ช่วงวันหยุดยาวหน้าร้อน เราลองหาว่าจะไปเที่ยวไหนดี กะว่าจะไปใกล้ๆ อยู่แค่โตเกียว เสิร์ชไปเสิร์ชมา ก็ไปเจอกับสวนสนุกซานรีโอ้นี่แหละค่ะ เราอยู่ญี่ปุ่นมาก็ตั้งหลายปีนะ ทำไมเพิ่งจะรู้ล่ะเนี้ยว่ามีอะไรแบบนี้ในโตเกียวด้วย 5555 เราก็เลยชวนแก๊งเพื่อนสาวไปเที่ยวกัน แต่ละคนนี่สาวกซานรีโอ้กันหมดนะ โดยเฉพาะเรานี่ติ่งกุเดะทามะขั้นสุด


Sanrio Puroland เปิดตั้งแต่ปี 1990 เป็นสวนสนุกในร่มขนาดใหญ่ ที่ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะร้อน หรือหิมะถล่มยังไงก็แฟนๆซานรีโอ้ก็ยังสามารถสนุกและเพลิดเพลินกับเหล่าตัวการ์ตูนได้ค่ะ ก่อนที่จะเข้าไปเที่ยวข้างใน ขอบอกวิธีไปกันก่อนเน้อ


โดยรถบัส :
จากสนามบินฮาเนดะ : นั่งรีมูซีนบัส ประมาณ 2 ชั่วโมง มาลงที่ Keio Tama Center
สนามบินนาริตะ : นั่งรีมูซีนบัส ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง มาลงที่ Keio Tama Center

โดยรถไฟ :
สาย Keio Sagamihara ลงสถานี Tama Center เดิน 5 นาที
สาย Odakyu Tama ลงสถานี Tama Center เดิน 5 นาที
สาย Tama toshi Monorail ลงสถานี Tama Center เดิน 5 นาที
สามารถเดินทางง่ายๆ ภายใน 30 นาที จากสถานีชินจุกุ โดยรถไฟสาย Keio ที่ไปทาง Hashimoto
ดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ด้านล่างนี้ มีอธิบายเป็นวีดีโอด้วยอ่ะ เข้าใจง่ายมากๆ
https://th.puroland.jp/hometh/access_th/


ป้ายสถานีกับตารางบอกเวลายังน่ารักเลย มาไม่ผิดสถานีแน่ๆ


อันนี้เป็นเพดานที่สถานีค่ะ ตัวการ์ตูนทุกตัวแต่งชุดนายสถานี น่ารักมากๆ


ถึงทางเข้าแล้วจ้าาาา พอดีมาวันธรรมดา คนเลยน้อยหน่อย ถ้าวันเสาร์อาทิตย์คงมีแต่เด็กจิ๋วมาเที่ยวกันเยอะ


ซื้อบัตรมาแล้วจ้า ซื้อบัตรได้ที่เคาเตอร์ด้านหน้าสวนสนุกเลยนะ ถ้าใครอยากจะซื้อมาจากไทยเลยก็ได้ มีบริษัททัวร์ขายอยู่ด้วย สะดวกดีเหมือนกัน ดูรายละเอียดในเว็บด้านล่างได้เลย
ราคาบัตรเข้าสวนสนุก
วันธรรมดา ผู้ใหญ่ 3,300 เยน เด็ก 2,500 เยน
วันเสาร์อาทิตย์ ผู้ใหญ่ 3,800 เยน เด็ก 2,7 00 เยน
ตารางเวลาเปิด-ปิดในแต่ละวัน ไม่เหมือนกันนะ เช็คได้จากในเว็บนี้เลย
https://th.puroland.jp/#ticket


พอเข้ามาด้านใน แล้วเดินลงบันไดเลื่อนมา ก็จะเจอกับลานกว้างที่ไว้จัดแสดงขบวนพาเหรด คือ ตกแต่งได้น่ารักมากอ่ะ อารมณ์เหมือนอยู่ในป่าซานรีโอ้เลย ชักอยากเห็นพาเหรดซะแล้วสิ


แต่ก่อนอื่น เราขอเพื่อนแว๊บมาดู Gudetama The Movie Show ก่อน ระหว่างเล่นห้ามถ่ายภาพค่ะ อันนี้ถ้าเป็นคนที่รู้ภาษาญี่ปุ่นจะตลกมาก เพราะกุเดะทามะจะใช้คำพูดตลกๆแกล้งคนดู เอ้ย พูดคุยกับคนดูค่ะ


