ความหวังดีที่กลายเป็นคำกล่าวหา

เรื่องมีอยู่ว่า น้าชายเราสมัยก่อนแกเป็นคนติดเหล้าทำให้แกกะน้าสะใภ้ทะเลาะกันและก็แยกทางกันในที่สุด ซึ้งแกมีลูกด้วยกันสองคน แต่ถึงจะแยกทางกันแล้วน้าสะใภ้เรารวมทั้งพี่สองคนก็ยังติดต่อไปมาหาครอบครัวเราบ่อยครั้ง เรียกได้ว่าครอบครัวเราก็ยังสนิทกัน ส่วนน้าชายเราหลังจากแกแยกทางแกก็ยังเมาเหมือนเดิมจนแกตัดสินใจบวช และศึก อยู่หลายรอบ แล้วแก่ก็กลับไปบวชใหม่แต่คราวนี้แกบอกจะไม่ศึกแล้ว ครอบครัวเราคิดว่าแกคงไม่ศึกจริงๆแล้ว ก็ถือเป็นทางดีของแกแล้วที่คิดได้
แต่เรื่องราวกลับมาเป็นเหมือนเดิมที่ต้องทำให้แกต้องศึกจากการเป็นพระ คือแม่เราก็มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็ดูสนิทกับแม่เรา ไปไหนมาไหนด้วยกัน เวลาแม่เรากลับจาก กทม. (แม่เราทำงานที่กรุงเทพ) กลับไปทุกทีเพื่อนแม่คนนี้ก็จะมาหา พาไปนู้นไปนี้มาหาที่บ้านประมาณว่าสนิทกัน แวะเวียนทักทายครอบเราอยู่บ่อยครั้งเลย แต่ไปๆมาๆก็มีคนเห็นแกไปวัดหาน้าเราซึ่งบวชอยู่ ให้ลูกหลานของเขาไปเอาขนม ของกินที่ได้จากการบิณฑบาตรมากิน และยังมีคนรู้อีกว่าเพื่อนแม่คนนี้ไปหาพระขอเงินพระมาทำบ้านสร้างบ้านตัวเอง(ลืมบอกเพื่อนแม่เราคนนี้แกเคยมีสามีมาก่อนแต่ก็เลิกลากันไป มีลูกติดด้วย)
จนวันหนึ่ง ครอบครัวเราจะมี line  กลุ่มครอบครัวเอาไว้คุยปรึกษาถามทุกข์สุขของกันและกัน  จนกระทั่งป้าได้ ส่งข้อความมาว่า น้าเราที่บวชเป็นพระกำลังจะศึกออกมาแต่งงานกับเพื่อนแม่เรา  ซึ่งทำให้ทุกคนในครอบครัวเราก็งง ตามๆกัน ไม่คิดว่าบวชอยู่ดีๆก็ต้องศึกออกมาเพื่อแต่งงาน แต่แปลกยิ่งกว่าคือเขาไปรู้จักสนิทกันตอนไหน ถึงได้ทำให้คนที่เป็นพระศึกออกมาแต่งงานได้ จะว่าบาปกรรมก็คงใช้ .........แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วเราก็ห้ามเขาไม่ได้  น้าก็จัดแจ้งหาสินสอด ที่ได้จากการบวชและเก็บจากปัจจัยที่โยมนำมาถวาย ซึ่งเป็นเงินสดส่วนหนึ่ง สร้อยทอง มาเป็นสินสอด ขอแต่งงาน ในความที่เป็นงานแต่งสายฟ้าแล๊บ ทำให้ครอบครัวเราไม่ได้ไปร่วมงาน มีแต่ยายของเรา ก็แม่น้านั้นแหละ ไปเป็น ผู้ใหญ่ สู่ขอให้และก็แขกบ้านใกล้เรือนเคียง ระแวกนั้น...........ไปร่วมพิธี
คนแถวนั้นเขาก็วิจารณ์กันแหละครับ เป็นใครก็ต้องมองว่าไม่เหมาะสมอยู่แล้ว พระที่ศึกมาแต่งงาน กับ หญิงที่ไปทำให้พระศึก ก็โทษใครไม่ได้ ต้องโทษที่สองคนเขาแหละ.....หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับเป็นปกติต่างคนต่างทำมาหากินใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม  
เวลาเทศกาล เราก็จะกลับบ้านกันเหมือนคนทั่วไป  
กลับไปก็เจอน้า แกชอบมาหายาย มาเอากับข้าวไปกินบ้าง มาเที่ยวเล่นบ้าง สภาพที่ดู ก็เหมือนทำงานหนัก
