แชร์ประสบการณ์พาคุณแม่ไปปฏิบัติธรรมที่ "ธรรมคีตศิลป์" จ.ระยอง (เจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ) PT.1

สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่าน
เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรก หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

>>>>>>>>>>PART 2 https://pantip.com/topic/36920221

PART 1

จขกท.เป็นคนโคราชค่ะ เป็นมือใหม่พึ่งเริ่มปฏิบัติธรรมแนวหลวงพ่อเทียนมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนเมื่อต้นปีนี้เองค่ะ ได้รับกัมมัฏฐานครั้งแรกจากพระอาจารย์ทรงศิลป์ สุจิณโณ ที่บ้านพุฒมณฑา ปากช่องค่ะ และได้ทราบจากพระอาจารย์ว่ามีสถานปฏิบัติธรรมใกล้ๆกรุงเทพอยู่ที่ระยองด้วย ซึ่งท่านไปสร้างไว้และเป็นคนสอนเอง เราเลยสนใจอยากพาคุณแม่ไป เพราะเคยชักชวนคุณแม่ไปที่วัดป่าสุคะโตซึ่งเราเคยไปมาแล้ว แต่คุณแม่ก็ยังหาโอกาสไปเองไม่ได้ซักที

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน พอดีมีธุระต้องไปๆมาๆกรุงเทพบ่อยๆ หลังจากเช็คข้อมูลทางเว็บของสถานที่ ก็เหมาะเจาะค่ะ มีคอร์สที่ “ธรรมคีตศิลป์” ที่พระอาจารย์สอนอยู่พอดี เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยลองปฏิบัติธรรมมาก่อน สถานที่สัปปายะ และระยะเวลาไม่มากนักเป็นคอร์ส 3วัน 2คืน ซึ่งเหมาะกับคุณแม่ที่ห่วงงานและคุณพ่อถ้าจะต้องไม่อยู่บ้านนานๆ หลังจากการโน้มน้าว คุณแม่ก็ตกลง

<<<เทคนิคการชวนคุณแม่ไปปฏิบัติธรรม>>>
- เราโชคดีค่ะ คุณแม่ปกติชอบทำทาน ตักบาตร เข้าวัดบ่อยๆทุกครั้งที่มีโอกาส ส่วนเวลาอยู่บ้านคุณแม่จะฟังธรรม และนั่งสมาธิอยู่แล้ว

- เราโชคดีอีกแหละที่พบวิธีของหลวงพ่อเทียนและพบเจอครูบาอาจารย์ที่ถูกจริตค่ะ (ถูกจริตยังไงไว้ค่อยๆเล่านะคะ) การเจริญสติทำให้เราเปลี่ยนไปในทางที่ดี ทำให้พ่อแม่เห็นก่อน ก็ชวนได้ง่ายขึ้นค่ะ

- ล่อด้วยการไปเที่ยวค่ะ แหะๆ บอกคุณแม่ว่า เอางี้มั้ย ไปค้างคืนที่ระยองแล้วเที่ยวก่อนซักวัน แล้วค่อยไปเข้าคอร์ส ซึ่งคุณแม่สนใจมากๆ ด้วยข้อนี้แหละค่ะ

- หลังจากตอบรับแล้ว พยายามทำทุกอย่าง ช่วยคุณแม่จัดตารางนู่นนี่นั่นให้สามารถไปได้จริงๆ อย่างที่ตั้งใจไว้แต่ไม่ต้องทักเรื่องนี้บ่อยๆ พอใกล้ๆวันค่อยทักอีกที ระหว่างนี้จนถึงใกล้ๆ คุณแม่เราจะลังเลไปมาๆ ไปไม่ไป ไปไม่ไป แต่เราแอบไปคอนเฟิร์มไว้ก่อนค่ะว่าไป

- บอกคุณแม่ว่า ไม่ได้นะเราคอนเฟิร์มไปแล้ว ทางสถานธรรมก็เตรียมอาหารเตรียมที่นอนไว้หมด อย่ายกเลิกเลย

คอร์สที่พาคุณแม่ไปพึ่งจบเองค่ะ เป็นคอร์ส 3วัน 2คืน 22-24 ก.ย.ที่ผ่านมา เราก็ตกลงกับคุณแม่ว่าไปล่วงหน้าหนึ่งวันเข้าไปวันที่ 21 คุณแม่จะได้ไม่เหนื่อย ก่อนเข้าไปก็โทรไปสอบถามเรียบร้อยว่าสามารถเข้าไปได้ และพระอาจารย์อยู่พอดีค่ะ

