[CR] ฟินแลนด์ดินแดนมหัศจรรย์ ตอน: ผจญภัยสู่เมืองไกล กับประสบการณ์ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก

สวัสดีค่ะ ยิ้ม
เราเป็นนักศึกษาเรียนวิทยาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งทาง ภาคตะวันออก!! (บอกชื่อไปเลยมั๊ย? แค่นี้เค้าก็รู้กันแล้ว55+)

จากความฝันที่อยากไปต่างประเทศ มากกกก เพื่อฝึกภาษา...แหละแล้ววันหนึ่ง ก็ได้มีโอกาส ลองขอทุน
...แล้วก็ฟลุ๊ค แบบดีใจมากกก ณ ตอนนั้นอะนะ .. เราได้ทุนนักเรียนแลกเปลี่ยนไปประเทศฟินแลนด์ ที่เมือง Kuopio เป็นเวลา 6 เดือน

และแล้วจุดเริ่มต้น ของการ ผจญภัย ก็เริ่มขึ้น!!
วันแรกของการจากบ้าน ก็มาถึง...จำได้ว่าวันนั้น คนไปส่งเยอะมาก ทั้งแม่ พี่ น้อง (ส่วนพ่อเราอยู่ยงเฝ้าร้านที่บ้าน บ้านเราขายของ อิอิ) พี่ๆ ที่เรียนด้วยกัน แล้วก็เพื่อนๆที่โทรมาอวยพร บรรยากาศแบบชื่นมื่น อะ คือพี่ๆ แต่ละคนช่วยกัน ตั้งแต่เอากระเป๋าไปเช็คอิน (น้ำหนักดันเกิน เพราะอิฉันขนข้าวสารอาหารแห้งไปแบบกลัวอด ฮ๋าาา สุดท้ายต้องเอาออก) จนส่งเราเดินเข้า gate เลย ซึ่งตอนจะจากนี่น้ำตาจะปริ่มๆ หน่อยอะนะ

พอเดินเข้าไปด้านใน เพื่อรอขึ้นเครื่อง เราก็ดูว่าไปทางไหนนะ อะไรยังไง ก็เดินๆตามเค้าไปมั่ง อ่านเองบ้างว่าไปช่องไหน เพราะไม่เคยไปต่างประเทศเลย และก็ไม่เคยขึ้นเครื่องบินด้วย ฉายเดี่ยวเลยจร้า ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็โทรหาพ่อที่บ้าน (บอกพ่อว่า พ่อเด๋วปีหน้าเจอกันนะ เท่านั้นแหละ น้ำตาก็พรากกก ..แล้วพ่อก็อวยพรให้)...พอขึ้นเครื่องปุ๊บ ก็มองซ้ายมองขวา โหหห เครื่องบินมันก็กว้างดีเน๊าะ แล้วก็หันไปมองข้างๆ ที่เป็นที่นั่งติดกับหน้าต่าง ก็ได้เจอกับสาวน้อยคนนึงซึ่งเป็นคนไทย (ซึ่งเรานั่งถัดมาจากน้องเค้า)... สอบถามคร่าวๆแล้ว น้องชื่อขิม น้องจะกลับไปเรียนที่อัมเซอร์ดรัม เพราะครอบครัวอยู่ที่โน้น ก็โล่งใจไปเปราะนึง (ฉันมีเพื่อนนั่งไปด้วยแล้ว โว้ยย!!!)

ความรู้สึกตอนเครื่องบินขึ้นครั้งแรกนี่คิดไปต่างๆนานา ว่าจะเป็นยังไงน้าา มันจะหูดับมั๊ย ต้องทำไรมั๊ย ...สรุปก็โอนะ..เรารอดแหละ
ไม่เมาเครื่อง

หลังจากนั้นก็นั่งเครื่องยาวไปคร้า ตอนนั้นต้องนั่งเครื่องจากไทย เพื่อไปเปลี่ยนเครื่องที่ มอสโคร ประเทศรัสเซีย ระหว่างนั้นแอร์โฮสเตรทก็มาเสริฟอาหารตามเวลา ถามว่าจะรับอะไร เราก็แบบภาษาดีเกิ๊น (ประชด!!) สรุปสั่งอาหารตามน้องข้างๆ 555+...ซึ่งแบบ ไม่เจริญอาหารเลย ร่างกายมันคงไม่คุ้น กะสลัดกุ้ง ซอสเปรี้ยวๆ แล้วก็ไก่ราดแกงกระหรี่เลี่ยนๆ มั้ง ก็เลยกินได้แต่ขนมปัง(ซึ่งปกติ เป็นคนกินขนมปังได้นะ แต่ถ้าให้เลือกได้ ไม่ค่อยชอบกิน)

