สวัสดีคะ ฉันเขียนไดอารีหลายเล่มแต่มันอยู่ที่ต่างจังหวัด ข้อมูลที่เขียนใหม่นี้อาจจะรวบรัดมาก ไม่ละเอียดต้องขออภัยด้วยนะคะ และภาษาอาจมีขาดตกบกพร่องบ้างไม่ว่ากันเนอะ กระทู้แรกคะ
ฉันชอบศึกษาประวัติศาสตร์ อารยะธรรมเอเชียตั้งแต่เด็ก สนใจมากสุดคือเกี่ยวกับจีน บ้าละครด้วยนะค่ะ 555 เด็กบ้านนอกไม่มีปัญญาไปจีนได้แต่ฝันล้มๆแล้งๆ จนมอสองพ่อแม่ย้ายขึ้นมาเรียนกรุงเทพ ตอนแรกสมัครตั้งแต่มอ1 ไม่มีโรงเรียนไหนรับเลยค่ะ เขาว่าเด็กบ้านนอกเยอะแล้ว และฐานะครอบครัวฉันเรียนต่างจังหวัดดีแล้ว (แอบน้อยใจนิดหนึ่งค่ะ สงสารพ่อแม่ด้วย กว่าจะได้เข้าเรียนต้องยัดเงินด้วย 555 สังคมตะล้ากเชียว)
โอเคตอนนี้ฉันมาอยู่กรุงเทพแล้ว ไม่ขอพูดเรื่องดราม่าในโรงเรียนเนอะ เดี๋ยวจะออกนอกประเด็น สั้นๆคือฉันโดยแกล้งทุกวันเลยค่ะ อืมแต่ก่อนย้ายมาที่กรุงเทพฉันเรียนที่โรงเรียนวิถีพุทธ การแต่งกายต้องเรียบร้อยพูดจาต้องสุภาพ ต้องมีคำนำหน้าคุณ คะ ตลอดไม่งั้นลงโทษแรงมาก ถึงเราจะพูดภาษาอีสานแต่พูดเพราะมากค่ะ พอมากรุงเทพ เขาบอกว่าเรา ตอแห- สร้างภาพ บลาๆเขาคงไม่ชิน อ่อเราพูดภาษาไทยไม่ชัดด้วยคะ ชีวิตในรั้วโรงเรียนลำบากมากคะ แต่เพราะเหตุผลที่แตกต่างแบบนี้ ทำให้อาจารย์ท่านหนึ่งสนใจ และสนับสนุน
เริ่มยิ้มได้ละค่ะ เราเคยโดนรุมทำร้ายด้วย พอเรายอมก็เจ็บตัวเรื่อยๆ สงสารพ่อแม่กว่าจะยัดเราเข้าที่นี้ได้เลยต้องทน ท้ายที่สุดทนไม่ไหวก็ต้องสู้ สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้คือ ถ้าอยากอยู่รอดเราต้องสู้คะ คุณจะเก่งไม่เก่งไม่รู้ สู้เท่าที่ทำได้ แล้วทุกคนก็ยอมใจเรา โล่งอก มีชีวิตเป็นของตัวเองสะที
อาจารย์คนที่เมตตาฉันท่านสอนว่าคุณต้องเก่ง ถึงอ่อนแอแค่ไหนต้องแสร้งและต้องเอาชนะความอ่อนแอนั้น โอเคคะ
เริ่มมีความสุข ฉันโดนคัดตัวเป็นนักเรียนแลกเปลียนโครงการของพระเทพ (นักรียนแลกปลี่ยนวัฒนธรรม)ไทย - จีน
แต่ต้องแข่งในระดับจังหวัด กับ ประเทศก่อน
ฉันเรียนเสร็จก็ไปเรียนพิเศษต่อ เรียนภาษาจีน เรียนรำ การเต้น การแสดง ปรับบุคลิก เลิกสามทุ่มครึ่งทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ต้องมาเรียน ผ่านไปสองเดือนครึ่ง ฉันไปแข่งในระดับจังหวัด ฉันผ่านค่ะ ลุยต่อรอบประเทศ
