เมื่อเราเดินหลงป่า

เมื่อวานเรามาทำธุระที่ต่างจังหวัด พอเสร็จงานแล้ว เราก็ได้คุยกับพี่คนขับรถว่า อยากจะไปแวะถ่ายภาพ ภาพเขียนสีในอุทยาน อยู่ซึ่งไม่ไกล  พอตกลงกันแล้ว เสร็จจากงานก็ขับรถไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ เราเข้าไปดูนิทรรศการ แล้วก็ถามเจ้าหน้าที่ถึงจุดที่เราอยากไป เจ้าหน้าที่บอกมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ คืออยู่ในเขตดูแล แต่การเข้าถึงต้องไปอีกทาง เราก็เลยให้พี่คนขับรถมาฟังคำอธิบายทาง และเราก็ขับรถมายังจุดที่ต้องจอดรถ เพื่อจะเดินไปยังเป้าหมายของเรา

ด้วยความที่พี่คนขับรถ เข่าไม่ดี  แต่ที่เราจะไปต้องเดินทางขึ้นเขาประมาณ1.5 กิโลเมตร เราก็เลยบอกพี่คนขับว่า ไม่ต้องไปกับเราก็ได้ เราก็นะพอลงรถเดินหาทางขึ้นเขา แต่ก็ไม่เจอ เลยเข้าไปยังอาคารสำนักงาน ถามทาง เจ้าหน้าที่ พี่เขาก็บอกว่า น้องข้ามสะพานตรงโน้นนะ จะมีป้ายบอกทางไปด้านซ้าย เราก็เดินไปตามทางที่ได้รับการบอกทาง ก็ข้ามสะพานก็เจอป้ายและลูกศรบอกทาง

พอเดินไปสักระยะ ทางเริ่มรก จะเรียกทางคงไม่ได้ เพราะหญ้าขึ้นเต็มไปหมด เราก็นะยังอยากไปก็บุกไป จนถึงทางแยก คือ มีทางน้ำและทางเรียบๆอยู่หลายทาง และไม่มีป้ายบอกทางด้วย เราเลยโทรหาพี่คนขับรถให้ถามเจ้าหน้าที่ว่า ทางที่บอกน่ะใช่ไปตามทางน้ำไหม พี่เขาก็ตอบมา ซึ่งก็ไม่ช่วยอะไรเลย เราก็ลองเดินขึ้นไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนเจอป้ายและลูกศรอีกป้าย ซึ่งอยู่ห่างกันมาก และอยู่ในจุดที่ไม่ใช่ทางแยกด้วย คิดในใจจะมาติดทำไมแถวนี้ ก็เดินบุกต่อค่ะ พบป้ายเป็นระยะห่างๆ จนใกล้จะขึ้นถึงสันเขา ข้างหน้าเป็นหญ้ารก เพราะมีดินเยอะกว่าหิน ไม่เหมือนทางที่ผ่านมา เราเดาทางไม่ได้เลยค่ะ ป้ายก็ไม่มี คือต้องหยุด เราโทรหาพี่คนขับรถเพื่อถามทางอีกครั้ง คราวนี้พี่คนขับ ลนเลยค่ะ ถามว่าอยู่ไหน เจ้าหน้าที่กำลังจะออกไปตามหา เราก็นะขอคุยหน่อย เราถามว่าจุดที่เราจะไปน่ะถึงสันเขารึยัง เพราะเราใกล้จะถึงสันเขาแล้ว แต่หญ้ารกมาก เรามองไม่เห็นทาง เจ้าหน้าที่บอกว่าพอขึ้นสันเขาแล้ว ต้องเดินต่อและไปลงหุบที่เป็นถ้ำ และบอกว่ามันค่อนข้างเสี่ยงให้รอก่อน เดี๋ยวจะตามเราไป เราก็ค่ะ นั่งรอ แต่พอมาคิดดู คือ ตอนแรกข้อมูลที่เราได้ มันอยู่ไม่ไกลจากที่ทำการ แต่นี่มันขึ้นเขามาไกลพอควร และเรายังใส่รองเท้ามีส้นที่ติดมาจากงาน ถ้าต้องลงหุบคงไม่สะดวก เราจึงโทรกลับไปว่าไม่ต้องมา เราไม่ไปแล้ว คราวหน้าค่อยมา เราจะกลับเลย ทุกอย่างก็โอเคจบ

พอเราหันหลังจะกลับ คือ ถ้าคนเคยเดินป่าจะรู้ว่า มุมมองตอนเดินมากับเดินกลับมันจะไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะทางเขา เรากะเดินตามจีพีเอส แต่คือฟ้าครึ้ม สัญญาณดาวเทียมหายค่ะ เราต้องเดาทาง และเรามั่นใจว่าเราหลงออกจากทางขามา แต่เราพยายามเกาะไม่ให้ไกล พอออกไปเราจะพยายามเดินลัดตัดกลับมา จนหาป้ายบอกทางเจอ และค่อยๆคลำทางมาจนถึงจุดจอดรถ ซึ่งระหว่างทางเราเดินกลับนั้น พี่คนขับรถก็โทรหาเราเป็นระยะ เราก็บอกว่าไม่ต้องห่วง ใกล้จะถึงแล้ว (โกหกไปนิด 55)

