[SR] - TAIWAN - ล่าโลมา คายัค และดูดาวตกริมทะเล กับ Olympus OMD EM10 mark III


ไต้หวันครั้งนี้ดูสดใสเป็นพิเศษ ธรรมชาติน้ำๆ ฟ้าๆ แถมอากาศก็เป็นใจเพราะไต้ฝุ่นเพิ่งผ่านไปพอดี เราเลือกเที่ยวแต่ฝั่งตะวันออกของไต้หวันด้านที่ติดกับแปซิฟิค ทั้งไปล่าโลมา คายัคในมหาสมุทร ดูดาวตกริมทะเล และเดินเล่นในหุบเขาหินอ่อนดูธารน้ำสีเทอร์ควอยซ์ โดยเอากล้องตัวใหม่ล่าสุดจาก Olympus ไปลองเล่นด้วย นั่นคือ OM-D E-M10 mark III


อะไรบางอย่างในทริปนี้ทำให้เรานึกถึงสวิตเซอร์แลนด์ ไม่รู้เพราะสีน้ำ ความเงียบ หรือภูเขายอดขาวกันแน่ จะต่างก็แค่ขาวด้วยเมฆไม่ใช่หิมะ..
เราเที่ยว 5 วันแบบเนิบๆ แต่เชื่อว่าทั้งหมดนี้สามารถจบได้ใน 3-4 วันนะ

       1. ล่าโลมา ตามหาวาฬ : coast of hualien
       2. คายัคในมหาสมุทร : qingshui cliff
       3. ดูดาวตกริมทะเล : qixingtan beach
       4. หุบเขาหินอ่อนและธารน้ำสีเทอร์ควอยซ์ : taroko national park
       5. ตลาดของอร่อย : hualien night market
       6. ขึ้นเขาวิวไทเป : xiangshan mountain

Olympus O-MD E-M10 mark III
ตัวเดียวตลอดทริป ขอบคุณโอลิมปัสที่ให้ยืมไปลอง ตัวเก่าเราเจ๊งเมื่อไหร่ เจอตัวนี้แน่นอน!
เดี๋ยวจะแทรกเรื่องกล้องไปกับเรื่องเที่ยวด้วยเลย ใครที่อยากรู้ว่ากล้องตัวนี้เหมาะกับตัวเองมั้ย มีข้อดี ข้อเสียยังไง ตามไปดูท้ายรีวิวได้เลย ทางลัด >> https://pantip.com/topic/36903001/comment2 พูดในฐานะคนที่ใช้กล้องเพื่อถ่ายเล่นสนุกๆตอนไปเที่ยวนะ






1. ล่าโลมา ตามหาวาฬ : coast of hualien
น่าจะถูกใจคนที่รักเจ้าโลมาและวาฬ เวลาได้เห็นมันว่ายอย่างอิสระในมหาสมุทร ถึงแม้มองจากบนเรือจะเห็นครีบโลมาใหญ่กว่าปลากะพงจิ๊ดนึงก็ตาม หยวนๆค่ะ ไว้ไปซูมในคอมต่อเอง 55 ช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกเรือไปตามล่าโลมาคือ มิถุนา-กันยา เนื่องจากเป็นช่วงที่ประชากรโลมาจะล้นหลามสุดๆ ส่วนวาฬต้องปล่อยไปตามดวง ค่าล่องเรือโลมาที่ไต้หวันค่อนข้างเป็นมิตร คนละไม่ถึงพันบาท ไม่โหดร้ายแบบที่นิวซีแลนด์อะไรเทือกนั้น เรือโลมาจะมีที่ hualien และ yilan คือตามชายฝั่งด้านขวาของไต้หวัน ด้านที่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิคนั่นแหละ เราเลือกมา hualien เพราะจะได้เที่ยวจุดหมายอื่นๆในทริปต่อได้เลย
เราเลือกไปดูโลมาตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะคิดเอาเองว่า เช้าๆโลมาน่าจะยังคึกคักอยู่ เย็นๆกลัวมันเพลียไม่ยอมโดดโชว์
หลังจากนั่งดูสารคดีเรื่องโลมาและวาฬอยู่เกือบชั่วโมงก็ถึงเวลาลงเรือ เรือแล่นออกจากฝั่งไปนาน กวาดตาไปไกลๆก็จะเริ่มเห็นครีบแหลมอยู่ลิบๆ ถ้าไม่ได้นั่งอยู่บนเรือโลมา อาจคิดว่านั่นคือฝูงฉลามที่ว่ายโชว์ครีบ เจอหลายฝูงอยู่นะ แต่ไม่มีตัวไหนโดดโชว์หรือว่ายแข่งกับเรือเหมือนในหนังที่เค้าเปิดให้ดูเลย เรียกว่าไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองด้วยซ้ำ ไอ้ที่คิดว่าเช้าๆโลมาน่าจะคึกก็พิสูจน์ได้แล้วว่าคิดไปเองล้วนๆ เรือจะไม่เข้าไปใกล้พวกมันเกินไป เราซูมสุดพลังเลนส์คิท ครีบโลมาก็ยังไม่ได้ใหญ่ไปกว่าปลากะพงซักเท่าไหร่ ถ้ามีโอกาสอีกครั้งจะพกเทเลไปด้วยแน่นอน






