รู้อยู่ในใจอยู่แล้ว(ปล.คิดไปเอง)หรือควรถามคำตอบจากเขาไหม???

เรื่องมันมีอยู่ว่า....ฉันเป็นนักศึกษาปี2ที่กำลังจะขึ้นปี3ในระหว่างช่วงปิดเทอมนั้นฉันได้สอบทุนการศึกษาสากลของมหาวิทยาลัย เพื่อไปเรียนซัมเมอร์ที่นั่นแบบฟรีๆ ฉันเลือกไปประเทศจีนเขตปกครองพิเศษทางใต้ ไปหนึ่งเดือนแล้วก็ไปเรียนรู้หลายๆอย่างแบบเบสิคๆ แล้วมีวันหนึ่ง(สัปดาห์ที่สองของการอยู่ที่จีน)ที่ได้ไปเรียนปั้นดินเผา มีอาจารย์สอนหนึ่งท่านกับนักศึกษาอีก5คน สอนเป็นกลุ่มซึ่งกลุ่มฉันเป็นกลุ่มที่โดนเทเพราะคนที่มาสอนนางเป็นผู้หญิงแล้วกลุ่มอื่นมีผู้ชายหมดเลยพออาจารย์ปล่อยให้สอนนางเลยย้ายไปสอนกลุ่มอื่นๆที่เหลือโดยอัตโนมัติ ฉันกับเพื่อนอีกสามคนเลยวีนเป็นภาษาไทยซึ่งนางไม่รู้เรื่องหรอกแต่มีผู้ชายเสื้อขาวตัวสูงๆเขาจะชอบเดินมาที่กลุ่มฉันบ่อยๆคงเป็นเพราะว่าเขาสังเกตได้ถึงฟีลของคนเท แล้วก็สอนปั้นนิดหน่อยจนได้กระถาง แจกัน 3 อัน เป็นอันเรียนจบคอร์ส(ไม่รู้จักชื่อแต่เรียกเขาว่า พี่เสื้อขาว)
....ผ่านไปสองวันรุ่นพี่ที่ไปด้วยกันนางเอาแชทที่คุยกันกับพี่เสื้อขาวมาให้ดูบอกว่านางน่ารักเฟรนลี่มาก รู้ว่าเราไม่เข้าใจภาษาจีนนางเลยพยายามคุยภาษาอังกฤษด้วยซึ่งก็ช่วยได้นิดหน่อย ชวนไปตีแบดด้วย(ที่นั่นเล่นเฟซต้องเปิดVPNนิยมเล่นมากในหมู่วัยรุ่นจีนที่นั่นคือ วีแชท) เราเลยบอกว่า "เออเจ้หนูขอไอดีวีแชทเขาหน่อยสิ ว่าจะขอบคุณเขาเรื่องที่เขาสอนปั้นดินเผา วันนั้นคุยกับเขาไม่รู้เรื่องอะ แถมยังลืมขอบคุณเขาด้วย" "มีไอดีพี่หมอใช่ไหมงั้นเอามาแลกกัน" จากนั้นเลยได้ไอดีของเขามาโดยการแลกไอดีของพี่หมอ(พี่ชายเรียนแพทย์แผนจีนคนไทยม.หัวเฉียวที่รู้จักตอนไปเรียนภาษาจีนที่นั่น) และแอดไป ซึ่งเขาก็รับทันทีและทักมาแนะนำตัวบอกว่าชื่อ Ye Jing cheng (เยอ จิ่ง เชิ๋ง) เพื่อนๆพาเรียก อาเย เรียนการออกแบบสิ่งแวดล้อม Design Environmental กำลังเรียนอยู่ปี1(ช่วงนั้นกำลังสอบปลายภาค)อ่อเป็นรุ่นน้องนี่หน่า ปล่อยให้เรียกว่าพี่ตั้งนาน555 แต่ยิ่งกว่านั้นคือหลังจากที่เราคุยกันมาได้2-3วัน ก็ได้รู้ว่าเขาอยู่ปี1ก็จริงแต่ว่าเขาเกิดปี 1999 อายุ18ปีเห้ออออ(ปี2=19 ปี3=20 ปี4=21 รับปริญญาตอน21เหรอเธอ ฉันนี่ยังไม่ขึ้นปี3เลยปีอายุ21แล้ววว) อายุโคตรห่างโคตรรู้สึกว่าตัวเองแก่มากเลยอะตั้งสามปี
