สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่มีปุ่มไฟขอทาง T T
กระจกมองข้างทั้ง 2 ข้าง สั้นทุกย่านความเร็ว แต่เอาจริง ๆ กระจกมันก็ต้องสั่นเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้นแหละ เพราะแฮนด์มันสั่นตลอดอย่างที่บอก กระจกมันเลยต้องสั่นตาม ซึ่งถ้าดูแล้วเทียบกับรถคันอื่น ๆ ต้องบอกว่า กระจกมันไม่สั่น แน่นดีมาก นิ่งสุด ๆ แต่แฮนด์มันสั่ง เลยพาให้กระจกบนแฮนด์มันสั่นแค่นั้นแหละ -*- ก็ไม่ถึงกับดูไม่รู้เรื่อง แต่ก็นะ เทียบกับ SYM GTS 300i ที่ขับขี่ตอนรถวิ่งนิ่ง ๆ แล้วต้องบอกว่า ฟ้ากับดินกันเลย แถมกระจกของ SYM มันบานใหญ่มากด้วย
เรือนไมล์ของรถโฉม 2017 จะเห็นได้ว่ามีวัดรอบมาให้แล้ว
ที่พักเท้าคนซ้อน ไม่ต้องมีก็ได้มั้งถ้ามันจะติดตั้งไว้ตรงนั้น บอกตรง ๆ ว่า คนซ้อนแทบจะต้องนั่งยอง ๆ เลยหรือเปล่า คือยังไม่เคยมีใครซ้อนหรอก แต่ดูตำแหน่งแล้ว นั่งยอง ๆ แน่ ๆ ใครมันจะไปนั่งได้ -*- ใจอยากเอาออก เพื่อลดน้ำหนักตัวรถไปในตัว
ถังน้ำมัน 7 ลิตรปลาย ๆ เล็กมากสำหรับการเดินทางไกล แต่ก็ยังไม่ได้เช็คว่ามันกินน้ำมันเท่าไหร่ ก็ไว้จะมารีวิวกันอีกทีสำหรับเรื่องนี้
บัดซบ นึกว่าฝาถังน้ำมันจะเป็นแบบบานพับนะเนี้ย กลายเป็นต้องถือฝาถังน้ำมันตอนเติมน้ำมันอีกละ
ปุ่มต่าง ๆ ถือว่า ok มีปุ่มเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวที่อยู่ต่ำไปนิดนึงสำหรับผม แต่เดี๋ยวก็ชิน น่าเสียดายสุด ๆ คือไม่มีปุ่มไฟขอทางให้ ต้องกดไฟสูง แล้วปิดไฟสูงด้วยตัวเอง
พูดเรื่องไฟแล้วก็นะ ตอนก่อนซื้อ ก็คิดว่าจะต้องติดไฟเพิ่มสองดวง ไว้ส่องสว่างออกด้านข้างค่อนไปหน้ารถด้วย แต่ตอนนี้คิดว่า ไฟมันก็ส่องกว้างอยู่ เลยรอดูใช้งานจริงก่อน อาจจะไม่ต้องติดก็ได้
เบาะแข็ง และผมก็ไม่แน่ใจว่าจริง ๆ เขาต้องนั่งตรงไหนสำหรับคนขี่ คาดว่าต้องนั่งตรงส่นวที่เงามือ กับส่วนสว่างบรรจบพอดี แต่บางทีขี่ ๆ ไปแล้วผมชอบขยับมาใกล้ ๆ สายคาดเบาะเลยนะ
คราวนี้คงติดแร็คหลัง แร็คข้าง และว่าจะทำแร็คติดหน้าตรงเหนือไฟรถด้วย ซึ่งด้านหน้านี้ ว่าจะทำเป็นที่ไว้ยึดเต็นท์ หรือวางขวดน้ำ ส่วนด้านข้างก็ติดปี๊บ แต่ด้านหลังคงใช้แค่กล่องเก่าที่มีอยู่แล้ว แต่กล่องหลังอาจจะไม่ได้ใช้ก็ได้ ต้องดูก่อนว่าจะต้องติดไหม แต่แร็คอ่ะทำไว้แน่นอน
ถ่ายเจาะช่วงไฟหน้า สวยดี งานดิบดี
ตอนแรกก็กังวลว่ามันจะเหมาะไหม เพราะคิดว่ารถมันเล็ก ติดปี๊บข้าง 37 หรือ 39 ลิตรแล้วอาจจะดูไม่สมส่วน แต่ตอนนี้พบว่ารถมันไม่ได้เล็กเลย เพราะฉะนั้น สมส่วนแน่ แค่ว่าเราจะคุมรถยากขึ้นอีกหน่อย ก็ไปควบคุมให้ได้แล้วกัน
