เคยลังเลเรื่องแต่งงานว่าจะจัดงาน หรือแค่จดทะเบียนเฉยๆไหมคะ

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ จขกท.เป็นผู้หญิงที่เกิดจนโตใช้ชีวิตที่ไทยและต่างประเทศอย่างละครึ่ง เพราะฉะนั้นก็จะมีความคิดหลายๆแบบปนกัน เรากำลังจะแต่งงานกับแฟนคนไทยที่ไทยและย้ายกลับมาอยู่นี่ถาวรค่ะ ขอแบ่งเรื่องที่ต้องการคำปรึกษา+ระบายหน่อย *ยาวหน่อยนะคะ*

1. บ้านเราฐานะปานกลาง ต่างกับแฟนพอสมควรค่ะ บ้านแฟนคือมีรายรับมากระดับหนึ่งทุกเดือน ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับเราอยู่แล้วค่ะ แล้วไม่เกี่ยวอะไรกับแฟนเราด้วย เพราะแฟนเราไม่เคยขอเงินพ่อแม่ใช้สักบาทตั้งแต่เรียนจบมาหลายปีแล้ว แถมยังส่งเงินให้พ่อแม่ทุกเดือนทั้งที่เงินของพ่อแม่เองก็มีมากอยู่แล้ว ซึ่งเราภูมิใจในตัวเค้ามากค่ะ ปัญหาคือบ้านเรานี่แหละ... พอบอกว่าจะแต่งงาน ที่บ้านจะเรียกสินสอดเยอะพอสมควร ซึ่งการเรียกสินสอดเป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้ค่ะ ไม่ว่ากี่บาทก็ตาม เคยคุยกับที่บ้านหลายรอบ ทะเลาะกันจนไม่พูดกันมาก็หลายรอบ บ้านเราบอกว่า เรียกลองใจว่าเค้าจะดูแลเราได้ไหม แต่ก็ไม่คืนเงินแน่นอนถือว่าให้แล้วให้เลย .... เราเสียใจมากค่ะ ไม่กล้าบอกแฟนจนถึงตอนนี้ ทุกวันนี้แฟนยังชมไม่ขาดว่า เราดีจัง พ่อแม่เราดีจัง หัวสมัยใหม่ แล้วก็ดูรักเราจริงๆแบบไม่ได้ต้องการเงินเค้า (เพราะเรียกขนาดนั้นเค้าคงหาได้ไม่พอ ถึงพอก็จัดงานแต่งงานไม่ได้ และทางฝั่งที่บ้านแฟนเราก็ไม่ช่วยค่าใช้จ่าย เงินเค้าคือเงินเค้า ใครแต่งคนนั้นรับผิดชอบ ซึ่งเราไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ ทุกวันนี้ทำงานช่วยกันเก็บเงินสองคนค่ะ ) คิดว่าพ่อแม่เราเข้าใจว่าเค้าต้องหาเงินด้วยตัวเองทุกบาททุกสตางค์เพื่อมาแต่งงาน บลาๆ ซึ่งแฟนเราดูแลครอบครัวญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเราดีมากค่ะช่วยเหลือวิ่งเต้นอะไรให้ทุกอย่างเป็นตัวแทนเราที่ไทยก็ว่าได้ เราไม่เข้าใจว่ามีอะไรต้องพิสูจน์อีก ..


2. ปกติเราเฉยๆกับพิธีแต่งงานเว่อร์วังอลังการที่ไทยมากค่ะ เราอยู่เมืองนอก เพื่อนเราทุกคนแต่งงานเรียบง่ายมากจริงๆ อาจจะด้วยโลเกชั่นที่ไม่ต้องตกแต่งอะไรมากก็สวยมากอยู่แล้ว ลักษณะพิธี และหลายๆอย่าง มันทำให้งานที่นี่สวยมากกก แต่ค่าใช้จ่ายน้อยมากค่ะ ถ้าจัดงานแบบเดียวกันที่ไทยเสียเงินเป็นล้านแน่นอน เราก็อยากจะมีงานสวยๆน่ารักๆประหยัดๆบ้าง เพราะเป้าหมายชีวิตเราอันดับแรกคือการมีบ้านดีๆเป็นของตัวเองที่ไทยค่ะ อันดับ2คือค่าใช้จ่ายหากมีลูก 3.แต่งงาน มันก็เลยมีบางโมเม้นที่งก คิดไปคิดมาหรือจะไม่จัดดี จดทะเบียนก็พอ ถ้าจะแต่ง พรีเว้ดดิ้งก็ไม่ต้องถ่าย เอารูปที่ไปเที่ยวกันเองมาตกแต่งในงานก็พอ ส่วนของทุกอย่างอะไรทำเองได้เราจะทำเองหมด แต่แฟนเราไม่ยอม จะจัดงานให้ได้ บอกว่าต้องจัดเพื่อให้เกียรติที่บ้านเรา เพราะเค้ารักพ่อแม่เรา และเค้าอยากประกาศให้ทุกๆคนได้รู้ว่าเราสองคนกำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่กัน อยากให้ทุกคนรู้ว่าเรามีค่าสำหรับเค้าแค่ไหน งานจะต้องสมเกียรติเรา (เรารู้ว่าต่อให้ไม่มีงานเลยเราก็มีค่าสำหรับเค้าค่ะ แต่ได้ยินแบบนี้มันก็อดปลื้มใจไม่ได้) เรื่องพรีเว้ดดิ้งก็ยืนยันว่าต้องถ่ายสามธีมนู่นนี่นั่นตามประสาผู้ชายกุ๊กกิ๊กๆโรแมนติกอะค่ะ เราได้ฟังก็คล้อยตามบ้าง คิดตามแล้วมีความสุขดีเหมือนกันแฮะ จนมาได้คุยกับที่บ้านเรา เค้าบอกว่า ไม่ต้องจัดงานแต่งงานหรอก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เปลือง ให้เอาเงินที่จะจัดงานมาจ่ายเป็นค่าสินสอดให้พ่อกับแม่แทน (จริงจัง) เราไม่คิดมาก่อนว่าพ่อแม่จะพูดแบบนี้กับเรา เราน้ำตาไหลเลยค่ะ คือแฟนกับเราเป็นคนเปิดเผย... พ่อกับแม่จะรู้หมดว่าเราเก็บเงินกันยังไงถึงไหนแล้ว ตอนนี้เรามีเงินเก็บสำหรับแต่งงานนอนในบัญชีล้านนึงค่ะ ใช้เวลาเก็บ2ปี (ค่าแหวน 430k (อาจจะมากไปหรือน้อยไปสำหรับบางคน แต่แฟนเราให้ความสำคัญกับแหวนเราที่สุดค่ะ เค้าบอกว่างานแต่งแค่ชั่วคราว แต่แหวนอยู่กับเราไปตลอด), ค่าชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวงานเช้าเย็นค่าช่างแต่งหน้าทำผม 170k, ตากล้อง 50k, เหลือ 350k สำหรับค่าจัดงาน,รร,ออแกไนซ์บลาๆจิปาถะ ซึ่งเรามองว่าไม่พอแน่ๆ แต่ยังมีเวลาเก็บเงินเพิ่มอีกเกือบๆหนึ่งปีก่อนถึงวันจริงนะคะ)


