สวัสดีค่ะ นี่ชะนีงัย จำกันได้มั้ยไม่รู้ รู้แต่ว่าชะนีหายไปนานมากๆ หลังจากที่มารีวิวแอฟฯ ฝึกโยคะไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

วันนี้เพิ่งมีโอกาสและเวลาว่างได้มาอัพเดทขีวิตโยคะที่บ้านของตัวเองค่ะ เนื่องจากว่ากระทู้ที่แล้วมีคนแนะนำว่าให้ไปเรียนให้รู้หลักการเพื่อที่จะเลี่ยงอาการบาดเจ็บและทำได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น ชะนีก็น้อมรับค่ะ เวลาที่หายไป 3 ปีที่ผ่านมานี้ ชะนีได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยและชะนีก็ค่อยๆสะสมการเรียนรู้ค่ะ แต่เนื่องด้วยเป็นคนไม่ค่อยมีเวลาไปสตูดิโอเลยตัดสินใจเรียนคอร์สครู 200 ชั่วโมง 100 ชั่วโมง 100 ชั่วโมง และ 30 ชั่วโมง รวมแล้วก็ 430 ชั่วโมงในเวลา 2-3ปีที่หายไป ยังไม่รวมเวิร์คช๊อปต่างๆเท่าที่จะสรรหาเวลาไปเรียนได้ ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้ทั้งเรื่องโยคะและกายวิภาคจากคุณหมอ จุดประสงค์หลักๆก็เพื่อที่จะนำมาพัฒนาตนเอง และสุดท้ายก็กลับมาฝึกเองที่บ้านเหมือนเดิมค่ะ จะไปไหน เป็นอย่างรัยก็ขอกลับมาอยู่จุดๆเดิมของเรา บนเสื่อโยคะของเรา

หลังจากได้ไปศึกษาหาความรู้มาเพิ่มก็อยากเอามาแบ่งปันค่ะ เผื่อว่ามีใครสะดวกแบบนี้เหมือนกัน ถ้าหากว่าข้อมูลไม่ถูกต้องก็สามารถแย้งได้นะคะ อันนี้ชะนีทำขึ้นมาตามความเข้าใจของตัวเองและอยากแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองเท่านั้นค่ะ

บรรยากาศการเรียน และครูๆของชะนีเองค่ะ (มีรูปมายืนยันป้องกันดราม่าคนหาว่าเราโม้ค่ะ)

โยคะเริ่มต้นรู้จักกันกันก็เพียงเพราะว่าอยากออกกำลังกายเท่านั้นค่ะ แต่ยิ่งฝึกกลับยิ่งชอบ ความชอบกลายเป็นความรักเมื่อเห็นว่าเราได้ประโยชน์มากมายจากสิ่งที่เราฝึกฝน ที่เห็นได้ชัดคงจะเป็นเรื่องของการมีสมาธิค่ะ ยิ่งฝึกคนเดียวเราจะได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง และสัมผัสถึงการทำงานของร่างกายตัวเองแบบจริงๆ เพราะบางทีเราไปฝึกที่สตูดิโอเนี่ยเราจะดูครูบ้าง ดูคนข้างๆบ้าง กลัวตัวเองทำผิดบ้าง หลายๆครั้งแทนที่จะได้สมาธิก็กลายเป็นว่าสมาธิกระเจิงแทนซะงั้น และพวกออฟฟิตซินโดรมนี่ดีขึ้นมากมาย บุคลิคภาพก็ดีขึ้นด้วยนะคะ ที่สำคัญมันช่วยปัญหาท้องผูกได้ค่ะคุณขา เมื่อก่อนยาระบายมีกี่ยี่ห้อนี่ก็ต้องกิน กินจนดื้อยา บางที่ไม่เข้าห้องน้ำเป็นสัปดาห์เลยก็ว่าได้ ตอนนี้ถ้าไม่ติดที่ว่าเดินทางแล้วแปลกที่หรือเจทแลคอะไรพวกนี้ก็ไม่มีปัญหานะคะ อย่างปกติก็วันละครั้งค่ะ(ได้แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว)

คือบางทีเราเห็นรูปองศาต่างกันนิดเดียวแต่คนทำนี่ซี๊ดไม่เบาเลยนะคะ
ตัวชะนีเองใช้เวลาเป็นปีๆเพราะไม่เคยยืดเหยียดอะไรมาก่อนในชีวิต