ที่รอบนี้เล็งเป็นปี๊บไว้ ทั้งที่แต่ก่อนใช้กระเป๋าผ้า เพราะว่า ถ้าเกิดผมไม่ติดกล่องหลัง ปี๊บข้างต้องรับหน้าที่ใส่กล้อง ใส่กระเป๋ากล้อง และอื่น ๆ มันต้องทนในระดับที่รถล้มแล้วไม่แตกหักง่าย ก็เลยต้องเอาเป็นปี๊บ แม้ว่าส่วนใหญ่ผมจะแค่ล้มแปะก็เหอะนะ
ยางหนาม ล้อวิบาก ล้อใหญ่มาก ดอกยางก็เป็นตุมใหญ่ ๆ แบบนี้ อยากเอาไปลองวิ่งทางที่มันเป็นโคลนเละ ๆ ดู ว่ามันจะดีกว่ายางทางเรียบระดับไหน
เออ ตอนขับขี่มันสูง ๆ ดีนะ มุดไม่ยาก เพราะแฮนด์สูงกว่ากระจกรถเก๋ง แต่ต้องระวังรถตู้ กับกะบะบางคัน และการที่รถหนักกว่ารถแม่บ้าน เท้าลงไม่เต็มพื้น ถ้าเราไม่มีความมั่นใจในการขับ ในการควบคุม มันจะยิ่งทำให้มุดยาก
ถ่ายเจาะมาช่วงท้ายรถค่อนไปทางล้อหลัง ให้เห็นสวิงอาร์มชัด ๆ
มาว่าถึงความแรง ก็รู้สึกว่าแรงนิดนึง คือผมยังไม่ได้บิดหนัก ๆ มือด้วย แต่ตอนแรกคิดว่ามันจะกระชากกว่านี้อีกซักหน่อย ความเร็วปลายยังไม่รู้ แต่รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เร็วมาก นั้นก็ไม่แปลก เพราะรถแนวนี้ ไม่ได้ออกแบบให้ใช้ความเร็วสูงมาก ๆ อยู่แล้ว แม้ว่ากลุ่ม CRF 250L จะบอกว่ามันวิ่งได้ถึง 140 ได้ไม่ยาก ซึ่งผมก็คงวิ่งไม่ถึงง่าย ๆ เพราะไม่มั่นใจในยางวิบาก ล้อหนามแบบนี้เมื่อต้องารใช้ในทางเรียบ เพราะรู้สึกว่ามันดิ้นได้บ้างนะ นิดนึง นิดมาก ๆ ในบางจังหวะ แต่เป็นได้ว่ายางมันอาจจะยังใหม่อยู่ หรือก็อาจจะเพราะธรรมชาติของยางวิบาก ก็จะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วด้วยละมั้ง เพราะดอกยางมันกว้าง ห่าง ลึก และเป็นเหมือนตุ่ม ๆ การจะดิ้นนิด ๆ คงไม่แปลก แต่ยางพวกนี้น่าจะดีมาก ๆ ในสภาพถนนที่มันไม่แน่น ไม่แข็งตัว
แผงกันความร้อนช่วงต้นท่อ ซึ่งมันคงกันไปได้เยอะแล้ว แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี ผมชินกับการขับขี่ทรง Naked ไม่รู้ว่าทรงนี้เขาขี่หนีบถังน้ำมันไหม แต่พอหนีบลึกหน่อยบางจังหวะ ขาจะโดนเจ้าแผงนี้ โอ้ย ร้อนมาก จะพองเอา
หรือจริง ๆ มันไม่ได้กันความร้อนเลย แค่กันไม่ให้ขาเราโดนท่อตรง ๆ มากกว่า
ตอนนี้กำลังหาเรื่องทำปี๊บ กับแร็คอยู่ เมื่อวานไปคุยกับพี่ที่ทำปี๊บเป็นงานสร้าง แต่อาจจะไม่ได้ทำกับแกแล้ว เสียดาย ราคาถูกกว่าปี๊บมียี่ห้อเกือบหมื่นเลย ผมไปดูปี๊บแล้ว หนาใช้ได้เลย ถ้า 37 ลิตรนี้ ใช้อลูมิเนียมหนา 3 มิลลิเมตรเลย จับแล้วก็รู้สึกว่า เฮ้ยมันหนาขนาดนี้เลยหรอเนี้ย แต่พี่เขางานเยอะช่วงนี้พอดี ไอ้ผมก็จะใช้เร็ว ๆ เลยอาจจะไปใช้ของ K2 ซึ่งวันนี้ K2 ดันไม่ว่างอีก -*-
ไว้มีอะไรคืบหน้าเป็นเซ็ต ๆ ก็จะมาเขียนรายงาน แล้วก็จะมาสรุปภายหลังอีกครั้ง
ถ่ายเจาะบริเวณกลางตัวเครื่อง ภาพนี้จะเห็นตำแหน่งเบาะ และระยะความสูงของตำแหน่งที่พักเท้าคนซ้อนชัด ๆ ซึ่งเดาได้เลยว่า คนซ้อนแทบจะต้องนั่งยอง ๆ
