เชียงพระคำ...
การอยู่กินฉันท์สามีภรรยาไม่ใช่เรื่องง่าย มีเรื่องกระทบกระทั่งจิตใจกันนิดเดียวก็เก็บเอาไปคิดได้มากโข ก่อนเขาเข้าไปสำรวจป่ากับสหายคราวนี้ก็เช่นกัน คำฝากให้ช่วยดูแลญาติสาวยังติดแน่นอยู่ในใจมาจนย่ำค่ำ งานการอย่างปะชุนชุดเข้าป่าของเขาที่ดูเหมือนจะทำวันรุ่งพรุ่งนี้ได้ ก็หยิบมาทำเพื่อให้ดูยุ่งจนไม่คิดฟุ้งซ่าน...ช่วยไม่ได้หรอก
กลับมาถึงคุ้มได้สักพัก แต่อาการมึนตึงที่แม้นเมืองดูเฉยเมยกับเขายังคงเป็นอยู่แม้ผ่านไปครึ่งค่อนวัน..ศุขวงศ์เลยต้องถามออกไปตรงๆอย่างผู้ชายที่ไม่ค่อยเข้าใจอาการนี้มากนัก ผู้หญิงที่เคยได้ใกล้ชิดใช่จะมีมากนัก..จะผูกสมัครรักใคร่ใครสักคน..แม้นเมืองคือคนแรกนั้น ผู้หญิง..เข้าใจยากเสียจริง คำตอบกำกวมที่ได้รับจากเมียของเขาที่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆถึงหน้าที่ที่อาจจะทำบกพร่องไป ทำเอาเขาคิดไม่ตก..อะไร
หนีอะไรก็ได้..แต่คงหนีใจตัวเองไม่พ้น ขนาดหลบหน้าไม่พูดไม่จากับเขามาตั้งแต่เช้า เขายังมาเดินตามเธอแจคุมบริวารบ่าวไพร่ทำงานซะนี่ แถมคำเซ้าซี้ที่ยังถามว่าโกรธเรื่องอะไร...เมื่อไหร่เจ้าน้อยจะเข้าใจ..เธอไม่มีสิทธิ์นั้น สิทธ์ที่จะไปโกรธเขา ไม่ว่าจะเรื่องผู้หญิงคนไหนๆ ใจเขาจะเมตตาใคร..กี่คน สุดแท้แต่เขาทั้งนั้น จะให้เธอบอกเขาไปตรงๆอย่างที่ถามได้อย่างไร..ว่ามันคือน้อยใจ หาใช่โกรธอย่างที่เขาคิด
แบ๊รกกิ้นท่าทางจะเคยผ่านผู้หญิงมามากกระมัง ถึงได้มองลมพายุทะลุปุโปร่งเช่นนี้...ปัญหาที่เขาคิดไม่ตกข้ามวันข้ามคืนว่าเมียของเอางอนอะไรนักหนา อย่างหาสาเหตุไม่เจอ ผู้ชาย...ฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องความรัก วันนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่า..บางเรื่องเล็กสำหรับผู้ชาย อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงได้เสมอ...เธอหึงหวงเขาหรือนี่..ศุขวงศ์ไม่เคยรู้สึกดีอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย
เมื่อเธอตามมาเยี่ยมเจ้าละอองคำ น้องสาวของเขาถึงเรือน คำพูดหยอกเย้าอย่างเอ็นดูเกินไปนิดที่เขาแอบตั้งใจพูดกับเจ้าละอองคำเพื่อลองใจแม้นเมือง ศุขวงศ์เลยทีได้พินิจพิเคราะห์ถึงอากับอาการของเมียเขา เหมือนเริ่มจะเห็นอะไรลางๆแบบที่แบร็กกิ้นว่า หากเป็นเจ้าย่าที่ชักชวนให้เขาออกไปเดินเล่นด้วย เพื่อให้แม้นเมืองอยู่ดูแลกันตามประสาผู้หญิงกับน้องสาว เสียดายจริง...