สาย(ตัว)แข็ง ปีแรกกับสามปีถัดมา ก็ถือว่ามาไกลในแบบของเราค่ะ ไม้แก่ดัดยากแต่ชะนีที่เริ่มแก่ดัดได้นะคะแต่มันต้องใช้เวลา
(รูปนี้ถ่ายไว้ปีกว่าแล้วนะคะ ตอนนี้ไม่ค่อยได้ฝึกท่านี้อาจจะกลับไปแข็งโป๊กเหมือนเดิมก็ได้)

จากวันนั้นถึงวันนี้ คุณครูท่านหนึ่งที่ชะนีเคารพกล่าวไว้ว่า โยคะให้คุณอนันต์ ให้โทษมหันต์ นั่นก็คือหากเราฝึกด้วยความไม่รู้ เช่นฝึกมากเกินไป ฝึกท่ายากเกินไปตอนที่ร่างกายยังไม่พร้อม แทนที่จะได้ประโยชน์กลับทำให้ร่างกายบาดเจ็บสะสมแทน ชะนีโชคดีค่ะที่เจอแต่ครูบาอาจารย์ที่รักและเมตตาเราจริงๆ ไม่ได้มีใครมาจับเราดัดหรือหักหรือเหยียบอะไรแบบนั้น โชคดีด้วยที่เราพอมีพื้นฐานถึงจะเป็นการฝึกด้วยตัวเองโดยไม่มีครูมาก่อนแต่มันก็ช่วยได้มากค่ะ และอีกหนึ่งโชคดีก็คือเรายอมรับในความสายแข็งของเรา จะเห็นได้ว่ารูปแรกๆคือตัวไม่มีความยืดอะไรเลยต่อให้วันนี้ฝึกมาอย่างเป็นประจำจะห้าปีแล้วก็ยังทำหลายๆท่าที่ต้องใช้ความยืดของร่างไม่ได้และเอาจริงๆก็ไม่คิดจะทำด้วยค่ะ ถ้าวันนึงมันจะทำได้ก็ยินดีแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ได้จะไปฝืนร่างให้เจ็บช้ำ

ตัวอย่างท่าในฝันของชะนีค่ะ เมื่อก่อนงงมากว่าต้องคนประเภทไหนจะทำได้ อย่างเราคงหมดหวังพอฝึกไปเรื่อยๆวันนึงเค้าก็มา
ถ้าเอาสวยกว่านี้เท้าต้องชิดกว่านี้ แต่สำหรับชะนีตอนนี้ได้แค่นี้ก่อนค่ะ

นี่ก็ท่าในฝันอีก ในรูปอาจจะไม่เป๊ะแต่ก็พยายามเต็มที่ของวันที่ถ่ายรูปนี้แล้ว(รูปตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ)
จำได้ว่าสองปีแรกที่ฝึกมีเพื่อนฝรั่งมาถามว่าทำท่านี้ได้มั้ยนี่เครียดเลยเพราะทำไม่ได้
ลืมนึกไปว่าเราไม่ใช่นักกายกรรม เป็นชะนีบ้านๆที่เพิ่งมาฝึกจะให้ยืดอะไรขนาดนั้นก็คงยังไม่ไหว

อีกอย่างที่คนทั่วๆไปอย่างเราชอบสับสนคือ โยคะมีหลายแบบค่ะ มีทั้งกางนิ้ว หุบนิ้ว หรือไม่ต้องอะไรกับนิ้วเลยปล่อยเค้าตามสบาย
ขอไขข้อข้องใจตามความเห็นของตัวเองว่าไม่มีผิด ไม่มีถูกค่ะ อยู่ที่ว่าฝึกอะไร กับใคร แบบไหน แค่นั้นเองค่ะ หลักที่สำคัญคือการจัดระเบียบร่างกาย
ตำแหน่งของการวางฝ่ามือและฝ่าเท้า การจัดการกับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆควรจะถูกต้องเหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคลเพื่อป้องกันการบาดเจ็บทั้งในตอนฝึกและหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่สามารถจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ค่ะ
ขอยกตัวอย่าง 3 แบบที่เรียนมาแล้ว เล่าแบบคล่าวๆไม่เจาะลึก เอาแบบที่คนทั่วไปจะเข้าใจนะคะ เผื่อจะเป็นตัวช่วยให้เพื่อนๆที่นี่ตัดสินใจไปเรียนแบบไหนแบบนึงได้ง่ายขึ้น