2. คายัคในมหาสมุทร : qingshui cliff
จริงๆการไปคายัคไม่ได้อยู่ในแผน มันเกิดจากการที่เราอยากไป qingshui cliff มาก ชายฝั่งสูงที่มองลงไปจะเห็นน้ำทะเลสีฟ้าซัดเข้าหน้าผา สวยขนาดได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 8 สิ่งมหัศจรรย์ของไต้หวัน น่าเสียดายที่ไม่มีรถสาธารณะผ่าน ถ้าไม่เหมาแท๊กซี่ก็ต้องเดิน โหดทั้งคู่ ด้วยระยะทาง 14 กิโลเมตรที่แท๊กซี่จะเรียกราคา 700 - 1000 twd กับการเดินบนไฮเวย์ผ่านอุโมงค์มืดๆที่เจาะทะลุภูเขา

สุดท้ายไม่เลือกซักทาง ดูวิวจากด้านบนไม่ได้ งั้นก็ไปล่างผาดีกว่า เรายืนรอโคชกคายัคตรงจุดที่เค้าส่งเมลภาษาจีนมาบอก หลังจากเอาข้อความนัดแนะไปใส่ google translate ก็ได้ความว่าต้องไปยืนรอที่หน้าร้านอาหาร “หลินแม่ปอกเปลือกพริกไทยสัญญาณ” รออยู่เป็นชั่วโมงจนเจ้าของร้านที่น่าจะเป็นมาม่าหลินเดินเข้ามาชวนคุย มาม่าถามว่าทำไมมาคนเดียวล่ะ คุณไม่มีเพื่อนหรอ 55555 แล้วมาม่าก็เดินไปหาแก๊งสาวๆที่อยู่แถวนั้น ไปคุยและชี้ๆมาทางเรา บอกให้แก๊งนั้นเข้ามาชวนเราคุยบ้าง มาเอาเราไปเป็นเพื่อนหน่อย 55555

ที่แท้สาวๆจากฮ่องกงแก๊งนั้นก็คือผู้ร่วมทริปคายัคของเรานั่นเอง รวมกับโคชไกด์คายัคอีก 2 คน ที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ
--- (14-42mm 1/3200 f/3.5 iso200)

ชายหาดว่างโล่งไร้นักท่องเที่ยว เราเลือกมาคายัคตอนบ่าย กะว่าแดดแรงๆน่าจะทำให้น้ำในมหาสมุทรเป็นสีน้ำเงินสวย ซึ่งก็เป็นจริงๆเวลาที่เรามองออกไปจากฝั่ง น้ำเป็นสีน้ำเงิน แต่มองย้อนกลับเข้าฝั่งกลับเห็นน้ำเป็นสีเทอร์ควอยซ์
--- (14-42mm 1/1600 f/3.5 iso200)