ดูผอม ไม่มีราศี แม่เคยบอกกับน้าว่าแต่งงานแล้วหัดดูแลตัวเองบ้าง ทำตัวเองให้ดูดีหน่อย เงินหามาก็เอามาซื้อเสื้อผ้าดีๆหน่อย ด้วยความที่เป็นห่วงน้อง เวลาเมียใหม่เขามาแม่ก็บอกว่าให้ดูแลหน่อยดูทำไมสามีผอมจังหาเสื้อผ้าใหม่ให้มันใส่หน่อย ในความรู้สึกเราที่เราได้เห็นเพื่อนแม่คนนี้แต่ก่อนเขาก็เฮฮาไปไหนมาไหนก็จะแวะเวียนมาเล่นสนุกสนาน แต่พอแต่งงานเขาก็เปลี่ยนเป็นคนล่ะคน ไม่ค่อยคุย ไม่มาเที่ยวหา ทำตัวห่างๆ เราก็คิดในแง่ดีว่าเขาว่างตัวไม่ถูกก็ไม่คิดอะไร  ทุกคนก็กลับมาทำงานปกติ จนวันหนึ่งเรื่องที่เราทุกคนไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น เราได้รับข่าวร้ายว่า ลูกชายน้าคนที่สองของน้าเสียชีวิต เราทุกคนต่างเสียใจกับความสญเสียครั้งนี้ ลูกน้าคนนี้แกทำงานกรุงเทพ และก็เสียชีวิตที่ห้องพักภายในกรุงเทพ ดังนั้นครอบครัวเราอยากให้นำศพกลับไปทำพิธีที่บ้านเราที่เพชรบูรณ์ แม่เราก็โทรบอกเมียใหม่น้าว่า ถ้าเอาศพหลานไปก็มาช่วยงานกันด้วยนะ เขาก็ตกลงว่าจะมาช่วย แต่ว่าทางญาติฝ่ายน้าสะใภ้เก่า เขาอยากเอาศพหลานไปทำพิธีที่สารคาม เพราะพี่เขาโตที่นู้น  ทุกคนก็โอเครกับข้อตกลงนี้ ก็นำศพไปทำพิธีที่มหาสารคาม แม่เราด้วยความหวังดีกับเพื่อน(เมียใหม่น้า) ก็บอกว่านั้นไม่ต้องไปหรอกมันดูไม่ดี ฝั่งนั้นเขาฝั่งเมียเก่ากลัวคนที่นู้นมองไม่ดี และอีกอย่างเขาก็ไม่รู้จักและไม่สนิทกับฝ่ายนู้น แม่กลัวว่าไปแล้วเขาจะอึดอัด และฝั่งนู้นเขาจะว่ากันเลยไม่อยากให้ไป
*เป็นความหวังดีที่มีต่อเพื่อน แต่เมียใหม่คนนี้แกตีความแม่ในอีกแบบ โพสเฟสว่า "พวกเมิงไม่อยากให้กูไปบ้าง" โพสเฟสว่าครอบเราซะเสียๆหายๆ  แย่ที่สุดคือไปเล่าให้คนนู้นคนนี้พูดให้ครอบเราเสียหาย แม่เสียใจที่สุดคือ กลุ่มเพื่อนที่คิดว่าสนิทก็เป็นไปกับเขาด้วย เขาเล่าอะไรให้ฟังก็เชื่อไปทุกอย่าง เราก็ได้แต่บอกแม่ว่าเราก็อยู่ของเราใช้ชีวิตเราตามปกติ ไม่ต้องไปโต้ตอบเขา เขาอยากโพสว่าอะไรก็ให้เขาโพสไป เราใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันพอ ถึงไม่มีมิตรก็ยังมีครอบครัวที่อยู่เคียงข้าง  จนล่าสุดน้าเราโทรมาหาแม่บอกว่า"พี่เขาไล่ผมออกจากบ้าน" แม่ถามถ้าเขาไม่ให้อยู่ก็กลับมาอยู่บ้านเรา แม่ถามถึงเงินเก็บน้าก็บอกว่า แต่งงานกันเมียใหม่เขาก็บอกถ้ารักเขาก็โอนเงินไปให้เขา ทองที่มีเขาก็เอาไปใส่ รถจักรยานยนต์ 2คัน ก็โอนชื่อไปให้เขาหมด บ้านที่สร้างก็อยู่ในที่ของเขา พูดง่ายๆก็คือเสียรู้เขาไปแล้ว ออกมาได้ก็ได้แต่ตัว เอาไรมาออกมาเขาก็จะแจ้งความจับเอา ...ทำได้คือปล่อยวาง และเริ่มต้นใหม่......อยู่กับปัจจุบัน มองโลกในแง่ดีไว้


-ที่เราเขียนขึ้นเพื่อเป็นอุทาหรณ์กับทุกคน
บางครั้งเราอาจหวังดีกับใคร แต่เขามองความหวังดีของเราเป็นภัย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเปราะบาง ความรู้สึกความคิดคนเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาเป็นยังไง อีกอย่างคนเรามีหลายแบบเป็นเพื่อนกันมานานแต่อาจจะเปลี่ยนเพียงเพราะคำพูดโดยใช่แค่หูฟังแต่ไม่ได้พินิจไตร่ตรองให้ดี ก็อาจทำให้เสียเพื่อนก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่