(ตอนมอต้นฉันขี้ออายมากและเรียบร้อยผิดปกติจากวัยเดียวกัน พ่อฉันเป็นทหารเก่าดุมาก>< )
ฉันได้รู้จักเพื่อนที่ผ่านเข้ารอบในระดับจังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้หญิงเขาดูมั่นใจมากต่างจากฉัน พูดเก่งร่าเริงสดใส ในรอบเก็บตัวระดับประเทศมีผู้แข่งขันทั้งหมด 22คน ต้องอยู่ด้วยกันทำกิจกรรมร่วมกันสามวัน โอ๊ยพี่น้องเอ้ยยยฉันรู้สึกฉันต้อยต่ำที่สุดใน22คนเลยคะ ทุกคนหน้าตาดีมาก มั่นใจ ดูน่าเกรงขาม ย้อนกลับมาดูที่ฉันค่ะ ความเรียบร้อยไม่ได้ช่วยอะไรเลยยยยย หน้าตาเจียมๆ ยิ้มเห่ยๆ หลบตาผู้คน ฉันนึกว่าตัวเองเป็นบอปค่ะ ย้านหลายคนเยอะๆนิ
ในใจก็ท่อง ไปจีนๆๆๆๆ ไปเองไม่มีปัญญานะ สู้ๆๆๆ ลุย จ้องหน้าคู่แข่งคะ เราต้องสู้วันที่สองเริ่มเงยหน้าได้ละค่ะ เราจะแพ้ไม่ได้ก็เล่นเกมส์ทำกิจกกรม ละลายฟฤติกรรม เขียนเรียงความ ทำอาหารไทย สัทนาการทั่วไป วันที่สองช่วงบ่ายมีสอบสัมภาษภาษาจีน เพื่อนที่ฉันรู้จักเธอพูดไม่ได้เเลย จึงให้ฉันติวให้ ฉันติวให้เพื่อน เราสองคนต่างให้กำลังใจกัน โอเครอบนี้ ฉันสอบสัมภาษชิวมาก แนะนำตัวละถามตอบทั่วไป วันที่สามรอบแข่งความสามารถ
เพื่อนฉันได้คิวก่อนฉันค่ะ เธอพูดสุนทรพจน์เรื่องโลกร้อน ท่าทางเธอมีเสน่ห์ มั่นใจมากถึงหัวข้อการพูดจะเรียบๆเเต่เธอ ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจ
มาถึงฉันคะ ขึ้นเวทีค่ะ ยิ้มมมมมม และสดุดบันไดเกือบนอนราบกับพื้น คุณพระฉันจะร้องให้ TT รีบลุกค่ะ ทุกคนหัวเราะ // ฉันอายจังเลย
ฉันร้องหมอลำค่ะ และดีดไห ศิสปะการแสดงอีสานนะคะของถนัด และมีสัมภาษอีกนิดหน่อย
กลับบ้านคะ รอผล2อาทิตย์ผ่านไป เงียบบบบบบบ ......
เพื่อนคนนั้นโทรมาคะ: แกๆฉันผ่านว่ะ กรี้ดดดฉันขอบคุณแกมากนะที่สอนภาษาจีนฉันขอบคุณทุกๆอย่าง ดีใจมากเลย แกรู้ผลยัง เขาโทรมาหายัง
แกผ่านใช่ไหม ฉันว่าละแก เราจะไปจีนด้วยกัน (เสียงร่าเริงมาก)
ฉัน: TT เขาโทรมาเมื่อไหร่หรอคะ
เพื่อน: เมื่อวาานนี้ตอนเช้า พอดีฉันไปฉลองกับที่บ้านเลยพึ่งโทรหาแก
ฉัน:หรอ.....