ส่วนตัวชอบคายัคและแอบคิดว่าตัวเองก็พายไม่เลว จนได้มาลองคายัคที่นี่ 55 รักกว่าเดิม ยิ่งตอนที่พายออกจากฝั่งแล้วเจอคลื่นสูงท่วมหัว เรือทั้งลำมุดเข้าไปในคลื่น ตู้มๆๆ กว่าจะออกไปไกลฝั่งได้ก็เปียกซ่ก สนุกกว่าการคายัคแบบตัวแห้งเยอะ!
--- (14-42mm 1/2500 f/3.5 iso200)

พายได้ชั่วโมงกว่าๆ พวกเราก็ตัดสินใจที่จะหยุดพักลงเล่นน้ำ สระว่ายน้ำใสๆใหญ่ยักษ์รออยู่ใต้เรือเรานี่เอง
--- (14-42mm 1/640 f/5.5 iso200)

เค้าเรียกแถบนี้ว่ามหาสมุทร ไม่ใช่ทะเล น้ำใสแต่ไม่เห็นปลาซักตัว เห็นแต่แมงกะพรุนตัวกลมๆเล็กๆลอยเคว้งอยู่
หาดหินที่นี่ค่อนข้างชัน ยิ่งจุดที่ลาดลงน้ำยิ่งชันจนทำให้น้ำลึกตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินลง
--- (14-42mm 1/800 f/5.6 iso200)

คลื่นลอนใหญ่ซัดคายัคให้โยกขึ้นลงตลอดเวลา มันทำให้สาวฮ่องกงที่พายคู่กับเราเมา เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินเมาคายัคเนี่ยแหละ เค้าบอกเค้าไม่ไหวแล้ว มาช่วยกันจ้วงกลับเข้าฝั่งกันเถอะ คายัคลำนี้เลยติดสปีดจ้วงกันเต็มที่ยทิ้งห่างทุกคนมาไกลจนไม่เห็นลำอื่นๆในฝูงอีกแล้ว คลื่นที่แรงส่งให้คายัคเราเกือบขึ้นผิดหาด กว่าจะรู้ตัวพายออกมาใหม่ สาวฮ่องกงที่นั่งอยู่หัวเรือก็ชะโงกหน้าออกไปอาเจียนอยู่หลายที แล้วคลื่นก็ซัดสิ่งนั้นกลับมาหาเราที่นั่งในตอนหลัง
--- (14-42mm 1/2000 f/5.6 iso200)






3. ดูดาวตกริมทะเล : qixingtan beach
พยากรณ์บอกว่าคืนนี้ฟ้าใส เลยว่าจะออกไปดูดาวริมทะเลซะหน่อย การมาหาดตอนกลางวันไม่ยาก นั่งบัส 15 นาทีก็ถึง แต่บัสดันวิ่งถึงแค่ 5 โมงเย็น ทางเลือกของคนดูดาวที่โฮสเทลแนะนำเลยเหลือแค่ ปั่นจักรยาน ไม่ก็เดินไปกลับ 12 โล เราเชื่อว่าต้องมีวิธีง่ายกว่านั้นเลยลองกางแผนที่ดูใหม่ แล้วก็เห็นว่าทางเหนือของหาดอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเล็กๆ ไม่มีใครพูดถึงวิธีนี้ อาจเพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะไปตอนใต้ของหาดซึ่งอยู่ใกล้เมืองฮัวเหลียนมากกว่า ไม่มีใครไปไม่เป็นไร เราลองเองเลยละกัน 5 นาทีรถไฟก็มาถึง beipu station โชคดีเจอ obike จอดอยู่หน้าสถานีคันนึงพอดี ดีใจมาก รีบสแกนบาร์โคดบนจักรยานแล้วปั่นยาวจนถึงหาด เปิดแอพดูอีกทีก็เห็นว่าแถวนี้ไม่มีจักรยานคันอื่นเลยนอกจากของเรา ด้วยความที่กลัวว่าขากลับจะมีคนชิงจักรยานคันนี้ไป เลยตัดสินใจแบกมันขึ้นบันไดไปจุดชมวิวด้วยซะเลย 5555 บ้าไปแล้ว แต่ต้องทำ เพราะถ้าให้เดินกลับมืดๆเปลี่ยวๆผ่านทุ่งนาและค่ายทหาร เราคงตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายแน่เลย คืนนึงมีรถไฟรอบเดียวเอง
กว่าจะมาถึงหาดพระอาทิตย์ก็ตกพอดี ยิ่งมืดคนยิ่งเยอะ คนท้องถิ่นทั้งนั้นแหละ มาปิคนิคและมานั่งตกปลา รูปนี้เปิด auto iso เพราะกล้องเคลมว่าเค้ามั่นใจเรื่องกันเบลอกันสั่นมาก auto iso ก็กล้าดันให้ถึง 6400 แต่ตอนใช้จริงส่วนใหญ่จะวิ่งอยู่แค่ 2000
--- (25mm 1/60 f/5.6 autoiso 2000)