...จากนั้นเราก็คุยกันทุกวันเป็นภาษาจีนบ้าง อังกฤษบ้างแล้วก็ภาษาไทยด้วย ไม่รู้ว่ารู้เรื่องไหมแต่ว่าเขาตอบมาถูกนะ555 เลยรู้สึกว่าเอ้ออออ ตอนนี้มันแฮปปี้จริงๆคุยไปยิ้มไปเนี่ย เขินด้วย^_^จนเพื่อนแซววววว เวลาเขาไปไหนทำอะไรเขาก็จะถ่ายรูปส่งมาให้ดู นี่มันหมายความว่ายังไงนะ???? ไม่รู้สิก็แค่คนคุย กลัวว่าตัวเองจะคิดไปเองจนวันสุดท้ายที่อยู่ที่นั่นเราก็ยังคุยกันแต่ตอนนั้นเขาอยู่ที่บ้าน(กว่างโจว)เป็นช่วงปิดเทอมพอดีซึ่งบ้านห่างจากเมืองนี้มากกกก เลยบอกว่ามาส่งขึ้นรถไม่ด้ ตอนนั้นคิดอยู่ว่าอย่างมาส่งเลยจะร้องไห้ ขนาดส่งกันทางแชทยังน้ำตาจิไหลเลยใจหายวาบนี่ฉันต้องกลับบ้านกลับเมืองของตัวเองแล้วเหรอ??? พอถึงเมืองไทยเปิดแชทปุ๊บก็แชทมาบอกเลยว่า ยินดีสำหรับการกลับบ้าน ขอบคุณที่เดินทางถึงอย่างปลอดภัยเลยยิ่งรู้สึกคิดถึงและปลื้มปริ่มในความใส่ใจของเขา
>>>>จากนั้นเราก็คุยกันทุกวัน รายงานความเป็นไปของเมืองที่เราอยู่และสิ่งที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันคือความคิดถึงและอยากเจอมากแต่เราไม่กล้าพอที่จะวีดีโอคอลหาเขาเพราะ 1แค่เห็นหน้าแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง 2ไม่กล้าว่ะ เขิน 3เห็นหน้าไม่ได้กลัวร้องห้ายยยย เป็นอะไรกับเขาเนี่ยเหอะ เล่ามายาวเหยียดดดดดดดด แค่อยากรู้ว่าเราควรทำไงดี คุยกันมาจะ4เดือนแล้วยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันอยู่เลย เพื่อนถามว่าแฟนเหรอก็บอกว่าไม่ใช่???เออไม่รู้ดิ เวลาผู้ชายทักมาจีบก็จะบอกเขาว่า ไม่มีแฟนค่ะ แต่มีคนคุยถ้าจะให้ไปอธิบายสถานะตอนนี้มันก็ยาวไปนะ555
......ตอนนี้เลยอยากถามเขานะว่า หนี่คิดยังไงกับหว่อ แต่ก็กลัวคำตอบแต่ที่แน่ๆอะเรารู้ตัวแล้วว่าเราชอบเขาแล้วเราก็รู้สึกคิดไปเองว่าเราเขาก็ชอบเราเหมือนกัน แต่กลัวคำตอบ...ต่อให้ตอบว่ารักหรือไม่รักก็ตาม ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันตัวเป็นๆอีกไหม เจออีกเมื่อไหร่บอกเลยว่า ณ ตอนนี้ไม่มีปัญญาไปหาเขาแน่นอนนอกจากเสียว่าจะเรียนจบและมีเงินซึ้งนับไปเลยไม่ต่ำกว่า3ปีแน่ใครรอได้อะไกลและนานขนาดนั้น(แค่คิดการณ์ไกลเท่านั้นเอง มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้) เขาจะมาหาเราไหมอะเหรอ เอาเป็นว่าตอนนี้นางเพิ่งบรรลุนิติภาวะ18แต่แม่กับพ่อยังไม่ปล่อยแน่นอนดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน แหงล่ะขนาดเรา21พ่อยังไม่ปล่อยเลย หวงลูกสาวมากกกกกกแล้ว ควรคุยกันไปเรื่อยๆจนรู้สึกมั่นใจมากกว่านี้เหรอ อยากได้คำตอบที่พอจะมีความชัดเจนว่า ควรหยุดหรือไปต่อ แต่กลัวคำตอบมากเลย ขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ ปล.อย่าโจมตีกันเลย แค่นี้ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ววววว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่