หลังจากนั้นก็นั่งไปเรื่อยๆ บนเครื่องเค้าก็จะมีจอทีวี ให้ดูหนัง ดูการ์ตูน มีเพลงให้ฟังนะ แต่..หลับเถอะ!!! 555+
แล้วก็ยิงยาว มีลุกไปเข้าห้องน้ำบ้าง เพื่อยืดเส้นยืดสาย จำได้คร่าวๆว่าบินประมาณ 8 หรือ 12 ชั่วโมง นี่แหละ

พอถึงรัสเซีย เด็กหญิงผู้น่ารักคนนั้นก็อาสาพาเราเดินไปส่งที่ gate ที่เราจะต้องไปต่อเครื่อง (น่ารักจุง)แต่ก็เดินไปส่งได้แค่ครึ่งทาง เพราะมันไกลมากกก (สนามบินรัสเซีย อะไรจะใหญ่ปานนี้?) เราก็เลยบอกให้น้องกลับเถอะ เพราะกลัวว่าน้องก็จะไม่ทันขึ้นเครื่องเหมือนกัน...เราก็เลยต้องจากกันตรงนั้น ระว่างทาง ในสนามบิน..

ทีนี้ก็ฉายเดี่ยวสิค่ะ เดินไปเรื่อยๆจนถึงประตูที่คิดว่ามันน่าจะใช่แล้วนะ ก็ไปดูหน้าจอมอนิเตอร์ ที่เค้าไว้สำหรับดูว่าถึงเวลาของเราที่เครื่องจะมาหรือยัง ..คือยืนดูอยู่นานมาก งง เป๋ง !! เลยตัดสินใจเดินไปหาเจ้าหน้าที่ ..ซึ่งนางก็ตอบกลับมาแบบน่าร๊ากกกก มาก ว่า ให้ไปดูที่จอเอาเอง ..เงิบ!!! (คือ หนูไปดูมาแว้วมั๊ยคะ) ก็เลยต้องเดินคอตก กลับไปยืนที่เดิม แล้วดูใหม่ ..ก็ได้ความว่า รอต่อไป ยังไม่มา (ระหว่างนั่งรอก็เชื่อมไวไฟในสนามบิน เพื่อติดต่อคนที่ไทยไปด้วย)

