คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ทำธุรกิจร่วมกับคนอื่นโดยไม่จัดตั้งนิติบุคคล ไม่ว่าจะร่วมกับพ่อแม่ ลูกหลาน พี่น้อง เพื่อน คนรู้จัก (ยกเว้นคู่สมรสที่เป็นกรณีพิเศษ) ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลธรรมดา
- ต้องขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของห้างหุ้นส่วน
- เมื่อทำธุรกิจต้องเสียภาษีเงินได้ในนามห้างหุ้นส่วน โดยใช้วิธีคำนวณและอัตราภาษีเดียวกับบุคคลธรรมดา
- เมื่อห้างหุ้นส่วนจ่ายส่วนแบ่งกำไร (เงินได้ 40 (8)) ให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนเสียภาษีเงินได้ในนามตัวเองอีกรอบ
- สรุปโดนภาษีสองเด้ง ถ้าไม่อยากเสียสองเด้งต้องจัดตั้งนิติบุคคล
เนื่องจากธุรกิจเป็นบุคคลธรรมดาให้ใช้วิธีเดียวกับบุคคลธรรมดา กรณีเป็นเงินได้จากการรับเหมา มีการลงเงินของตัวเองในการรับงานเป็นมูลค่าสูง ถือเป็นเงินได้ 40 (7) สามารถหักรายจ่ายแบบเหมา 60% หรือหักรายจ่ายตามจริงก็ได้ ถ้าเลือกหักรายจ่ายตามจริงให้ขอใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีฉบับเต็มจากผู้ขายด้วย สังเกตว่าฉบับเต็มจะมีชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ
ห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลธรรมดากฎหมายไม่บังคับให้ทำบัญชีเต็มรูปแบบเหมือนนิติบุคคล แค่มีรายงานเบื้องต้นตามกฎหมายก็พอ (เช่น บัญชีรับจ่าย) แนะนำให้ทำบัญชีเต็มรูปแบบเหมือนนิติบุคคลไปเลยดีกว่า เพื่อให้บัญชีเป็นระบบ ทั้งบัญชีและภาษีจะได้ไม่วุ่นวายภายหลัง แต่ไม่จำเป็นต้องจ้างผู้สอบบัญชี
เงินได้ 40 (7) เกี่ยวข้องกับการยื่นภาษีสองอย่างคือ ภ.ง.ด.94 เมื่อกลางปี (กรกฎาคมถึงกันยายน) และ ภ.ง.ด.90 เมื่อสิ้นปี (มกราคมถึงมีนาคมของปีปฏิทินถัดไป)
ถ้ามีเงินได้ก่อนหักรายจ่ายเกิน 1.8 ล้านบาท ต้องจด VAT
ข้อเสียเปรียบของบุคคลธรรมดา แม้ขาดทุนก็ต้องเสียภาษีอย่างน้อย 0.5% (ถ้าเงินได้ก่อนหักรายจ่ายเกิน 1 ล้านบาท) ไม่เหมือนนิติบุคคลที่ปีไหนขาดทุนไม่เสียภาษี และสามารถยกยอดขาดทุนของปีก่อนไม่เกิน 5 ปีเป็นรายจ่ายในปีปัจจุบันได้ ทำให้กำไรทางภาษีน้อยลง เสียภาษีน้อยลง
แม้นายจ้างเป็นบุคคลธรรมดา หากมีการจ้างลูกจ้างต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากค่าจ้างตามมาตรา 50 (1) ให้คำนวณเสมือนว่าจ่ายค่าจ้างตลอดปี นำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของลูกจ้าง ลูกจ้างมียอดเสียภาษีทั้งปีเท่าไรเอามาหารจำนวนครั้งที่จ่ายค่าจ้าง ได้เป็นยอดที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายแต่ละครั้ง
- ต้องขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของห้างหุ้นส่วน
- เมื่อทำธุรกิจต้องเสียภาษีเงินได้ในนามห้างหุ้นส่วน โดยใช้วิธีคำนวณและอัตราภาษีเดียวกับบุคคลธรรมดา
- เมื่อห้างหุ้นส่วนจ่ายส่วนแบ่งกำไร (เงินได้ 40 (8)) ให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนเสียภาษีเงินได้ในนามตัวเองอีกรอบ
- สรุปโดนภาษีสองเด้ง ถ้าไม่อยากเสียสองเด้งต้องจัดตั้งนิติบุคคล
เนื่องจากธุรกิจเป็นบุคคลธรรมดาให้ใช้วิธีเดียวกับบุคคลธรรมดา กรณีเป็นเงินได้จากการรับเหมา มีการลงเงินของตัวเองในการรับงานเป็นมูลค่าสูง ถือเป็นเงินได้ 40 (7) สามารถหักรายจ่ายแบบเหมา 60% หรือหักรายจ่ายตามจริงก็ได้ ถ้าเลือกหักรายจ่ายตามจริงให้ขอใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีฉบับเต็มจากผู้ขายด้วย สังเกตว่าฉบับเต็มจะมีชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ
ห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลธรรมดากฎหมายไม่บังคับให้ทำบัญชีเต็มรูปแบบเหมือนนิติบุคคล แค่มีรายงานเบื้องต้นตามกฎหมายก็พอ (เช่น บัญชีรับจ่าย) แนะนำให้ทำบัญชีเต็มรูปแบบเหมือนนิติบุคคลไปเลยดีกว่า เพื่อให้บัญชีเป็นระบบ ทั้งบัญชีและภาษีจะได้ไม่วุ่นวายภายหลัง แต่ไม่จำเป็นต้องจ้างผู้สอบบัญชี
เงินได้ 40 (7) เกี่ยวข้องกับการยื่นภาษีสองอย่างคือ ภ.ง.ด.94 เมื่อกลางปี (กรกฎาคมถึงกันยายน) และ ภ.ง.ด.90 เมื่อสิ้นปี (มกราคมถึงมีนาคมของปีปฏิทินถัดไป)
ถ้ามีเงินได้ก่อนหักรายจ่ายเกิน 1.8 ล้านบาท ต้องจด VAT
ข้อเสียเปรียบของบุคคลธรรมดา แม้ขาดทุนก็ต้องเสียภาษีอย่างน้อย 0.5% (ถ้าเงินได้ก่อนหักรายจ่ายเกิน 1 ล้านบาท) ไม่เหมือนนิติบุคคลที่ปีไหนขาดทุนไม่เสียภาษี และสามารถยกยอดขาดทุนของปีก่อนไม่เกิน 5 ปีเป็นรายจ่ายในปีปัจจุบันได้ ทำให้กำไรทางภาษีน้อยลง เสียภาษีน้อยลง
แม้นายจ้างเป็นบุคคลธรรมดา หากมีการจ้างลูกจ้างต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากค่าจ้างตามมาตรา 50 (1) ให้คำนวณเสมือนว่าจ่ายค่าจ้างตลอดปี นำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของลูกจ้าง ลูกจ้างมียอดเสียภาษีทั้งปีเท่าไรเอามาหารจำนวนครั้งที่จ่ายค่าจ้าง ได้เป็นยอดที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายแต่ละครั้ง
แสดงความคิดเห็น
รับเหมากับเพื่อน และเปิดบัญชีร่วมกัน เวลายื่นภาษี 40(7) หลังจากหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา ต้องยื่นภาษีต้องทำอย่างไง