เพื่อน:แกเก็บกระเป๋ายังต้องไปโรงแรมพรุ่งนี้ละ ฉันตื่นเต้นมากเเลย
ฉัน:ไม่มีคนโทรหาเราเลยอ่ะ..... ( ช็อก สตั้น เบลอ สมองอึน น้ำตาไหล ความทุ่มเทที่ผ่านมา ทุกอย่างที่ฉันฝันไว้ พัง )
เพื่อน: อ่าวเป็นไปได้ไง แกเก่งมากนะเว้ยยย
ฉัน: ยินดีด้วยนะเพื่อน ทำฝันให้เป็นจริงสู้ๆนะ วางสาายยย แม่ถามใครโทรมา // เงียบบบบ เข้าห้อง ไม่คุยกะใครเลยจากนั้นเดือนหนึ่ง ซึมไปเลย ลงโทษตัวเอง ฉันรู้สึกแย่มากความฝันตั้งแต่เด็ก ฉันทำมันพัง อาจารย์สงสารฉันมากท่านโทรไปถามที่โครงการ เขาบอกว่าฉันมีความสามารถแต่ไม่มีความมั่นใจ ไม่มีเสน่ห์ นี้เป็นงานระดับประเทศจะทำขายหน้าไม่ได้ คนเรียบร้อย เราไม่ต้องการเราต้องการคนเก่งและมั่นใจ มีความกล้า เราไม่รู้ว่า ในเวลาที่นักเรียนอยู่ที่จีนจะเจอปัญหาอะไรไหม ซึ่งทุกคนต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และดูแลตัวเองได้
ฉันผิดเองเระ ความผิดฉันทั้งนั้น ฉันขอเวลาอีก1อาทิตย์ ต่อมาฉันสร้างตัวเองใหม่เปลี่ยนทุกสิ่ง ทำในสิ่งที่กลัว
งานแรกฉันขอเดินแบบในงานวิชาการที่ทางเขตจัด ฉันเป็นโรคกลัวคนเยอะๆ แต่วันนั้นฉันขึ้นไปยืนบนเวทีที่มีคนมากเกือบแปดร้อยคน และฉันทำมันได้ถึงจะสั่นไปหมดก็เถอะ จากนั้นลงสมัครประธานนักเรียน ตกรอบ แต่ได้ตำแหน่ง ประธานสาธารณะสุขมาแทน โอเคเป็นการเริ่มต้นที่ดี เริ่มจับไมค์พูดหน้าเสาธง และเรียนจบมอต้น ฉันได้ทุนโควต้าไปเรียนที่โรงเรียนดังของเขต เอกสังคม อังกฤษ (ฉันเป็นเด็กไม่ฉลาดเลยนอกจากวิชาสังคม และสังคม555ฉันถนัดแค่นี้จริงๆคะ ) มอ4 ฉันทำทุกกิจกรรม เป็นกรรมการนักเรียน ทุกเวที ทุกกิจกรรมการแข่งขัน ทุกคนรู้จักฉัน เริ่มเรียนรู้การเป็นคนเมือง อะไรที่กลัวจะทำให้หมด ถ้วยรางวัลการประกวด ฉันเริ่มมี 1 2 4 6 8 และมากขึ้น มอ5 ฉันเป็นประธานคณะสี ดูแลทุกอย่างสนุก เหนื่อย ท้าทาย ฉันเริ่มรักการทำกิจกรรม มีอุปสรรคบ้างเรื่องคน อย่างว่าอยู่สูงยิ่งเป็นเป้า และความรับผิดชอบเยอะ แต่ฉันก็ผ่านมาได้ มอ 6 ฉันลงสมัครประธานโรงเรียน ผลคือ ฉันได้ที่2 เป็นประธานฝ่ายวิชาการ It'okay
เข้ามหาลัย เรื่องจะสนุกและมีรูปให้ดูพอไม่น่าเบื่อก็ช่วงนี้ละคะ ที่ฉันพูดที่ผ่านมาข้างต้น ฉันอยากจะบอกทุกคนว่า
ทุกคนมีค่า มีคุณค่าในตัวเอง คุณจะเป็นเด็กต่างจังหวัด บ้านนอก หน้าตาไม่ดี หรือไม่ถนัดอะไรบ้างอย่าง นั้นไม่ได้ตัดสินว่าคุณโง่ !!! และไม่มีค่า ชีวิตที่เต็มไปด้วยความกดดันและอันตรายจากสังคมที่ตราหน้าว่าเราด้อยยยยและต้อยต่ำ ช่างน่ากลัว