และก็ถึงเวลาต่อเครื่องไปลงที่ Helsinki เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ ระหว่างทางก็เจอกับพวกชาวเกาหลี ที่เป็นผู้ชายแก่ๆ รุ่นพ่อเราได้ มาเป็นกลุ่มประมาณ 5-6 คน อยู่ดีๆเค้าก็เข้ามาถามว่ามาจากไหน แล้วจะไปฟินแลนด์ทำอะไร ..พอถามแล้วนางก็หันไปคุยกันเป็นภาษาเกาหลี เสียงแว่วๆว่าไทยกุง (คือนินทาตูชิมิ) ซึ่งแบบพฤติกรรมและหน้าตาไม่ค่อยหน้าไว้ใจเท่าไหร่ ...ระหว่างขึ้นรถบัส (ที่ใช้เพื่อถ่ายคนจากสนามบินไปส่งที่เครื่องบิน)พวกนางก็เอาแต่มอง แล้วหันไปคุยกัน เราก็พยายามหันไปทางอื่น แล้วก็ภาวนาในใจว่า ...อย่ามายุ่งกะตูเลยยยย (สถานการณ์ตอนนั้น ประมาณว่า ระแวงไปหมด เพราะไปคนเดียว แหะๆ )
หลังจากนั้น พอเข้าประจำที่บนเครื่องบินเรียบร้อย (รอบนี้ได้นั่งติดหน้าต่าง) เครื่องก็เริ่มขึ้น
รอบนี้เครื่องบินมันสั่นๆ ดิ เราก็กลัว (เพราะเครื่องบินมันเป็นลำเล็ก กว่ารอบแรก) ใจตุ๋มๆ ต่อมๆ แต่ก็ผ่านมันมาได้ ...ระหว่างอยู่บนเครื่อง ก็มีแอร์โฮสเตรท มาเสริฟอาหาร มันคือ แซนวิช ไส้แฮม กะแตงกวาดอง ..แม่เจ้า !!! กลิ่นมันเหมือนของดองๆ รสชาติแบบเปรี้ยวหน่อยๆ เฝื่อนๆ กินมะหมดด้วย มันไม่ไหวจิงๆ
จากนั้นเครื่องก็ถึง Helsinki เวลาประมาสองหรือสามทุ่ม ของเวลาที่นั่นได้ ..เราก็ลงจากเครื่อง แล้วก็ไปต่อแถวให้ ตม. ตรวจเอกสาร... ตอนนั้นคือพยายามเดินเร็วมาก เพื่อให้ไปไกลๆจากพวกกลุ่มคนเกาหลี ...พอตรวจเสร็จ ก็ไม่รีรอเลยค้าบ เดินแบบเร็วมาก แล้วก็ขึ้นไปอยู่ที่ เทอมินอลชั้นบน แต่สักพักนึกได้ อ้าว!! ตอนเช็คอินที่เมืองไทย เค้าบอกให้ไปรอรับกระเป๋าที่ เฮลซิงกิ นะคะ ...งามมม!! หล่ะทีนี้ ... ก็วิ่งหาทางลงไปข้างล่างใหม่สิคะ (เพราะประตูที่เดินออกมา มันปิดอัตโนมัติ แบบห้ามเข้า ออกได้อย่างเดียว) ก็เลยเดินไปถามคนโน้น คนนี้ ว่าลงไปข้างล่างยังไงค่ะ เค้าก็บอก มันมีบรรไดอยู่ข้างนอกค่ะ เดินลงไปได้ ...จากนั้นก็วิ่งสิค่ะ เพราะกระเป๋าก็ยังไม่ได้ เครื่องก็กลัวตก กลัวไปไม่ทัน ลนไปหมด ...พอเดินออกไปนอกตัวอาคาร (หนาว มากกกก) ก็เจอบรรได แต่มันไม่ใช่ทางไปเอากระเป๋า ...เลยต้องเดินกลับเข้ามาทางเดิมในตัวอาคารใหม่ แล้วก็มองซ้าย มองขวา (ในใจนี่นึกแต่ภาวนาขอพรพระ..ให้ลูกทันด้วยเทอญ) แล้วก็เจอลิฟที่สามารถลงไปชั้นล่างได้ ก็ลงลิฟเลย แล้วก็ไปถามเจ้าหน้าที่ว่าจะเอากระเป๋า ได้ที่ไหน เค้าก็บอกว่า ต้องเข้าไปทางประตูนี่นะ แต่ว่า ต้องรอให้มีคนข้างในออกมาก่อน ถึงจะเข้าไปได้ แล้วเค้าก็เดินจากไป .. ซึ่งรอนานมากกกก พอเจอเจ้าหน้าที่คนใหม่ ก็เลยเดินไปถามอีก เค้าก็เหมือนจะเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ข้างในให้เปิดประตูให้ แต่ก็เงียบหายไปเลย ..รอได้สักพัก ก็มีคนเดินออกมาจากประตูนั้น เราก็มิรีรอ วิ่งเข้าไปเลยจร้า ก่อนที่ประตูมันจะปิด

