คือการที่ฤกษ์ตัดสินใจวางแผนให้ใจเริงไปอยู่บ้านพ่อ เพื่อจะให้พิมกลับมาอยู่เรือนหอ เพราะนิสัยขี้วีนอาละวาดของใจเริงด้วย เลยเป็นผลให้ฤกษ์ตัดสินใจว่าไม่เอาผู้หญิงที่เป็นไฟเป็นภรรยาใหม่แน่นอน เหมือนเห็นผลแล้วว่า ใจเริงเหมาะเป็นคู่ขา แต่ไม่เหมาะเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยแล้วจะสบายใจเท่าพิม คือคงเพิ่งมารักพิมจริงๆ มาเห็นความดีของพิม ความเย็นเป็นน้ำของพิมจริงๆก็ตอนนี้
มองในทางกลับกัน สมมติว่าใจเริงทำตัวดีๆ ไม่วีนเหวี่ยงอาละวาด (ถึงแม้จะเข้าใจได้ว่านางดุร้ายขึ้นกว่าเดิม เพราะอาการแพ้ท้อง) ฤกษ์จะใจอ่อน ไม่กล้าวางแผนเฉดหัวนางออกจากบ้านไหม? เพราะฤกษ์จะมีเยื่อใยกับเริงมากกว่าเทิด เพราะกรณีของเทิดที่เผชิญความแตกหักความแย่ของเริงมาก่อนแล้ว ถึงได้ตัดขาดจากเริงได้ดีกว่า ไม่เอาความมักมากมานำสติเหมือนฤกษ์
ปล. แต่จริงๆเราขยะแขยงผู้ชายที่มีความคิดแบบนี้มาก เฉดหัวแม่ของลูกไปอยู่บ้านพ่อ จะเอาเมียหลวงกลับมาใหม่ อ้างสารพัดว่าไม่รับแม่จะเอาแต่ลูก...เรารู้สึกว่าผู้ชายแบบนี้โครตเห็นแก่ตัว จะเอาปลามันทั้งสองมือ (เอาลูกและเอาเมียหลวง) ปล่อยให้เมียน้อยรับขี้ไปคนเดียว ด้วยข้ออ้างว่าเมียน้อยมันไม่ดีงู้นงี้ มันวีนอาละวาดตอนท้อง ตรูรับไม่ได้...เราแบบเฮ้ย แกไม่มาท้องเอง ทำไมไม่เข้าใจผู้หญิงตอนท้อง ว่าอยากได้คนดูแลเข้าใจขนาดไหน คือกะจะรับเอาแต่ด้านดีๆของเมียๆอย่างเดียว แต่ด้านแย่ๆของเขาไม่รู้จักยอมรับได้
...แต่เราเข้าใจใจเริงตอนท้องนะ ว่านิสัยนางตอนปกติก็ร้ายอยู่แล้ว ตอนท้องยิ่งแปรปรวนเข้าไปใหญ่ แถมผัวก็ไม่เข้าใจอดทนด้วย ไหนพอคลอดแล้วผัวไม่ดูดำดูดี กลับโยนไปให้บ้านพ่อ ไม่แต่งงานเป็นเมีย...คือเข้าใจใจเริงเลยว่าตอนต่อไป ทำไมนางถึงกล้าไปหาที่เกาะใหม่ได้ เพราะดูสภาพก็เห็นแล้วว่า ทำดีอยู่ต่อไปยังไงผัวก็ไม่รัก(เพราะนิสัยใจเริงไม่ใช่คนยอมใครอยู่แล้ว) ใครมันจะไปทนอยู่ในสภาพที่ไม่ได้เป็นทั้งเมียทั้งแม่ของลูกอย่างออกหน้าออกตาได้ (แต่ก็ตำหนินางเหมือนกันที่ไม่เป็นแม่ที่ดี ไม่รักลูก กล้าบอกให้เอาลูกไปทิ้งก็ได้)
คือถ้าเราเป็นฤทธิ์เองนี่ เราจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเลยนะ ชีวิตคู่ลูกเอง ลูกมันต้องจัดการเองซิ เพราะมันเป็นปัญหาที่ลูกก่อไว้ ทำไมพ่อแม่ต้องตามมาเช็ดให้อีก...อาจจะยอมรับหลานมาดูแลไว้ก่อน แต่ไม่รับเมียน้อยเข้าบ้านแน่ๆ ต้องให้เคลียร์กับลูกเราให้มันเรียบร้อย เพราะขืนปล่อยหลานให้อยู่กับพ่อแม่ที่ร้อนเป็นไฟขึ้นมา หลานมีสิทธิ์หวิดตายเอาได้ทุกเวลา (เรามองว่าเด็กเกิดมาเขาไม่ได้ผิดอะไร ไม่ได้ไปคิดรังเกียจว่าเป็นลูกที่เกิดจากสะใภ้ที่ไม่ยอมรับ) เราอาจจะไม่ช่วยผู้หญิง เพราะผู้หญิงก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วย แต่จะไม่อวยลูกตัวเองให้ผู้หญิงฟังหรอก เหมือนว่าลูกเราไม่ผิดหรอก เพราะเราก็รู้สึกว่าลูกตัวเองก็ทำตัวขยะแขยงพอกัน เป็นเราจะบอกให้พิมไปมีชีวิตใหม่เลย ไม่มาเป็นกองเชียร์ไปขอโอกาสให้ลูกเราอีกหรอก เราอาย
(เพลิงบุญ)ถ้าใจเริงทำตัวดีๆ คิดว่าฤกษ์จะสงสารไม่กล้าทิ้ง หรือเฉดหัวออกจากบ้านหรือเปล่า?
