ฟังคำพระที่ท่านสอนว่า ดีก็ไม่เอา ชั่วก็ไม่เอา ทุกข์ก็ไม่เอา สุขก็ไม่เอา มีความหมายแค่ไหนคะ เช่นเราเห็นคนทำไม่ดี

เราก็อดไม่ได้ที่จะต้องตำหนิตักเตือน หรือดูข่าวคนทำผิดกฎหมาย ก็อดที่จะรู้สึกแย่ๆไม่ได้
หรือในลักษณะงานของเราต้องดูแลลูกน้อง ถ้าทำไม่ดีไม่ถูก เราก็ต้องตักเตือน หลายครั้งก็มีอารมณ์หงุดหงิดบ้าง
เพราะบางคนก็ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก  แต่เราก็พยายามตักเตือนด้วยใจเมตตา พยายามทำใจให้นิ่งที่สุด

คืออยากทราบว่า ที่พระท่านสอนหมายถึงอย่างไรคะ เข้าใจว่าให้วางใจเป็นกลาง ไม่ยึดติดกับทั้งความดี และความชั่ว
ทั้งความสุขและความทุกข์  แต่ก็ยังไม่เข้าใจความหมายลึกๆค่ะ ทำให้ไม่สามารถหลักธรรมนี้มาใช้ในชีวิตจริงได้อย่างถูกต้อง

ขอความกรุณาท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยนะคะ บางครั้งศึกษาธรรมะด้วยความไม่รู้จริง ก็มึนเหมือนกันนะคะเนี่ย : )

ขอบคุณมากค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่