พอมาถึง มีเจ้าหน้าที่นั่งรวมกลุ่มกันคุยกับพี่คนขับรถอยู่ประมาณสองสามคน เตรียมน้ำไว้ให้เรา เราก็คุยบอกว่า ป้ายของพี่ๆน่ะมันห่าง และบางจุดมันหลุด ซึ่งได้คำตอบว่า ไม่ได้หลุดแต่ผู้ใหญ่ให้ปลดลง เพราะอยู่ใกล้กันเกิน และบอกว่า ที่พี่ๆติดใกล้กัน เพราะมีคนหลงป่าบ่อย แต่ก็นะ คือ ผู้ใหญ่มองว่ามันรก เราก็นะ สภาพที่เห็นคือ มันป่าชัดๆ ไม่ใช่ป่าสำหรับเตรียมไว้เพื่อเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ  ขนาดว่า ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ยังหลง แล้วคนมาเที่ยวจะไม่หลงนี่นะ  คิดได้เนอะ มีแต่อุดมการณ์ที่ไร้ปัญญา

และล่าสุด ห่างจากเราไม่กี่อาทิตย์ ก็เพิ่งจะมีคนหลงทางไปลงอีกด้านของภูเขา  เราจะบอกว่า ถ้าไม่ได้ป้ายที่เขาปลดๆลงมา เราอาจจะแย่กว่านี้ คือพอทางไม่มี หญ้ารก หาทางไปไม่เจอ ขาไปเราสังเกตแล้วว่ามีฟีเจอบอร์ดตกทิ้งตามทาง เราก็มั่นใจว่ามันคือป้าย ขากลับเราจึงตามมันมาจนกลับมาได้อย่างปลอดภัย

เรื่องหลงทาง หลงป่า ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับเราค่ะ เพราะเราเคยเดินป่ามาพอสมควร ถึงกล้าไปคนเดียว แต่สิ่งที่เราไม่รู้คือ จุดที่เราจะไปนั่น มีถ้ำและบางทีมีคนเสพยา หรือโจรผู้ร้ายอยู่ ที่พี่คนขับรถจึงร้อนรนโทรหาเราก็เพราะเพิ่งจะได้ข้อมูลมาแบบนี้ พี่ๆเจ้าหน้าที่บอกเวลาไป เจ้าหน้าที่เองยังต้องพกปืนไปด้วยทุกครั้ง ถามเราด้วยว่าพกอะไรไปด้วยไหม ไม่มีค่ะ เราไปแต่ตัวจริงๆ มีแค่โทรศัพท์กับ GPS น้ำยังไม่ถือขึ้นไปเลย เพราะระยะทางไม่ไกล และอากาศก็ครึ้มๆ เราคิดว่าคงเดินไปกลับได้โดยไม่ทันจะกระหายน้ำ
แต่ก็นะการพกพาอาวุธผิดกฎหมายค่ะ มาเที่ยวใครจะพกปืน พกอาวุธมา  ลองนึกดูถ้าเราบ้าบิ่นไปกว่านี้ แล้วไปเจอคนร้ายเข้า ข่าวหน้าหนึ่งคงไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวเดินหลงป่าแน่นอน แต่อาจจะร้ายแรงไปกว่านั้น

เรื่องนี้อยากให้เป็นสิ่งที่หน่วยงานพึงตระหนักค่ะว่า สถานที่ท่องเที่ยวควรจะมีความปลอดภัย มันเป็นสิ่งสำคัญมาก ความสะดวกสบายไม่ต้อง เพราะเรายอมลำบาก ถ้าเราคิดว่าคุ้ม แต่สถานที่ทั้งรก ทางเดินแทบจะไม่มี คือ ลักษณะไม่ใช่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติทั่วๆไปเลย ป้ายบอกทางไม่ชัดเจน และยังมีความเสี่ยงเรื่องโจร ผู้ร้ายด้วยแบบนี้ เราว่ามันไม่ควรจะถูกประชาสัมพันธ์ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวนะคะ ถ้าจะระบุเช่นนั้น ควรใส่ในข้อแนะนำไว้ด้วยว่า ถ้าต้องการจะไปตัองไปภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่

เราไม่โทษเจ้าหน้าที่นะคะ เพราะหน่วยที่เป็นจุดจอด ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยว มีเพียงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลป่า แถมพี่เขาหวังดีเอาป้ายไปติดให้ถี่ๆ เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวหลวทางก็ถูกให้เอาออกอีก เราว่าปัญหามันคือระดับผู้บริหารค่ะ ควรจะประเมินแหล่งและหามาตรการมาดูแล

พอกลับมาถึงที่พัก เหมือนเกิดใหม่เลยค่ะ ดีแล้วที่เราไม่พบเจออะไรที่มันเลวร้ายไปกว่าเดินหลงป่า
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่