ช่วงนี้เห็นคนกำลังฮือฮาเรื่องการใช้เครื่องอ่านบัตรกับรถเมล์ แล้วมันเกิดประเด็นคำถามตามมาหลาย ๆ อย่าง เลยอยากเอาประสบการณ์กับความเห็นมาคุยกันฮะ ถ้าเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร มาถกแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยเหตุผลกันในเมนต์ได้เลยฮะ
ประเด็นแรก ๆ ที่คนแสดงความคิดเห็นกันมากสุดก็คือ
- มันจะทำให้รถเมล์ช้าลงหรือเปล่า? เพราะต้องมารอคนแตะบัตร
อันนี้เดาว่าน่าจะช้าในช่วงแรกครับ ช่วงที่คนยังใช้เหรียญ ใช้เงินสดอยู่ แต่ถ้าต่อไปมีบัตรร่วม (บัตรแมงมุม) แล้ว ก็น่าจะดีขึ้นครับ เผลอ ๆ น่าจะเร็วขึ้นด้วย เพราะแตะอย่างเดียว (หวังว่าจะไม่อ่านช้าเหมือนบีทีเอสนะ)
ซึ่งหลาย ๆ ประเทศก็ทำแบบนี้ฮะ ที่อังกฤษในเมืองแบบลิเวอร์พูลหรือเอดินบะระก็จะเป็นระบบที่ขึ้นรถเมล์ประตูหน้า ลงประตูหน้าเท่านั้น รับทั้งบัตรและเงินสด ซึ่งก็ไม่ได้ช้ามากครับ ของที่เอดินบะระต้องเตรียมเงินให้พอดีเท่านั้นด้วย ไม่ทอน
ความจริงที่ไทยก็มีรถศาลายาลิงก์ของมหิดลทำนะครับ ต้องเตรียมพอดี คนก็โอเคกันนะครับ แต่อย่างว่าแหละ เป็นเพราะจอดรับแค่ที่เดียวด้วย เลยไม่มีปัญหา
ส่วนที่ลอนดอน อันนี้เด็ดครับ เขาบังคับใช้บัตรอย่างเดียว ดังนั้นเร็วมากครับ แตะไป แตะไปเลย มีบ้างที่แตะไม่ผ่านครับ ก็ต้องแก้ปัญหากันไปตามท้องเรื่อง
อ้อ ที่อังกฤษเขารับทั้งบัตรร่วม บัตรเครดิต (Contactless payment) รวมถึงพวกแอพ Android Pay, Apple Pay ด้วยนะครับ เลยสะดวก
- แล้วคนไม่แตะล่ะ จะทำไง จะมีคนแอบขึ้นไปได้ไหม?
อันนี้ก็เป็นปัญหาที่น่าสนใจครับ เพราะตอนนี้รถร้อนเป็นระบบประตูกลางรถ ทำให้พนข.มองดูได้ยาก ได้ยินมาว่าขสมก.กำลังประมูลรถใหม่ครับ เป็นประตูหน้ากับประตูกลางแบบตปท. ตอนนี้ก็ต้องลุ้นเอาก่อนครับ แล้วพอเป็นแบบบังคับขึ้นหน้า-ลงหลัง ก็น่าจะลดปัญหานี้ไปได้
ส่วนอีกวิธีแก้ปัญหาก็คือมีนายตรวจครับ อันนี้มีในหลาย ๆ เมืองในตปท. คือ เขาจะสุ่มมาตรวจครับ มีเครื่องมือมาแตะเช็คกับบัตรเรา ถ้าเป็นนร.ก็ขอตรวจบัตร (อันนี้เจอมากับตัว) ซึ่งค่าปรับพวกนี้โหดอยู่ครับ แล้วอยู่บนรถหนีไปไหนไม่ได้ด้วย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คงเป็นรถไฟ DLR ของลอนดอนครับ ที่ว่าทั้งสถานีไม่มีที่กั้นเลย มีเครื่องตั้งอยู่ ใครจะใช้ต้องแตะ แล้วบนรถก็มีสุ่มตรวจครับ ค่าปรับหนักมากอยู่ที่ £80 ส่วนค่าโดยสารอยู่ประมาณ £2-3 ครับ เรียกได้ว่าไม่คุ้มจริง ๆ
มันก็มีบ้างนะครับที่มีคนโกง แต่ถ้าเปรียบเทียบเรื่องการอำนวยความสะดวกแล้ว เราก็คงต้องเปลั่ยนเป็นระบบพวกนี้แหละครับ แล้วก็ปลูกจิตสำนึกคนกัน
อีกอย่างที่อยากเสนอก็คือ พอเปลี่ยนมาใช้ระบบนี้ก็คงต้องเลิกจ้างพนักงานเก็บค่าโดยสาร ส่วนตัวอยากให้มีพนง.เหล่านี้ไว้ครับ แต่ไม่รับเพิ่ม แล้วก็ให้พนง.เหล่านี้เป็นนายตรวจไปจนกระทั่งเกษัยณครับ เพราะเคยฟังเขาสัมภาษณ์พนง.ก็รู้สึกสงสารมากครับ
---
อันนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวครับ อยากลองฟังความเห็นของทุกท่านดู ส่วนตัวอยากให้ระบบนี้เกิดครับ เพราะเราจะได้ประโยชน์จากระบบนี้มาก
ว่าด้วยเรื่องรถเมล์กับระบบแตะบัตร
ประเด็นแรก ๆ ที่คนแสดงความคิดเห็นกันมากสุดก็คือ
- มันจะทำให้รถเมล์ช้าลงหรือเปล่า? เพราะต้องมารอคนแตะบัตร
อันนี้เดาว่าน่าจะช้าในช่วงแรกครับ ช่วงที่คนยังใช้เหรียญ ใช้เงินสดอยู่ แต่ถ้าต่อไปมีบัตรร่วม (บัตรแมงมุม) แล้ว ก็น่าจะดีขึ้นครับ เผลอ ๆ น่าจะเร็วขึ้นด้วย เพราะแตะอย่างเดียว (หวังว่าจะไม่อ่านช้าเหมือนบีทีเอสนะ)
ซึ่งหลาย ๆ ประเทศก็ทำแบบนี้ฮะ ที่อังกฤษในเมืองแบบลิเวอร์พูลหรือเอดินบะระก็จะเป็นระบบที่ขึ้นรถเมล์ประตูหน้า ลงประตูหน้าเท่านั้น รับทั้งบัตรและเงินสด ซึ่งก็ไม่ได้ช้ามากครับ ของที่เอดินบะระต้องเตรียมเงินให้พอดีเท่านั้นด้วย ไม่ทอน
ความจริงที่ไทยก็มีรถศาลายาลิงก์ของมหิดลทำนะครับ ต้องเตรียมพอดี คนก็โอเคกันนะครับ แต่อย่างว่าแหละ เป็นเพราะจอดรับแค่ที่เดียวด้วย เลยไม่มีปัญหา
ส่วนที่ลอนดอน อันนี้เด็ดครับ เขาบังคับใช้บัตรอย่างเดียว ดังนั้นเร็วมากครับ แตะไป แตะไปเลย มีบ้างที่แตะไม่ผ่านครับ ก็ต้องแก้ปัญหากันไปตามท้องเรื่อง
อ้อ ที่อังกฤษเขารับทั้งบัตรร่วม บัตรเครดิต (Contactless payment) รวมถึงพวกแอพ Android Pay, Apple Pay ด้วยนะครับ เลยสะดวก
- แล้วคนไม่แตะล่ะ จะทำไง จะมีคนแอบขึ้นไปได้ไหม?
อันนี้ก็เป็นปัญหาที่น่าสนใจครับ เพราะตอนนี้รถร้อนเป็นระบบประตูกลางรถ ทำให้พนข.มองดูได้ยาก ได้ยินมาว่าขสมก.กำลังประมูลรถใหม่ครับ เป็นประตูหน้ากับประตูกลางแบบตปท. ตอนนี้ก็ต้องลุ้นเอาก่อนครับ แล้วพอเป็นแบบบังคับขึ้นหน้า-ลงหลัง ก็น่าจะลดปัญหานี้ไปได้
ส่วนอีกวิธีแก้ปัญหาก็คือมีนายตรวจครับ อันนี้มีในหลาย ๆ เมืองในตปท. คือ เขาจะสุ่มมาตรวจครับ มีเครื่องมือมาแตะเช็คกับบัตรเรา ถ้าเป็นนร.ก็ขอตรวจบัตร (อันนี้เจอมากับตัว) ซึ่งค่าปรับพวกนี้โหดอยู่ครับ แล้วอยู่บนรถหนีไปไหนไม่ได้ด้วย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คงเป็นรถไฟ DLR ของลอนดอนครับ ที่ว่าทั้งสถานีไม่มีที่กั้นเลย มีเครื่องตั้งอยู่ ใครจะใช้ต้องแตะ แล้วบนรถก็มีสุ่มตรวจครับ ค่าปรับหนักมากอยู่ที่ £80 ส่วนค่าโดยสารอยู่ประมาณ £2-3 ครับ เรียกได้ว่าไม่คุ้มจริง ๆ
มันก็มีบ้างนะครับที่มีคนโกง แต่ถ้าเปรียบเทียบเรื่องการอำนวยความสะดวกแล้ว เราก็คงต้องเปลั่ยนเป็นระบบพวกนี้แหละครับ แล้วก็ปลูกจิตสำนึกคนกัน
อีกอย่างที่อยากเสนอก็คือ พอเปลี่ยนมาใช้ระบบนี้ก็คงต้องเลิกจ้างพนักงานเก็บค่าโดยสาร ส่วนตัวอยากให้มีพนง.เหล่านี้ไว้ครับ แต่ไม่รับเพิ่ม แล้วก็ให้พนง.เหล่านี้เป็นนายตรวจไปจนกระทั่งเกษัยณครับ เพราะเคยฟังเขาสัมภาษณ์พนง.ก็รู้สึกสงสารมากครับ
---
อันนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวครับ อยากลองฟังความเห็นของทุกท่านดู ส่วนตัวอยากให้ระบบนี้เกิดครับ เพราะเราจะได้ประโยชน์จากระบบนี้มาก