ชาวบ้านนั่งเรียงหน้ากระดานตกปลากันอยู่ ดูจุดเขียวๆจากปลายเบ็ดที่ปักเรียงกันไปบนหาดได้ ตกกันมืดๆนั่นแหละ อยากรู้เหมือนกันว่าปลาริมหาดแบบนี้จะตัวแค่ไหน
--- (25mm 60" f/4.5 iso500)

คืนนี้ได้รูปดาวหมุนๆกับเค้าด้วย! เขียวๆบนฟ้าคือดาวที่ค่อยๆเคลื่อนที่ไปทีละนิด และถ้ามองดีๆจะเห็นเส้นบางๆที่ตัดไปตัดมาบนท้องฟ้า นั่นคือดาวตกนั่นเอง ส่วนเส้นส้มๆที่เหมือนเลเซอร์ เราก็สงสัยเหมือนกันว่าคืออะไร น่าจะเครื่องบิน?
live composite ทำให้ใครก็ถ่ายดาวหมุนได้ มันบังคับสปีดชัตเตอร์ไว้ที่ 2 วิสำหรับการเก็บบรรยากาศโดยรอบผ่านการกดชัตเตอร์ครั้งแรก หลังจากนั้นจะถ่ายทีละ 2 วิไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บเฉพาะแสงใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ตำแหน่งดาวค่อยๆเคลื่อน เราทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีมั้ง เห็นดาวยาวพอแล้วก็กดหยุด
--- (25mm live composite 2" f/1.8 iso800)

ชอบตัวเรืองแสงจากคันเบ็ดของคนตกปลาเหวี่ยงไปเหวี่ยงมากลายเป็นเส้นขยุกขยุยโผล่เข้ามาในรูป แปลกดี แต่ที่ไม่ชอบคือคนตกปลาชอบสงสัยว่าเราทำอะไร แล้วหันมามองพร้อมกับไฟฉายบนหัว เลยได้รูปที่มีแสงวาบแบบนี้เต็มเลย
--- (25mm live composite 2" f/1.8 iso800)

ถ่ายดาวเพลินๆ ดูนาฬิกาอีกที อ้าว อีก 20 นาทีรถไฟขบวนสุดท้ายจะออกแล้ว เรารีบวิ่งขึ้นบันไดไปเอาจักรยานที่แอบไว้ แบกลงมาได้ซักพักก็เกิดความคิดว่าปั่นลงบันไดไปเลยดีกว่า เอาเร็วๆ 5555 บ้าบออะไรไม่รู้ สุดท้ายก็ล้มกลิ้งลงมาพร้อมจักรยาน กางเกงขาดและเลือดชุ่มเข่า ไม่เหลือเวลาให้สำรวจแผลแล้ว ต้องรีบปั่นต่อ จักรยานยางแบนแถมต้องปั่นขึ้นเนิน เหนื่อยมาก เมืองเงียบเหมือนทุกคนหลับกันหมด เจอแค่ค่ายทหารที่มีทหารยืนถือปืนและด่านตำรวจ ใจอยากจะเข้าไปขอความช่วยเหลือสุดๆ ส่งหนูที่สถานีที

สุดท้ายก็ถึงสถานีก่อนรถไฟออก 2 นาที! ..พร้อมเข่าที่โชกเลือด
ชื่อสินค้า:   ประเทศไต้หวัน, Olympus OM-D E-M10 mark III
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่