ทว่าคุณสามารถเอาชนะมัน คุณทำมันได้ ความจริงชีวิตฉันห่วยมากๆๆเจอเรื่องแย่ สุดจะบัดซบเลย แต่กระทู้นี้ฉันโฟกัสที่เรื่องจีน ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟัง ฉันไม่ได้Happy หรอกที่เอาเรื่องตัวเองมาพูดออกสื่อ เรื่องไม่ดีคนรอบตัวบอกฉันจะพูดทำไม ขายหน้าตัวเองเปล่าๆ แต่สำหรับฉัน บทเรียนของฉันอาจมีค่าและเป็นกำลังใจให้ใครสักคน อาจไม่มากมายแต่ทำให้ใครบางคนคิดได้ แค่ใครสักคนก็มีค่ามากพอที่จะถ่ายทอดเรื่องขายหน้าห่วยๆของตัวเองแล้ว
ขอบคุณที่อ่านนะคะ
เดี๋ยวฉันทำเอกสารอยู่ ว่างจะมาพิมพ์ต่อในส่วนเรื่องแซบๆที่มหาลัยคะ
(ตอนมัธยมฉันไม่สวยนะค่ะ ไม่สวยชนิดที่ไม่มีแฟนเลยคะ 555 แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์มากเลย ) see you soon ^^
คนชอบจีน เด็กภูธรอยากไปจีน
ฉันชอบศึกษาประวัติศาสตร์ อารยะธรรมเอเชียตั้งแต่เด็ก สนใจมากสุดคือเกี่ยวกับจีน บ้าละครด้วยนะค่ะ 555 เด็กบ้านนอกไม่มีปัญญาไปจีนได้แต่ฝันล้มๆแล้งๆ จนมอสองพ่อแม่ย้ายขึ้นมาเรียนกรุงเทพ ตอนแรกสมัครตั้งแต่มอ1 ไม่มีโรงเรียนไหนรับเลยค่ะ เขาว่าเด็กบ้านนอกเยอะแล้ว และฐานะครอบครัวฉันเรียนต่างจังหวัดดีแล้ว (แอบน้อยใจนิดหนึ่งค่ะ สงสารพ่อแม่ด้วย กว่าจะได้เข้าเรียนต้องยัดเงินด้วย 555 สังคมตะล้ากเชียว)
โอเคตอนนี้ฉันมาอยู่กรุงเทพแล้ว ไม่ขอพูดเรื่องดราม่าในโรงเรียนเนอะ เดี๋ยวจะออกนอกประเด็น สั้นๆคือฉันโดยแกล้งทุกวันเลยค่ะ อืมแต่ก่อนย้ายมาที่กรุงเทพฉันเรียนที่โรงเรียนวิถีพุทธ การแต่งกายต้องเรียบร้อยพูดจาต้องสุภาพ ต้องมีคำนำหน้าคุณ คะ ตลอดไม่งั้นลงโทษแรงมาก ถึงเราจะพูดภาษาอีสานแต่พูดเพราะมากค่ะ พอมากรุงเทพ เขาบอกว่าเรา ตอแห- สร้างภาพ บลาๆเขาคงไม่ชิน อ่อเราพูดภาษาไทยไม่ชัดด้วยคะ ชีวิตในรั้วโรงเรียนลำบากมากคะ แต่เพราะเหตุผลที่แตกต่างแบบนี้ ทำให้อาจารย์ท่านหนึ่งสนใจ และสนับสนุน
เริ่มยิ้มได้ละค่ะ เราเคยโดนรุมทำร้ายด้วย พอเรายอมก็เจ็บตัวเรื่อยๆ สงสารพ่อแม่กว่าจะยัดเราเข้าที่นี้ได้เลยต้องทน ท้ายที่สุดทนไม่ไหวก็ต้องสู้ สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้คือ ถ้าอยากอยู่รอดเราต้องสู้คะ คุณจะเก่งไม่เก่งไม่รู้ สู้เท่าที่ทำได้ แล้วทุกคนก็ยอมใจเรา โล่งอก มีชีวิตเป็นของตัวเองสะที
อาจารย์คนที่เมตตาฉันท่านสอนว่าคุณต้องเก่ง ถึงอ่อนแอแค่ไหนต้องแสร้งและต้องเอาชนะความอ่อนแอนั้น โอเคคะ
เริ่มมีความสุข ฉันโดนคัดตัวเป็นนักเรียนแลกเปลียนโครงการของพระเทพ (นักรียนแลกปลี่ยนวัฒนธรรม)ไทย - จีน
แต่ต้องแข่งในระดับจังหวัด กับ ประเทศก่อน
ฉันเรียนเสร็จก็ไปเรียนพิเศษต่อ เรียนภาษาจีน เรียนรำ การเต้น การแสดง ปรับบุคลิก เลิกสามทุ่มครึ่งทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ต้องมาเรียน ผ่านไปสองเดือนครึ่ง ฉันไปแข่งในระดับจังหวัด ฉันผ่านค่ะ ลุยต่อรอบประเทศ
