cr รูป :
https://www.facebook.com/parfumsdusita/
ช่างพอเหมาะพอเจาะกับช่วงนวราตรีพอดีพอดิบ
ที่คุณพลอยเจ้าของแบรนด์น้ำหอมนีช Parfums Dusita ได้เปิดตัวน้ำหอมกลิ่นใหม่ในงานเทศกาลน้ำหอม Pitti Fragranze 2017 ณ เมือง
ฟลอเรนซ์ ชื่อว่า Fleur de Lalita โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากพี่หมิว ลลิตา ปัญโญภาส !!!
cr.รูป
http://mediastudio.co.th/2017/03/19/129220/
อิอิ ล้อเล่นค่ะ แม้พี่หมิวจะเป็นดาราที่เราชอบมาตั้งแต่ยังสาวๆ (บ่งบอกวัยมากๆ) แต่พี่หมิวก็ไม่ได้เป็น Muse หรือที่มาของแรงบันดาลใจของกลิ่นหอมดอกนะคะ
แต่เป็นเทวีลลิตา ( श्री ललितासहस्त्रनामस्तोत्रम् ) เทพีแห่งความสุข และ เป็นเทพีผู้ซึ่งลีลา ( Goddess of bliss , She who plays) ต่างหาก ช่างพอเหมาะพอเจาะกับช่วงนวราตรีเสียนี่กระไร ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเจ้าของแบรนด์ยึดเรื่องฤกษ์หรือไม่
cr รูป
https://hinduism.stackexchange.com/questions/3223/why-does-lalitha-devi-sit-on-shiva
ชื่อ Fleur de Lalita แปลได้ว่า ดอกไม้แห่งเทวีลลิตา และในบางนัยยะก็อาจจะแปลได้ว่ายันต์ของพระนางลลิตาก็ได้ แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่า เฟลอ และ อิงความเป็นอินเดียขนาดนี้ กลิ่นจึงน่าจะมาแนว ฟลอรัล โอเรียนทัล หวานหยาดเยิ้มและงามสง่า
โน้ตมีดังนี้ค่ะ
Notes: Magnolia absolute, Indian Tuberoses, Jasmine Grandiflora absolute, Jasmine Sambac absolute, vanilla absolute, galbanum absolute, ambrette seeds and tonka.
หนักไปทางฟลอรัลดอกไม้ขาวไหว้เทพเทพี มูเตลูเบาๆ ขาดแต่พวกกลิ่นธูปหอม กำยานเท่านั้นก็จะลงทรงได้แล้ว
แต่การเขียนครั้งนี้ก็คงไม่ได้เขียนเพื่อรีวิวเนาะ เพราะนี่ก็ไม่เคยดม เอาเป็นว่าเรามาวิเคราะห์กันดีกว่าว่าคุณพลอยได้แรงบันดาลใจจากอะไร ทำไมถึงได้ใช้ชื่อนี้
เพื่อเป็นทำให้ดูเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย เราจึงควรรู้จักกับเรื่องเล่าตำนานของพระแม่ลลิตา เทพีผู้เป็นแรงบันดาลใจของกลิ่นหอมใหม่นี้นะคะ
แฟนๆซีรีย์พระศิวะมหาเทพทางช่อง 8 คงพอรู้ๆกันบ้างว่า ศักติหรือพูดง่ายๆว่าแฟนของพระศิวะนั้นคือพระแม่อุมา แต่กว่าจะมาครองคู่กันได้นั้นต้องผ่านอุปสรรคนานา เล่าสรุปสั้นๆคือ พ่อตาไม่อยากได้พระศิวะมาเป็นเขย เลยกีดกันไม่ให้พระศิวะท่านมางานปาร์ตี้ที่จัดขึ้น เขยคนอื่นๆมาหมด แต่พระศิวะไม่ได้มาเพราะพ่อตาไม่เชิญ พระแม่สตี(แฟนพระศิวะ)เลยเม้ง ถามพ่อตัวเองว่าทำไมไม่เชิญผัวตัวมาร่วมงาน
แซะถามบ่อยเข้าพ่อตาเลยรำคาญ บรรจงด่าว่าพระศิวะเป็นฉากๆว่างั้นบ้าง งี้บ้าง คงปากร้ายน่าดูเพราะด่าว่าพระศิวะจนพระแม่สตีทนไม่ไหวโดดเข้ากองกูณฑ์ประชดซะเลย พระแม่สตีก็ตายในกองไฟนั่นเอง (เป็นที่มาของพิธีสตี และ พิธีแบหลา)
