ต้องทำอย่างไรเมื่อพอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ .... หญิงสาวอ่อนโยนน่ารัก เหมือนดอกไม้บนผืนดินที่อบอุ่น พอใจ พอใจจนกระทั่งบางครั้งก็ลืมไปว่าเรามีผู้หญิงอีกคน ผู้หญิงที่เหมือนต้นสนงามสง่าที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาร่มครึ้มอยู่ในครอบครอง สิ่งเหล่านั้นปะทุขึ้นมาเป็นความว้าวุ่นใจ เป็นความรู้สึกผิดที่ทำให้ตั้งกำแพงและมโนไปไกล ว่าผู้หญิงชื่อวนิดาคนนี้กำลังสมคบคิดแบบ conspiracy theory ทั้งกระบิบนเกาะนั่นแหละที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ผิดที่คนนั้น ผิดที่คนนี้ ผิดที่ทำให้เขานอกกายแขไขคุณ หากความจริงแล้วที่ดีดดิ้นอยู่ในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องนอกกาย หรือ เรื่องทฤษฎีสมคบคิดวุ่นวายอะไรทั้งนั้น
ใจ ใจตัวเองล้วน ๆ นั่นแล้วที่ออกห่าง
แล้วจะทำอย่างไรให้ใจกลับมาเหมือนเดิมเล่า
ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปิดรอยรั่วของหัวใจตัวเอง ใช่ไง ชาวเกาะสีชังนั่นแหละที่ไม่ดี ถ้าที่เรือสำราญวันนั้นไม่เกิดเรื่อง ไม่เมาเหล้า ไม่เจอผู้หญิงจืด ๆ คนนั้น เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอกถูกไหม ตรรกะแบบนี้มันเป็นตรรกะแบบไหนกัน มันก็เป็นตรรกะของคนที่หาทางออกอะไรไม่ได้แล้ว ตั้งนั้นจึงต้องหาอะไรก็ได้ อะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะไร้เหตุไร้ผลซักเพียงไหน ให้ใจกลับเข้ารูปเข้ารอยและทดแทนความรู้สึกผิดของตัวเองที่มีต่อแขไขคุณที่ "ไม่ผิดอะไรเลย" แผนการขายโรงงานเป็นที่ทิ้งขยะจึงผุดขึ้นในใจ คิดว่าเป็นการแก้แค้นเอาคืนแบบแสบ ๆ คัน ๆ ที่ตัวเองก็ไม่นึกเหมือนกันว่าคู่ค้าจะเลือดเย็นถึงขนาดเอาที่ดินไปทิ้งสารปรอท ... เพราะเรื่องหงุดหงิดในหัวใจแท้ ๆ ที่ทำให้เขาตัดสินใจโดยไร้เหตุไร้ผล แล้วก็ต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่อย่างนี้ กลายเป็นว่าความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้ "ความควาย" ข้อตกลงเจ้ากรรมมันวิ่งกลับมาพันคอตัวเองเหมือนติดจรวดเสียด้วย ใครจะไปนึกเล่าว่าคนที่ควรจะอยู่ "นอก" หัวใจแท้ ๆ กลับเข้ามากระโดดโลดเต้นทำให้เขาต้องพลิกคว่ำคะมำหงายไม่หงุด จากไม่เคยต้องห่วงก็เป็นห่วง จากที่เคยไม่ต้องสนต้องแคร์ต้องตาม ก็เกิดจะมาทำ แค่เขากลับบ้านผิดเวลาก็หงุดหงิด แค่เขาไม่รับโทรศัพท์ก็แทบจะทำอะไรไม่ได้ เป็นบ้าเป็นหลังไปหมดทุกสิ่งว่าทางนั้นจะคลื่นไส้ไหม จะกินข้าวหรือยัง แต่ถามว่าบอกออกไปได้ไหม ... ไม่เลยเพราะมันค้านกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าเหมาะสม