(ตอนมอต้นฉันขี้ออายมากและเรียบร้อยผิดปกติจากวัยเดียวกัน พ่อฉันเป็นทหารเก่าดุมาก>< )
ฉันได้รู้จักเพื่อนที่ผ่านเข้ารอบในระดับจังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้หญิงเขาดูมั่นใจมากต่างจากฉัน พูดเก่งร่าเริงสดใส ในรอบเก็บตัวระดับประเทศมีผู้แข่งขันทั้งหมด 22คน ต้องอยู่ด้วยกันทำกิจกรรมร่วมกันสามวัน โอ๊ยพี่น้องเอ้ยยยฉันรู้สึกฉันต้อยต่ำที่สุดใน22คนเลยคะ ทุกคนหน้าตาดีมาก มั่นใจ ดูน่าเกรงขาม ย้อนกลับมาดูที่ฉันค่ะ ความเรียบร้อยไม่ได้ช่วยอะไรเลยยยยย หน้าตาเจียมๆ ยิ้มเห่ยๆ หลบตาผู้คน ฉันนึกว่าตัวเองเป็นบอปค่ะ ย้านหลายคนเยอะๆนิ
ในใจก็ท่อง ไปจีนๆๆๆๆ ไปเองไม่มีปัญญานะ สู้ๆๆๆ ลุย จ้องหน้าคู่แข่งคะ เราต้องสู้วันที่สองเริ่มเงยหน้าได้ละค่ะ เราจะแพ้ไม่ได้ก็เล่นเกมส์ทำกิจกกรม ละลายฟฤติกรรม เขียนเรียงความ ทำอาหารไทย สัทนาการทั่วไป วันที่สองช่วงบ่ายมีสอบสัมภาษภาษาจีน เพื่อนที่ฉันรู้จักเธอพูดไม่ได้เเลย จึงให้ฉันติวให้ ฉันติวให้เพื่อน เราสองคนต่างให้กำลังใจกัน โอเครอบนี้ ฉันสอบสัมภาษชิวมาก แนะนำตัวละถามตอบทั่วไป วันที่สามรอบแข่งความสามารถ
เพื่อนฉันได้คิวก่อนฉันค่ะ เธอพูดสุนทรพจน์เรื่องโลกร้อน ท่าทางเธอมีเสน่ห์ มั่นใจมากถึงหัวข้อการพูดจะเรียบๆเเต่เธอ ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจ
มาถึงฉันคะ ขึ้นเวทีค่ะ ยิ้มมมมมม และสดุดบันไดเกือบนอนราบกับพื้น คุณพระฉันจะร้องให้ TT รีบลุกค่ะ ทุกคนหัวเราะ // ฉันอายจังเลย
ฉันร้องหมอลำค่ะ และดีดไห ศิสปะการแสดงอีสานนะคะของถนัด และมีสัมภาษอีกนิดหน่อย
กลับบ้านคะ รอผล2อาทิตย์ผ่านไป เงียบบบบบบบ ......
เพื่อนคนนั้นโทรมาคะ: แกๆฉันผ่านว่ะ กรี้ดดดฉันขอบคุณแกมากนะที่สอนภาษาจีนฉันขอบคุณทุกๆอย่าง ดีใจมากเลย แกรู้ผลยัง เขาโทรมาหายัง
แกผ่านใช่ไหม ฉันว่าละแก เราจะไปจีนด้วยกัน (เสียงร่าเริงมาก)
ฉัน: TT เขาโทรมาเมื่อไหร่หรอคะ
เพื่อน: เมื่อวาานนี้ตอนเช้า พอดีฉันไปฉลองกับที่บ้านเลยพึ่งโทรหาแก
ฉัน:หรอ.....
เพื่อน:แกเก็บกระเป๋ายังต้องไปโรงแรมพรุ่งนี้ละ ฉันตื่นเต้นมากเเลย
ฉัน:ไม่มีคนโทรหาเราเลยอ่ะ..... ( ช็อก สตั้น เบลอ สมองอึน น้ำตาไหล ความทุ่มเทที่ผ่านมา ทุกอย่างที่ฉันฝันไว้ พัง )
เพื่อน: อ่าวเป็นไปได้ไง แกเก่งมากนะเว้ยยย
ฉัน: ยินดีด้วยนะเพื่อน ทำฝันให้เป็นจริงสู้ๆนะ วางสาายยย แม่ถามใครโทรมา // เงียบบบบ เข้าห้อง ไม่คุยกะใครเลยจากนั้นเดือนหนึ่ง ซึมไปเลย ลงโทษตัวเอง ฉันรู้สึกแย่มากความฝันตั้งแต่เด็ก ฉันทำมันพัง อาจารย์สงสารฉันมากท่านโทรไปถามที่โครงการ เขาบอกว่าฉันมีความสามารถแต่ไม่มีความมั่นใจ ไม่มีเสน่ห์ นี้เป็นงานระดับประเทศจะทำขายหน้าไม่ได้ คนเรียบร้อย เราไม่ต้องการเราต้องการคนเก่งและมั่นใจ มีความกล้า เราไม่รู้ว่า ในเวลาที่นักเรียนอยู่ที่จีนจะเจอปัญหาอะไรไหม ซึ่งทุกคนต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และดูแลตัวเองได้