มองในทางกลับกัน สมมติว่าใจเริงทำตัวดีๆ ไม่วีนเหวี่ยงอาละวาด (ถึงแม้จะเข้าใจได้ว่านางดุร้ายขึ้นกว่าเดิม เพราะอาการแพ้ท้อง) ฤกษ์จะใจอ่อน ไม่กล้าวางแผนเฉดหัวนางออกจากบ้านไหม? เพราะฤกษ์จะมีเยื่อใยกับเริงมากกว่าเทิด เพราะกรณีของเทิดที่เผชิญความแตกหักความแย่ของเริงมาก่อนแล้ว ถึงได้ตัดขาดจากเริงได้ดีกว่า ไม่เอาความมักมากมานำสติเหมือนฤกษ์
ปล. แต่จริงๆเราขยะแขยงผู้ชายที่มีความคิดแบบนี้มาก เฉดหัวแม่ของลูกไปอยู่บ้านพ่อ จะเอาเมียหลวงกลับมาใหม่ อ้างสารพัดว่าไม่รับแม่จะเอาแต่ลูก...เรารู้สึกว่าผู้ชายแบบนี้โครตเห็นแก่ตัว จะเอาปลามันทั้งสองมือ (เอาลูกและเอาเมียหลวง) ปล่อยให้เมียน้อยรับขี้ไปคนเดียว ด้วยข้ออ้างว่าเมียน้อยมันไม่ดีงู้นงี้ มันวีนอาละวาดตอนท้อง ตรูรับไม่ได้...เราแบบเฮ้ย แกไม่มาท้องเอง ทำไมไม่เข้าใจผู้หญิงตอนท้อง ว่าอยากได้คนดูแลเข้าใจขนาดไหน คือกะจะรับเอาแต่ด้านดีๆของเมียๆอย่างเดียว แต่ด้านแย่ๆของเขาไม่รู้จักยอมรับได้
...แต่เราเข้าใจใจเริงตอนท้องนะ ว่านิสัยนางตอนปกติก็ร้ายอยู่แล้ว ตอนท้องยิ่งแปรปรวนเข้าไปใหญ่ แถมผัวก็ไม่เข้าใจอดทนด้วย ไหนพอคลอดแล้วผัวไม่ดูดำดูดี กลับโยนไปให้บ้านพ่อ ไม่แต่งงานเป็นเมีย...คือเข้าใจใจเริงเลยว่าตอนต่อไป ทำไมนางถึงกล้าไปหาที่เกาะใหม่ได้ เพราะดูสภาพก็เห็นแล้วว่า ทำดีอยู่ต่อไปยังไงผัวก็ไม่รัก(เพราะนิสัยใจเริงไม่ใช่คนยอมใครอยู่แล้ว) ใครมันจะไปทนอยู่ในสภาพที่ไม่ได้เป็นทั้งเมียทั้งแม่ของลูกอย่างออกหน้าออกตาได้ (แต่ก็ตำหนินางเหมือนกันที่ไม่เป็นแม่ที่ดี ไม่รักลูก กล้าบอกให้เอาลูกไปทิ้งก็ได้)
คือถ้าเราเป็นฤทธิ์เองนี่ เราจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเลยนะ ชีวิตคู่ลูกเอง ลูกมันต้องจัดการเองซิ เพราะมันเป็นปัญหาที่ลูกก่อไว้ ทำไมพ่อแม่ต้องตามมาเช็ดให้อีก...อาจจะยอมรับหลานมาดูแลไว้ก่อน แต่ไม่รับเมียน้อยเข้าบ้านแน่ๆ ต้องให้เคลียร์กับลูกเราให้มันเรียบร้อย เพราะขืนปล่อยหลานให้อยู่กับพ่อแม่ที่ร้อนเป็นไฟขึ้นมา หลานมีสิทธิ์หวิดตายเอาได้ทุกเวลา (เรามองว่าเด็กเกิดมาเขาไม่ได้ผิดอะไร ไม่ได้ไปคิดรังเกียจว่าเป็นลูกที่เกิดจากสะใภ้ที่ไม่ยอมรับ) เราอาจจะไม่ช่วยผู้หญิง เพราะผู้หญิงก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วย แต่จะไม่อวยลูกตัวเองให้ผู้หญิงฟังหรอก เหมือนว่าลูกเราไม่ผิดหรอก เพราะเราก็รู้สึกว่าลูกตัวเองก็ทำตัวขยะแขยงพอกัน เป็นเราจะบอกให้พิมไปมีชีวิตใหม่เลย ไม่มาเป็นกองเชียร์ไปขอโอกาสให้ลูกเราอีกหรอก เราอาย