ทีมสืบสวน ตำรวจภาค 9 ร่วมหน่วยพื้นที่ ติดตามคดีเหตุระเบิด อ.สายบุรี ตั้ง 2 ชุดปฏิบัติการหาหลักฐานไล่ล่าคนร้าย

ทีมสืบสวน ตำรวจภาค 9 ร่วมหน่วยพื้นที่ ติดตามคดีเหตุระเบิด อ.สายบุรี ตั้ง 2 ชุดปฏิบัติการหาหลักฐานไล่ล่าคนร้าย


เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ รักษาการ ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา รักษาการรอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.อาคม สายสมัย รักษาการ ผบก.สส.จชต., พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี พร้อมผู้บังคับบัญชาหน่วยทหาร ตำรวจในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเร่งรัดคดีคนร้ายลอบวางระเบิดทหารพราน ฉก.หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 44 เสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บ 6 ราย เหตุเกิดบนถนนสายเก่า สาย 42 ม.1 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อ 22 กันยายนที่ผ่านมา

โดยที่ประชุมมีการสรุปผลการดำเนินการด้านคดี และมีการสั่งเร่งรัดหาเบาะแสนำไปสู่การระบุกลุ่ม ติดตามจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุให้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงได้มีการปรับแผนการดำเนินการด้านต่างๆ ให้มีความเข้มข้นและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการกำหนดเป็นคำสั่งการให้กำลังจากหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังร่วมเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษร่วม แบ่งการทำงานเป็น 2 ชุด โดยชุดที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบติดตามหาร่องรอยเบาะแสต่างๆ ที่คาดจะพบเพิ่ม จากการระดมกำลังร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ปูพรมค้นหาหลักฐานแวดล้อมต่างๆ เป็นวันที่ 2 ให้เพิ่มการขยายพื้นที่ไกลออกไปจากกำหนดการค้นหาในวันแรก เพราะมีความสำคัญต้องนำเอาหลักฐานที่พบมาช่วยยืนยันเป็นหลักฐานเสริมส่วนที่ได้มาจากการแจ้งข้อมูลข่าวสารของชาวบ้าน และจากหลักฐานการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษ ล่าสุดมีรายงานของชุดสืบสวนพบเบาะแสความเชื่อมโยงของกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในครั้งนี้แล้วประมาณ 6-7 คน

ชุดที่ 2 ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนฝ่ายตำรวจ ชุดการข่าวกรองทางทหาร ชุดนิติวิทยาศาสตร์ ชุดตรวจพิสูจน์หลักฐานและชุดดีเอสไอ มีหน้าที่ดำเนินกรรมวิธีทางคดีรูปแบบเชิงรุก เพื่อให้คดีมีความคืบหน้ารวดเร็วขึ้น ด้วยการใช้กรรมวิธีจากผลการซักถามขยายผล 2 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวได้ในวันเกิดเหตุ โดยได้มีการนำตัวไปตรวจค้นบ้านพักในพื้นที่เขตเทศบาลตะลุบัน อ.สายบุรี และ 1 ในผู้ต้องสงสัยนั้นยืนยันจากฐานข้อมูลมีประวัติเคยถูกต้องสงสัยว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบระดับแกนนำสั่งการและปฏิบัติ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญช่วยให้คดีมีความคืบหน้าที่รวดเร็วขึ้น โดยผลการปฏิบัติของฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังคงไม่เป็นที่เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกแก่สื่อมวลชน แต่ในรายงานนำเสนอผลการปฏิบัติและคืบหน้าทางคดีต่อผู้บังคับบัญชาในที่ประชุมระบุคดีมีความคืบหน้าไปมากอย่างรวดเร็ว คาดจะสามารถเชิญตัวผู้ต้องสงสัยสอบเพิ่มใน 2-3 วันนี้ โดยได้ขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานทำการพิสูจน์ทราบอย่างแน่ชัดอีกครั้ง


ขณะที่ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวกำชับแก่กำลังพลจากหน่วยต่างๆ ที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ว่า กำลังพลทุกนายจะต้องไม่มีความรู้สึกล้างแค้นเจ็บแค้น เพราะทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนร้าย คนก่อเหตุก็เป็นคนไทยด้วยกัน ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ในการจับกุมมาดำเนินตามกกหมายเท่านั้น เพราะอย่างไรเขาอาจเป็นเพียงผู้กำลังหลงผิด และสามารถให้อภัยด้วยการให้กลับตัวกลับใจได้แม้จะเคยทำอะไรร้ายๆ กับฝ่ายเจ้าหน้าที่มามากมายก็ตาม เราจะต้องให้อภัยบนพื้นฐานของความรัก ความผูกพัน ของความเป็นประชาชนคนไทยด้วยกัน นี้คือหน้าที่ของพวกเรา การจับกุมจะต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานพยานที่ชัดเจนเท่านั้น และการใช้อำนาจที่มีอยู่นั้นก็เพื่อการอำนวยความสะดวกต่อการปฏิบัติงานเท่านั้น มิใช่เพื่อนำไปกลั่นแกล้งรังแก หรือเอาความรู้สึกส่วนตัวมาประกอบ ฉะนั้นเชื่อว่าทุกคนที่มายืนอยู่ในที่นี้ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน

https://www.matichon.co.th/news/674302
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่