ท่าทีที่ดูเสียดายและคำให้กำลังใจให้หายเจ็บไข้ในเร็ววันที่ติดจะอ่อนหวานที่เขาพูดต่อญาติสาวทำเอาหัวใจเกือบกระตุก... ข่มใจไว้แม้นเมือง การจากบ้านเมืองมาไกล ผูกมิตรกับคนที่นี่ไว้ย่อมดีที่สุด แม้จะมีเรื่องขุ่นข้องใจเท่าใด แต่เจ้าละอองคำก็ยังเป็นน้องน้อยที่ใครๆในคุ้มก็เอ็นดูไม่ต่างจากเธอ...หากวันนี้คำขอ...อย่างตาต่อตา...ของการเป็นอีกเงาของเจ้าน้อยศุขวงศ์ เป็นที่สอง เมียรองจากเธอ...หนักใจ
หนึ่งคน คือ หลานสะใภ้ที่ได้ดั่งใจทุกอย่าง อีกหนึ่งคือ หลานในไส้ที่ชุบเลี้ยงดูแลมาแต่อ้อนแต่ออกจนรู้ความในใจในทุกทาง จนต้องบอกกล่าวสิ่งที่หวังกับหลานชาย... เขาไม่เคยคิด..ว่าเจ้าย่าหมายมั่นปั้นมือวางญาติ..ที่เขาคิดได้เพียงน้องสาว วางไว้ในตำแหน่งรอง ข้างๆตัวเขาแบบนี้ และไม่เคยคิด..ว่าน้องสาวที่เอ็นดูจะคิดเกินเลยต่อพี่ชายอย่างเขาไปได้ หนักใจ..สิ่งที่ศุขวงศ์และแม้นเมืองรับรู้คำขอ..พร้อมๆกันหากต่างวาระ ทำเอาหนักใจไม่ต่างกัน..
นี่ไงความนัยที่เจ้าละอองคำเคยเอ่ยขอ...ของรักอย่างต้นกล้าชมพูป่าเมื่อวันก่อน...หากวันนี้ญาติสาวของเขากลับเอ่ยปากขอ..คนรัก....ความรักของเธอและเขาเพิ่งจะเริ่มเพาะเยี่ยงเมล็ดต้นอ่อนในกระถางนี้ หาใช่งอกเงยหยั่งรากแน่นแฟ้น บนความสัมพันธ์ที่ดูจะง่อนแง่น ผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับความรักอย่างแม้นเมืองไม่รู้จะรับมือกับมันอย่างไร แทนที่จะพูดจากันดีๆ แม้นเมืองเลือกใช้วาจาที่ตรงข้ามกับใจทุกอย่าง ปากไม่ตรงกับใจเท่าไหร่...แทนที่อีกฝ่ายจะเจ็บ..ตัวเองกลับเจ็บยิ่งกว่า
ในความสัมพันธ์ของชาย-หญิง การลองใจ...ไม่เคยมีประโยชน์เท่าการพูดจากันดีๆศุขวงศ์คงลืมคิด...ยิ่งเห็นเมียเขาพูดจาคล้ายประชดประชัน ปากอย่างและใจคงอีกอย่างแบบนี้..แววตาและรอยยิ้มติดที่มุมปากคล้ายจะสมใจนัก ...แม้นเมืองคงมีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ
น้องหึงพี่...เรื่องละอองคำใช่ไหม...คำถามที่เหมือนจะนั่งอยู่กลางใจ..หากเจ้าตัวไม่กล้ายอมรับ จึงได้แต่ข่มใจอธิบายไปอย่างขมขื่นว่า..นอกจากจะรู้ตัวว่ามาทีหลังแล้ว..ยังรู้ตัวอีกด้วยว่ามาที่นี่ด้วยวิธีไหน! กลแยบยลซ้อนแผนที่เคยตกลงกันว่าจะลืม..แม้นเมืองลืมไม่เคยได้ ยิ่งเรื่องน่าอับอายที่ควรรู้กัน 2 คน หากเคยมีคนที่ 3 เอื้อนเอ่ยถึงจะไม่ให้เธอโกรธได้อย่างไร
