คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
การเกิดสัญญานั้นมีหลักกฎหมายทั่วไปว่า
“เมื่อการเสนอ และสนองต้องตรงกัน สัญญาจึงเกิด”
หมายความว่า คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งยื่นคำเสนอสัญญา
และ คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งยื่นคำสนองตอบรับคำเสนอ
สัญญาก็จะเกิดขึ้น
สัญญาซื้อขายก็เช่นกัน
สินค้าที่วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต
เป็นคำเชิญชวนให้มาซื้อสินค้า
การที่ผู้ซื้อ หยิบสินค้าที่วางขายนั้นออกจากชั้นวาง(เพื่อนำไปชำระราคา) จึงเป็นการเสนอ(ทำสัญญา)ที่จะซื้อสินค้านั้น
เมื่อผู้ซื้อ นำสินค้านั้นไปชำระราคาที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน และพนักงานของซุปเปอร์รับชำระราคานั้น
จึงเป็นการสนองสัญญาซื้อขาย
สัญญาซื้อขายจึงเกิดในช่วงนี้
คู่สัญญาจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาซื้อขาย คือ ฝ่ายผู้ขายส่งมอบสินค้า ฝ่ายผู้ซื้อชำระราคา
---------
ประเด็นที่ จขกท. ถาม แยกเป็น 2 กรณี คือ
1. ขโมยสินค้าจากรถเข็นลูกค้าคนอื่น กับ
2. แกะกล่องของกินของดื่มก่อนจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต
อันไหนผิดข้อหาลักทรัพย์
ตอบ
1. รังนกแท้ ลดราคาจัดโปรโมชั่น เหลือกล่องเดียว กล่องสุดท้าย ลูกค้า A หยิบมาใส่ รถเข็นสำเร็จ แล้ว จากนั้นลูกค้า A ก็เดินไปดูข้าวสาร
ลูกค้า B มาเห็นเข้า ก็แอบขโมย รังนกแท้ ลดราคาจัดโปรโมชั่น กล่องนั้นที่อยู่ในรถเข็นไป ชำระสินค้า และจ่ายเงิน
- รังนกแท้ ที่วางขายใรซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น เป็นคำเชิญชวนให้มาซื้อสินค้า
กรรมสิทธิ์ของรังนกแท้ ยังเป็นของซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่
เพราะ สัญญาซื้อขายยังไม่สมบูรณ์ การชำระราคา และ การส่งมอบสินค้า(โอนกรรมสิทธิ์) ยังไม่เกิด
ลูกค้า A หยิบรังนกแท้มาใส่รถเข็นของตัวเอง เพื่อจะนำไปชำระราคา
แต่ ลูกค้า B มาเห็นเข้า ก็เลยนำรังนกแท้ที่อยู่ในรถเข็นของลูกค้า A ไปชำระราคาก่อน
จึงไม่ใช่การลักทรัพย์ของลูกค้า A
2. แกะกล่องของกินของดื่มก่อนจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต
- ของกิน, เครื่องดื่ม ที่วางขายใรซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น เป็นคำเชิญชวนให้มาซื้อสินค้า
กรรมสิทธิ์ของ ของกิน, เครื่องดื่ม ยังเป็นของซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่
เพราะ สัญญาซื้อขายยังไม่สมบูรณ์ การชำระราคา และ การส่งมอบสินค้า(โอนกรรมสิทธิ์) ยังไม่เกิด
การที่ลูกค้าหยิบ ของกิน, เครื่องดื่ม มาแกะกินก่อนที่จะนำไปชำระราคา
จึงเป็นการ เสนอว่าจะซื้อ ของกิน, เครื่องดื่ม ที่แกะกิน นั้น (เช่นเดียวกันกับการหยิบมาใส่รถเข็น)
เพียงแต่การแกะของกินเครื่องดื่มก่อนการชำระราคา เป็นการกระทำก่อนที่สัญญาซื้อขายจะสมบูรณ์
หากลูกค้าที่แกะของกิน, เครื่องดื่ม ไม่นำสินค้าที่แกะนั้นไปชำระราคา
อาจจะผิดฐานลักทรัพย์หรือทำให้เสียทรัพย์ แล้วแต่กรณี
“เมื่อการเสนอ และสนองต้องตรงกัน สัญญาจึงเกิด”
หมายความว่า คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งยื่นคำเสนอสัญญา
และ คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งยื่นคำสนองตอบรับคำเสนอ
สัญญาก็จะเกิดขึ้น
สัญญาซื้อขายก็เช่นกัน
สินค้าที่วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต
เป็นคำเชิญชวนให้มาซื้อสินค้า