การขับรถจากกรุงเทพไประยองไม่ยากเลยค่ะ ขึ้นมอเตอร์เวย์ไปลงระยองใช้เวลาสองชั่วโมงเศษๆจากลาดพร้าวที่เราอยู่ เสียดายไม่ได้ถ่ายการเดินทางไว้ ส่วนสถานที่เดี๋ยวจะแปะข้อมูลให้ที่ท้ายกระทู้นะคะ

(หลังจากนี้รูปเยอะนะคะ)

ทางเข้าค่ะ วันนั้นที่เราไปถึงก็ช่วงบ่ายๆแค่เข้าไปครั้งแรกก็รู้สึกถึงความสงบ จะได้พาคุณแม่มาดูจิตดูใจซักสองสามวัน หลังจากขนของลงจากรถกัน ก็พาคุณแม่ขึ้นไปกราบพระอาจารย์บนศาลา และสนทนาธรรมกับท่านซักครู่ ท่านก็พาเดินชมสถานที่ค่ะ

หลังจากที่เราปฏิบัติมาเรื่อยๆถ้านับจากวันแรกจนตอนนี้ก็สี่เดือนกว่าๆ หลังจากไปรับกัมมัฏฐานครั้งแรกกับพระอาจารย์ เรากลับบ้านมาแล้วกลายเป็นคนใหม่ ยิ่งปฏิบัติยิ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีค่ะ แต่ก่อนเราเป็นคนโกรธง่าย ขี้หงุดหงิดมากๆ หลังจากได้เจริญสติ คนรอบข้างบอกเรานิ่งขึ้น เย็นขึ้น ซอฟท์ลงเยอะค่ะ

การปฏิบัติของที่นี่ก็จะเหมือนที่วัดป่าสุคะโตค่ะ ตามตารางเลย การเข้าคอร์สที่นี่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ฟรีหมด มีอาหารสองมื้อ ที่นอนหมอนมีให้ครบค่ะ

ตั้งแต่ทางเข้ามาก็จะมีพื้นที่ให้ปฏิบัติอยู่เยอะแยะเลยค่ะ เก้าอี้และที่ว่างๆ สามารถนั่งสร้างจังหวะ และเดินจงกรมได้สะดวกสบายค่ะ

เทคนิคการปฏิบัติของหลวงพ่อเทียนคือให้รู้สึกตัว ไม่ว่าจะยืนเดินนั่งนอน จะทำอะไรก็ให้รู้สึกตัวไว้ค่ะ จึงเป็นวิธีที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้จริงๆ เพราะปกติเราจะขยับตัวกันอยู่แล้ว จึงสามารถทำติดต่อกันได้ทั้งวันทุกวัน แค่ต้องขยันทำจะเห็นผลจริงๆ ซึ่งเราพบกับตัวเองมาแล้ว

ทางขึ้นศาลาค่ะจะมีรูปหลวงพ่อคำเขียนติดไว้ค่ะ

ภายในศาลาค่ะ

พระอาจารย์นำเครื่องดนตรีไทยหลายๆชนิดมาตั้งไว้ค่ะ เพราะคุณพ่อของพระอาจารย์ท่านเคยเป็นครูดนตรีมาก่อน

เดี๋ยวรูปในส่วนอื่นๆเราจะทยอยลงและเล่าไปด้วยเพื่อไม่ให้เปลืองกระทู้นะคะ
ตอนเย็นก่อนเรากับแม่ไปพัก พระอาจารย์ก็มาเทศน์และแนะนำหลักปฏิบัติให้คุณแม่ฟังก่อนนอน และกำชับให้มาทำวัตรเช้าพรุ่งนี้ค่ะ
ที่พักสะอาด เรียบง่าย สำหรับคนขี้ร้อน ท่านติดแอร์เผื่อไว้ในห้องพักไว้ด้วยค่ะ เพราะอากาศที่ระยองร้อนและอบอ้าวมากๆ แต่ช่วงที่เราไปโชคดีค่ะ ฝนตกเลยอากาศเย็นสบายไม่ต้องเปิดแอร์เลยค่ะ