แม้นเมืองจากไปอย่างทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้ให้เขา..ที่ทำไปทั้งหมดนี่...ยังไม่ใช่เพราะว่ารักอีกหรือ...การขอร้องให้เธอลืม..เพราะอยากใช้ชีวิตคู่ที่ไม่มีกำแพงกั้น...การขอร้องให้เธอไม่จำ..เพราะต้องการหัวใจรักอย่างผู้ชายประสงค์ต่อหญิงสาว หาใช่งานต่อเมืองที่ทำสำเร็จลุล่วง...อ่อนใจกับความแปรปรวนของอารมณ์ผู้หญิงเสียจริง..หนังสืออย่างแม้นเมือง..อ่านเท่าไหร่ ไม่เคยจบ
การรื้อเรือนรับรองบนภูผาเมืองลงมาสร้างใหม่ใกล้ๆคุ้ม คงทำให้อินทรคันปากยิบๆจนอยากบอกความจริงต่อเจ้าแม้นเมืองและคนทั้งคุ้ม หากเป็นเจ้าน้อยที่สั่งให้ปิดปากเงียบ..เก็บงำความลับที่ต้องการทำให้ชายาของเขาประหลาดใจ ผู้ชายคงคิดน้อยไปจริงๆ...คำพูดคาดเดาที่มาที่ไปอย่างไม่รู้ความจริงของบริวารที่พูดให้เข้าหู กลับทำให้แม้นเมืองสะดุดใจ ขนาดเด็กละอ่อนอย่างคำแก้วยังมองออก คงจะเป็นจริงตามนั้น..เรือนหลังใหม่ที่กำลังถูกสร้างคงเป็นเรือนหอของใครอีกคน
วันทั้งวันของเขาคงไม่ต้องทำงานทำการกันล่ะ..หากวันนี้ยังง้องอนเธอไม่สำเร็จ...ในเมื่อพูดตรงๆก็แล้ว...พูดลองใจก็แล้ว...หรือท่าผู้หญิงจะชอบของขวัญ...น้ำปรุงฝรั่งที่เพิ่งได้มาหยกๆจากพ่อค้าจึงถูกนำมาเป็นตัวช่วย แต่เมียเขากลับไม่อินังขังขอบ..แสดงออกว่าชื่นชอบของขวัญชิ้นนี้เลยสักนิด แถมยังปัดให้เขาเอาไปให้ญาติสาวอีกเสียนี่.. คำพูดเยี่ยงคนเจียมตัว..แต่แฝงไปด้วยความน้อยใจ ที่รับรู้ถึงการย้ายเรือนรับรองลงมาสร้างใหม่เพื่อรอรับใครใหม่คนนั้น...ผู้ชายฉลาดอย่างศุขวงศ์คงเขลาเกินไปที่จะรับรู้...แทนที่จะอธิบาย...เขากลับนิ่งเฉย...เฉยคล้ายยอมรับว่าสิ่งที่แม้นเมืองคิดเป็นความจริง....ลองใจอีกแล้ว
การเยินยอถึงวัฒนธรรมผ้าอาภรณ์ของถิ่นเกิดอย่างเชียงเงินจากเจ้าละอองคำมากจนดูจะเกินพอดีไปนิด และคำพูดคล้ายวาทะทางการทูตที่เขาใช้...หากวัฒนธรรม สองถิ่นฐานจากเชียงเงินและเชียงพระคำไหลรวมกันอยู่ตรงกลางได้ คงน่ายินดีนัก....คล้ายจะบอกว่า...เขายินดีรับหมด
คำขออีกครั้งของเจ้าละอองคำ..ที่แฝงไปด้วยนัยยะซ่อนเร้นบางอย่างที่แม้นเมืองรู้สึกได้...ขอแบ่งนุ่งซิ่นเชียงพระคำสามวัน แลนุ่งซิ่นเชียงเงินสี่วัน...แบ่งผ้า...หรือแบ่งสามี...แม้นเมืองไม่อาจรู้ความจริงใจที่ซุกซ่อนไว้ได้ และการนิ่งไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธของเจ้าน้อย กลับทำให้แม้นเมืองคิดไปแล้วว่า..เขายอมรับมันอย่างเต็มหัวใจ คนฉลาดที่ใช้วาทศิลป์ทำงานอย่างเขา ไฉนเลยจะไม่รู้ความนัยนี้...