อย่าไปสนหน้าตา และรูปร่างของผม ทำใจมองผ่าน ๆ ไป ดูที่ส้นตรีน กับความสูงเอาแล้วกันนะ
จะเห็นว่ารถดูใหญ่พอสมควรเมื่อเทียบกับตัวผม ซึ่งผมสูง 170 - 172 ได้นะ
พอผมถอยไปอีกฝากของรถ ดูรถใหญ่ขึ้นอีก
ตอนก้าวเท้าขึ้น ขาขวาผมแนบไปกับเบาะเลย เพราะรถมันสูง แต่ก็ไม่ได้ขึ้นยากอะไร ผมเห็นบางคนเขาจะปีนที่พักเท้าขึ้นนะ ซึ่งก็น่าจะเหมาะถ้าพื้นดินมันแข็ง ๆ เพราะที่พักเท้ามันทำฟันบากไว้ เท้าไม่ลื่นหลุดจากที่พักเท้าตอนปีนง่าย ๆ แน่
แต่ถ้าผมขึ้นแบบนี้ได้ ก็จะขึ้นแบบนี้ เว้นกรณีพื้นไม่เท่ากันบางลักษณะ ที่อาจจะทำให้เราวาดเท้าขึ้นแบบนี้ยาก ก็ต้องปีนที่พักเท้าขึ้นแทน
ขาผมลงไม่เต็มพื้น แม้ว่าน้ำหนักตัวจะกดให้รถมีเบาะที่ต่ำลงพอสมควรแล้วก็ตาม
ผมลองหย่อนกดด้านขวาลงนิดหน่อย ขาขวาก็ลงได้เต็มพื้น ส่วนขาซ้ายผมก็งอเข่ายกเท้าขึ้นมาวางไว้ที่พักเท้าด้านซ้ายแทน
โช๊คหลัง เขาว่ามันปรับอะไรไม่ได้เลย
โช๊คหน้าค่อนข้างใหญ่ แบบหัวกลับ เท่ไปอีกแบบ
ที่พักเท้า มีเซ็นเซอร์อยู่ สตาร์ทรถได้แม้จะเอาที่พักเท้าลง แต่ถ้าขับออกไปจะดับถ้าไม่เอาที่พักเท้าขึ้น ซึ่งก็ออกแบบได้หมาะสมกับรถที่สูงแบบนี้ดี
ไม่มีปุ่มไฟขอทาง T Tกระจกมองข้างทั้ง 2 ข้าง สั้นทุกย่านความเร็ว แต่เอาจริง ๆ กระจกมันก็ต้องสั่นเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้นแหละ เพราะแฮนด์มันสั่นตลอดอย่างที่บอก กระจกมันเลยต้องสั่นตาม ซึ่งถ้าดูแล้วเทียบกับรถคันอื่น ๆ ต้องบอกว่า กระจกมันไม่สั่น แน่นดีมาก นิ่งสุด ๆ แต่แฮนด์มันสั่ง เลยพาให้กระจกบนแฮนด์มันสั่นแค่นั้นแหละ -*- ก็ไม่ถึงกับดูไม่รู้เรื่อง แต่ก็นะ เทียบกับ SYM GTS 300i ที่ขับขี่ตอนรถวิ่งนิ่ง ๆ แล้วต้องบอกว่า ฟ้ากับดินกันเลย แถมกระจกของ SYM มันบานใหญ่มากด้วย
เรือนไมล์ของรถโฉม 2017 จะเห็นได้ว่ามีวัดรอบมาให้แล้วที่พักเท้าคนซ้อน ไม่ต้องมีก็ได้มั้งถ้ามันจะติดตั้งไว้ตรงนั้น บอกตรง ๆ ว่า คนซ้อนแทบจะต้องนั่งยอง ๆ เลยหรือเปล่า คือยังไม่เคยมีใครซ้อนหรอก แต่ดูตำแหน่งแล้ว นั่งยอง ๆ แน่ ๆ ใครมันจะไปนั่งได้ -*- ใจอยากเอาออก เพื่อลดน้ำหนักตัวรถไปในตัว
ถังน้ำมัน 7 ลิตรปลาย ๆ เล็กมากสำหรับการเดินทางไกล แต่ก็ยังไม่ได้เช็คว่ามันกินน้ำมันเท่าไหร่ ก็ไว้จะมารีวิวกันอีกทีสำหรับเรื่องนี้
บัดซบ นึกว่าฝาถังน้ำมันจะเป็นแบบบานพับนะเนี้ย กลายเป็นต้องถือฝาถังน้ำมันตอนเติมน้ำมันอีกละปุ่มต่าง ๆ ถือว่า ok มีปุ่มเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวที่อยู่ต่ำไปนิดนึงสำหรับผม แต่เดี๋ยวก็ชิน น่าเสียดายสุด ๆ คือไม่มีปุ่มไฟขอทางให้ ต้องกดไฟสูง แล้วปิดไฟสูงด้วยตัวเอง