แล้วก็ไปเดินหากระเป๋าตัวเอง บนสายพาน อยู่นานมาก ก็หาไม่เจอ วิ่งวนอยู่หลายรอบ ที่สำคัญ เจอกลุ่มเกาหลีกลุ่มนั้น อีกตังหาก (พวกนางก็มอง เฮ่อ!!) ...ดูอยู่พักใหญ่ ก็เห็นเค้าต่อแถวกัน เลยเดินไปดู คือพวกคนที่มีปัญหา กระเป๋าหาย เค้ากะลังต่อแถวรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ...บางคนก็ต้องแจ้งชื่อที่อยู่ไว้ เพื่อให้ทางสนามบิน ส่งกระเป๋ากลับไปให้ที่บ้านทีหลัง ซึ่งหนึ่งให้คนที่รออยู่ ก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มพวกคนเกาหลีด้วย เค้าเข้าแถวอยู่ก่อนเรา ถัดไปสองคนได้ พอนางเคลียของตัวเองเสร็จ ก็เดินมาหาเรา แล้วก็ถามว่า กระเป๋าหายหรอ แล้วจะไปที่เมืองอะไรในฟินแลนด์หล่ะ แล้วก็แนะนำให้เราจดและแจ้งชื่อ ที่อยู่กะเจ้าหน้าที่ไว้ เด๋วเค้าจะส่งกระเป๋าตามไปให้ทีหลัง ...เราก็ขอบคุณ แล้วนางก็ไป (คิดในใจว่า อืม เค้าก็ยังดีนะ มาบอกด้วย) ..เราก็เตรียมจดทีอยู่ใส่กระดาษรอเลย เพราะพอถึงคิวจะได้ยื่นเลย แล้วจะได้รีบไปขึ้นเครื่อง ..พอถึงคิวเรา แจ้งชื่อไปปุ๊บ พนักงานบอกว่า กระเป๋าส่งขึ้นเครื่องไปเมือง Kuopio ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ต้องรอรับ ...อ้าว!! (สรุปที่เดินวนนั้นเสียเวลาเปล่า เหอๆ)

ทีนี้ก็วิ่งสิค่ะ เพื่อไป ที่ gate ที่จะต้องต่อเครื่อง พอไปถึงยังทันเวลา แล้วก็ยังต้องนั่งรออีกพักใหญ่ๆ ด้วย บรรยากาศในสนามบินนั้น เงียบมากก เพราะฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีคนไม่มาก แต่..คือ ไม่เงียบธรรมดา เงียบแบบ เก้าอี้ทุกตัว ว่างหมด มีเรานั่งอยู่คนเดียว 55+

หลังจากนั่งรออยู่พักใหญ่ ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง โดยเครื่องบินรอบนี้ ก็เป็นเครื่องบินลำเล็กเช่นเคย และก็เล็กกว่ารอบที่สองด้วย เพราะเป็นเครื่องบินที่บินภายในประเทศและมีไม่กี่ที่นั่ง ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็จะถึงที่หมายแล้ว แอร์โฮสเตรทบนเครื่องก็น่ารักมาก คือกระเป๋าที่เราเอาขึ้นเครื่องด้วยมันใหญ่มาก (แต่ก็ไม่เกินเค้ากำหนดนะ) คือมันวางตรงเท้าเราไม่ได้ พื้นที่มันน้อย เค้าก็เข้ามาช่วย ขยับโน้นนี่นั่น ก็ดีขึ้นหน่อย นั่งสบายขึ้น

หลังจาก 40 นาที ที่น่าประทับใจของฉัน ผ่านนนนน ไป
ความโชคร้ายของจริงก็มาถึง!!!

คือต้องท้าวความไปว่า ก่อนที่เราจะมาฟินแลนด์นั้น ทางผู้ให้ทุนก็จะจัดหา student tutor ที่จะมาคอยดูแลช่วยเหลือเราด้วยในช่วงแรกๆ ที่จะไปอยู่ที่นั้น เราได้คนดูแลเป็นผู้ชาย ชื่อโจนัส (ซึ่งก็คือนักเรียนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่เราจะไปเรียนนี่แหละ ที่มาเป็นอาสาสมัคร คอยช่วยเหลือ ดูแลนักเรียนต่างชาติ) ช่วงแรกๆ เค้าก็จะติดต่อมา ตั้งแต่เรายังอยู่เมืองไทย และก็นัดกันว่า ถ้าถึงฟินแลนด์แล้วจะมารับตอนไหน ที่ไหน ซึ่งเราก็ตกลงกับเค้าว่า เราถึงที่เมือง Kuopio ตอนประมาณเที่ยงคืน เราสามารถรอเค้าอยู่ที่สนามบินได้จนถึงตอนเช้า แล้วตอนเช้า ค่อยให้เค้านั่งรถบัสมารับเราที่สนามบิน

