“อิตาลีอีกครั้ง”
ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมครับ เดินทางหลักๆ โดยการขับรถไม่ได้ขึ้นรถไฟเหมือนครั้งก่อน ก่อให้เกิดความเครียดพอสมควร เพราะพวงมาลัยซ้ายไม่เหมือนบ้านเรา และได้ยินกิตติศัพท์ของถนนแถวนี้ว่าแคบคดเคี้ยว ที่จอดรถหายากแล้วก็แคบด้วย แต่ก็เป็นการลองอะไรที่ท้าทายดี (แต่ต้องซื้อประกันแบบ full protection 555) รวมระยะทางการเดินทางครั้งนี้ประมาณ 500 กิโลเมตรในเวลา 4 วันกว่าๆ

ตอนที่ 1 เมืองเก่า เมืองมรดกโลก
ตอนที่ 2 ริมชายฝั่ง Amalfi >>
https://pantip.com/topic/36945880
ตอนที่ 3 Pompei เมืองใต้ลาวา >>
https://breathemyworld.com/2017/10/15/อิตาลีอีกครั้ง-ตอน-3-pompei-เมื/
-------------------------
ปกติเส้นทางเที่ยวทางตอนใต้ของอิตาลี เขาจะเลือกกันฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เช่น Bari-Alberobello-Matera (ทางตะวันออก) หรือไม่ก็ Amalfi coast-Pompei-Naple (ทางตะวันตก) แต่รอบนี้ผมอยากรวบเป็นทริปเดียวเลยเพราะคงไม่ได้มาบ่อยๆ
การเดินทาง
-
รถยนต์ >> สะดวกที่สุด อยากแวะ อยากนอนที่ไหนจัดการได้เอง แต่ก็เหนื่อยขับหน่อย ถนนแถว Amalfi ค่อนข้างแคบในบางช่วง โค้งเยอะจนเวียนหัว ไหนจะต้องปวดหัวกับเรื่องที่จอดรถอีก
-
รถไฟหรือรถบัสสาธารณะ >> ก็สะดวกครับ แต่ระหว่างบางเมือง รถมีไม่บ่อยทำให้อาจต้องเพิ่มเวลาเที่ยวอีกหลายวัน
-
นั่งเรือ >> เพื่อแวะเที่ยวเมืองในแถบ Amalfi coast ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะจะได้เห็นวิวเมืองจากนอกฝั่งด้วย สวยไปอีกแบบครับ บางคนเลือกเดินทางมาด้วยรถบัส (SITA bus) แล้วกลับทางเรือก็ได้วิวจากถนนกับวิวนอกชายฝั่งครบเลย
แผนการเดินทาง
ตามรูปด้านล่างครับ ซึ่งแผนนี้เอาไว้ดูเป็นแนวทางพอ อาจทำตามไม่ค่อยดีนัก เพราะจริงๆ ถ้าจะมาเที่ยวเฉพาะแถบนี้ นั่งเครื่องมาลง Rome แล้วเที่ยวย้อนทางของแผนของผมจะดีกว่า — แต่พอดีผมมาทำธุระที่ Milan ก่อนและจะนั่งเครื่องไปกลับไทยจาก Milan ผมเลยต้องนั่งรถไฟจาก Milan มารับรถที่ Bari และส่งคืนที่ Naple แล้วนั่งรถไฟกลับ Milan อีกทีครับ ข้อเสีย คือ ราคาเช่ารถจะแพงกว่าเพราะคืนคนละสนามบิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
--------------------------
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ
ขับรถใครว่ายาก (แต่ก็ไม่ง่ายนะ)
- จองล่วงหน้า >> ควรจองรถล่วงหน้า (นานๆ) ครับ ผมจองผ่าน izzirent.com ถูกกว่าเว็บอื่นเล็กน้อย