พระศิวะรู้เข้าเลยมาตัดหัวพ่อตาทิ้งลงไปในกองไฟ ซ่อมไม่ได้ แล้วก็บี้บ่อนทำลายงานปาร์ตี้จนเปิดเปิงให้สาแก่พระทัย จึงค่อยแล้วแบกศพพระนางสตีร้องไห้ไปสุดขอบโลก และพระศิวะท่านก็ขอเวลาทำใจด้วยเข้าญาณทำสมาธิดิ่งลึกในภวังค์ไม่ลืมตาขึ้นมาเลยนานแสนนาน
จริงๆถ้าพระศิวะท่านนั่งทางในไปเรื่อยๆก็ไม่มีปัญหานะคะ แต่พอดีมันเกิดอสูรร้ายตัวหนึ่งใครก็ปราบไม่ได้ ต้องเป็นบุตรของพระศิวะเท่านั้นจึงจะปราบอสูรนี้ได้สิ้นซาก
เอาละสิ คราวนี้พระศิวะท่านนั่งทางในไม่ลืมตา เมียท่านก็ตาย (แต่ไปเกิดใหม่แล้ว เป็นพระนางปารวตี) แล้วจะมีลูกได้อย่างไร
พระนางลติตาเลยมามีบทตอนนี้ค่ะ (ยาวเนอะ)
สั้นๆว่าคณะเทพทั้งสวรรค์ก็หาทางปลุกให้พระศิวะท่านตื่นขึ้นมาเพื่อให้เจอและร่วมอภิรมย์กับพระแม่ปารวตีจะได้มีลูกเป็นพระสกันธ์ หรือ พระขันธกุมาร
ด้วยขั้นตอนการปลุกพระศิวะนี่เองทำให้พระนางลติตากำเนิดขึ้น
บ้างก็ว่าพระนางเป็นอีกภาคหนึ่งของพระแม่อุมา บ้างก็ว่าพระนางคือฉายาขององค์พระศิวะเอง บ้างก็ว่าพระนางเป็นความปรารถนาของพระศิวะที่ถูกกดไว้ขณะบำเพ็ญตบะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลทำให้พระนางลลิตานี้มีพระนามหลากหลายถึง 1008 พระนาม เป็นมารดาแห่งสวรรค์
ที่น่าสนใจคือในตำนานเล่ากันว่าพระนางนั้นมีเรือนพระเกศาสีดำขลับ อบอวลไปด้วยกลิ่นของดอกจำปา อโศก และบุนนาค
ผงเจิมหน้าผากของพระนางเป็นกลิ่นมัสค์ พระโอษฐ์ก็ทรงเคี้ยวสลา(หมาก)เจือด้วยพิมเสน และทรงอาภรณ์สีแดงหรือชมพูเท่านั้น
จริงๆคุณพลอยก็คงได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานเหล่านี้บ้างแหละเนาะ ไม่มากก็น้อย
อ่านโน้ตแล้วก็ออกจะธรรมดาๆไปสักหน่อย แต่คุณ Gail Gross บรรณาธิการของเวบ cafleurebon.com กล่าวไว้ว่าเป็นกลิ่นที่ "Every fragrant note in Fleur de Lalita has a lively, focused energy, an intensity of vibration that combines and reforms, changing personalities throughout the life of the perfume"
คือมันดูเป็นกลิ่นที่ไม่นิ่ง มีการขยับเขยื้อนเติบโตของโน้ตตลอดเวลา น่าสนใจมากเลยค่ะ
ส่วนตัวเราชอบน้ำหอมที่มีมิติ ไม่แบน ดมแล้วกลิ่นพัฒนาไปได้เรื่อยๆ เหมือนดอกไม้ที่เริ่มตั้งแต่ตูม ผลิดอก แล้วก็แย้มบานจนร่วงโรยไป กลิ่นไหนเสมอกันตั้งแต่ต้นจนจบก็น่าเบื่อไปสักหน่อย
ก็เป็นอีกกลิ่นที่ต้องไปขวนขวายไปหามาลองเนาะ
cr ข้อมูลต่างๆค่ะ
http://www.cafleurebon.com/parfums-dusita-fleur-de-lalita-pissara-umavijani-2017-new-perfume-review-%E0%A4%AE%E0%A4%BE%E0%A4%B2%E0%A4%A4%E0%A5%80-divine-feminine-draw/
http://www.exoticindiaart.com/.../shri-lalita.../
https://sanskritdocuments.org/.../by-category/doc_devii.php
http://goddesslalithadevi.blogspot.com/.../story-of...
http://goddesslalithadevi.blogspot.com/.../story-of...
http://www.shivashakti.com/tripura.htm
http://www.mother-god.com/lalita.html
https://www.templepurohit.com/goddess-lalitha-and.../
https://hinduism.stackexchange.com/.../why-does-lalitha...