พอดูเสร็จ ก็จะเที่ยงแล้ว พวกเราเลยขอแว๊บไปทานข้าวกันก่อนค่ะ เห็นบอกว่าที่นี่อาหารน่ารักมากๆๆๆ น่ารักจนทานไม่ลงกันเลยทีเดียว เราเลยมาพิสูจน์กันที่ห้องอาหารชั้นใต้ดิน ชั้นเดียวกับที่จัดแสดงพาเหรดค่ะ เมนูทุกอย่างอยู่ที่ 1,200-1,500 เยนค่ะ


เริ่มที่ข้าวห่อไข่กุเดะทามะนอนห่มผ้าห่มเบคอนแบบชิวๆ


อันนี้สั่งเพราะอยากรู้ว่าสีดำๆมันจะอร่อยมั้ย มันเป็นข้าวแกงกะหรี่แบดแบดสึมารุล่ะ


คิ้วท์สุดๆ ข้าวแกงกะหรี่จะแฮมเบิร์กปอมปอมพูริน ดูมีสารอาหารที่สุดเพราะมีมะเขือเทศ 55 อันนี้อร่อย


ต่อด้วยของหวาน เครปคิตตี้กับมายเมโลดี้ อยู่ที่ห้องอาหารชั้น 4 นะคะ ราคาน่าจะ 800 กว่าเยนค่ะ


ยังไม่หมด!! นี่ก็ไม่รู้ว่ามาเที่ยวหรือมากินกันแน่ เบอรี่โยเกิร์ตปั่นกับเยลลี่ชินนามอนโรล น่ารักมากกกกก และอร่อยมากกก อยู่ชั้น 4 โซนที่ขายเฉพาะชินนาม่อนโรอ่าค่ะ ห้ามพลาดเลย


หลังจากทานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินกลับมาที่ป่าตรงกลาง เพื่อดูขบวนพาเหรดที่เค้าบอกว่าอลังการงานสร้าง แล้วเราก็เหลือบไปเห็นคนต่อแถวกัน นี่ก็งงว่าต่อกันทำไม? หันไปอีกทางก็เห็นคนถ่ายรูปกับตัวการ์ตูนอยู่ โอ้โห ต้องต่อแถวถ่ายรูปเลยอ่ะ ความมีระเบียบนี้ช่างน่านับถือ ตัวการ์ตูนจะผลัดกันออกมาเดินถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด เราก็แอบไปเดินหากับเค้าด้วย สนุกไปอีกแบบ 555


Miracle Gift Parade เป็นโชว์ที่อลังการสมคำร่ำลือจริงๆค่ะ นักแสดงทุกคนเต้นแล้วก็แสดงดีหน้าได้ดีมากๆๆ มีการเดินขบวนของเหล่าตัวการ์ตูนดัง ที่ออกมาเต้นอย่างสนุกสนาน ยังมีนักเต้นอีกเพียบมาร่วมแสดง ดูเพลินมากกกก


แนะนำนิดนึงว่า ถ้าใครจะดูพาเหรดให้รีบมาจองที่ก่อนนะ เพราะที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องโชว์พาเหรด คนค่อนข้างเยอะมาก


หลังจากดูพาเหรดเสร็จ เราก็จะไปตะลุยแต่ละห้อง แต่ละเครื่องเล่นกันค่า ตามมาเลย!


Lady Kitty House เป็นบ้านของคิตตี้จังค่ะ มีทั้งห้องเปียโน ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องแต่งตัว ด้านในมีจุดถ่ายภาพเยอะแยะมากมายเลยค่ะ


หมียักษ์จะออกมาตามเวลา พอหมดเวลาก็จะฟีบแล้วหุบเข้าประตูไป ตลกมาก


เตียงนอนคิดตี้ค่ะ ทำไมกินขนมบนเตียง 555 ถ้านอนบนเตียงแล้วมองขึ้นไป จะมีจอให้เราเล่นกันด้วย ใครอยากรู้ว่ามันคืออะไร ก็ลองไปนอนดูนะคะ


มีเกมแต่งตัวให้เล่นด้วย แค่ไปยืนหน้ากระจกแล้วหมุนๆตัว ก็จะมีชุดให้ใส่


เมื่อเราเดินชมบ้านคิตตี้จนหมดแล้ว ก็จะเดินไปยังห้องสุดท้าย ที่สามารถถ่ายรูปกับคิตตี้ตัวจริงได้ด้วย!