- เลือกเกียร์ออโต้ >> ถ้าขับเกียร์กระปุกไม่เป็น ตอนกดจองอย่าลืมดูด้วยครับว่ารถที่เลือกเป็นเกียร์ออโต้หรือเปล่า เพราะที่เห็นราคาถูกกว่ามักจะเป็นเกียร์กระปุก ถ้าเผลอกดจองไปแล้วอัพเกรดตอนรับรถราคาจะแพงขึ้นเยอะ
- Full protection >> ซื้อประกันแบบ full protection เลยครับ (ซื้อหน้าเคาน์เตอร์ได้) ถ้าเกิดรถเป็นรอยนิดหน่อย เผลอๆ โดนเป็นหมื่นครับ ถนนที่อิตาลีแคบ ที่จอดก็แคบ (รอดยาก) เดี๋ยวจะเข้าข่าย “เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย”
- GPS >> มีแล้วจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น หรือถ้าจะใช้ google map อย่างเดียวก็สามารถทำได้ครับ แต่สัญญาณบางช่วงไม่ค่อยดีต้องเตรียมโหลดแผนที่ไว้ล่วงหน้าตอนที่ยังต่ออินเตอร์เนตได้
- พวงมาลัยซ้าย >> อันนี้ที่น่าหนักใจที่สุดสำหรับผมครับ เลนของฝั่งเราจะอยู่ด้านขวา ตั้งสติให้ดีเวลาเลี้ยว นึกในใจว่า “อยู่เลนขวาๆๆๆ” ไว้ เดี๋ยวจะไปจูบกับรถที่สวนมาโดยไม่ตั้งใจ และเวลาขับพวงมาลัยซ้าย รถมักจะเบี่ยงไปทางขวา ระวังด้วยครับ
- ช้าอยู่เลนขวา >> รถเร็วจะวิ่งเลนซ้ายตรงข้ามกับบ้านเรา ระวังเรื่อง speed limit ด้วย
- ซ้ายไปก่อน >> ขับรถเข้าวงเวียนต้องให้รถทางซ้ายไปก่อนเสมอ
- หยุดให้คนข้าม >> ทางม้าลายต้องหยุดให้คนข้ามเสมอ
- กฎจราจรอื่นคล้ายๆ กับอเมริกาครับ (อ่านเพิ่มเติม ที่
www.breathemyworld.com/2017/03/19/ขับรถที่อเมริกา-ใครว่า/)
จบทริปกลับมารอใบสั่งอย่างใจจดใจจ่อ (555…ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่…)
ที่จอดรถอยู่ไหน (หาแทบตายบางทีก็ไม่เจอ)
- จอดได้ที่ไหนบ้าง >> ที่จอดรถฟรีหายากยิ่งกว่าแฟน และมักต้องเสียเงินครับ จุดที่สามารถจอดได้เขามักจะตีเส้นไว้ เช่น
- เส้นสีขาวหรือไม่มีเส้น = จอดฟรี (ถ้าไม่มีเส้น หาป้ายห้ามจอดดีๆ นะครับ)
- เส้นสีฟ้า = เสียค่าจอด ต้องหาตู้จ่ายเงินซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ นั้นและจ่ายเงินด้วยนะครับ
- เส้นสีเหลือง มักมีข้อกำหนดเฉพาะ เรามักจอดไม่ได้ครับ เช่น เป็นที่จอดรถคนพิการ หรือขนของ
- ที่จอดรถของเอกชน >> มักจะมีบริการอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว หาป้ายสีน้ำเงินที่มีอักษรตัว “P” ข้อดีคือ เรา “อาจจะ” วางใจเรื่องความปลอดภัยจากการโดนทุบกระจกรถขโมยของได้บ้าง ค่าจอดรถแล้วแต่สถานที่ท่องเที่ยวครับ ที่ผมเจอก็อยู่ในช่วง 5-7 ยูโร (ช่วงกว้างไหมครับ 555)