พอตกลงตามนั้น เมื่อเราถึงสนามบินที่หมาย เราก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่คนนึง ซึ่งเป็นผู้หญิงมีอายุแล้ว ถามเค้าว่าเราสามารถนั่งรอคนมารับในสนามบินนี้ตรงไหนได้บ้าง เค้าก็โบกมือแล้วพูดภาษาฟินนิส ประมาณว่า เค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วเค้าก็เลยชี้ให้เราคุยกับ กัปตันและแอร์โฮสเตรท ที่กำลังลงมาจากเครื่อง ..พอกัปตันเดินมา ก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็บอกว่า เราจะรอให้คนมารับที่สนามบินนี้ในตอนเช้า เราสามารถนั่งรอที่นี่ได้หรือไม่ กัปตันก็เลยบอกว่า ไม่ได้ เพราะที่นี่จะปิด และไม่มีคนอยู่แล้ว ...ซ๊อค!!! อมยิ้ม24
กัปตันก็เลยถามว่า ตอนเช้าใครจะมารับ เราก็บอกว่า student tutor จะมารับที่นี่ในตอนเช้า เค้าก็เลยจะให้เราโทรหา ให้โจนัสมารับเราตอนนี้ เราก็เลยบอกว่า เราไม่มีซิมโทรศัพท์ของที่นี่ เค้าก็เลยจะให้เราเอาเบอร์ให้เค้าเพื่อจะโทรให้ เราก็เลยเปิดโทรศัพท์ แล้วก็หาเบอร์.. พอดีกับที่กัปตัน เค้าก็เห็นภาษาไทย ที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เรา ก็เลยหันมาถามเราว่าเป็นคนไทยหรอ เราก็บอกว่าใช่ (คือตอนนี้น้ำตาคลอแล้ว กลัวไปหมด ไม่รู้จะทำยังไง) แล้วเค้าก็เอาเบอร์ไปโทรให้ แต่ก็ไม่มีคนรับสาย เราส่ง whats app ไป โจนัสก็ไม่ตอบ (ก็มันเที่ยงคืนแล้วอะเน๊าะ!!) กัปตันก็เลยขอเมลล์ของ Coordinator ที่เราติดต่อด้วยไป แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับ ...เค้าก็เลยตัดสินใจว่าให้เราไปกับเค้าด้วย เพราะเค้าจะเข้าไปพักที่โรงแรมในตัวเมืองพอดี จะให้เราไปรออยู่ที่ล๊อปบี้โรงแรมจนถึงเช้า ดีกว่าอยู่ที่สนามบิน กัปตันก็โทรเรียกรถแท๊กซี่ แล้วนั่งแท๊กซี่ไปกับเรา ส่วนเพื่อนๆ กัปตันกับแอร์โฮสเตรท คนอี่นก็ไปรถส่วนตัว ....พอขึ้นไปบนรถ กัปตันเค้าก็บอกว่า เค้ามีแฟนเป็นคนไทย (คือแบบเราโชคดีมากกก ที่ได้เจอเค้า) แล้วเค้าก็เปิดรูปแฟนเค้าให้ดู เราก็บอกว่าเธอน่ารักดี แฟนเค้าชื่อตำลึง แต่ว่าตอนนี้อยู่ที่เมืองหลวง เฮลซินกิ

พอมาถึงโรงแรม กัปตัน ก็คุยกับพนักงานว่าจะขอให้เรารออยู่ที่ ล๊อปบี้ได้มั๊ย? ..ซึ่งพนักงานบอกว่าไม่ได้ เงิบ!! (อยากจะร้องไห้ไปเลย)
กัปตันก็เลยตัดสินใจ เปิดห้องในโรงแรมให้เราหนึ่งห้อง แล้วก็ออกค่าโรงแรมให้เราด้วย (คืนนึง 100 ยูโร ก็ 4 พันบาท แพงโคตร)
แล้วกัปตันกับเพื่อน ก็ช่วยเราหิ้วกระเป๋ามาส่งเราที่ห้อง แล้วก็บอกเราว่า ให้หลับให้สบาย เด๋วเค้าจะติดต่อคนดูแลเราให้ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง สรุปคืนนั้นเราก็ได้นอน ที่โรงแรม เพื่อรอโจนัสมารับ

ติดตามตอนต่อไปลิ้งนี้คะ >> https://pantip.com/topic/36892736
ชื่อสินค้า:   ประเทศฟินแลนด์, นักเรียนไทยในต่างแดน, ผจญภัยในต่างแดน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่