แอชทังก้า เป็นแบบที่ใช้กำลังค่อนข้างเยอะ เหงื่อคุณจะออกเป็นกะละมัง ชุดท่าจะเหมือนเดิมทุกครั้งที่ฝึกค่ะ การฝึกจะมีผู้สอนนับลมหายใจให้ 1-5
ดูง่ายๆใครฝึกแอชทังก้าเป็นประจำตัวจะลีน มีกล้าม กระโดดไปค้างบนอากาศได้ ท้าทายมากทีเดียวเชียวค่ะ การฝึกสไตล์นี้ถึงชุดท่าจะเป็นแบบเดิมแต่ท่าก็เยอะทีเดียวท่าส่วนใหญ่เน้นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆค่ะ

อนุสรา ชื่อหวานๆแต่การค้างท่าจะนานนิดนึง ไม่มีการนับ ก็คือหายใจไปเรื่อยๆค่ะจนกว่าผู้สอนจะให้เปลี่ยนท่า การฝึกแบบนี้ไม่มีชุดท่าตายตัว คือผู้สอนสามารถเปลี่ยนแปลงชุดท่าทางการฝึกได้เรื่อยๆ ดังนั้นจะเหมาะกับคนขี้เบื่อ ชอบท่าเยอะ ส่วนตัวว่าการฝึกสไตล์นี้จะเป็นท่าที่มีการเปิดยืดส่วนอกเยอะ ท่วงท่าสง่าสวยงามเช่นพวกท่าสะพานโค้งค่ะ

ศิวะนันทะ ไทยแลนด์ แบบล่าสุดที่ได้มีโอกาสไปเรียนมา อุปกรณ์เยอะ เคลื่อนไหวช้า มีการนอนพักระหว่างท่า มีชุดการฝึกที่ตายตัวแต่สามารถปรับให้เข้ากับผู้ฝึกทุกระดับได้ ท่าไม่เยอะมากแต่สบายมาก เป็นแบบที่ฝึกได้ทุกวัน อาจจะไม่มีเหงื่อเปนกะละมัง ท่าดูพื้นฐานง่ายๆแต่ประโยชน์เหลือหลายเอามาปรับใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัยค่ะ ชุดท่าใช้ในการบำบัดอาการต่างๆก็พอมีในนี้แหละค่ะ

สำหรับอายุสามสิบนิดๆ ฝึกแต่โยคะวันละชั่วโมงได้แค่นี้ก็ภูมิใจแล้วค่ะ ช่วงไหนตัวบวมๆก็ไม่ได้เครียดอะไรมาก ฝึกไปฝึกมาตัวก็ค่อยๆยุบไปเอง
ทุกวันนี้ฝึกตามความอยากของตัวเองค่ะ ไม่ได้ทำตารางตายตัว ถึงจะเรียนจบครูมาแล้วแต่บางวันก็ยังเปิดแอฟฝึกเหมือนเดิม
แอฟไหน มีหลายแอฟ ส่วนตัวยังชอบ yoga studio เหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคือเมื่อก่อนฟรี ตอนนี้ต้องจ่ายตังค์ค่ะ คือคลาสมันเยอะมีง่ายๆสำหรับผู้ฝึกใหม่ด้วยเลยชอบ พูดช้า อธิบายชัดเจน รูปดูสบาย ส่วนของฟรีมีแอฟ down dog ที่ดังๆแต่ส่วนตัวว่าเค้าจะเคลื่อนไหวค่อนข้างไวถ้าเราเพิ่งฝึกใหม่อาจจะได้เหงื่อดีแต่เราจะทำไวไปท่าเลยอาจจะไม่ถูกต้องมีความเสี่ยงที่จะทำให้เราบาดเจ็บได้
ปล ทั้งสองแอฟนี้เป็นภาษาอังกฤษนะคะ ใจจริงอยากทำแอฟภาษาไทยดีๆให้คนไทยใช้แต่ไม่รู้วิธีค่ะ ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน มีแต่ใจคงไม่พอ