- ไม่ควรทิ้งอะไรไว้ในรถ >> ถึงจะเป็นถุงเปล่าๆ ก็ไม่ควรครับ เพราะขโมยมันไม่รู้หรอกว่ามีอะไรในถุงหรือเปล่า มันทุบไว้ก่อน บางที่เช่น ปอมเปอี หรือเนเปิล อาจต้องเอาสัมภาระไปฝากตามสถานีรถไฟระหว่างจอดทิ้งไว้ซะด้วยซ้ำ (ผมจอดในที่จอดเอกชน ไม่ได้ฝากของ ไม่โดนขโมยอะไรครับ)
- เลือกโรงแรมที่มี private parking >> ซึ่งอาจฟรีหรือเสียเงินแล้วแต่โรงแรม แต่ถ้าพักในตัวเมือง ที่จอดอาจจะไม่ได้อยู่ที่โรงแรมนะครับ เพราะโรงแรมอาจจะอยู่ตามซอกซอยเล็กๆ รถเข้าไม่ได้ จะต้องไปจอดที่จอดของเอกชนใกล้ๆ กัน ดังนั้น ใกล้วันเดินทางให้อีเมลไปถามโรงแรมก่อนว่า ที่จอดอยู่ไหน จะต้องใส่ destination ใน google map ยังไง จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นครับ
จองโรงแรมหรือที่พัก (อย่าวางใจ ต้องถามทุกอย่างที่อยากรู้)
- ถ้าขับรถ อย่าลืมดูโรงแรมที่มีที่จอดรถตามที่บอกไว้ด้านบนครับ
- เลือกพักในเมือง จะประหยัดเวลาการเดินเที่ยว แต่อาจต้องสู้ราคาที่แพงขึ้นหน่อย ยิ่งถ้ามีที่จอดรถจะดีครับ เพราะเราสามารถจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินเที่ยวได้ โดยไม่ต้องขับไปวนหาที่จอดอีก
- โรงแรมหลายที่ “ไม่มีลิฟท์” ครับ ดูให้ดีๆ เพราะถ้าต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ๆ ขึ้นลงบันไดอาจไม่สนุกนัก (ผมไม่ได้ดูรายละเอียดไปก่อน เจอโรงแรมที่ Amalfi จอดปุ๊บก็แบกกระเป๋าใบใหญ่กันลงมา เห็นบันไดแล้วแทบเป็นลม เกือบร้อยขั้น…)
มาเริ่มทริปกันเลยดีกว่า…หลังจากรับรถที่สนามบิน Bari แล้วก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลยครับ
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่
www.breathemyworld.com หรือ
www.facebook.com/BreathemyworldBMW
[CR] อิตาลีอีกครั้ง (ตอน 1) : เมืองเก่า เมืองมรดกโลก
ตอนที่ 1 เมืองเก่า เมืองมรดกโลก
ตอนที่ 2 ริมชายฝั่ง Amalfi >> https://pantip.com/topic/36945880
ตอนที่ 3 Pompei เมืองใต้ลาวา >> https://breathemyworld.com/2017/10/15/อิตาลีอีกครั้ง-ตอน-3-pompei-เมื/
- รถยนต์ >> สะดวกที่สุด อยากแวะ อยากนอนที่ไหนจัดการได้เอง แต่ก็เหนื่อยขับหน่อย ถนนแถว Amalfi ค่อนข้างแคบในบางช่วง โค้งเยอะจนเวียนหัว ไหนจะต้องปวดหัวกับเรื่องที่จอดรถอีก
- รถไฟหรือรถบัสสาธารณะ >> ก็สะดวกครับ แต่ระหว่างบางเมือง รถมีไม่บ่อยทำให้อาจต้องเพิ่มเวลาเที่ยวอีกหลายวัน