พูดเรื่องไฟแล้วก็นะ ตอนก่อนซื้อ ก็คิดว่าจะต้องติดไฟเพิ่มสองดวง ไว้ส่องสว่างออกด้านข้างค่อนไปหน้ารถด้วย แต่ตอนนี้คิดว่า ไฟมันก็ส่องกว้างอยู่ เลยรอดูใช้งานจริงก่อน อาจจะไม่ต้องติดก็ได้
เบาะแข็ง และผมก็ไม่แน่ใจว่าจริง ๆ เขาต้องนั่งตรงไหนสำหรับคนขี่ คาดว่าต้องนั่งตรงส่นวที่เงามือ กับส่วนสว่างบรรจบพอดี แต่บางทีขี่ ๆ ไปแล้วผมชอบขยับมาใกล้ ๆ สายคาดเบาะเลยนะคราวนี้คงติดแร็คหลัง แร็คข้าง และว่าจะทำแร็คติดหน้าตรงเหนือไฟรถด้วย ซึ่งด้านหน้านี้ ว่าจะทำเป็นที่ไว้ยึดเต็นท์ หรือวางขวดน้ำ ส่วนด้านข้างก็ติดปี๊บ แต่ด้านหลังคงใช้แค่กล่องเก่าที่มีอยู่แล้ว แต่กล่องหลังอาจจะไม่ได้ใช้ก็ได้ ต้องดูก่อนว่าจะต้องติดไหม แต่แร็คอ่ะทำไว้แน่นอน
ถ่ายเจาะช่วงไฟหน้า สวยดี งานดิบดีตอนแรกก็กังวลว่ามันจะเหมาะไหม เพราะคิดว่ารถมันเล็ก ติดปี๊บข้าง 37 หรือ 39 ลิตรแล้วอาจจะดูไม่สมส่วน แต่ตอนนี้พบว่ารถมันไม่ได้เล็กเลย เพราะฉะนั้น สมส่วนแน่ แค่ว่าเราจะคุมรถยากขึ้นอีกหน่อย ก็ไปควบคุมให้ได้แล้วกัน
ที่รอบนี้เล็งเป็นปี๊บไว้ ทั้งที่แต่ก่อนใช้กระเป๋าผ้า เพราะว่า ถ้าเกิดผมไม่ติดกล่องหลัง ปี๊บข้างต้องรับหน้าที่ใส่กล้อง ใส่กระเป๋ากล้อง และอื่น ๆ มันต้องทนในระดับที่รถล้มแล้วไม่แตกหักง่าย ก็เลยต้องเอาเป็นปี๊บ แม้ว่าส่วนใหญ่ผมจะแค่ล้มแปะก็เหอะนะ
ยางหนาม ล้อวิบาก ล้อใหญ่มาก ดอกยางก็เป็นตุมใหญ่ ๆ แบบนี้ อยากเอาไปลองวิ่งทางที่มันเป็นโคลนเละ ๆ ดู ว่ามันจะดีกว่ายางทางเรียบระดับไหนเออ ตอนขับขี่มันสูง ๆ ดีนะ มุดไม่ยาก เพราะแฮนด์สูงกว่ากระจกรถเก๋ง แต่ต้องระวังรถตู้ กับกะบะบางคัน และการที่รถหนักกว่ารถแม่บ้าน เท้าลงไม่เต็มพื้น ถ้าเราไม่มีความมั่นใจในการขับ ในการควบคุม มันจะยิ่งทำให้มุดยาก
ถ่ายเจาะมาช่วงท้ายรถค่อนไปทางล้อหลัง ให้เห็นสวิงอาร์มชัด ๆมาว่าถึงความแรง ก็รู้สึกว่าแรงนิดนึง คือผมยังไม่ได้บิดหนัก ๆ มือด้วย แต่ตอนแรกคิดว่ามันจะกระชากกว่านี้อีกซักหน่อย ความเร็วปลายยังไม่รู้ แต่รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เร็วมาก นั้นก็ไม่แปลก เพราะรถแนวนี้ ไม่ได้ออกแบบให้ใช้ความเร็วสูงมาก ๆ อยู่แล้ว แม้ว่ากลุ่ม CRF 250L จะบอกว่ามันวิ่งได้ถึง 140 ได้ไม่ยาก ซึ่งผมก็คงวิ่งไม่ถึงง่าย ๆ เพราะไม่มั่นใจในยางวิบาก ล้อหนามแบบนี้เมื่อต้องารใช้ในทางเรียบ เพราะรู้สึกว่ามันดิ้นได้บ้างนะ นิดนึง นิดมาก ๆ ในบางจังหวะ แต่เป็นได้ว่ายางมันอาจจะยังใหม่อยู่ หรือก็อาจจะเพราะธรรมชาติของยางวิบาก ก็จะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วด้วยละมั้ง เพราะดอกยางมันกว้าง ห่าง ลึก และเป็นเหมือนตุ่ม ๆ การจะดิ้นนิด ๆ คงไม่แปลก แต่ยางพวกนี้น่าจะดีมาก ๆ ในสภาพถนนที่มันไม่แน่น ไม่แข็งตัว