เล่ายาวไปบางทีก็เสียวนะ เสียวว่าจะไม่มีคนอ่าน งั้นพอแค่นี้ก่อนนะคะ ถ้ามีคนอ่านมากพอ อยากรู้เรื่องอะไรอีก ก็ยินดีที่จะมาเขียนเล่าให้อ่านอีกค่ะ คราวนี้สัญญาว่าจะไม่หายไปไหนนานๆอีก อาจจะ 6 เดือนโผล่มาที อะไรแบบนี้ ถ้าใคร inbox มา แล้วชะนีตอบช้าอย่าน้อยใจนะคะ คือชีวิตช่วงนี้วุ่นวายมาก แต่กระทู้นี้คือตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำ ยอมอดนอนคืนนึงก็ได้
โยคะที่บ้านกลับมาแล้วจ้า หลังจากเงียบหายไปสองสามปี
วันนี้เพิ่งมีโอกาสและเวลาว่างได้มาอัพเดทขีวิตโยคะที่บ้านของตัวเองค่ะ เนื่องจากว่ากระทู้ที่แล้วมีคนแนะนำว่าให้ไปเรียนให้รู้หลักการเพื่อที่จะเลี่ยงอาการบาดเจ็บและทำได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น ชะนีก็น้อมรับค่ะ เวลาที่หายไป 3 ปีที่ผ่านมานี้ ชะนีได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยและชะนีก็ค่อยๆสะสมการเรียนรู้ค่ะ แต่เนื่องด้วยเป็นคนไม่ค่อยมีเวลาไปสตูดิโอเลยตัดสินใจเรียนคอร์สครู 200 ชั่วโมง 100 ชั่วโมง 100 ชั่วโมง และ 30 ชั่วโมง รวมแล้วก็ 430 ชั่วโมงในเวลา 2-3ปีที่หายไป ยังไม่รวมเวิร์คช๊อปต่างๆเท่าที่จะสรรหาเวลาไปเรียนได้ ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้ทั้งเรื่องโยคะและกายวิภาคจากคุณหมอ จุดประสงค์หลักๆก็เพื่อที่จะนำมาพัฒนาตนเอง และสุดท้ายก็กลับมาฝึกเองที่บ้านเหมือนเดิมค่ะ จะไปไหน เป็นอย่างรัยก็ขอกลับมาอยู่จุดๆเดิมของเรา บนเสื่อโยคะของเรา
หลังจากได้ไปศึกษาหาความรู้มาเพิ่มก็อยากเอามาแบ่งปันค่ะ เผื่อว่ามีใครสะดวกแบบนี้เหมือนกัน ถ้าหากว่าข้อมูลไม่ถูกต้องก็สามารถแย้งได้นะคะ อันนี้ชะนีทำขึ้นมาตามความเข้าใจของตัวเองและอยากแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองเท่านั้นค่ะ
บรรยากาศการเรียน และครูๆของชะนีเองค่ะ (มีรูปมายืนยันป้องกันดราม่าคนหาว่าเราโม้ค่ะ)
โยคะเริ่มต้นรู้จักกันกันก็เพียงเพราะว่าอยากออกกำลังกายเท่านั้นค่ะ แต่ยิ่งฝึกกลับยิ่งชอบ ความชอบกลายเป็นความรักเมื่อเห็นว่าเราได้ประโยชน์มากมายจากสิ่งที่เราฝึกฝน ที่เห็นได้ชัดคงจะเป็นเรื่องของการมีสมาธิค่ะ ยิ่งฝึกคนเดียวเราจะได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง และสัมผัสถึงการทำงานของร่างกายตัวเองแบบจริงๆ เพราะบางทีเราไปฝึกที่สตูดิโอเนี่ยเราจะดูครูบ้าง ดูคนข้างๆบ้าง กลัวตัวเองทำผิดบ้าง หลายๆครั้งแทนที่จะได้สมาธิก็กลายเป็นว่าสมาธิกระเจิงแทนซะงั้น และพวกออฟฟิตซินโดรมนี่ดีขึ้นมากมาย บุคลิคภาพก็ดีขึ้นด้วยนะคะ ที่สำคัญมันช่วยปัญหาท้องผูกได้ค่ะคุณขา เมื่อก่อนยาระบายมีกี่ยี่ห้อนี่ก็ต้องกิน กินจนดื้อยา บางที่ไม่เข้าห้องน้ำเป็นสัปดาห์เลยก็ว่าได้ ตอนนี้ถ้าไม่ติดที่ว่าเดินทางแล้วแปลกที่หรือเจทแลคอะไรพวกนี้ก็ไม่มีปัญหานะคะ อย่างปกติก็วันละครั้งค่ะ(ได้แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว)