ต่อให้เข้มแข็งปานใด..ผู้หญิงก็ยังคิดเล็กคิดน้อยได้เสมอ..หากเรื่องนี้ใหญ่นัก..แม้นเมืองไม่รู้จะจัดการกับกับดักความรู้สึกนี้อย่างไรดี คงมีแต่เขียนจันทร์ บริวารที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ ที่เข้าใจหัวอกของเธอดีอย่างคนใช้ชีวิตคู่มานาน บ้าน...หากเงียบงันใส่กัน ก็เหมือนร้อนเป็นไฟ อย่างไรก็ไม่มีความสุขได้ การมีลูกคงไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา หากเขาไม่รักวันนี้ ...อย่างไรก็คงไม่รัก ลูกคงเป็นโซ่ทองคล้องใจไม่ได้อย่างที่เขียนจันทร์ว่าหรอก...หากใจเขาไม่อยู่...อย่างไรก็ไม่อยู่
แม้นเมืองพูดเองเออเองทุกอย่าง..วาจาอัดอั้นอย่างคนที่แบกซึ่งความกดดันของคำสัตย์ที่เคยสาบานกับน้องสาวที่รักอย่างมิ่งหล้า ไม่ว่าจะเรื่องละอองคำหรือมิ่งหล้า..ไม่เคยอยู่ในส่วนลึกของใจเขาได้เลย...หากสิ่งที่ศุขวงศ์ไม่เคยเอ่ย...แม้นเมืองไม่เคยแทนที่ใคร...ที่ข้างกายเขาต้องเป็นแม้นเมืองคนเดียวเท่านั้น เพราะไม่เคยบอกไง...จึงต้องสงสัยต่อไปว่า.. ทำไมความรักทั้งหมดที่เขาแสดงออก เธอถึงไม่เคยรับรู้หรือเข้าใจกันสักที... คงเป็นความเขลาของผู้ชาย เขาไม่เคยรักใคร...วิธีรับมือกับอาการน้อยใจของผู้หญิงยากนัก แทนที่จะอธิบายให้สิ้นความ เขากลับพูดอะไรไม่ออก จนพาลให้แม้นเมืองคิดนึกเอาเองว่าสิ่งที่ตัวพูดอย่างอัดอั้นไปทั้งหมดนั้นคือความจริง
กับดักนี้ที่แม้นเมืองตกหลุมพราง..กับดักที่เกิดจากใจตัวเองทั้งสิ้น เพียงระลึกไปถึงที่มาที่ไปของการอยู่ที่นี่..ที่ที่น้องสาวผู้ถูกเธอทรยศหักหลังควรอยู่ หากกลับเป็นเธอที่ได้มันมา จึงต้องอยู่ในสภาวะหวานอมขมกลืนเยี่ยงนี้.... คำหวานที่เขาเคยบอก คำสรรเสริญให้คุณค่าต่อหน้าผู้อื่น คงเป็นภาพลวงตา นี่คงเป็นทุกข์ที่เกิดจากสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมด ผลพวงจากคำสาบานที่บิดเบี้ยว ทุกข์ที่ใจต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้...