แผงกันความร้อนช่วงต้นท่อ ซึ่งมันคงกันไปได้เยอะแล้ว แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี ผมชินกับการขับขี่ทรง Naked ไม่รู้ว่าทรงนี้เขาขี่หนีบถังน้ำมันไหม แต่พอหนีบลึกหน่อยบางจังหวะ ขาจะโดนเจ้าแผงนี้ โอ้ย ร้อนมาก จะพองเอาหรือจริง ๆ มันไม่ได้กันความร้อนเลย แค่กันไม่ให้ขาเราโดนท่อตรง ๆ มากกว่า
ตอนนี้กำลังหาเรื่องทำปี๊บ กับแร็คอยู่ เมื่อวานไปคุยกับพี่ที่ทำปี๊บเป็นงานสร้าง แต่อาจจะไม่ได้ทำกับแกแล้ว เสียดาย ราคาถูกกว่าปี๊บมียี่ห้อเกือบหมื่นเลย ผมไปดูปี๊บแล้ว หนาใช้ได้เลย ถ้า 37 ลิตรนี้ ใช้อลูมิเนียมหนา 3 มิลลิเมตรเลย จับแล้วก็รู้สึกว่า เฮ้ยมันหนาขนาดนี้เลยหรอเนี้ย แต่พี่เขางานเยอะช่วงนี้พอดี ไอ้ผมก็จะใช้เร็ว ๆ เลยอาจจะไปใช้ของ K2 ซึ่งวันนี้ K2 ดันไม่ว่างอีก -*-
ไว้มีอะไรคืบหน้าเป็นเซ็ต ๆ ก็จะมาเขียนรายงาน แล้วก็จะมาสรุปภายหลังอีกครั้ง
ถ่ายเจาะบริเวณกลางตัวเครื่อง ภาพนี้จะเห็นตำแหน่งเบาะ และระยะความสูงของตำแหน่งที่พักเท้าคนซ้อนชัด ๆ ซึ่งเดาได้เลยว่า คนซ้อนแทบจะต้องนั่งยอง ๆ
อย่าไปสนหน้าตา และรูปร่างของผม ทำใจมองผ่าน ๆ ไป ดูที่ส้นตรีน กับความสูงเอาแล้วกันนะจะเห็นว่ารถดูใหญ่พอสมควรเมื่อเทียบกับตัวผม ซึ่งผมสูง 170 - 172 ได้นะ
พอผมถอยไปอีกฝากของรถ ดูรถใหญ่ขึ้นอีก
ตอนก้าวเท้าขึ้น ขาขวาผมแนบไปกับเบาะเลย เพราะรถมันสูง แต่ก็ไม่ได้ขึ้นยากอะไร ผมเห็นบางคนเขาจะปีนที่พักเท้าขึ้นนะ ซึ่งก็น่าจะเหมาะถ้าพื้นดินมันแข็ง ๆ เพราะที่พักเท้ามันทำฟันบากไว้ เท้าไม่ลื่นหลุดจากที่พักเท้าตอนปีนง่าย ๆ แน่แต่ถ้าผมขึ้นแบบนี้ได้ ก็จะขึ้นแบบนี้ เว้นกรณีพื้นไม่เท่ากันบางลักษณะ ที่อาจจะทำให้เราวาดเท้าขึ้นแบบนี้ยาก ก็ต้องปีนที่พักเท้าขึ้นแทน
ขาผมลงไม่เต็มพื้น แม้ว่าน้ำหนักตัวจะกดให้รถมีเบาะที่ต่ำลงพอสมควรแล้วก็ตาม
ผมลองหย่อนกดด้านขวาลงนิดหน่อย ขาขวาก็ลงได้เต็มพื้น ส่วนขาซ้ายผมก็งอเข่ายกเท้าขึ้นมาวางไว้ที่พักเท้าด้านซ้ายแทน
โช๊คหลัง เขาว่ามันปรับอะไรไม่ได้เลย
โช๊คหน้าค่อนข้างใหญ่ แบบหัวกลับ เท่ไปอีกแบบ
ที่พักเท้า มีเซ็นเซอร์อยู่ สตาร์ทรถได้แม้จะเอาที่พักเท้าลง แต่ถ้าขับออกไปจะดับถ้าไม่เอาที่พักเท้าขึ้น ซึ่งก็ออกแบบได้หมาะสมกับรถที่สูงแบบนี้ดี แสดงความคิดเห็น
สัมผัสแรกรัก "อีแดง" (สาวดุ) HONDA CRF 250L ฟิวล์ดิบ ๆ มาเต็ม
ตั้งกระทู้ตามความเห่อรถใหม่เพิ่งถอยมาร่วม 24 ชั่วโมงเห็นจะได้ กับรถที่ผมคาดว่าจะเปิดประสบการณ์อีกโลกให้ผมได้รู้จักหลังจากที่เคยลองรถในอีกโลกอย่าง Big Scooter มาแล้ว (ปล. รถยังจอดรถขายอยู่สำหรับเจ้า SYM GTS 300i ABS อายุ 7 เดือนกว่า ใครสนใจคุยหลังไมค์ได้) ผมเตรียมใจไว้แล้วว่ามันจะต้องดิบไม่มากก็น้อย แต่.. มันดิบจริง ๆ แหละ ซึ่งผมก็ชอบอยู่นะ