ฉันผิดเองเระ ความผิดฉันทั้งนั้น ฉันขอเวลาอีก1อาทิตย์ ต่อมาฉันสร้างตัวเองใหม่เปลี่ยนทุกสิ่ง ทำในสิ่งที่กลัว
งานแรกฉันขอเดินแบบในงานวิชาการที่ทางเขตจัด ฉันเป็นโรคกลัวคนเยอะๆ แต่วันนั้นฉันขึ้นไปยืนบนเวทีที่มีคนมากเกือบแปดร้อยคน และฉันทำมันได้ถึงจะสั่นไปหมดก็เถอะ จากนั้นลงสมัครประธานนักเรียน ตกรอบ แต่ได้ตำแหน่ง ประธานสาธารณะสุขมาแทน โอเคเป็นการเริ่มต้นที่ดี เริ่มจับไมค์พูดหน้าเสาธง และเรียนจบมอต้น ฉันได้ทุนโควต้าไปเรียนที่โรงเรียนดังของเขต เอกสังคม อังกฤษ (ฉันเป็นเด็กไม่ฉลาดเลยนอกจากวิชาสังคม และสังคม555ฉันถนัดแค่นี้จริงๆคะ ) มอ4 ฉันทำทุกกิจกรรม เป็นกรรมการนักเรียน ทุกเวที ทุกกิจกรรมการแข่งขัน ทุกคนรู้จักฉัน เริ่มเรียนรู้การเป็นคนเมือง อะไรที่กลัวจะทำให้หมด ถ้วยรางวัลการประกวด ฉันเริ่มมี 1 2 4 6 8 และมากขึ้น มอ5 ฉันเป็นประธานคณะสี ดูแลทุกอย่างสนุก เหนื่อย ท้าทาย ฉันเริ่มรักการทำกิจกรรม มีอุปสรรคบ้างเรื่องคน อย่างว่าอยู่สูงยิ่งเป็นเป้า และความรับผิดชอบเยอะ แต่ฉันก็ผ่านมาได้ มอ 6 ฉันลงสมัครประธานโรงเรียน ผลคือ ฉันได้ที่2 เป็นประธานฝ่ายวิชาการ It'okay
เข้ามหาลัย เรื่องจะสนุกและมีรูปให้ดูพอไม่น่าเบื่อก็ช่วงนี้ละคะ ที่ฉันพูดที่ผ่านมาข้างต้น ฉันอยากจะบอกทุกคนว่า
ทุกคนมีค่า มีคุณค่าในตัวเอง คุณจะเป็นเด็กต่างจังหวัด บ้านนอก หน้าตาไม่ดี หรือไม่ถนัดอะไรบ้างอย่าง นั้นไม่ได้ตัดสินว่าคุณโง่ !!! และไม่มีค่า ชีวิตที่เต็มไปด้วยความกดดันและอันตรายจากสังคมที่ตราหน้าว่าเราด้อยยยยและต้อยต่ำ ช่างน่ากลัว
ทว่าคุณสามารถเอาชนะมัน คุณทำมันได้ ความจริงชีวิตฉันห่วยมากๆๆเจอเรื่องแย่ สุดจะบัดซบเลย แต่กระทู้นี้ฉันโฟกัสที่เรื่องจีน ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟัง ฉันไม่ได้Happy หรอกที่เอาเรื่องตัวเองมาพูดออกสื่อ เรื่องไม่ดีคนรอบตัวบอกฉันจะพูดทำไม ขายหน้าตัวเองเปล่าๆ แต่สำหรับฉัน บทเรียนของฉันอาจมีค่าและเป็นกำลังใจให้ใครสักคน อาจไม่มากมายแต่ทำให้ใครบางคนคิดได้ แค่ใครสักคนก็มีค่ามากพอที่จะถ่ายทอดเรื่องขายหน้าห่วยๆของตัวเองแล้ว
ขอบคุณที่อ่านนะคะ
เดี๋ยวฉันทำเอกสารอยู่ ว่างจะมาพิมพ์ต่อในส่วนเรื่องแซบๆที่มหาลัยคะ
(ตอนมัธยมฉันไม่สวยนะค่ะ ไม่สวยชนิดที่ไม่มีแฟนเลยคะ 555 แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์มากเลย ) see you soon ^^