- นั่งเรือ >> เพื่อแวะเที่ยวเมืองในแถบ Amalfi coast ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะจะได้เห็นวิวเมืองจากนอกฝั่งด้วย สวยไปอีกแบบครับ บางคนเลือกเดินทางมาด้วยรถบัส (SITA bus) แล้วกลับทางเรือก็ได้วิวจากถนนกับวิวนอกชายฝั่งครบเลย
ตามรูปด้านล่างครับ ซึ่งแผนนี้เอาไว้ดูเป็นแนวทางพอ อาจทำตามไม่ค่อยดีนัก เพราะจริงๆ ถ้าจะมาเที่ยวเฉพาะแถบนี้ นั่งเครื่องมาลง Rome แล้วเที่ยวย้อนทางของแผนของผมจะดีกว่า — แต่พอดีผมมาทำธุระที่ Milan ก่อนและจะนั่งเครื่องไปกลับไทยจาก Milan ผมเลยต้องนั่งรถไฟจาก Milan มารับรถที่ Bari และส่งคืนที่ Naple แล้วนั่งรถไฟกลับ Milan อีกทีครับ ข้อเสีย คือ ราคาเช่ารถจะแพงกว่าเพราะคืนคนละสนามบิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขับรถใครว่ายาก (แต่ก็ไม่ง่ายนะ)
- จองล่วงหน้า >> ควรจองรถล่วงหน้า (นานๆ) ครับ ผมจองผ่าน izzirent.com ถูกกว่าเว็บอื่นเล็กน้อย
- เลือกเกียร์ออโต้ >> ถ้าขับเกียร์กระปุกไม่เป็น ตอนกดจองอย่าลืมดูด้วยครับว่ารถที่เลือกเป็นเกียร์ออโต้หรือเปล่า เพราะที่เห็นราคาถูกกว่ามักจะเป็นเกียร์กระปุก ถ้าเผลอกดจองไปแล้วอัพเกรดตอนรับรถราคาจะแพงขึ้นเยอะ
- Full protection >> ซื้อประกันแบบ full protection เลยครับ (ซื้อหน้าเคาน์เตอร์ได้) ถ้าเกิดรถเป็นรอยนิดหน่อย เผลอๆ โดนเป็นหมื่นครับ ถนนที่อิตาลีแคบ ที่จอดก็แคบ (รอดยาก) เดี๋ยวจะเข้าข่าย “เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย”
- GPS >> มีแล้วจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น หรือถ้าจะใช้ google map อย่างเดียวก็สามารถทำได้ครับ แต่สัญญาณบางช่วงไม่ค่อยดีต้องเตรียมโหลดแผนที่ไว้ล่วงหน้าตอนที่ยังต่ออินเตอร์เนตได้
- พวงมาลัยซ้าย >> อันนี้ที่น่าหนักใจที่สุดสำหรับผมครับ เลนของฝั่งเราจะอยู่ด้านขวา ตั้งสติให้ดีเวลาเลี้ยว นึกในใจว่า “อยู่เลนขวาๆๆๆ” ไว้ เดี๋ยวจะไปจูบกับรถที่สวนมาโดยไม่ตั้งใจ และเวลาขับพวงมาลัยซ้าย รถมักจะเบี่ยงไปทางขวา ระวังด้วยครับ
- ช้าอยู่เลนขวา >> รถเร็วจะวิ่งเลนซ้ายตรงข้ามกับบ้านเรา ระวังเรื่อง speed limit ด้วย
- ซ้ายไปก่อน >> ขับรถเข้าวงเวียนต้องให้รถทางซ้ายไปก่อนเสมอ
- หยุดให้คนข้าม >> ทางม้าลายต้องหยุดให้คนข้ามเสมอ
- กฎจราจรอื่นคล้ายๆ กับอเมริกาครับ (อ่านเพิ่มเติม ที่ www.breathemyworld.com/2017/03/19/ขับรถที่อเมริกา-ใครว่า/)
ที่จอดรถอยู่ไหน (หาแทบตายบางทีก็ไม่เจอ)