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ (เมื่อวาน) ลองรถมอเตอร์ไซค์อีกประเภท หลังจากได้ลองขี่แค่แป๊บเดียว ต้องบอกว่าด้วยประสบการณ์ที่ได้สัมผัสรถมาน้อยนิดของผม ผมก็ยังรู้สึกถึงความดิบของมันได้อย่างชัดเจน
Honda CRF 250L รถแนววิบาก เอ็นดูโร่ หรือจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ รู้แต่ผมถอยจากศูนย์ Honda ที่อ้อมน้อยเซอร์วิสในราคารถเปล่า 129,000 บาท แต่ต้องรวมค่าจดทะเบียน และ พรบ. อีก 2,500 บาท โดยที่ผมจ่ายเงินสด ได้ของแถมจากศูนย์เป็นผ้าคลุมรถมาอย่างเดียว แต่โชคดีที่เดือนนี้ทาง Honda ทำโปรโมชั่นร่วมกับศูนย์หลักแจกกล้อง GoPro Hero4 Seesion ในราคา 7,700 บาท
ถ้าไม่รวมของแถมคิดว่าได้รถราคา 131,500 บาท ซึ่งถือว่าถูกกว่าศูนย์อีกหลาย ๆ ศูนย์ในกรุงเทพอยู่บ้าง (ได้ข่าวว่าศูนย์ที่เถิน (ลำปาง) มีราคาถูกกว่านี้อีกหลายพันเลยทีเดียว ใจละอยากวิ่งไปออกที่ลำปางด้วยซ้ำ 555 เพราะคุ้มอยู่นะ
แต่ด้านบนของไฟยังโล่ง ๆ ถ้าทำแร็ค และมีชิวซักหน่อย น่าจะแน่น ไปเห็นฝรั่งเขาใช้กัน ดูแน่นมาก ใช้ประโยชน์ได้จริงด้วย แต่ก็ต้องดูว่า จะทำให้น้ำหนักแฮนด์ควบคุมยากไปไหม
มาว่ากันที่ความรู้สึกที่ได้เห็น ได้สัมผัสในช่วงแรก ๆ หลังจากที่ห่างหายมานานกับรถเกียร์ รถคลัช เพราะไปขี่รถ Big Scooter ที่เป็น Auto เกียร์อยู่นาน ก็ต้องบอกว่า
เห็นแล้วรู้สึกว่ามันสูง และใหญ่กว่าที่คิดพอสมควร ค่อนไปทางมากซักหน่อยเลย พาลคิดไปว่า ตรูจะทำรถดับตอนออกตัวเพราะใช้คลัชไม่ตรงจังหวะหรือเปล่าเนี้ย (แต่ก็ ok ไม่มีดับ)
มันใหญ่กว่าที่คิด และก็ถือว่ายาวในระดับหนึ่ง ที่สำคัญสุดคือ มันสูงอยู่นะ เห็นมีคนบอกว่า สูงแค่ 165 ซม. ก็คร่อมแล้วขาลงได้เต็มพื้นสำหรับรุ่นปี 2017 ที่เขาบอกว่ารถมันเตี้ยลง แต่ผมสูงประมาณ 170 - 172 ไหงขาลงไม่เต็มพื้น (ขาสั้นไง ถามได้ 555) แต่ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรในการขับขี่ในเมือง หรือติดไฟแดง เพราะขาลงพื้นที่พอมั่นคง และสามารถเอี้ยวก้นลงข้างหนึ่งเพื่อให้ขาด้านหนึ่งลงได้เต็มพื้นได้
ความสูง และการที่ขาลงไม่เต็มพื้น ทำให้การคร่อมรถแล้วถอยรถ พยายามเอาขาดัน ตะกาย ๆ เพื่อให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า หรือถอยหลังทำได้ยากอยู่โดยเฉพาะพื้นที่ที่ลาดเอียงแล้วเราต้องตะกายขาดันรถขึ้นที่สูง แต่ก็พอได้นะ ลงจากรถไปเข็นก็ได้ รถไม่ได้หนักมาก
น้ำหนักตัวรถ ถือว่าไม่เบา แต่ก็ไม่ได้หนักมาก อาจจะเพราะใช้รถหนัก 200 กิโลกรัมมาก่อน พอมาเขนรถหนัก 14x กิโลกรัม เลยทำได้ไม่ยาก
