จะมีผู้ประกอบการเจ๊งกี่คนกับการปรับอัตราหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 40(8) ของสรรพากรในปีนี้ครับ

อย่างผมมีรายได้ที่ต้องเสียภาษีตามประเภท 40(8)
จากเดิมหักค่าใช้จ่าย 75% เท่ากับว่าเอา 25% ของรายรับไปคิดภาษี
แต่ตั้งแต่ปี 60 ไปนี้ หักค่าใช้จ่าย 60% เท่ากับว่ากำไร เท่ากับว่าเอา 40% ของรายรับไปคิดภาษี
แม้รายรับเท่าเดิม แต่เราต้องเสียภาษีเกือบเท่าตัว
จริงๆ ไม่ใช่แค่เกือบเท่าตัวสิ
ถ้ามันกระโดดไปฐานภาษีอีกขั้น ก็จะเสียภาษีมากกว่านี้อีก
ทั้งๆ ที่รายได้เท่าเดิม

นอกจากนี้ การที่เสียภาษีมากขึ้นทั้งๆ ที่รายได้เท่าเดิม มันเท่ากับว่ารายได้ลดลง ทำให้คนไม่อยากจับจ่าย เกิดภาวะเงินฝืดมากไปเรื่อยๆ
ส่งผลให้ยอดขายน้อยลงไปอีก
รายได้ลดลง แต่เสียภาษีเพิ่ม
นี่มันอะไรกันยุคนี้
(ขอบ่นหน่อย ภาษีที่รัฐได้เพิ่มไป กลับมาเป็นสวัสดิการให้ประชาชนมากขึ้นไหม มีแต่จะลดไปหมด ถ้าเจริญอย่าง ญี่ปุ่น เยอรมัน จะไม่บ่นเลย เรื่องเก็บภาษีแพง)

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
คนจน  คนรายได้น้อย  รากหญ้า  หรือรากแก้ว  แล้วแต่จะใช้ศัพท์คำไหนเรียก  เรียกร้องสารพัด  จะเอาโน้น  เอานี่  ซึ่งการตอบสนองพวกเขาล้วนแต่ต้องใช้เงินทั้งนั้น  

อย่างที่เห็นๆ กัน  รัฐบาลไม่ช่วย  หรือช่วยไม่เต็มที่ตามคำเรียกร้อง  ก็เจอว่า เจอด่าสารพัด  ไม่พอยังมีพวกนักการเมือง  และรับใช้นักการเมืองร่วมผสมโรงด่าว่าไม่ดูแล  ไม่ช่วยประชาชน  เพื่อหาความนิยมจากชาวบ้าน  เลยยิ่งไปกันใหญ่

คนชั้นกลาง  ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือแบบคนรายได้น้อยโดยตรง  ก็คิดว่าตัวเองเสียเปรียบ  แต่ความจริงโครงการที่ทำให้กับคนชั้นกลางใช้เงินไม่น้อยไปกว่ากัน  อย่างรถไฟฟ้าก็ลงทุนไปไม่น้อย  ซึ่งคนรายได้น้อย และคนต่างจังหวัดคงไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ใช้ด้วย

เมื่อโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน  อย่างรถไฟรางคู่  ความเร็วสูง  และรถไฟฟ้า  รัฐบาลต้องลงทุนเอง  ให้เอกชนลงทุนค่าบริการแพง  หรือให้ต่างประเทศลงทุนให้  แต่เขาต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน  ประชาชนก็ด่าอีก  ค่าบริการถูกเอกชนก็ไม่อยากลงทุน เพราะทำแล้วไม่คุ้มกำไร (ขาดทุน)  ต่างชาติเขาก็ไม่โง่ลงทุนให้ฟรีๆ  และยังต้องคอยช่วยเหลือคนรายได้น้อยอีกสารพัดโครงการ  เช่น รักษาฟรี  โครงการอุดหนุนเงินให้สินค้าเกษตร  เบี้ยคนชรา  และอื่นๆ

รัฐบาลหาเงินได้ไหน ?  

ภาษี และการกู้

กู้มากก็เท่ากับเป็นหนี้มาก  เป็นหนี้มากก็มีผลต่อฐานะการคลังของประเทศ  ยังจำได้มั้ยสมัยวิกฤตต้มยำกุ้ง  หนี้สาธารณะต่อ GDP เท่าไหร่  เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจซ้ำรอยอีก  จึงมีการกำหนดสัดส่วนที่เหมาะสมออกมา  เมื่อการกู้มันมีลิมิต  รัฐบาลก็ต้องหาเงินจากภาษี  

เมื่อทุกชนชั้นในสังคมเรียกร้องจะเอาโน้นเอานี่  และรัฐบาลมีหน้าที่ต้องรักษาสถานะการคลังของประเทศให้ดูแข็งแรง ซึ่งเปรียบได้กับงบดุลของบริษัทเอกชน  ประชาชนก็ต้องยอมรับการเสียภาษีที่เพิ่มขึ้น...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่