[รากนครา] หนึ่งคนติดกับดัก..วังวนจิตใจ...หนึ่งคนวางกับดัก...ทำงานใหญ่แลกสุดตัว
การอยู่กินฉันท์สามีภรรยาไม่ใช่เรื่องง่าย มีเรื่องกระทบกระทั่งจิตใจกันนิดเดียวก็เก็บเอาไปคิดได้มากโข ก่อนเขาเข้าไปสำรวจป่ากับสหายคราวนี้ก็เช่นกัน คำฝากให้ช่วยดูแลญาติสาวยังติดแน่นอยู่ในใจมาจนย่ำค่ำ งานการอย่างปะชุนชุดเข้าป่าของเขาที่ดูเหมือนจะทำวันรุ่งพรุ่งนี้ได้ ก็หยิบมาทำเพื่อให้ดูยุ่งจนไม่คิดฟุ้งซ่าน...ช่วยไม่ได้หรอก
กลับมาถึงคุ้มได้สักพัก แต่อาการมึนตึงที่แม้นเมืองดูเฉยเมยกับเขายังคงเป็นอยู่แม้ผ่านไปครึ่งค่อนวัน..ศุขวงศ์เลยต้องถามออกไปตรงๆอย่างผู้ชายที่ไม่ค่อยเข้าใจอาการนี้มากนัก ผู้หญิงที่เคยได้ใกล้ชิดใช่จะมีมากนัก..จะผูกสมัครรักใคร่ใครสักคน..แม้นเมืองคือคนแรกนั้น ผู้หญิง..เข้าใจยากเสียจริง คำตอบกำกวมที่ได้รับจากเมียของเขาที่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆถึงหน้าที่ที่อาจจะทำบกพร่องไป ทำเอาเขาคิดไม่ตก..อะไร
หนีอะไรก็ได้..แต่คงหนีใจตัวเองไม่พ้น ขนาดหลบหน้าไม่พูดไม่จากับเขามาตั้งแต่เช้า เขายังมาเดินตามเธอแจคุมบริวารบ่าวไพร่ทำงานซะนี่ แถมคำเซ้าซี้ที่ยังถามว่าโกรธเรื่องอะไร...เมื่อไหร่เจ้าน้อยจะเข้าใจ..เธอไม่มีสิทธิ์นั้น สิทธ์ที่จะไปโกรธเขา ไม่ว่าจะเรื่องผู้หญิงคนไหนๆ ใจเขาจะเมตตาใคร..กี่คน สุดแท้แต่เขาทั้งนั้น จะให้เธอบอกเขาไปตรงๆอย่างที่ถามได้อย่างไร..ว่ามันคือน้อยใจ หาใช่โกรธอย่างที่เขาคิด
แบ๊รกกิ้นท่าทางจะเคยผ่านผู้หญิงมามากกระมัง ถึงได้มองลมพายุทะลุปุโปร่งเช่นนี้...ปัญหาที่เขาคิดไม่ตกข้ามวันข้ามคืนว่าเมียของเอางอนอะไรนักหนา อย่างหาสาเหตุไม่เจอ ผู้ชาย...ฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องความรัก วันนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่า..บางเรื่องเล็กสำหรับผู้ชาย อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงได้เสมอ...เธอหึงหวงเขาหรือนี่..ศุขวงศ์ไม่เคยรู้สึกดีอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย
เมื่อเธอตามมาเยี่ยมเจ้าละอองคำ น้องสาวของเขาถึงเรือน คำพูดหยอกเย้าอย่างเอ็นดูเกินไปนิดที่เขาแอบตั้งใจพูดกับเจ้าละอองคำเพื่อลองใจแม้นเมือง ศุขวงศ์เลยทีได้พินิจพิเคราะห์ถึงอากับอาการของเมียเขา เหมือนเริ่มจะเห็นอะไรลางๆแบบที่แบร็กกิ้นว่า หากเป็นเจ้าย่าที่ชักชวนให้เขาออกไปเดินเล่นด้วย เพื่อให้แม้นเมืองอยู่ดูแลกันตามประสาผู้หญิงกับน้องสาว เสียดายจริง...
