ออฟฟิศ...อลวน ลูกน้อง...อลเวง

มีคนกล่าวว่า “คนเราใช้ชีวิตในที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน” ซึ่งมันเป็นความจริงสำหรับชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างฉัน  และใครๆอีกหลายคน  วันจันทร์ถึงศุกร์อยู่ออฟฟิศ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น ซึ่งก็ไม่ต่ำกว่า 8-9 ชั่วโมง ต่อวัน หรือบางวันอาจจะมากกว่านั้นถ้างานยังไม่เสร็จ  โดยเวลาที่เหลืออยู่บ้านเพียง 4-5 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็เป็นเวลานอน  ดังนั้นเรื่องที่ทำงานจึงเป็นประเด็นสำคัญมากสำหรับฉัน และขอเชิญชวนทุกท่านที่เคยมีประสบการณ์คล้ายๆกัน หรือมีเรื่องแปลกใหม่แบ่งปันประสบการณ์กันได้  อยากให้ทุกคนอ่านเรื่องนี้และแสดงความคิดเห็น ในด้านที่ตนเองมีความรู้ความเชี่ยวชาญ  เพื่ออภิปรายเนื้อหาในมุมมองต่างๆอย่างสร้างสรรค์  หรืออย่างน้อยเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวฉันผู้เป็นเจ้าของเรื่องก็ยังดี  

สำหรับใครที่ไม่อยากอ่านความเป็นมายืดยาว เน้นความบันเทิง ขอให้ข้ามไปอ่านในส่วนที่ 2 (ไม่อยากจะเม้า) ได้เลย

ฉันอายุ 26 ปี อาชีพเป็นพนักงานบัญชีบริษัทเอกชนข้ามชาติแห่งหนึ่งที่เพิ่งเปิดกิจการ ช่วงแรกบริษัทมีพนักงานไม่กี่คนและด้วยความที่เป็นพนักงานชุดแรกของบริษัท ฉันจึงมีหน้าที่ในการทำงานทุกอย่าง  ตั้งแต่งานจิปาถะ งานเบ็ดเตล็ด งานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแห่งหน้าที่หรือแม้แต่งานที่ไม่มีคนทำ รวมไปถึงงานติดต่อทั่วไปและงานฝ่ายบุคคลด้วย ดังนั้นฉันจึงงานยุ่งมากแต่ละวันแทบไม่มีเวลาได้กินข้าว

พอทำงานได้ยังไม่ถึงปีบริษัทก็พิจารณาปรับเงินเดือนเพิ่มให้ แต่พอบริษัทดำเนินกิจการมาสักระยะ ภาระงานเริ่มมีมากขึ้น จนฉันเองคิดว่างานบางอย่างไม่สามารถทำได้โดยคนเดียวอีกต่อไป  ฉันจึงร้องขอให้มีการจ้างงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลและงานแอดมินเพิ่มเพื่อแบ่งเบาบางส่วนออกไป  จนสามารถได้รับพนักงานเพิ่มมาช่วยเรื่องงานบุคคลและงานทั่วไป
หลังจากนั้นบริษัทก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมีการจ้างงานมากขึ้นเป็นเงาตามตัว  เพียงแค่ 1 ปีพนักงานก็มีมากขึ้นกว่าตอนแรกถึง 4 เท่า  ฉันจึงงขอให้มีการจ้างงานอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันต้องการพนักงานบัญชีเพื่อมาช่วยเหลืองานในส่วนของฉันที่มีมากขึ้นจากการขยายตัวของบริษัท

เป็นเวลากว่า 3 เดือนในการเปิดรับสมัครในเว็บไซต์หางาน  มีผู้สนใจสมัครมาจำนวนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ไม่ผ่านคุณสมบัติตามที่บริษัทต้องการ  โดยเหลือบุคคลที่เรียกมาสอบสัมภาษณ์ไม่ถึง 10 คน มีทั้งผู้มีประสบการณ์  เด็กจบใหม่ เกียรตินิยม อดีตผู้ช่วยผู้สอบบัญชี พนักงานที่มีความรู้ความสามารถทางด้านบัญชีการเงินจากบริษัทเอกชน ซึ่งคิดว่า ในจำนวนที่เรียกเข้ามาสัมภาษณ์ทุกคนจะมีสามารถในการทำงานได้อยู่แล้ว  

