สวัสดีครับ เกริ่นเรื่องก่อนว่าผมเป็นหนึ่งในคนที่โชคดีได้วีซ่า H-1B และมีโอกาสมาทำงานในอเมริกา เนื่องจากผมมองว่าเงินเดือนผมพอจะดูแลแฟนได้ จึงจดทะเบียนสมรสและขอวีซ่า H-4 (ผู้ติดตาม)ให้แฟนครับ
ปัญหาคือวีซ่า H-4 ไม่สามารถทำงานได้ (ซึ่งผมอยู่ในระหว่างขอกรีนการ์ด คาดว่าแฟนจะทำงานได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า) หากไปแอบทำงานแบบผิดกฎหมายก็เสี่ยงจะติดคุกและถูกส่งกลับกันหมดซึ่งไม่คุ้มกับเงินเดือนของผมที่จะเสียไป ผมจึงเสนอให้แฟนเดือนละ 10000 บาทสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว โดยผมออกค่าใช้จ่ายที่เหลือทั้งหมด ซึ่งผมมองว่า 10000 บาทกับการใช้ชีวิตอเมริกามันน้อยมาก ปกติแฟนจะทำอาหารเองเพื่อประหยัด แต่พอเบื่ออยากกินอะไรนอกบ้านบ้าง บวกค่าทิปแล้วจะเสียประมาณ 500 บาทต่อมื้อ อยากไปเที่ยวรัฐใกล้ๆ ถึงจะอยู่ที่พักอนาถ/กินข้าวถูกขนาดไหนก็หลักหมื่น
ต่อมาผมทราบว่าแฟนเอาเงินที่ผมให้ทั้งหมดไปให้พ่อแม่ แล้วใช้เงินเก็บจากไทยของตนเองในการใช้จ่ายส่วนตัว ฐานะที่บ้านแฟนอยู่ในระดับปานกลางและมีภาระผ่อนบ้าน/รถอยู่ ตัวแฟนเองก็มีเงินเก็บไม่มาก มาอยู่ได้ไม่ถึงปีก็ลดไปพอสมควร ประกอบกับผมเองก็มีความคิดคับแคบในเรื่องของครอบครัวแฟนในทำนองว่า ผมรักแฟนและอยากให้อยู่สุขสบายแต่ไม่ถึงขนาดจะดูแลคนในบ้านแฟนให้สุขสบายไปด้วย ทุกวันนี้ตัวผมกับแฟนเองยังอยู่บ้านเช่าถูกๆ โดยผมมีความตั้งใจจะซื้อบ้าน แต่เปิดผ่านๆแล้วก็หนึ่งล้านเหรียญ (33 ล้านบาท) กันซะส่วนใหญ่ ทำเอาท้อใจเล็กๆ ผมมองว่าถ้ามีเงินเหลือก็ควรจะซื้อบ้านตัวเองให้รอดก่อนแล้วค่อยช่วยเหลือคนอื่น
ผมถามแฟนว่าจะเพิ่มให้เป็นเดือนละ 15000 บาท แต่ขอให้ยกให้พ่อแม่แค่ 5000 บาทและเก็บไว้ใช้เอง 10000 บาท แฟนปฏิเสธและบอกว่ายังไงเค้าก็เป็นพ่อแม่ และการให้เงินพ่อแม่มากๆก็เหมือนเป็นหลักประกันว่าผมจะดูแลแฟนได้ ป้องกันไม่ให้คนอื่นมานินทาได้ด้วย ตอบแบบนี้ผมไปต่อไม่ถูกเลย คือผมเข้าใจว่าเงินให้ไปแล้วอยากทำอะไรก็เป็นสิทธิของแฟน แต่เห็นแฟนอยากได้อะไรก็ไม่กล้าซื้อ แค่ปวดท้องเมนส์อยากได้ถุงน้ำร้อนยังพยายามประหยัดและจบที่เรื่องมาถึงผมแล้วผมจึงซื้อให้
เล่ามายาวเหยียดสรุปว่าผมควรจะทำอย่างไรดีครับ
- หลับตาข้างนึงทำเหมือนเงินน้นสลายไปแล้ว อย่าไปสนใจ
- เพิ่มให้เป็น 2 หมื่นไปเลย ยกให้พ่อแม่หมื่นนึง ใช้เองหมื่นนึง มันก็ไม่ได้กระทบขนาดนั้นแต่ก็เสียดายเงิน
- บังคับแฟนให้เก็บเงินไว้ไว้ แล้วไปคุยกับพ่อแม่เค้าโดยตรง แต่คงสร้างความไม่พอใจพอสมควร