ท่าทีที่ดูเสียดายและคำให้กำลังใจให้หายเจ็บไข้ในเร็ววันที่ติดจะอ่อนหวานที่เขาพูดต่อญาติสาวทำเอาหัวใจเกือบกระตุก... ข่มใจไว้แม้นเมือง การจากบ้านเมืองมาไกล ผูกมิตรกับคนที่นี่ไว้ย่อมดีที่สุด แม้จะมีเรื่องขุ่นข้องใจเท่าใด แต่เจ้าละอองคำก็ยังเป็นน้องน้อยที่ใครๆในคุ้มก็เอ็นดูไม่ต่างจากเธอ...หากวันนี้คำขอ...อย่างตาต่อตา...ของการเป็นอีกเงาของเจ้าน้อยศุขวงศ์ เป็นที่สอง เมียรองจากเธอ...หนักใจ
หนึ่งคน คือ หลานสะใภ้ที่ได้ดั่งใจทุกอย่าง อีกหนึ่งคือ หลานในไส้ที่ชุบเลี้ยงดูแลมาแต่อ้อนแต่ออกจนรู้ความในใจในทุกทาง จนต้องบอกกล่าวสิ่งที่หวังกับหลานชาย... เขาไม่เคยคิด..ว่าเจ้าย่าหมายมั่นปั้นมือวางญาติ..ที่เขาคิดได้เพียงน้องสาว วางไว้ในตำแหน่งรอง ข้างๆตัวเขาแบบนี้ และไม่เคยคิด..ว่าน้องสาวที่เอ็นดูจะคิดเกินเลยต่อพี่ชายอย่างเขาไปได้ หนักใจ..สิ่งที่ศุขวงศ์และแม้นเมืองรับรู้คำขอ..พร้อมๆกันหากต่างวาระ ทำเอาหนักใจไม่ต่างกัน..
นี่ไงความนัยที่เจ้าละอองคำเคยเอ่ยขอ...ของรักอย่างต้นกล้าชมพูป่าเมื่อวันก่อน...หากวันนี้ญาติสาวของเขากลับเอ่ยปากขอ..คนรัก....ความรักของเธอและเขาเพิ่งจะเริ่มเพาะเยี่ยงเมล็ดต้นอ่อนในกระถางนี้ หาใช่งอกเงยหยั่งรากแน่นแฟ้น บนความสัมพันธ์ที่ดูจะง่อนแง่น ผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับความรักอย่างแม้นเมืองไม่รู้จะรับมือกับมันอย่างไร แทนที่จะพูดจากันดีๆ แม้นเมืองเลือกใช้วาจาที่ตรงข้ามกับใจทุกอย่าง ปากไม่ตรงกับใจเท่าไหร่...แทนที่อีกฝ่ายจะเจ็บ..ตัวเองกลับเจ็บยิ่งกว่า
ในความสัมพันธ์ของชาย-หญิง การลองใจ...ไม่เคยมีประโยชน์เท่าการพูดจากันดีๆศุขวงศ์คงลืมคิด...ยิ่งเห็นเมียเขาพูดจาคล้ายประชดประชัน ปากอย่างและใจคงอีกอย่างแบบนี้..แววตาและรอยยิ้มติดที่มุมปากคล้ายจะสมใจนัก ...แม้นเมืองคงมีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ
น้องหึงพี่...เรื่องละอองคำใช่ไหม...คำถามที่เหมือนจะนั่งอยู่กลางใจ..หากเจ้าตัวไม่กล้ายอมรับ จึงได้แต่ข่มใจอธิบายไปอย่างขมขื่นว่า..นอกจากจะรู้ตัวว่ามาทีหลังแล้ว..ยังรู้ตัวอีกด้วยว่ามาที่นี่ด้วยวิธีไหน! กลแยบยลซ้อนแผนที่เคยตกลงกันว่าจะลืม..แม้นเมืองลืมไม่เคยได้ ยิ่งเรื่องน่าอับอายที่ควรรู้กัน 2 คน หากเคยมีคนที่ 3 เอื้อนเอ่ยถึงจะไม่ให้เธอโกรธได้อย่างไร
