มหน้ารับ แล้วให้ข้อแนะนำแก่ทุกคน
"พวกเราทุกคนต้องเตรียมตัวไว้นะครับ! เวลาจะฟังผมเล่นบนเวที เตรียมสำลีหรืออะไรก็ได้ที่หนาๆ ไว้อุดหู เวลาที่ฟังๆไปแล้ว เริ่มรู้สึกใจเต้น เริ่มหวิวๆจะเป็นลม เพลงนี้อันตรายมากครับ !!!"
"นี่ขนาด...นายยังเล่นไม่จบ เบรคกลางคัน ยังขนาดนี้..." ยักษ์ มือกลองวงหนองกระทิงเอ่ยขึ้นบ้าง "ที่เล่นมานี่ เล่นไปกี่เปอร์เซ็นต์ ? แอ๊ดดี้"
"ซัก...ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เองมั้ง!" เขาตอบหน้าตาเรียบเฉย
"หา !!! แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น !!???" อ๊อดมือเบสร้องจ๊าก "แค่นี้ก็จะแย่กันแล้ว แอ๊ดดี้..."
"แบบนี้ คนในฮอลซึ่งจะได้ฟังกันเต็มๆเพลง ต้องย่ำแย่กันแน่" วิชัยกล่าวอย่างหวาดหวั่น "และต้องมีคนฟังเป็นจำนวนมากแน่ๆ"
"ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ไหน..." แอ๊ดดี้กล่าวแสดงความสงสัย "แต่ผมเชื่อว่า คนที่จะเข้าไปฟังงานนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ !"
"ไม่ธรรมดายังไงเหรอ แอ๊ดดี้ ?" บิ๊กบอสขมวดคิ้วถาม
"ผมว่า...." แอ๊ดดี้หยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะให้ข้อสันนิษฐาน "อาจจะเป็นพวก...ลัทธิบูชาซาตาน ไปรวมตัวกันครับ !!"
"โอ...ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็น่ากลัวนะคะ" ติ๊กเอ่ยขึ้นมาบ้าง "พวกนี้ คงสามารถฟังเสียงเพลงของปีศาจได้อย่างสบายไม่มีผลกระทบใดๆ แต่คนธรรมดาๆที่จะเข้าไปดูไปฟังนี่สิคะ น่าเป็นห่วง และต้องมีแน่ๆ"
"แบบนี้ พวกเรายิ่งไม่อาจให้เธอกับแอ๊ดดี้ไปกันแค่สองคน" คุณนิวัติกล่าวยืนยันการเดินทางไปด้วยกัน "ไม่ว่าผลการประชันไวโอลินจะเป็นอย่างไร พวกเราจะปกป้องคุ้มกันแอ๊ดดี้ให้ดีที่สุด!"
"ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณทุกๆคนด้วยครับ" แอ๊ดดี้ยกมือไหว้คุณนิวัติ แล้วหันไปหาเพื่อนๆ
"จะเที่ยงคืนแล้ว" คุณนิวัติยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วชวนทุกคนเข้านอน "แยกย้ายกันไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้จะได้เตรียมตัวเดินทางกัน"
"เราจะขึ้นเครื่องกันตอนกลางคืนของวันพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ ?" แอ๊ดดี้เอ่ยถาม
"ใช่ แอ๊ดดี้" คุณนิวัติพยักหน้า "ไปกับการบินไทย เวลาตีหนึ่งครึ่ง สักเที่ยงคืนพวกเราก็ไปเช็คอินกัน"
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สนามบินดอนเมือง คืนวันถัดมา เวลาเที่ยงคืนเศษๆ
แอ๊ดดี้และคณะ เข้าเช็คอินแล้วพากันเดินไปที่ห้องพักผู้โดยสารขาออก
ขณะที่กำลังเดินไป คุณนิวัติ และคนอื่นๆซึ่งเดินอยู่ข้างหลังแอ๊ดดี้กับติ๊ก ต่างหยุดชะงัก ทำท่าตื่นตกใจ...
คุณนิวัติหันกลับมายังทุกคนที่เดินตามมา แล้วยกมือขึ้น เอานิ้วชี้ข้างขวาแตะริมฝีปาก และส่ายหน้า เป็นเชิงห้ามมิให้ใครพูดอะไรออกมา
สาเหตุที่ทุกคนตกใจ เพราะว่า ทุกคนซึ่งเดินตามแอ๊ดดี้อยู่เบื้องหลัง มองเห็นเขาไม่มีหัว !!!
คุณนิวัติ หันรีหันขวาง แล้วตัดสินใจถอดเสื้อแจ็คเก็ตหนังออกจากตัว ถือไว้และร้องเรียก "แอ๊ดดี้ !!"
"ครับผม ?" แอ๊ดดี้หยุดเดิน หันกลับมามอง
"แอ๊ดดี้ ยืนอยู่เฉยๆ นะ คนอื่นๆ ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น เงียบไว้ !" คุณนิวัติสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
ทุกคนทั้งที่อยู่ข้างหน้าและข้างหลังแอ๊ดดี้หยุดเดิน มองมาที่แอ๊ดดี้และตกตะลึงกับภาพที่เห็นเหมือนกันหมดคือ เขาไม่มีหัว !!!
แอ๊ดดี้เองก็แปลกใจ แต่ก็หยุดยืนอยู่นิ่งๆ ตามคำสั่งเจ้านาย
คุณนิวัติเดินปรี่เข้าหาเขา แล้วเอาเสื้อแจ๊คเก็ตครอบศีรษะเขา !!