ขอคำแนะนำจากพี่ๆในพันทิพด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
แฟนเอาเงินเดือนที่ผมให้ไปยกให้พ่อแม่ทั้งหมด จะบังคับห้ามหรือทำใจดีครับ
ปัญหาคือวีซ่า H-4 ไม่สามารถทำงานได้ (ซึ่งผมอยู่ในระหว่างขอกรีนการ์ด คาดว่าแฟนจะทำงานได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า) หากไปแอบทำงานแบบผิดกฎหมายก็เสี่ยงจะติดคุกและถูกส่งกลับกันหมดซึ่งไม่คุ้มกับเงินเดือนของผมที่จะเสียไป ผมจึงเสนอให้แฟนเดือนละ 10000 บาทสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว โดยผมออกค่าใช้จ่ายที่เหลือทั้งหมด ซึ่งผมมองว่า 10000 บาทกับการใช้ชีวิตอเมริกามันน้อยมาก ปกติแฟนจะทำอาหารเองเพื่อประหยัด แต่พอเบื่ออยากกินอะไรนอกบ้านบ้าง บวกค่าทิปแล้วจะเสียประมาณ 500 บาทต่อมื้อ อยากไปเที่ยวรัฐใกล้ๆ ถึงจะอยู่ที่พักอนาถ/กินข้าวถูกขนาดไหนก็หลักหมื่น
ต่อมาผมทราบว่าแฟนเอาเงินที่ผมให้ทั้งหมดไปให้พ่อแม่ แล้วใช้เงินเก็บจากไทยของตนเองในการใช้จ่ายส่วนตัว ฐานะที่บ้านแฟนอยู่ในระดับปานกลางและมีภาระผ่อนบ้าน/รถอยู่ ตัวแฟนเองก็มีเงินเก็บไม่มาก มาอยู่ได้ไม่ถึงปีก็ลดไปพอสมควร ประกอบกับผมเองก็มีความคิดคับแคบในเรื่องของครอบครัวแฟนในทำนองว่า ผมรักแฟนและอยากให้อยู่สุขสบายแต่ไม่ถึงขนาดจะดูแลคนในบ้านแฟนให้สุขสบายไปด้วย ทุกวันนี้ตัวผมกับแฟนเองยังอยู่บ้านเช่าถูกๆ โดยผมมีความตั้งใจจะซื้อบ้าน แต่เปิดผ่านๆแล้วก็หนึ่งล้านเหรียญ (33 ล้านบาท) กันซะส่วนใหญ่ ทำเอาท้อใจเล็กๆ ผมมองว่าถ้ามีเงินเหลือก็ควรจะซื้อบ้านตัวเองให้รอดก่อนแล้วค่อยช่วยเหลือคนอื่น
ผมถามแฟนว่าจะเพิ่มให้เป็นเดือนละ 15000 บาท แต่ขอให้ยกให้พ่อแม่แค่ 5000 บาทและเก็บไว้ใช้เอง 10000 บาท แฟนปฏิเสธและบอกว่ายังไงเค้าก็เป็นพ่อแม่ และการให้เงินพ่อแม่มากๆก็เหมือนเป็นหลักประกันว่าผมจะดูแลแฟนได้ ป้องกันไม่ให้คนอื่นมานินทาได้ด้วย ตอบแบบนี้ผมไปต่อไม่ถูกเลย คือผมเข้าใจว่าเงินให้ไปแล้วอยากทำอะไรก็เป็นสิทธิของแฟน แต่เห็นแฟนอยากได้อะไรก็ไม่กล้าซื้อ แค่ปวดท้องเมนส์อยากได้ถุงน้ำร้อนยังพยายามประหยัดและจบที่เรื่องมาถึงผมแล้วผมจึงซื้อให้
เล่ามายาวเหยียดสรุปว่าผมควรจะทำอย่างไรดีครับ
- หลับตาข้างนึงทำเหมือนเงินน้นสลายไปแล้ว อย่าไปสนใจ
- เพิ่มให้เป็น 2 หมื่นไปเลย ยกให้พ่อแม่หมื่นนึง ใช้เองหมื่นนึง มันก็ไม่ได้กระทบขนาดนั้นแต่ก็เสียดายเงิน
- บังคับแฟนให้เก็บเงินไว้ไว้ แล้วไปคุยกับพ่อแม่เค้าโดยตรง แต่คงสร้างความไม่พอใจพอสมควร
ขอคำแนะนำจากพี่ๆในพันทิพด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