แม้นเมืองจากไปอย่างทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้ให้เขา..ที่ทำไปทั้งหมดนี่...ยังไม่ใช่เพราะว่ารักอีกหรือ...การขอร้องให้เธอลืม..เพราะอยากใช้ชีวิตคู่ที่ไม่มีกำแพงกั้น...การขอร้องให้เธอไม่จำ..เพราะต้องการหัวใจรักอย่างผู้ชายประสงค์ต่อหญิงสาว หาใช่งานต่อเมืองที่ทำสำเร็จลุล่วง...อ่อนใจกับความแปรปรวนของอารมณ์ผู้หญิงเสียจริง..หนังสืออย่างแม้นเมือง..อ่านเท่าไหร่ ไม่เคยจบ
การรื้อเรือนรับรองบนภูผาเมืองลงมาสร้างใหม่ใกล้ๆคุ้ม คงทำให้อินทรคันปากยิบๆจนอยากบอกความจริงต่อเจ้าแม้นเมืองและคนทั้งคุ้ม หากเป็นเจ้าน้อยที่สั่งให้ปิดปากเงียบ..เก็บงำความลับที่ต้องการทำให้ชายาของเขาประหลาดใจ ผู้ชายคงคิดน้อยไปจริงๆ...คำพูดคาดเดาที่มาที่ไปอย่างไม่รู้ความจริงของบริวารที่พูดให้เข้าหู กลับทำให้แม้นเมืองสะดุดใจ ขนาดเด็กละอ่อนอย่างคำแก้วยังมองออก คงจะเป็นจริงตามนั้น..เรือนหลังใหม่ที่กำลังถูกสร้างคงเป็นเรือนหอของใครอีกคน
วันทั้งวันของเขาคงไม่ต้องทำงานทำการกันล่ะ..หากวันนี้ยังง้องอนเธอไม่สำเร็จ...ในเมื่อพูดตรงๆก็แล้ว...พูดลองใจก็แล้ว...หรือท่าผู้หญิงจะชอบของขวัญ...น้ำปรุงฝรั่งที่เพิ่งได้มาหยกๆจากพ่อค้าจึงถูกนำมาเป็นตัวช่วย แต่เมียเขากลับไม่อินังขังขอบ..แสดงออกว่าชื่นชอบของขวัญชิ้นนี้เลยสักนิด แถมยังปัดให้เขาเอาไปให้ญาติสาวอีกเสียนี่.. คำพูดเยี่ยงคนเจียมตัว..แต่แฝงไปด้วยความน้อยใจ ที่รับรู้ถึงการย้ายเรือนรับรองลงมาสร้างใหม่เพื่อรอรับใครใหม่คนนั้น...ผู้ชายฉลาดอย่างศุขวงศ์คงเขลาเกินไปที่จะรับรู้...แทนที่จะอธิบาย...เขากลับนิ่งเฉย...เฉยคล้ายยอมรับว่าสิ่งที่แม้นเมืองคิดเป็นความจริง....ลองใจอีกแล้ว
การเยินยอถึงวัฒนธรรมผ้าอาภรณ์ของถิ่นเกิดอย่างเชียงเงินจากเจ้าละอองคำมากจนดูจะเกินพอดีไปนิด และคำพูดคล้ายวาทะทางการทูตที่เขาใช้...หากวัฒนธรรม สองถิ่นฐานจากเชียงเงินและเชียงพระคำไหลรวมกันอยู่ตรงกลางได้ คงน่ายินดีนัก....คล้ายจะบอกว่า...เขายินดีรับหมด
คำขออีกครั้งของเจ้าละอองคำ..ที่แฝงไปด้วยนัยยะซ่อนเร้นบางอย่างที่แม้นเมืองรู้สึกได้...ขอแบ่งนุ่งซิ่นเชียงพระคำสามวัน แลนุ่งซิ่นเชียงเงินสี่วัน...แบ่งผ้า...หรือแบ่งสามี...แม้นเมืองไม่อาจรู้ความจริงใจที่ซุกซ่อนไว้ได้ และการนิ่งไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธของเจ้าน้อย กลับทำให้แม้นเมืองคิดไปแล้วว่า..เขายอมรับมันอย่างเต็มหัวใจ คนฉลาดที่ใช้วาทศิลป์ทำงานอย่างเขา ไฉนเลยจะไม่รู้ความนัยนี้...