"อยู่เฉยๆ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นนะแอ๊ดดี้ !!!"
แอ๊ดดี้ได้แต่ผงกหัวแล้วยืนนิ่ง ในใจก็สงสัยอยู่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
ครู่หนึ่งผ่านไป คุณนิวัติก็ดึงเสื้อแจ๊คเก็ตซึ่งปกคลุมหัวเขาออก และทุกคนก็ได้มองเห็นเขามีศีรษะตามปกติ
"มันอะไรกันครับเนี่ย ? ทำไมต้องคลุมหัวผม ?" แอ๊ดดี้ถามอย่างงุนงงไม่เข้าใจ
"เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ตอนที่นายกำลังเดินไปข้างหน้า พวกเราซึ่งเดินตามอยู่ข้างหลัง เห็นนายไม่มีหัว !!"
"ไม่มีหัว !?" แอ๊ดดี้ทวนประโยคสุดท้ายของเจ้านาย "พี่ก็เลย ถอดเสื้อของพี่มาคลุมหัวผม ?"
"เออ!! จริงๆแล้วที่เคยฟังคนเฒ่าคนแก่เล่ามา คนสมัยก่อนเขาจะหาตะกร้าหรือภาชนะอะไรมาครอบหัวคนที่มองเห็นว่าไม่มีหัวเพื่อแก้เคล็ด บริเวณนี้มันไม่มีอะไร พี่ก็เลยถอดเสื้อพี่คลุมให้ และห้ามไม่ให้ทุกคนเอ่ยทักอะไร"
"มันแปลว่า ผม...ดวงไม่ดี ก็เลยต้องทำแบบนี้หรือครับ ?"
"ถูกต้อง แอ๊ดดี้ ตามความเชื่อคนไทยโดยเฉพาะชาวพุทธ แบบนี้ความหมายคือ ชะตาขาด!! แต่ถ้ามีคนแก้เคล็ดได้ทันท่วงที และไม่มีใครเอ่ยทักเลย ก็อาจจะรอดพ้นเคราะห์ร้ายนั้นได้" เสี่ยวิชัยกล่าวเสริม
"เมื่อกี้ ถ้าพี่ห้ามไว้ไม่ทัน มีใครสักคนเอ่ยทักขึ้นมาว่าแอ๊ดดี้ไม่มีหัวละก็ แย่เลย"
"โอเค งั้นตอนนี้ก็คงไม่เป็นไรแล้ว พวกเราเข้าไปในห้องผู้โดยสารขาออกกันเถอะครับ"
"อื้ม...ไปกัน!"
คุณนิวัติพยักหน้า แล้วเดินนำหน้าทุกคนเข้าสู่ห้องผู้โดยสารขาออก
ทุกคนพากันจับจองเก้าอี้ที่นั่งบริเวณด้านหน้าเพื่อนั่งรอเวลาตีหนึ่งครึ่งซึ่งเป็นกำหนดเวลาที่เครื่องจะลง บางคนหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน บางคนก็ดูทีวี สลับกับการตรวจเช็คดูข้อมูลเที่ยวบินต่างๆบนจอมอนิเตอร์ซึ่งติดตั้งไว้สูงเหนือศีรษะ
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณนิวัติมองดูจอมอนิเตอร์ แล้วลุกขึ้นยืน เพราะพบสิ่งผิดปกติ!
"ทุกๆคน" เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดังพอประมาณ "ดูเหมือนเที่ยวบินของเราจะมีปัญหาบางอย่าง!"
"มีปัญหาอะไรครับ ?" แอ๊ดดี้เงยหน้าขึ้นมาถาม
"ไฟล์ดีเลย์...แอ๊ดดี้" เขาตอบในขณะที่ตาจ้องมองอยู่ที่จอมอนิเตอร์ "เราคงจะยังไม่ได้ขึ้นเครื่องตามกำหนดเวลาเดิม เท่าที่มองเห็นอยู่ตอนนี้ ดีเลย์ไปตีสองครึ่ง"
"คงไม่เป็นไรมั้งคะ" ติ๊กให้ความเห็น "เที่ยวบินดีเลย์เกิดขึ้นเป็นประจำ เป็นเรื่องปกติ คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
"อืม...หวังว่าเป็นเช่นนั้นนะติ๊ก" คุณนิวัติพยักหน้าแล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม
"ถ้าดีเลย์แค่ชั่วโมงสองชั่วโมง ก็คงไม่เป็นไรครับ อย่าเลยไปเป็นวันก็แล้วกัน ไม่งั้นเราอาจจะไปไม่ทันเวลาซึ่งถูกกำหนดไว้ แล้วไหนเครื่องจะต้องแวะลงจอดที่มิวนิคอีก ไม่ได้บินตรง น่าจะมีเที่ยวบินให้บินตรงรวดเดียวเลยนะครับ" แอ๊ดดี้พูดเหมือนบ่น
"ในอนาคตคงมีมั้ง แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่มี ก็ต้องมีการแวะพักข้างทาง" ยักษ์หันมาพูดยิ้มๆ
"พูดยังกะเป็นรถทัวร์กรุงเทพเชียงใหม่ แวะกินข้าวต้มที่นครสวรรค์ตอนเที่ยงคืน!" แอ๊ดดี้หันไปตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน แล้วนั่งรอต่อไป
(มีต่อครับ)