คือบางทีเราเห็นรูปองศาต่างกันนิดเดียวแต่คนทำนี่ซี๊ดไม่เบาเลยนะคะ
ตัวชะนีเองใช้เวลาเป็นปีๆเพราะไม่เคยยืดเหยียดอะไรมาก่อนในชีวิต
สาย(ตัว)แข็ง ปีแรกกับสามปีถัดมา ก็ถือว่ามาไกลในแบบของเราค่ะ ไม้แก่ดัดยากแต่ชะนีที่เริ่มแก่ดัดได้นะคะแต่มันต้องใช้เวลา
(รูปนี้ถ่ายไว้ปีกว่าแล้วนะคะ ตอนนี้ไม่ค่อยได้ฝึกท่านี้อาจจะกลับไปแข็งโป๊กเหมือนเดิมก็ได้)
จากวันนั้นถึงวันนี้ คุณครูท่านหนึ่งที่ชะนีเคารพกล่าวไว้ว่า โยคะให้คุณอนันต์ ให้โทษมหันต์ นั่นก็คือหากเราฝึกด้วยความไม่รู้ เช่นฝึกมากเกินไป ฝึกท่ายากเกินไปตอนที่ร่างกายยังไม่พร้อม แทนที่จะได้ประโยชน์กลับทำให้ร่างกายบาดเจ็บสะสมแทน ชะนีโชคดีค่ะที่เจอแต่ครูบาอาจารย์ที่รักและเมตตาเราจริงๆ ไม่ได้มีใครมาจับเราดัดหรือหักหรือเหยียบอะไรแบบนั้น โชคดีด้วยที่เราพอมีพื้นฐานถึงจะเป็นการฝึกด้วยตัวเองโดยไม่มีครูมาก่อนแต่มันก็ช่วยได้มากค่ะ และอีกหนึ่งโชคดีก็คือเรายอมรับในความสายแข็งของเรา จะเห็นได้ว่ารูปแรกๆคือตัวไม่มีความยืดอะไรเลยต่อให้วันนี้ฝึกมาอย่างเป็นประจำจะห้าปีแล้วก็ยังทำหลายๆท่าที่ต้องใช้ความยืดของร่างไม่ได้และเอาจริงๆก็ไม่คิดจะทำด้วยค่ะ ถ้าวันนึงมันจะทำได้ก็ยินดีแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ได้จะไปฝืนร่างให้เจ็บช้ำ
ตัวอย่างท่าในฝันของชะนีค่ะ เมื่อก่อนงงมากว่าต้องคนประเภทไหนจะทำได้ อย่างเราคงหมดหวังพอฝึกไปเรื่อยๆวันนึงเค้าก็มา
ถ้าเอาสวยกว่านี้เท้าต้องชิดกว่านี้ แต่สำหรับชะนีตอนนี้ได้แค่นี้ก่อนค่ะ
นี่ก็ท่าในฝันอีก ในรูปอาจจะไม่เป๊ะแต่ก็พยายามเต็มที่ของวันที่ถ่ายรูปนี้แล้ว(รูปตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ)
จำได้ว่าสองปีแรกที่ฝึกมีเพื่อนฝรั่งมาถามว่าทำท่านี้ได้มั้ยนี่เครียดเลยเพราะทำไม่ได้
ลืมนึกไปว่าเราไม่ใช่นักกายกรรม เป็นชะนีบ้านๆที่เพิ่งมาฝึกจะให้ยืดอะไรขนาดนั้นก็คงยังไม่ไหว
อีกอย่างที่คนทั่วๆไปอย่างเราชอบสับสนคือ โยคะมีหลายแบบค่ะ มีทั้งกางนิ้ว หุบนิ้ว หรือไม่ต้องอะไรกับนิ้วเลยปล่อยเค้าตามสบาย
ขอไขข้อข้องใจตามความเห็นของตัวเองว่าไม่มีผิด ไม่มีถูกค่ะ อยู่ที่ว่าฝึกอะไร กับใคร แบบไหน แค่นั้นเองค่ะ หลักที่สำคัญคือการจัดระเบียบร่างกาย
ตำแหน่งของการวางฝ่ามือและฝ่าเท้า การจัดการกับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆควรจะถูกต้องเหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคลเพื่อป้องกันการบาดเจ็บทั้งในตอนฝึกและหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่สามารถจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ค่ะ
ขอยกตัวอย่าง 3 แบบที่เรียนมาแล้ว เล่าแบบคล่าวๆไม่เจาะลึก เอาแบบที่คนทั่วไปจะเข้าใจนะคะ เผื่อจะเป็นตัวช่วยให้เพื่อนๆที่นี่ตัดสินใจไปเรียนแบบไหนแบบนึงได้ง่ายขึ้น