3. ปัญหาคือ เรามองตัวเลขพวกนี้ทุกวันค่ะ ทั้งที่เราก็ไม่ได้กู้หนี้ยืมสินใครมาเพื่อแต่งงาน ไม่ได้แต่งงานเพื่อเอาหน้าแน่นอน .. เราเชิญแขก 120 คนค่ะ ลิสต์รายชื่อครบแล้ว รวมญาติพี่น้องเพื่อนสนิท+แฟน ของทั้งสองฝ่าย คือตั้งใจเชิญเฉพาะคนที่สนิทและร่วมยินดีกับเราจริงๆ แต่ที่มันแพง เพราะเราอยากได้อะไรที่เราชอบจริงๆ แล้วอะไรที่เราชอบมันก็ดันแพง .. ฮ่าๆ ถ้าจะแต่งจริงๆ ทั้งเรากับแฟนเป็นคนที่ถ้าลงมือทำแล้วต้องสุด เราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน อารมณ์ยอมหักไม่ยอมงอ ถ้าไม่ได้ที่ชอบ ก็ไม่เอาอะไรเลย เพอร์เฟคชั่นนิสกันมาก ยกตัวอย่างนิสัยเรา สมมติอยากได้ชาแนลใบละสองแสน (สมมตินะคะ) แต่เราไม่มีเงินพอ แทนที่เราจะมาใช้โค้ชราคาสองหมื่น เราไม่เอา เราจะยอมใช้ถุงผ้าธรรมดาหลายปีก็ได้ จนกว่าจะเก็บเงินซื้อชาแนลได้ ทั้งที่สุดท้ายแล้วไม่ว่ากระเป๋ายี่ห้ออะไรมันก็ไว้ใส่ของเหมือนกัน...เป็นคุณค่าทางใจประมาณนั้น) มันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ ให้ลดสเป๊ก เราก็คงไม่มีความสุข ถ้าไม่ได้แบบที่ชอบ ดูเอาแต่ใจกันทั้งคู่ .. แต่ทุกคืน เราจะนอนไม่หลับ ตอนกลางวันมีความสุข ที่จะได้ทุกอย่างตามฝัน (ลึกๆแล้ว บวกกับฟังแฟนพูดหวานๆเรื่องงานแต่งทุกวัน ก็อยากจะใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆบ้าง) แต่.... พอแต่งงานแล้ว เงินเก็บจะกลายเป็น 0 ต้องมาเริ่มเก็บเงินสร้างอนาคต "ครอบครัว" ที่ 1 ใหม่อีก เรากลัวว่า พอจบงานคืนนั้น เราจะมานั่งเสียดายเงิน กลัวว่าตัวเองจะคิดว่า รู้งี้เก็บเงินไว้ดาวน์บ้านที่อยากได้ดีกว่า .. เก็บไว้ให้ลูกดีกว่า แต่บางคนก็บอกว่า ไม่เสียดายเงินที่ทุ่มทุกอย่างเต็มที่ในวันแต่งงาน มองย้อนไปก็มีความสุข เราก็ไม่ชอบตัวเองที่คิดลังเลแบบนี้เหมือนกันค่ะ ไม่สบายใจที่ต้องเสียเงินกับเรื่องแต่งงานที่เกิดขึ้นแค่วันเดียว ไม่รู้ว่าแบบเราเรียกว่า งก หรือฟุ่มเฟือยกันแน่ (ไม่แน่ใจว่าต้องใช้คำว่าอะไรค่ะ) มันยากที่จะเดินทางสายกลางจริงๆ ไหนจะเรื่องสินสอดพ่อแม่เราอีก


ขอบคุณมากนะคะสำหรับคนที่อ่านจนจบ
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับข้อคิดและคำแนะนำค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่