- จอดได้ที่ไหนบ้าง >> ที่จอดรถฟรีหายากยิ่งกว่าแฟน และมักต้องเสียเงินครับ จุดที่สามารถจอดได้เขามักจะตีเส้นไว้ เช่น
- เส้นสีขาวหรือไม่มีเส้น = จอดฟรี (ถ้าไม่มีเส้น หาป้ายห้ามจอดดีๆ นะครับ)
- เส้นสีฟ้า = เสียค่าจอด ต้องหาตู้จ่ายเงินซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ นั้นและจ่ายเงินด้วยนะครับ
- เส้นสีเหลือง มักมีข้อกำหนดเฉพาะ เรามักจอดไม่ได้ครับ เช่น เป็นที่จอดรถคนพิการ หรือขนของ
- ที่จอดรถของเอกชน >> มักจะมีบริการอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว หาป้ายสีน้ำเงินที่มีอักษรตัว “P” ข้อดีคือ เรา “อาจจะ” วางใจเรื่องความปลอดภัยจากการโดนทุบกระจกรถขโมยของได้บ้าง ค่าจอดรถแล้วแต่สถานที่ท่องเที่ยวครับ ที่ผมเจอก็อยู่ในช่วง 5-7 ยูโร (ช่วงกว้างไหมครับ 555)
- ไม่ควรทิ้งอะไรไว้ในรถ >> ถึงจะเป็นถุงเปล่าๆ ก็ไม่ควรครับ เพราะขโมยมันไม่รู้หรอกว่ามีอะไรในถุงหรือเปล่า มันทุบไว้ก่อน บางที่เช่น ปอมเปอี หรือเนเปิล อาจต้องเอาสัมภาระไปฝากตามสถานีรถไฟระหว่างจอดทิ้งไว้ซะด้วยซ้ำ (ผมจอดในที่จอดเอกชน ไม่ได้ฝากของ ไม่โดนขโมยอะไรครับ)
- เลือกโรงแรมที่มี private parking >> ซึ่งอาจฟรีหรือเสียเงินแล้วแต่โรงแรม แต่ถ้าพักในตัวเมือง ที่จอดอาจจะไม่ได้อยู่ที่โรงแรมนะครับ เพราะโรงแรมอาจจะอยู่ตามซอกซอยเล็กๆ รถเข้าไม่ได้ จะต้องไปจอดที่จอดของเอกชนใกล้ๆ กัน ดังนั้น ใกล้วันเดินทางให้อีเมลไปถามโรงแรมก่อนว่า ที่จอดอยู่ไหน จะต้องใส่ destination ใน google map ยังไง จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นครับ
จองโรงแรมหรือที่พัก (อย่าวางใจ ต้องถามทุกอย่างที่อยากรู้)
- ถ้าขับรถ อย่าลืมดูโรงแรมที่มีที่จอดรถตามที่บอกไว้ด้านบนครับ
- เลือกพักในเมือง จะประหยัดเวลาการเดินเที่ยว แต่อาจต้องสู้ราคาที่แพงขึ้นหน่อย ยิ่งถ้ามีที่จอดรถจะดีครับ เพราะเราสามารถจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินเที่ยวได้ โดยไม่ต้องขับไปวนหาที่จอดอีก
- โรงแรมหลายที่ “ไม่มีลิฟท์” ครับ ดูให้ดีๆ เพราะถ้าต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ๆ ขึ้นลงบันไดอาจไม่สนุกนัก (ผมไม่ได้ดูรายละเอียดไปก่อน เจอโรงแรมที่ Amalfi จอดปุ๊บก็แบกกระเป๋าใบใหญ่กันลงมา เห็นบันไดแล้วแทบเป็นลม เกือบร้อยขั้น…)
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่
www.breathemyworld.com หรือ
www.facebook.com/BreathemyworldBMW