แอชทังก้า เป็นแบบที่ใช้กำลังค่อนข้างเยอะ เหงื่อคุณจะออกเป็นกะละมัง ชุดท่าจะเหมือนเดิมทุกครั้งที่ฝึกค่ะ การฝึกจะมีผู้สอนนับลมหายใจให้ 1-5
ดูง่ายๆใครฝึกแอชทังก้าเป็นประจำตัวจะลีน มีกล้าม กระโดดไปค้างบนอากาศได้ ท้าทายมากทีเดียวเชียวค่ะ การฝึกสไตล์นี้ถึงชุดท่าจะเป็นแบบเดิมแต่ท่าก็เยอะทีเดียวท่าส่วนใหญ่เน้นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆค่ะ
อนุสรา ชื่อหวานๆแต่การค้างท่าจะนานนิดนึง ไม่มีการนับ ก็คือหายใจไปเรื่อยๆค่ะจนกว่าผู้สอนจะให้เปลี่ยนท่า การฝึกแบบนี้ไม่มีชุดท่าตายตัว คือผู้สอนสามารถเปลี่ยนแปลงชุดท่าทางการฝึกได้เรื่อยๆ ดังนั้นจะเหมาะกับคนขี้เบื่อ ชอบท่าเยอะ ส่วนตัวว่าการฝึกสไตล์นี้จะเป็นท่าที่มีการเปิดยืดส่วนอกเยอะ ท่วงท่าสง่าสวยงามเช่นพวกท่าสะพานโค้งค่ะ
ศิวะนันทะ ไทยแลนด์ แบบล่าสุดที่ได้มีโอกาสไปเรียนมา อุปกรณ์เยอะ เคลื่อนไหวช้า มีการนอนพักระหว่างท่า มีชุดการฝึกที่ตายตัวแต่สามารถปรับให้เข้ากับผู้ฝึกทุกระดับได้ ท่าไม่เยอะมากแต่สบายมาก เป็นแบบที่ฝึกได้ทุกวัน อาจจะไม่มีเหงื่อเปนกะละมัง ท่าดูพื้นฐานง่ายๆแต่ประโยชน์เหลือหลายเอามาปรับใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัยค่ะ ชุดท่าใช้ในการบำบัดอาการต่างๆก็พอมีในนี้แหละค่ะ
สำหรับอายุสามสิบนิดๆ ฝึกแต่โยคะวันละชั่วโมงได้แค่นี้ก็ภูมิใจแล้วค่ะ ช่วงไหนตัวบวมๆก็ไม่ได้เครียดอะไรมาก ฝึกไปฝึกมาตัวก็ค่อยๆยุบไปเอง
ทุกวันนี้ฝึกตามความอยากของตัวเองค่ะ ไม่ได้ทำตารางตายตัว ถึงจะเรียนจบครูมาแล้วแต่บางวันก็ยังเปิดแอฟฝึกเหมือนเดิม
แอฟไหน มีหลายแอฟ ส่วนตัวยังชอบ yoga studio เหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคือเมื่อก่อนฟรี ตอนนี้ต้องจ่ายตังค์ค่ะ คือคลาสมันเยอะมีง่ายๆสำหรับผู้ฝึกใหม่ด้วยเลยชอบ พูดช้า อธิบายชัดเจน รูปดูสบาย ส่วนของฟรีมีแอฟ down dog ที่ดังๆแต่ส่วนตัวว่าเค้าจะเคลื่อนไหวค่อนข้างไวถ้าเราเพิ่งฝึกใหม่อาจจะได้เหงื่อดีแต่เราจะทำไวไปท่าเลยอาจจะไม่ถูกต้องมีความเสี่ยงที่จะทำให้เราบาดเจ็บได้
ปล ทั้งสองแอฟนี้เป็นภาษาอังกฤษนะคะ ใจจริงอยากทำแอฟภาษาไทยดีๆให้คนไทยใช้แต่ไม่รู้วิธีค่ะ ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน มีแต่ใจคงไม่พอ
เล่ายาวไปบางทีก็เสียวนะ เสียวว่าจะไม่มีคนอ่าน งั้นพอแค่นี้ก่อนนะคะ ถ้ามีคนอ่านมากพอ อยากรู้เรื่องอะไรอีก ก็ยินดีที่จะมาเขียนเล่าให้อ่านอีกค่ะ คราวนี้สัญญาว่าจะไม่หายไปไหนนานๆอีก อาจจะ 6 เดือนโผล่มาที อะไรแบบนี้ ถ้าใคร inbox มา แล้วชะนีตอบช้าอย่าน้อยใจนะคะ คือชีวิตช่วงนี้วุ่นวายมาก แต่กระทู้นี้คือตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำ ยอมอดนอนคืนนึงก็ได้