The Foreigner (Martin Campbell, 2017) คะแนน C+
By Form Corleone
"อย่าทำให้ 'มังกร' ต้องตื่นมาสู้" สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับเราของภาพยนตร์เรื่องนี้คือประเด็นของคนต่างชาติในต่างแดนที่ไม่มีให้เห็นอย่างชัดเจนผิดกับชื่อเรื่อง 'Foreigner' หนังเองน่าจะใส่ประเด็นของชนชาติเข้าไปสักหน่อย ชาวต่างชาติในเรื่อง (Jackie Chan) จึงเหมือนลุงแก่ๆที่ตามล่าหาชื่อคนร้ายในเหตุวางระเบิดที่พรากลูกสาวไปจากชีวิต จนต้องออกตามล่ารายชื่อจากนักการเมือง (Pierce Brosnan) ที่มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ครั้งนี้ และมีเบื้องลึกเบื้องหลังแอบแฝงในการต่อสู้ทางการเมืองที่สลับซับซ้อนอยู่พอสมควร ฉากหลังของเรื่องราวทั้งหมดจึงเต็มไปด้วยความเข้มข้นของการเมืองที่คนภายนอกประเทศแบบเราอาจจะไม่เข้าใจได้ครบทุกประเด็นว่าสิ่งที่ตัวละครกระทำนั้นส่งผลกระทบต่ออะไรได้บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับเราตัวละครที่เฉินหลงแสดงยังดูเป็นเพียงการจับยัดให้เกิดฉากแอคชั่นไล่ล่าภายในเรื่องชนิดที่จงใจให้ตัวละครออกตามหารายชื่อเหมือนคนบ้าที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ประเด็นของหนังเองจึงไปได้ไม่สุดในส่วนของการเมืองภายในเรื่อง นอกจากนี้ บางช่วงเวลานั้นหนังเองยังจับต้นชนปลายได้ไม่ดีหรือสร้างความเชื่อมโยงได้ไม่ทั่วถึงแม้พล็อตเรื่องจะไม่ได้มีช่องว่างที่ใหญ่จนรู้สึกขัดใจก็ตาม ความซับซ้อนของตัวละครในเรื่องราวการหักหลังยังมีมิติน้อยเกินไปจนไม่รู้สึกเชื่อและอินตามไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว ในส่วนเนื้อหาจึงดูหลงทางไปบ้างแต่ก็ยังกลับมาได้ในข้อความที่ต้องการจะสื่อถึงการก่อการร้ายภายใต้อิทธิพลทางการเมืองหรือการเมืองระหว่างกลุ่มกบฏไอร์แลนด์ในนาม 'UDI กับ 'อังกฤษ' ที่หนังหยิบยกมาเป็นประเด็น
การเลือกประกบคู่กันระหว่างดารารุ่นใหญ่ทั้ง 'Jackie Chan' และ 'Pierce Brosnan' ถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างสีสันหรือสร้างเสน่ห์ให้ตัวละครทั้งสองตัว แม้ว่า 'Pierce Brosnan' จะไม่ได้อยู่ในมาดสายลับฉบับ 007 และ 'Jackie Chan' จะไม่ได้อยู่ในวิถีแสดงแอคชั่นผสมคอมเมดี้+จัดหนักจัดเต็มงานคิวบู๊เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเหมือนสมัยหนุ่มๆ แต่ภาพรวมทั้งสองคนก็ทำได้ดีในส่วนของบทบาทที่ได้รับ สองคนนี้จึงเปรียบเสมือนตัวช่วยให้เราสามารถดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน และสามารถมองข้ามประเด็นทางการเมืองที่บางช่วงก็ไม่เข้าใจและไม่รู้สึกอินร่วมในส่วนนั้น จะมองดูอีกมุมหนึ่ง หนังเองก็มีความประนีประนอมในส่วนเนื้อหาการเมืองที่เจาะจงบุคคลในวงแคบที่ติดตามการเมืองกลุ่มกบฏไอร์แลนด์ โดยการอาศัยฉากแอคชั่นของเฉินหลงเข้าไปให้ดูตื่นตาตื่นใจซึ่งจุดนี้เฉินหลงก็ไม่ทำให้เราผิดหวังแถมยังใส่ซีนดราม่าผสมจนถือเป็นงานแสดงของคนที่วัยล่วงเลยเลขหกได้อย่างประทับใจ และทำให้เรารู้รู้สึกเอาใจช่วยจนเหนื่อยและเจ็บแทนให้กับตัวละครได้
สุดท้าย 'The Foreigner' แม้ว่าจะมีประเด็นทางการเมืองที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไอร์แลนด์กับอังกฤษมาสักหน่อย แต่ตัวหนังเองก็ยังคงส่งมอบความเพลิดเพลินในองค์ประกอบของงานแอคชั่นได้ตามมาตรฐาน สำหรับเรางานนี้ถือเป็นงานยุคหลังๆที่เฉินหลงแสดงแล้วเรารู้สึกชอบมากกว่างานเรื่องอื่น คงเพราะด้วยวัยและบุคลิกของตัวละครที่เหมาะสม ดังนั้นแล้ว ถ้าใครต้องการความบันเทิงงานนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ไม่ยาก แต่ถ้าใครอยากได้บันเทิงแอคชั่นอย่างเดียว งานนี้ก็คงจะมีหาวกันบ้างไม่มากก็น้อยเหมือนกันครับ
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