วันที่สองของการไป “สวนธรรม ธรรมคีตศิลป์” 22 ก.ย. วันเปิดคอร์ส
หลังจากทำวัตรเช้าเรียบร้อย พระอาจารย์บอกให้เรากับแม่ไปเดินบาตรด้วยค่ะ ที่บอกว่าเราเจอครูบาอาจารย์ที่ถูกจริตเพราะอย่างนี้ค่ะ พระอาจารย์สอนด้วยการพาทำ สอนให้รู้ปัจจุบันจริงๆ ทุกขณะๆ

การให้ไปเดินบาตรกับพระอาจารย์ก็คือการให้ไปเดินจงกรมแบบนอกรูปแบบค่ะ ซึ่งนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เพราะพวกเราก็เดินอยู่ตลอดทุกวัน การเดินจงกรมนอกรูปแบบท่านสอนให้ดูอารมณ์ของเราว่า เราซัดส่ายไปตามสิ่งรอบตัวที่มากระตุ้นรึปล่าว เรามีสติรับรู้มั้ย ไม่ว่าจะเป็นรถที่วิ่งผ่าน เสียงไก่ เสียงคน เสียงรถ พื้นขรุขระของถนน เราเดินไปเรารู้สึกตัวแค่ไหน เราเห็นทั้งข้างนอกและข้างในรึปล่าว

พระอาจารย์เล่าว่า อยากให้ญาติโยมที่มาปฏบัติมาเดินบาตรด้วย หนึ่งคือให้มาดูอารมณ์ตัวเอง มารู้สึกตัว เวลาที่ถูกอารมณ์กระทบ และสองอยากให้ญาติโยมช่วยอุดหนุนชุมชนรอบข้าง อย่างเช่นคุณป้าร้านข้าวเหนียวหมูปิ้ง พี่ที่ขายซาลาเปา และร้านอื่นๆระหว่างทาง เป็นการสนับสนุนให้เค้ามีกำลังใจในการประกอบอาชีพ และเป็นการชักชวนเค้ามาตักบาตรอีกทางนึงจากการทำให้ดูก่อน จากที่เค้าเห็นเราอุดหนุนและนิมนต์พระอาจารย์ตรงนั้นเลย เค้าก็จะใส่เองด้วยในที่สุดค่ะ

เราชอบวิธีการให้พรของพระอาจารย์มาก พระอาจารย์จะให้พรด้วยภาษาบาลี และแปลด้วยค่ะ

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เรากับคุณแม่ก็ไปปฏิบัติ เพื่อรอเปิดคอร์ส ระหว่างนั้นก็มีผู้ปฏิบัติมาเรื่อยๆค่ะ คอร์สนี้มีประมาณสามสิบท่าน มีเด็กๆน่ารักมากๆมาร่วมคอร์สด้วยหกคน เป็นสีสันและเป็นบทสอบอารมณ์ให้หลายๆท่านได้อย่างดี วันแรกของการเปิดคอร์สผ่านไปด้วยดีค่ะ วันที่สองจะเป็นการปฏิบัติเต็มวันของคุณแม่จริงๆ ครั้งแรกซึ่งไว้เราจะมาเล่าต่อในพาร์ทที่ 2 นะคะ

หากว่าพี่ๆน้องๆเพื่อนๆนะคะ
- สนใจการเจริญสติปัฏฐาน 4
- สนใจวิธีการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ
- ไม่อยากเดินทางไกลจากกรุงเทพมาก เวลาน้อย ไม่อยากนอนป่า ขี้ร้อน กลัวแมลง
- อยากมาต่อยอดที่เคยปฏบัติมาแล้ว
- อยากมาอยู่กับตัวเองซักพัก

ลองเข้าไปดูข้อมูลที่ http://www.dhammaketasilp.org/ นะคะ หรือ www.facebook.com/dhammaketasilp
หรือลองสอบถามไปที่ Line: @dhammaketasilp (มี @ ข้างหน้า) ก็ได้ค่ะ
มีคอร์สทุกเดือนค่ะ (รับจำนวนจำกัด) และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ฟรีตลอดคอร์สค่ะ
สถานที่สงบ สบาย สัปปายะ เหมาะที่จะไปใช้เวลาเพื่ออยู่กับตัวเองค่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่