ตอนก่อนขึ้นคร่อมรถ เบาะจะรู้สึกว่าอยู่สูงมาก แต่คร่อมแล้วน้ำหนักตัวเราจะกดรถลงมาพอสมควรอยู่ รวมถึงเวลาเราขับแล้วเจอหลุมใหญ่ ๆ รถจะมีการขยับขึ้นลงได้นิ่มนวลดีนะ นี่คงเป็นธรรมชาติของรถแนวนี้ที่เขาว่ากันว่า รูดหลุมได้เลย ไม่ต้องชะลอ วิ่งผ่านเนินหลังเต่าที่ใช้ชะลอรถโดยไม่ต้องชะลอเหมือนรถประเภทอื่นได้เลย ซึ่งมันใช่ มันจริงตามนั้น แต่รถมีอาการเด้งขึ้นลงบ้างถ้าหลุมมันกว้าง หรือหลังเต่ามันสูงหน่อย อาจจะเป็นอย่างที่เขาบอกกันว่า CRF 250L นั้นมีช่วงล่างที่ย้วย (เขาว่า KLX ดีกว่ามาก แถมปรับช่วงล่าง ระบบรับแรงกระแทกให้รองรับกับสภาพถนนได้ด้วย ซึ่ง CRF 250L มันปรับไม่ได้)
อาการย้วย มันก็ได้ความนิ่มมา แต่ตอนวิ่งเร็วหน่อย แล้วเข้าโค้งอาจจะทำให้รู้สึกไม่มั่นคงได้ ทีนี้เขาว่าถ้าไปเปลี่ยนโช๊คก็จะดีขึ้นผิดหูผิดตา ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจ (แต่ใจคงไม่เปลี่ยนตอนนี้แน่นอน) เพราะถ้ามันไม่นิ่ม ก็แปลว่ามันกระด้างขึ้นหรือเปล่า ซึ่งบอกตรง ๆ ผมเสียดายความรู้สึกนิ่ม ๆ นี่เหมือนกัน ถึงจะรู้สึกไม่มั่นคงก็เหอะ
มาดูเรื่องที่ต้องคิดถึงเมื่อจะใช้รถแนวนี้เพราะเราได้ยินคนเป่าหูมาไม่น้อยว่า ขับขี่แล้วมันปวดก้อน ทรมาน ก็ขอตอบเลยว่า แมร่งจริง จริงโคตร ๆ -*- ขนาดว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างทนมากแล้วนะ แต่ขับจากศูนย์มาบ้าน ขับจากบ้านไปคุยกับร้านทำปี๊บแล้วขับกลับ แค่ตอนออกจากศูนย์มาบ้าน ผมก็รู้สึกได้ถึงอาการปวดก้นแล้ว ผมคิดว่าน่าจะเพราะเบาะมันแข็งนะ เปลี่ยนให้นิ่มน่าจะดีขึ้น ส่วนเรื่องเบาะมันแคบน่าจะไม่ขนาดนั้น มันไม่ได้แคบมากเกินไป แต่ก็แน่นอนละ เทียบกับรถเก่าที่เป็น Big Scooter ที่เบาะโคตรกว้าง เอาเด็กมานอนบนเบาะได้สบาย ๆ แล้วละก็ เจ้า CRF 250L เบาะแคบ ไม่ใช้พื้นที่ขาอ่อนมาช่วยรับน้ำหนักตัว ทำให้ก้นรับน้ำหนักตัวเต็ม ๆ นาน ๆ และพื้นที่นั่งมันไม่ได้เยอะ ทำให้เราขยับเปลี่ยนตำแหน่งได้นิดเดียว ก็แปลว่า เราจะเมื่อยได้เร็ว แต่ข้อดีของการที่เบาะไม่มารับกับขาอ่อนก็คือ ปลายขาเราจะไม่ค่อยชา (คนไม่เคยขี่ทางไกล ๆ และไม่เจอรถที่ออกแบบมาให้งอขาเยอะ ๆ จะไม่เข้าใจว่า ถ้าต้นขาโดนน้ำหนักตัวกดเข้ากับเบาะ มันจะทำให้เลือดลงไปเลี้ยงปลายขาได้น้อยลง ถ้าขับขี่นาน ๆ มันจะทำให้เรารู้สึกชาในที่สุด แต่ขยับ หรือยืดขาหน่อยก็หายแล้วละ ไม่ใช่เรื่องใหญ่)
ผมได้ลองยืนขี่ดู พบว่ารถมันให้ความรู้สึกว่า 'น่าจะควบคุมได้ง่าย' มากกว่ารถอื่นที่เคยขับมานะ อาจจะเพราะมันผอมหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ อันนี้เดาไม่ได้ เพราะการยืนควบคุมรถ ใช้การถ่ายน้ำหนักตัวเพื่อควบคุมรถ มันเป็นพื้นฐานหนึ่งในการขับขี่รถแนวนี้ด้วย เขาเลยออกแบบมาให้ทำได้ง่ายละมั้ง