Fleur de Lalita น้ำหอมใหม่จาก Parfums Dusita กลิ่นหอมแห่งพระแม่ลลิตา เทวีแห่งความสุข
cr รูป : https://www.facebook.com/parfumsdusita/
ช่างพอเหมาะพอเจาะกับช่วงนวราตรีพอดีพอดิบ
ที่คุณพลอยเจ้าของแบรนด์น้ำหอมนีช Parfums Dusita ได้เปิดตัวน้ำหอมกลิ่นใหม่ในงานเทศกาลน้ำหอม Pitti Fragranze 2017 ณ เมือง
ฟลอเรนซ์ ชื่อว่า Fleur de Lalita โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากพี่หมิว ลลิตา ปัญโญภาส !!!
cr.รูป http://mediastudio.co.th/2017/03/19/129220/
อิอิ ล้อเล่นค่ะ แม้พี่หมิวจะเป็นดาราที่เราชอบมาตั้งแต่ยังสาวๆ (บ่งบอกวัยมากๆ) แต่พี่หมิวก็ไม่ได้เป็น Muse หรือที่มาของแรงบันดาลใจของกลิ่นหอมดอกนะคะ
แต่เป็นเทวีลลิตา ( श्री ललितासहस्त्रनामस्तोत्रम् ) เทพีแห่งความสุข และ เป็นเทพีผู้ซึ่งลีลา ( Goddess of bliss , She who plays) ต่างหาก ช่างพอเหมาะพอเจาะกับช่วงนวราตรีเสียนี่กระไร ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเจ้าของแบรนด์ยึดเรื่องฤกษ์หรือไม่
cr รูป https://hinduism.stackexchange.com/questions/3223/why-does-lalitha-devi-sit-on-shiva
ชื่อ Fleur de Lalita แปลได้ว่า ดอกไม้แห่งเทวีลลิตา และในบางนัยยะก็อาจจะแปลได้ว่ายันต์ของพระนางลลิตาก็ได้ แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่า เฟลอ และ อิงความเป็นอินเดียขนาดนี้ กลิ่นจึงน่าจะมาแนว ฟลอรัล โอเรียนทัล หวานหยาดเยิ้มและงามสง่า
โน้ตมีดังนี้ค่ะ
Notes: Magnolia absolute, Indian Tuberoses, Jasmine Grandiflora absolute, Jasmine Sambac absolute, vanilla absolute, galbanum absolute, ambrette seeds and tonka.
หนักไปทางฟลอรัลดอกไม้ขาวไหว้เทพเทพี มูเตลูเบาๆ ขาดแต่พวกกลิ่นธูปหอม กำยานเท่านั้นก็จะลงทรงได้แล้ว
แต่การเขียนครั้งนี้ก็คงไม่ได้เขียนเพื่อรีวิวเนาะ เพราะนี่ก็ไม่เคยดม เอาเป็นว่าเรามาวิเคราะห์กันดีกว่าว่าคุณพลอยได้แรงบันดาลใจจากอะไร ทำไมถึงได้ใช้ชื่อนี้
เพื่อเป็นทำให้ดูเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย เราจึงควรรู้จักกับเรื่องเล่าตำนานของพระแม่ลลิตา เทพีผู้เป็นแรงบันดาลใจของกลิ่นหอมใหม่นี้นะคะ
แฟนๆซีรีย์พระศิวะมหาเทพทางช่อง 8 คงพอรู้ๆกันบ้างว่า ศักติหรือพูดง่ายๆว่าแฟนของพระศิวะนั้นคือพระแม่อุมา แต่กว่าจะมาครองคู่กันได้นั้นต้องผ่านอุปสรรคนานา เล่าสรุปสั้นๆคือ พ่อตาไม่อยากได้พระศิวะมาเป็นเขย เลยกีดกันไม่ให้พระศิวะท่านมางานปาร์ตี้ที่จัดขึ้น เขยคนอื่นๆมาหมด แต่พระศิวะไม่ได้มาเพราะพ่อตาไม่เชิญ พระแม่สตี(แฟนพระศิวะ)เลยเม้ง ถามพ่อตัวเองว่าทำไมไม่เชิญผัวตัวมาร่วมงาน
แซะถามบ่อยเข้าพ่อตาเลยรำคาญ บรรจงด่าว่าพระศิวะเป็นฉากๆว่างั้นบ้าง งี้บ้าง คงปากร้ายน่าดูเพราะด่าว่าพระศิวะจนพระแม่สตีทนไม่ไหวโดดเข้ากองกูณฑ์ประชดซะเลย พระแม่สตีก็ตายในกองไฟนั่นเอง (เป็นที่มาของพิธีสตี และ พิธีแบหลา)