ต่อให้เข้มแข็งปานใด..ผู้หญิงก็ยังคิดเล็กคิดน้อยได้เสมอ..หากเรื่องนี้ใหญ่นัก..แม้นเมืองไม่รู้จะจัดการกับกับดักความรู้สึกนี้อย่างไรดี คงมีแต่เขียนจันทร์ บริวารที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ ที่เข้าใจหัวอกของเธอดีอย่างคนใช้ชีวิตคู่มานาน บ้าน...หากเงียบงันใส่กัน ก็เหมือนร้อนเป็นไฟ อย่างไรก็ไม่มีความสุขได้ การมีลูกคงไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา หากเขาไม่รักวันนี้ ...อย่างไรก็คงไม่รัก ลูกคงเป็นโซ่ทองคล้องใจไม่ได้อย่างที่เขียนจันทร์ว่าหรอก...หากใจเขาไม่อยู่...อย่างไรก็ไม่อยู่
แม้นเมืองพูดเองเออเองทุกอย่าง..วาจาอัดอั้นอย่างคนที่แบกซึ่งความกดดันของคำสัตย์ที่เคยสาบานกับน้องสาวที่รักอย่างมิ่งหล้า ไม่ว่าจะเรื่องละอองคำหรือมิ่งหล้า..ไม่เคยอยู่ในส่วนลึกของใจเขาได้เลย...หากสิ่งที่ศุขวงศ์ไม่เคยเอ่ย...แม้นเมืองไม่เคยแทนที่ใคร...ที่ข้างกายเขาต้องเป็นแม้นเมืองคนเดียวเท่านั้น เพราะไม่เคยบอกไง...จึงต้องสงสัยต่อไปว่า.. ทำไมความรักทั้งหมดที่เขาแสดงออก เธอถึงไม่เคยรับรู้หรือเข้าใจกันสักที... คงเป็นความเขลาของผู้ชาย เขาไม่เคยรักใคร...วิธีรับมือกับอาการน้อยใจของผู้หญิงยากนัก แทนที่จะอธิบายให้สิ้นความ เขากลับพูดอะไรไม่ออก จนพาลให้แม้นเมืองคิดนึกเอาเองว่าสิ่งที่ตัวพูดอย่างอัดอั้นไปทั้งหมดนั้นคือความจริง
กับดักนี้ที่แม้นเมืองตกหลุมพราง..กับดักที่เกิดจากใจตัวเองทั้งสิ้น เพียงระลึกไปถึงที่มาที่ไปของการอยู่ที่นี่..ที่ที่น้องสาวผู้ถูกเธอทรยศหักหลังควรอยู่ หากกลับเป็นเธอที่ได้มันมา จึงต้องอยู่ในสภาวะหวานอมขมกลืนเยี่ยงนี้.... คำหวานที่เขาเคยบอก คำสรรเสริญให้คุณค่าต่อหน้าผู้อื่น คงเป็นภาพลวงตา นี่คงเป็นทุกข์ที่เกิดจากสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมด ผลพวงจากคำสาบานที่บิดเบี้ยว ทุกข์ที่ใจต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้...