อย่างไรก็ดี แฮนด์มันเถื่อนมาก ปลอกแฮนด์ ปลอกคันเร่ง มันเล็ก ซึ่งดีนะ มันทำให้เรากำได้กระชับ เหมาะแล้วกับรถแนวนี้ที่ใช้ลุยทางเถื่อน แต่อยากจะบอกว่า มันค่อนข้างแข็นนะเจ้าปลอกแฮนด์เนี้ย อีกทั้งแฮนด์มันรับแรงสั่นสะเทือนมาตลอดทุกช่วงความเร็ว ส่งมาถึงมือเรา ซึ่งไอ้แรงสั่นสะเทือนนั้นอ่ะ ไม่มากหรอก น้อยมาก แต่ส่งมาตลอดเลย รู้สึกได้เลยว่า
ไฟหน้ารถมันก็สว่างใช้ได้นะ แต่รู้สึกว่าไฟมันจะสูงไปนิด นั้นน่าจะทำให้รถที่ขับสวนมา อาจจะโดนไฟแยงตาซักหน่อย ดีว่าไฟมันก็เป็นไฟปกติ ไม่ได้ดูแสบตาอะไร
ส่วนไฟหลัง ด้านหลังผมกลับไม่ค่อยชอบ จริง ๆ แล้วผมรู้สึกว่า รถรุ่นใหม่ ๆ ทุกวันนี้ออกแบบท้ายรถ โดยที่มีไฟท้ายเป็นพระเอกได้สวยงามมากเกือบทุกตัว แต่เจ้า CRF 250L ผมกลับรู้สึกว่า มันออกแบบตรงนี้ไม่สวยนัก
แต่งานออกแบบส่วนอื่น ผมชอบนะ มันดิบ มันเบสิก มันดูตรง ๆ แม้จะมีส่วนแฟริ่งแถวเข่าเราที่ออกแบบมาหวือหวานิดหน่อย แต่ก็ ok ใช้ได้ ซึ่งผมชอบการออกแบบหน้าตารถของ CRF 250L มากกว่า KLX 250 มากนะ
เบรคหลัง ที่เท้า ตอนเหยียบครั้งแรก (วิ่งออกมาศูนย์ได้สักระยะแล้ว) ตกใจ คือมันบางมาก ชะลอรถให้เราน้อยเหลือเกิน ต้องเบรคหน้าซัก 80% ได้เลยละ ซึ่งหลังกลับมาถึงบ้าน ผมสอบถามในกลุ่ม CRF ทุกคนบอกว่า เป็นเรื่องปกติ และเป็นเรื่องปกติของรถใหญ่ ๆ ทุกคันด้วย (แต่เจ้า SYM GTS 300i ของผม เบรคหน้า หลัง ทำงานแน่นหมดนะ) ผมก็เบาใจลงหน่อย แค่ปรับตัวให้เข้ากับรถมากขึ้น
ตัวเครื่องดูใหญ่นะ ผมไม่เคยเห็นเครื่องลูก 300 cc. ชัด ๆ แบบนี้มาก่อน (แม้ว่ามันจะแค่ 250 cc. แต่รู้สึกว่าจริง ๆ เจ้านี้มันลูกเดียวกับ 300 cc. ของ Honda อีกหลาย ๆ ตัวนั้นแหละ แต่จูน ปรับแต่งมาเป็น 250 cc. แทน
แต่ได้ความใหญ่โตของมัน ผมบอกตรง ๆ ว่าตกใจเรื่องความร้อนที่แผ่ออกมาจากเครื่องมาก แมร่งโคตรร้อน แล้วเครื่องก็ค่อนข้างเปลือย ผมใส่ขาสั้น โดนบริเวณกันร้อนของต้นท่อ ยังรู้สึกร้อนมาก ต่อให้เราไม่โดนตัวเครื่องเลย ขาแค่อยู่ใกล้ ๆ ก็ร้อนมากแล้ว ซึ่งผมก็เคยได้ยินมานานแล้วว่า เครื่องตั้งแต่ 300 cc. ขึ้นไป มันร้อนมากอยู่แล้ว แต่ไม่นึกว่าแค่ 300 cc. ที่หลาย ๆ ประเทศ หลาย ๆ คนมองว่ามันคือ Big Bike ระดับเล็กสุด แต่กลับร้อนไม่ได้เล็กเลย นี่ถ้าขับขี่ทางเถื่อนนาน ๆ วิ่งเกียร์ต่ำ ๆ วิ่งช้า ๆ สงสัยอาจจะมีฮีทต์ 555
แต่รถมันดูแน่นดีนะ เครื่อง และอุปกรณ์ต่าง ๆ วางเข้ากับโครง และแฟริ่งได้ดูแน่น ไม่โหว่จนมองทะลุเห็นด้านหลังในจุดที่ไม่ควรเห็น อย่าง Rebel 300 อ่ะ ผมรู้สึกว่า ช่องว่างระหว่างเครื่องกับโครง และส่วนอื่น ๆ มันโล่งไป จนดูรถโหลง ๆ แต่ตัว Rebel 500 แน่นมาก เท่สุด ๆ