พระศิวะรู้เข้าเลยมาตัดหัวพ่อตาทิ้งลงไปในกองไฟ ซ่อมไม่ได้ แล้วก็บี้บ่อนทำลายงานปาร์ตี้จนเปิดเปิงให้สาแก่พระทัย จึงค่อยแล้วแบกศพพระนางสตีร้องไห้ไปสุดขอบโลก และพระศิวะท่านก็ขอเวลาทำใจด้วยเข้าญาณทำสมาธิดิ่งลึกในภวังค์ไม่ลืมตาขึ้นมาเลยนานแสนนาน
จริงๆถ้าพระศิวะท่านนั่งทางในไปเรื่อยๆก็ไม่มีปัญหานะคะ แต่พอดีมันเกิดอสูรร้ายตัวหนึ่งใครก็ปราบไม่ได้ ต้องเป็นบุตรของพระศิวะเท่านั้นจึงจะปราบอสูรนี้ได้สิ้นซาก
เอาละสิ คราวนี้พระศิวะท่านนั่งทางในไม่ลืมตา เมียท่านก็ตาย (แต่ไปเกิดใหม่แล้ว เป็นพระนางปารวตี) แล้วจะมีลูกได้อย่างไร
พระนางลติตาเลยมามีบทตอนนี้ค่ะ (ยาวเนอะ)
สั้นๆว่าคณะเทพทั้งสวรรค์ก็หาทางปลุกให้พระศิวะท่านตื่นขึ้นมาเพื่อให้เจอและร่วมอภิรมย์กับพระแม่ปารวตีจะได้มีลูกเป็นพระสกันธ์ หรือ พระขันธกุมาร
ด้วยขั้นตอนการปลุกพระศิวะนี่เองทำให้พระนางลติตากำเนิดขึ้น
บ้างก็ว่าพระนางเป็นอีกภาคหนึ่งของพระแม่อุมา บ้างก็ว่าพระนางคือฉายาขององค์พระศิวะเอง บ้างก็ว่าพระนางเป็นความปรารถนาของพระศิวะที่ถูกกดไว้ขณะบำเพ็ญตบะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลทำให้พระนางลลิตานี้มีพระนามหลากหลายถึง 1008 พระนาม เป็นมารดาแห่งสวรรค์
ที่น่าสนใจคือในตำนานเล่ากันว่าพระนางนั้นมีเรือนพระเกศาสีดำขลับ อบอวลไปด้วยกลิ่นของดอกจำปา อโศก และบุนนาค
ผงเจิมหน้าผากของพระนางเป็นกลิ่นมัสค์ พระโอษฐ์ก็ทรงเคี้ยวสลา(หมาก)เจือด้วยพิมเสน และทรงอาภรณ์สีแดงหรือชมพูเท่านั้น
จริงๆคุณพลอยก็คงได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานเหล่านี้บ้างแหละเนาะ ไม่มากก็น้อย
อ่านโน้ตแล้วก็ออกจะธรรมดาๆไปสักหน่อย แต่คุณ Gail Gross บรรณาธิการของเวบ cafleurebon.com กล่าวไว้ว่าเป็นกลิ่นที่ "Every fragrant note in Fleur de Lalita has a lively, focused energy, an intensity of vibration that combines and reforms, changing personalities throughout the life of the perfume"
คือมันดูเป็นกลิ่นที่ไม่นิ่ง มีการขยับเขยื้อนเติบโตของโน้ตตลอดเวลา น่าสนใจมากเลยค่ะ
ส่วนตัวเราชอบน้ำหอมที่มีมิติ ไม่แบน ดมแล้วกลิ่นพัฒนาไปได้เรื่อยๆ เหมือนดอกไม้ที่เริ่มตั้งแต่ตูม ผลิดอก แล้วก็แย้มบานจนร่วงโรยไป กลิ่นไหนเสมอกันตั้งแต่ต้นจนจบก็น่าเบื่อไปสักหน่อย
ก็เป็นอีกกลิ่นที่ต้องไปขวนขวายไปหามาลองเนาะ
cr ข้อมูลต่างๆค่ะ
http://www.cafleurebon.com/parfums-dusita-fleur-de-lalita-pissara-umavijani-2017-new-perfume-review-%E0%A4%AE%E0%A4%BE%E0%A4%B2%E0%A4%A4%E0%A5%80-divine-feminine-draw/
http://www.exoticindiaart.com/.../shri-lalita.../
https://sanskritdocuments.org/.../by-category/doc_devii.php
http://goddesslalithadevi.blogspot.com/.../story-of...
http://goddesslalithadevi.blogspot.com/.../story-of...
http://www.shivashakti.com/tripura.htm
http://www.mother-god.com/lalita.html
https://www.templepurohit.com/goddess-lalitha-and.../
https://hinduism.stackexchange.com/.../why-does-lalitha...