การที่ผู้ซื้อ หยิบสินค้าที่วางขายนั้นออกจากชั้นวาง(เพื่อนำไปชำระราคา) จึงเป็นการเสนอ(ทำสัญญา)ที่จะซื้อสินค้านั้น
เมื่อผู้ซื้อ นำสินค้านั้นไปชำระราคาที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน และพนักงานของซุปเปอร์รับชำระราคานั้น
จึงเป็นการสนองสัญญาซื้อขาย
สัญญาซื้อขายจึงเกิดในช่วงนี้
คู่สัญญาจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาซื้อขาย คือ ฝ่ายผู้ขายส่งมอบสินค้า ฝ่ายผู้ซื้อชำระราคา
---------
ประเด็นที่ จขกท. ถาม แยกเป็น 2 กรณี คือ
1. ขโมยสินค้าจากรถเข็นลูกค้าคนอื่น กับ
2. แกะกล่องของกินของดื่มก่อนจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต
อันไหนผิดข้อหาลักทรัพย์
ตอบ
1. รังนกแท้ ลดราคาจัดโปรโมชั่น เหลือกล่องเดียว กล่องสุดท้าย ลูกค้า A หยิบมาใส่ รถเข็นสำเร็จ แล้ว จากนั้นลูกค้า A ก็เดินไปดูข้าวสาร
ลูกค้า B มาเห็นเข้า ก็แอบขโมย รังนกแท้ ลดราคาจัดโปรโมชั่น กล่องนั้นที่อยู่ในรถเข็นไป ชำระสินค้า และจ่ายเงิน
- รังนกแท้ ที่วางขายใรซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น เป็นคำเชิญชวนให้มาซื้อสินค้า
กรรมสิทธิ์ของรังนกแท้ ยังเป็นของซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่
เพราะ สัญญาซื้อขายยังไม่สมบูรณ์ การชำระราคา และ การส่งมอบสินค้า(โอนกรรมสิทธิ์) ยังไม่เกิด
ลูกค้า A หยิบรังนกแท้มาใส่รถเข็นของตัวเอง เพื่อจะนำไปชำระราคา
แต่ ลูกค้า B มาเห็นเข้า ก็เลยนำรังนกแท้ที่อยู่ในรถเข็นของลูกค้า A ไปชำระราคาก่อน
จึงไม่ใช่การลักทรัพย์ของลูกค้า A
2. แกะกล่องของกินของดื่มก่อนจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต
- ของกิน, เครื่องดื่ม ที่วางขายใรซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น เป็นคำเชิญชวนให้มาซื้อสินค้า
กรรมสิทธิ์ของ ของกิน, เครื่องดื่ม ยังเป็นของซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่
เพราะ สัญญาซื้อขายยังไม่สมบูรณ์ การชำระราคา และ การส่งมอบสินค้า(โอนกรรมสิทธิ์) ยังไม่เกิด
การที่ลูกค้าหยิบ ของกิน, เครื่องดื่ม มาแกะกินก่อนที่จะนำไปชำระราคา
จึงเป็นการ เสนอว่าจะซื้อ ของกิน, เครื่องดื่ม ที่แกะกิน นั้น (เช่นเดียวกันกับการหยิบมาใส่รถเข็น)
เพียงแต่การแกะของกินเครื่องดื่มก่อนการชำระราคา เป็นการกระทำก่อนที่สัญญาซื้อขายจะสมบูรณ์
หากลูกค้าที่แกะของกิน, เครื่องดื่ม ไม่นำสินค้าที่แกะนั้นไปชำระราคา
อาจจะผิดฐานลักทรัพย์หรือทำให้เสียทรัพย์ แล้วแต่กรณี
แสดงความคิดเห็น
ขโมยสินค้าจากรถเข็นลูกค้าคนอื่น กับ แกะกล่องของกินของดื่มก่อนจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต อันไหนผิดข้อหาลักทรัพย์
ลูกค้า B มาเห็นเข้า ก็แอบขโมย รังนกแท้ ลดราคาจัดโปรโมชั่น กล่องนั้นที่อยู่ในรถเข็นไป ชำระสินค้า และจ่ายเงิน
ดังนั้น ถ้าขโมยสินค้าจากรถเข็นลูกค้าคนอื่นที่คนอื่นยังไม่ชำระค่าสินค้าแล้วขโมยไปชำระค่าสินค้า
ถ้ากรณีแบบนี้ ถูกตัดสินว่าขโมย ผิดข้อหาลักทรัพย์
การ แกะกล่องของกินของดื่มก่อนจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต จะไม่ผิดข้อหาลักทรัพย์
แต่ถ้าขโมยสินค้าจากรถเข็นลูกค้าคนอื่นที่คนอื่นยังไม่ชำระค่าสินค้าแล้วขโมยไปชำระค่าสินค้า
ถ้ากรณีแบบนี้ ถูกตัดสินว่าไม่ใช่ขโมย ไม่ผิดข้อหาลักทรัพย์
การ แกะกล่องของกินของดื่มก่อนจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต จะผิดข้อหาลักทรัพย์
จริงมั้ย