ส่วนภาพที่ระลึกจะถูกใส่มาในเฟรมคิตตี้หวานแหวว สามารถซื้อได้เมื่อออกจากบ้านแล้วค่ะ


ต่อมา เราก็มาบุกบ้านกิกิราร่า ~Kiki & Lala~ Twinklingtourที่มีปุยเมฆและดวงดาวมากมาย ที่นี่มีจุดให้ถ่ายภาพเยอะมาก! ไม่ว่าจะเป็นพระจันทร์เสี้ยว


บ้านกิกิ ราร่า อ่างอาบน้ำ เตียงนอนปุยเมฆ และโต๊ะจิ๋วกับแก้วน้ำใบยักษ์


ชอบบ้านกิกิราร่ามากกก แสงไฟสีม่วงๆชมพูทำให้ถ่ายรูปออกมาหวานโดยไม่ต้องปรับภาพก่อนลงโซเชียลเลย ก่อนออกจากห้องจะมีเกมให้เพื่อนๆเล่น เพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วยค่ะ พอออกมาด้านนอกจะเจอกับตู้เกม และตู้คีบตุ๊กตา ให้เล่นสนุกกันด้วย


ต่อไปเป็น ~My Melody & Kuromi~Mymeroad Drive นั่งรถมายเมโลดี้คันจิ๋ว และเข้าไปในห้องต่างๆ ที่จัดแสดงมายเมโลดี้สุดน่ารัก และคุโรมินจอมป่วน ซึ่งแต่ละเข้าห้องที่เข้าไป จะมีกล้องมากมาย เพื่อนๆต้องสังเกตให้ดี แอคท่าให้ทัน เมื่อวนครบแล้ว ด้านนอกจะมีรูปให้เพื่อนๆเลือกซื้อเป็นของที่ระลึกด้วยค่ะ


พอถ่ายภาพเสร็จก็มาแต่งรูปกันต่อค่า


ห้องสุดท้ายที่เราไปคือ Gudetama Land ค่ะก่อนเข้าเมืองกุเดะทามะได้ เราจะได้รับพาสปอตกลุ่มละ 1 ใบ เพื่อไปทำภารกิจให้ครบค่ะ


ภารกิจมีทั้งหมด 6 ด่านด้วยกัน โดยเราจะต้องเล่นเกมต่างๆในกุเดะทามะแลนด์ จะมีทั้งถ่ายภาพกับกุเดะทามะยักษ์ โยนโบว์ลิ่ง ตอกไข่ใส่กระทะ เกมเต้นเก็บคะแนน เป็นต้น เล่นเพลินมาก อันนี้สนุกกกก


นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายภาพน่ารักๆอีกเพียบ! สาวกกุเดะทามะต้องห้ามพลาดเลยนะคะ


หมุนไข่ไข่ขี้เกียจกันหน่อยจ้า มีตู้เรียงเป็นตับเลย 555


พอออกมา เราก็ทำการซื้อรูปเป็นที่ระลึกค่าาาา ถ้าจำไม่ผิดใบละ 500 เยน
และแน่นอนว่าก่อนกลับ เราต้องชอปปิ้งกันสักหน่อย ที่ซานรีโอ้พูโรแลนด์เนี้ย มีของที่ไม่ได้ขายตามชอปทั่วไปด้วยนะ แถมถ้าช่วงไหนเป็นช่วงเทศกาล ก็จะมีของในช่วงนั้นๆออกมาอีก ของแต่ละอย่างก็น่ารักจนต้องเสียเงินซื้อไปตามๆกัน


ใครที่มีเวลาว่างๆระหว่างเที่ยวโตเกียว ก็ลองแวะมาซานรีโอ้พูโรแลนด์กันได้นะคะ ถ้ามาเป็นครอบครัวรับรองว่าเด็กๆจะต้องสนุกมากแน่ๆ ส่วนสาวๆก็คงกรี๊ดแตกกับความน่ารักของตัวการ์ตูนแน่นอนค่ะ หรือจะมาเดทกันที่นี่ก็เลิศเหมือนกันนะคะ ไม่ร้อนดีด้วย แถมมีจุดถ่ายรูปเต็มไปหมดเลย ถ้ามาแนะนำให้ถ่ายรูปเยอะๆน้า เพราะแสงและองค์ประกอบมันน่ารักไปหมดดด เก็บไว้ลงได้ยันกลับไทยเลย