แล้วพอสิ่งที่แสดงออกมันค้านกับสิ่งที่อยู่ข้างในใจ ทุกอย่างจึงออกมาพังพินาศ เพราะแทนที่จะแสดงความเป็นห่วงอย่างที่ใจคิด กลับพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ แสดงอะไรออกไปก็ไม่รู้ ไม่ตรงกับสิ่งที่อลม่านล้านแปดพันประการในใจแท้จริงของตัวเองแม้แต่น้อย และ สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าภาวุฒิ ... แย่สุด ๆ แล้ว คือ การที่นิด "รู้" เรื่องข้อตกลงขายที่ดินบนเกาะสีชัง ความพินาศขั้นสุดของภาวุฒิเป็นอย่างไรได้รู้ตรงนี้
คนที่เคยแสดงออกอะไรได้อย่างชัดเจน คนที่มีเหตุมีผล คนที่ไม่เคยเลยที่จะทำอะไรผิด และ ไม่บ่อยนักที่จะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดกับใคร คนที่เก่งกล้าสามารถในทุกสถานการณ์กลับ "สตัน" เมื่อเห็นหยดน้ำตา สีหน้าที่แสดงความผิดหวัง วนิดาไม่ต้องตวาด ไม่แม้แต่จะขึ้นเสียง ไม่แม้แต่จะฟูมฟาย ไม่มีอะไรเลยนอกจากคำพูดธรรมดาที่ฟาดลงไปกลางอารมณ์ของภาวุฒิอย่างแรง คำที่ปกติไม่น่าทำให้ใครสะเทือนได้เลย เว้นแต่ว่า ความสะเทือนมันมาจาก "ความสำคัญ" ของคนพูด ที่ให้คน "เก่ง" แบบภาวุฒิ หยุดและพูดอะไรไม่ออก Just drop of tears ทำให้คนที่สามารถสรรหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้าเข้าข้างตัวเอง ทำได้แต่แถข้าง ๆ คู ๆ จนเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็หันหนีเข้าห้อง บอกตัวเองว่า เฮ้ย ไม่เห็นเป็นไร ก็ดีแล้ว
อะไรคือไม่เป็นไร อะไรคือดี ที่ว่าดีนั้น ... คือการที่ดูอะไรก็ไม่รู้เรื่อง คือการที่ต้องผุดลุกนั่ง คือการที่สุดท้าย วิ่งพรวดลงมาจากชั้นบน ถามหาว่า "เธอ" คนนั้นไปไหน คือการที่ตามไปจนถึงท่ารถ แล้วกระโดดขึ้นโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรเลยแบบนั้นใช่หรือไม่
เอาล่ะ ... จนบัดนี้ ความรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวมันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญมากมายอีกต่อไปแล้ว
เมื่อสายลมเปลี่ยนทิศ จะรู้หรือไม่ เปลี่ยนก็คือเปลี่ยน และ การเปลี่ยนในครั้งที่จะหันเหกลับไปเป็นอย่างเดิม
ก็คงยากแล้วเช่นกัน
เธอคือพรหมลิขิต (กึ่งวิเคราะห์) : Wind of Change
แล้วจะทำอย่างไรให้ใจกลับมาเหมือนเดิมเล่า
ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปิดรอยรั่วของหัวใจตัวเอง ใช่ไง ชาวเกาะสีชังนั่นแหละที่ไม่ดี ถ้าที่เรือสำราญวันนั้นไม่เกิดเรื่อง ไม่เมาเหล้า ไม่เจอผู้หญิงจืด ๆ คนนั้น เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอกถูกไหม ตรรกะแบบนี้มันเป็นตรรกะแบบไหนกัน มันก็เป็นตรรกะของคนที่หาทางออกอะไรไม่ได้แล้ว ตั้งนั้นจึงต้องหาอะไรก็ได้ อะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะไร้เหตุไร้ผลซักเพียงไหน ให้ใจกลับเข้ารูปเข้ารอยและทดแทนความรู้สึกผิดของตัวเองที่มีต่อแขไขคุณที่ "ไม่ผิดอะไรเลย" แผนการขายโรงงานเป็นที่ทิ้งขยะจึงผุดขึ้นในใจ คิดว่าเป็นการแก้แค้นเอาคืนแบบแสบ ๆ คัน ๆ ที่ตัวเองก็ไม่นึกเหมือนกันว่าคู่ค้าจะเลือดเย็นถึงขนาดเอาที่ดินไปทิ้งสารปรอท ... เพราะเรื่องหงุดหงิดในหัวใจแท้ ๆ ที่ทำให้เขาตัดสินใจโดยไร้เหตุไร้ผล แล้วก็ต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่อย่างนี้ กลายเป็นว่าความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้ "ความควาย" ข้อตกลงเจ้ากรรมมันวิ่งกลับมาพันคอตัวเองเหมือนติดจรวดเสียด้วย ใครจะไปนึกเล่าว่าคนที่ควรจะอยู่ "นอก" หัวใจแท้ ๆ กลับเข้ามากระโดดโลดเต้นทำให้เขาต้องพลิกคว่ำคะมำหงายไม่หงุด จากไม่เคยต้องห่วงก็เป็นห่วง จากที่เคยไม่ต้องสนต้องแคร์ต้องตาม ก็เกิดจะมาทำ แค่เขากลับบ้านผิดเวลาก็หงุดหงิด แค่เขาไม่รับโทรศัพท์ก็แทบจะทำอะไรไม่ได้ เป็นบ้าเป็นหลังไปหมดทุกสิ่งว่าทางนั้นจะคลื่นไส้ไหม จะกินข้าวหรือยัง แต่ถามว่าบอกออกไปได้ไหม ... ไม่เลยเพราะมันค้านกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าเหมาะสม
แล้วพอสิ่งที่แสดงออกมันค้านกับสิ่งที่อยู่ข้างในใจ ทุกอย่างจึงออกมาพังพินาศ เพราะแทนที่จะแสดงความเป็นห่วงอย่างที่ใจคิด กลับพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ แสดงอะไรออกไปก็ไม่รู้ ไม่ตรงกับสิ่งที่อลม่านล้านแปดพันประการในใจแท้จริงของตัวเองแม้แต่น้อย และ สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าภาวุฒิ ... แย่สุด ๆ แล้ว คือ การที่นิด "รู้" เรื่องข้อตกลงขายที่ดินบนเกาะสีชัง ความพินาศขั้นสุดของภาวุฒิเป็นอย่างไรได้รู้ตรงนี้
คนที่เคยแสดงออกอะไรได้อย่างชัดเจน คนที่มีเหตุมีผล คนที่ไม่เคยเลยที่จะทำอะไรผิด และ ไม่บ่อยนักที่จะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดกับใคร คนที่เก่งกล้าสามารถในทุกสถานการณ์กลับ "สตัน" เมื่อเห็นหยดน้ำตา สีหน้าที่แสดงความผิดหวัง วนิดาไม่ต้องตวาด ไม่แม้แต่จะขึ้นเสียง ไม่แม้แต่จะฟูมฟาย ไม่มีอะไรเลยนอกจากคำพูดธรรมดาที่ฟาดลงไปกลางอารมณ์ของภาวุฒิอย่างแรง คำที่ปกติไม่น่าทำให้ใครสะเทือนได้เลย เว้นแต่ว่า ความสะเทือนมันมาจาก "ความสำคัญ" ของคนพูด ที่ให้คน "เก่ง" แบบภาวุฒิ หยุดและพูดอะไรไม่ออก Just drop of tears ทำให้คนที่สามารถสรรหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้าเข้าข้างตัวเอง ทำได้แต่แถข้าง ๆ คู ๆ จนเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็หันหนีเข้าห้อง บอกตัวเองว่า เฮ้ย ไม่เห็นเป็นไร ก็ดีแล้ว
อะไรคือไม่เป็นไร อะไรคือดี ที่ว่าดีนั้น ... คือการที่ดูอะไรก็ไม่รู้เรื่อง คือการที่ต้องผุดลุกนั่ง คือการที่สุดท้าย วิ่งพรวดลงมาจากชั้นบน ถามหาว่า "เธอ" คนนั้นไปไหน คือการที่ตามไปจนถึงท่ารถ แล้วกระโดดขึ้นโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรเลยแบบนั้นใช่หรือไม่
เมื่อสายลมเปลี่ยนทิศ จะรู้หรือไม่ เปลี่ยนก็คือเปลี่ยน และ การเปลี่ยนในครั้งที่จะหันเหกลับไปเป็นอย่างเดิม
ก็คงยากแล้วเช่นกัน