Review: The Foreigner (Martin Campbell, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"อย่าทำให้ 'มังกร' ต้องตื่นมาสู้" สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับเราของภาพยนตร์เรื่องนี้คือประเด็นของคนต่างชาติในต่างแดนที่ไม่มีให้เห็นอย่างชัดเจนผิดกับชื่อเรื่อง 'Foreigner' หนังเองน่าจะใส่ประเด็นของชนชาติเข้าไปสักหน่อย ชาวต่างชาติในเรื่อง (Jackie Chan) จึงเหมือนลุงแก่ๆที่ตามล่าหาชื่อคนร้ายในเหตุวางระเบิดที่พรากลูกสาวไปจากชีวิต จนต้องออกตามล่ารายชื่อจากนักการเมือง (Pierce Brosnan) ที่มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ครั้งนี้ และมีเบื้องลึกเบื้องหลังแอบแฝงในการต่อสู้ทางการเมืองที่สลับซับซ้อนอยู่พอสมควร ฉากหลังของเรื่องราวทั้งหมดจึงเต็มไปด้วยความเข้มข้นของการเมืองที่คนภายนอกประเทศแบบเราอาจจะไม่เข้าใจได้ครบทุกประเด็นว่าสิ่งที่ตัวละครกระทำนั้นส่งผลกระทบต่ออะไรได้บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับเราตัวละครที่เฉินหลงแสดงยังดูเป็นเพียงการจับยัดให้เกิดฉากแอคชั่นไล่ล่าภายในเรื่องชนิดที่จงใจให้ตัวละครออกตามหารายชื่อเหมือนคนบ้าที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ประเด็นของหนังเองจึงไปได้ไม่สุดในส่วนของการเมืองภายในเรื่อง นอกจากนี้ บางช่วงเวลานั้นหนังเองยังจับต้นชนปลายได้ไม่ดีหรือสร้างความเชื่อมโยงได้ไม่ทั่วถึงแม้พล็อตเรื่องจะไม่ได้มีช่องว่างที่ใหญ่จนรู้สึกขัดใจก็ตาม ความซับซ้อนของตัวละครในเรื่องราวการหักหลังยังมีมิติน้อยเกินไปจนไม่รู้สึกเชื่อและอินตามไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว ในส่วนเนื้อหาจึงดูหลงทางไปบ้างแต่ก็ยังกลับมาได้ในข้อความที่ต้องการจะสื่อถึงการก่อการร้ายภายใต้อิทธิพลทางการเมืองหรือการเมืองระหว่างกลุ่มกบฏไอร์แลนด์ในนาม 'UDI กับ 'อังกฤษ' ที่หนังหยิบยกมาเป็นประเด็น
การเลือกประกบคู่กันระหว่างดารารุ่นใหญ่ทั้ง 'Jackie Chan' และ 'Pierce Brosnan' ถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างสีสันหรือสร้างเสน่ห์ให้ตัวละครทั้งสองตัว แม้ว่า 'Pierce Brosnan' จะไม่ได้อยู่ในมาดสายลับฉบับ 007 และ 'Jackie Chan' จะไม่ได้อยู่ในวิถีแสดงแอคชั่นผสมคอมเมดี้+จัดหนักจัดเต็มงานคิวบู๊เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเหมือนสมัยหนุ่มๆ แต่ภาพรวมทั้งสองคนก็ทำได้ดีในส่วนของบทบาทที่ได้รับ สองคนนี้จึงเปรียบเสมือนตัวช่วยให้เราสามารถดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน และสามารถมองข้ามประเด็นทางการเมืองที่บางช่วงก็ไม่เข้าใจและไม่รู้สึกอินร่วมในส่วนนั้น จะมองดูอีกมุมหนึ่ง หนังเองก็มีความประนีประนอมในส่วนเนื้อหาการเมืองที่เจาะจงบุคคลในวงแคบที่ติดตามการเมืองกลุ่มกบฏไอร์แลนด์ โดยการอาศัยฉากแอคชั่นของเฉินหลงเข้าไปให้ดูตื่นตาตื่นใจซึ่งจุดนี้เฉินหลงก็ไม่ทำให้เราผิดหวังแถมยังใส่ซีนดราม่าผสมจนถือเป็นงานแสดงของคนที่วัยล่วงเลยเลขหกได้อย่างประทับใจ และทำให้เรารู้รู้สึกเอาใจช่วยจนเหนื่อยและเจ็บแทนให้กับตัวละครได้
สุดท้าย 'The Foreigner' แม้ว่าจะมีประเด็นทางการเมืองที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไอร์แลนด์กับอังกฤษมาสักหน่อย แต่ตัวหนังเองก็ยังคงส่งมอบความเพลิดเพลินในองค์ประกอบของงานแอคชั่นได้ตามมาตรฐาน สำหรับเรางานนี้ถือเป็นงานยุคหลังๆที่เฉินหลงแสดงแล้วเรารู้สึกชอบมากกว่างานเรื่องอื่น คงเพราะด้วยวัยและบุคลิกของตัวละครที่เหมาะสม ดังนั้นแล้ว ถ้าใครต้องการความบันเทิงงานนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ไม่ยาก แต่ถ้าใครอยากได้บันเทิงแอคชั่นอย่างเดียว งานนี้ก็คงจะมีหาวกันบ้างไม่มากก็น้อยเหมือนกันครับ
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/