นอกจากนี้ทุกคนจะต้องทำแบบทดสอบซึ่งประกอบด้วย แบบทดสอบทางจิตวิทยา  ความรู้พื้นฐานทางบัญชี ความรู้พื้นฐานภาษาอังกฤษ  และสัมภาษณ์กับเจ้านายชาวต่างชาติเป็นภาษาอังกฤษพื้นฐานการสนทนาโต้ตอบ  ซึ่งในจุดนี้เป็นที่น่าตกใจว่ามีผู้สมัครถูกคัดออกกว่าครึ่ง ดังนั้นเราจึงเหลือผู้สมัครไม่มากนัก การพิจารณาจึงตกไปอยู่ที่พื้นฐานทางความคิด ลักษณะนิสัยอันพึงประสงค์ที่คาดว่าจะสามารถทำงานอยู่ด้วยอย่างมีความสุข  และข้อสำคัญคือ ประสบการณ์และเงินเดือน  จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้จึงได้ข้อสรุปยุติสำหรับการรับสมัครงานตำแหน่งพนักงานบัญชี โดยผู้ได้รับคัดเลือกเป็นเพศชาย อายุ 30 ปี ทำงานมาแล้วหลายปี ระดับการศึกษาพอใช้ ภาษาอังกฤษอยู่ในเกณ์พอใช้ สามารถผ่านเกณ์ ทั้งแบบทดสอบ อุปนิสัย ประสบการณ์ และเงินเดือนที่สมเหตุผล  โดยให้เหตุผลในการลาออกจากที่เก่า คือ ไม่มีเวลาทำงานและพักผ่อนเพราะต้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ

มกราคม 2560 การเริ่มต้นการทำงานของผู้ช่วย ฉันจำได้ว่าดีใจมากที่ในที่สุดได้คนเพิ่มสักที  หลังจากที่ให้เวลาในการค้นหาและคัดกรองนานพอสมควร  ในเดือนแรกผ่านไปพนักงานใหม่ที่มาช่วยก็ยังไม่ค่อยทำงานได้อย่างที่คิด  ทำงานค่อนข้างช้า  การสือสารภาษาอังกฤษดูเหมือนว่าการใช้งานในชีวิตจริงจะแย่กว่าที่ทำแบบทดสอบไว้ตอนแรก  ซึงฉันก็พยายามทำความเข้าใจว่าเป็นเดือนแรก คนเรามีความแตกต่าง  เค้าอาจเป็นคนทำงานช้า ต้องใช้เวลาปรับตัวให้ได้ก่อน ซึ่งฉันเองเลือกที่จะมองในทางที่เป็นบวกของเค้า  ที่ฉันเห็นว่าเค้ายังมีความขยัน ตั้งใจทำงาน  มาทำงานแต่เข้า  เลิกงานดึก ให้ทำอะไรก็ทำ ฉันคิดว่าพอมีคนช่วยชีวิตก็จะดีขึ้นกว่าเดิม

มีนาคม 2560 จนเวลาผ่านไปครบ 3 เดือน ฉันคิดว่าความพยายามของเค้าส่งผลให้เค้าสามารถทำงานได้ตามที่เราวางไว้ได้ในระดับหนึ่ง  ฉันจึงเซ็นใบผ่านการทดลองงานให้เค้าได้เป็นพนักงานประจำของบริษัท  นับตั้งแต่ผ่านการทดลองมาประมาณ 1-2 เดือน  เค้าพยายามจะขอให้ขึ้นเงินเดือน โดยอธิบายเหตุผลว่า ช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมามีงานเยอะ ประกอบกับที่ทำงานเก่าที่เค้าเคยทำ ให้เงินเดือนเค้าได้เยอะมากกว่าที่เราให้   ซึ่งหากคิดว่าเค้าสามารถเรียกเงินเดือนตั้งแต่แรกก่อนรับสมัครตามเงินที่เค้าต้องการ แต่เค้าก็เป็นคนเรียกเงินซึ่งน้อยกว่าที่ได้จากที่เก่าด้วยตัวเอง และบอกว่าเค้ารับได้เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายลดลง

ในตอนแรกก็รู้สึกแปลกใจ  แต่ฉันก็อยากให้ลูกน้องอยู่อย่างมีความสุข ในเมื่อเค้าอยากได้เพิ่ม   ฉันจึงใช้ระยะเวลาในการประเมินการทำงานอีกครั้ง  ซึ่งมีข้อแลกเปลี่ยนคือ เค้าต้องสามารถช่วยแบ่งเบางานเพิ่มขึ้นให้ได้ตามที่กำหนด และพยายามเขียนคำร้อง และประเมินการทำงานเพื่อปรับเงินเดือน  พร้อมทั้งขอโบนัสเฉลี่ยนให้ตามระยะเวลาในเดือนที่ได้เข้ามาทำงาน ซึ่งถ้าเป็นที่อื่นหลายๆที่คงไม่ได้รับโบนัสเมื่อยังทำงานไม่ครบปี ผลสรุปคือ เค้าได้ปรับเงินเดือน ถึงจะไม่เยอะมาก แต่ก็ถือว่าเป็นน้ำใจ  และให้โบนัสอีกส่วนหนึ่งเพื่อเป็นกำลังใจอีกด้วย  ตรงนี้ฉันคิดว่าเสียเพื่อซื้อใจคนยังไงก็คุ้ม

มิถุนายน 2560 หลังจากนั้นมา ครบรอบ 6 เดือนของการทำงาน เค้าก็เริ่มมีปัญหากับงานเพิ่มขึ้น คราวนี้การทำงานเป็นไปด้วยความลำบาก งานบางอย่างเช่นเรื่องที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเริ่มติดขัด  เรื่องของพื้นฐานทางบัญชีบางเรื่องไม่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอ ไม่สามารถกระทบยอดเงินฝากกับบัญชีที่เค้าดูแลได้  ไม่สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้อย่างราบรื่น ลูกค้าเกิดความเข้าใจผิด คลาดเคลื่อน  ฉันจึงตัดสินใจเรียกประชุม และขอให้เค้าปรับปรุงตัวเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงกันตอนที่เค้าขอขึ้นเงินเดือน ทั้งนี้ฉันได้ใช้การประเมินในหลายๆด้าน หลังจากที่พูดคุยกัน จึงขอทำข้อตกลงใหม่อีกครั้งว่า จะให้เวลาอีก 3 เดือนต่อจากนี้  โดยครั้งนี้ให้เค้าเลือกงานที่เค้าคิดว่าจะสามารถช่วยทำได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากฉันคิดว่าอาจจะจัดสรรคงานได้ไม่ตรงตามความสามารถของเค้า  และหลักจากครบกำหนดเวลาเราจะมาดูผลงาน และมาประเมินกันอีกทีว่าเค้าสามารถทำงานอะไรได้บ้าง ซึ่งเค้าก็เข้าใจและตกลงรับเงื่อนไข  ซึ่งระหว่าง มิถุนายน - กันยายนก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นมากมายซึ่งจะขอเล่าเป็นเรื่องๆ ในส่วนที่ 2 (ไม่อย่างจะเม้า) แต่ละเรื่องสุดๆ ไปเลย ไปอ่านกันให้ได้นะ

กันยายน 2560 ครบระยะเวลาที่ตกลงกัน  จนตอนนี้เค้าทำงานมาได้ 9 เดือนพอดี เราตกลงกลับมาประเมินกันอีกครั้ง ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากทำงานแทบจะตีลังกาวันละสี่ห้าตลบ ปัญหาเยอะมาก แปลกมาก ซึ่งในการประชุมครั้งนี้เค้ายอมรับด้วยตัวเองว่าเค้าไม่มีสามารถทำงานที่เลือกเองได้ครบถ้วนตามที่ตกลงกันไว้ ก็คงต้องรอดูว่าเค้าจะเอายังไง  และผู้บริหารกับฝ่ายบุคคลจะทำอย่างใดต่อไป

เรื่องราวคร่าวๆก็เป็นแบบนี้  ที่ได้เล่ามาข้างบนเป็นเพียงระยะเวลาและลำดับเหตุการณ์ที่ไล่เรียงมาให้เห็นภาพ และความเป็นมาเท่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่