Tulip Mania: ดอกไม้อะไรแพงกว่าบ้าน!

กระทู้สนทนา

ไม่มีใครรู้ว่าจุดสูงสุดและต่ำสุดของราคาดอกทิวลิปที่ซื้อขายในฮอลแลนด์ช่วงปี 1634-1637 เป็นเท่าไรกันแน่ ณ จุดหนึ่ง ทิวลิปต้นเดียวสามารถซื้อบ้านได้ทั้งหลัง แต่หลังจากนั้นไม่นานทิวลิปต้นเดียวกันมีค่าแค่หัวหอมลูกเดียว...

ทิวลิปมีต้นกำเนิดแถบเอเชียกลาง บริเวณคาซัคสถาน ทาจีกิสถาน และอัฟกานิสถาน และเริ่มเข้าสู่สังคมชาวดัตช์ในปี 1593 ผ่านทางจักรวรรติออตโตมัน (ปัจจุบันคือตุรกี) และเป็นที่ชื่นชอบอย่างกว้างขวาง เพราะความสวยงามและความแปลกใหม่ โดยราคาที่ซื้อขายกันในช่วงแรกไม่ได้หวือหวาอะไร หลังจากนั้นไม่นาน เกิดโรคประหลาดที่ไม่มีอันตรายขึ้นกับดอกทิวลิป เรียกว่า Mosaic virus ซึ่งทำให้ดอกทิวลิปเกิด “ลายไฟ” เพิ่มความสวยความ และความหายาก ให้กับดอกไม้ที่กำลัง popular อยู่แล้ว ทำให้ผู้ปลูกดอกไม้ชาวดัตช์แข่งขันกันปลูก และพัฒนาพันธุ์ดอกทิวลิปอย่างคึกคัก ขณะที่ความต้องการ และราคาของดอก หัว ไปจนถึงเมล็ดทิวลิป เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ถึงขั้นที่มีอาชีพโบร้กเกอร์ทิวลิปเกิดขึ้น หลายคนเชื่อมั่น และซื้อขายอย่างเก็งกำไรว่าราคาของทิวลิปจะต้องเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แบบไม่มีลิมิต

ในปี 1620 ราคาของดอกทิวลิปสูงมากอย่างแทบไม่น่าเชื่อ ผู้คนยอมขายบ้านทั้งหลัง เงินเก็บทั้งชีวิต รวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อแลกกับทิวลิปลายหายากพิเศษ เรื่องราวบานปลายถึงขนาดว่าในปี 1633 ชาวดัตช์แทบจะใช้หัวทิวลิปซื้อของแพงๆ แทนเงินสด และหัวทิลลิปที่ใช้แทนเงินจะมีการเปลี่ยนมือกันกว่า 10 ครั้งต่อวันเลยทีเดียว

แน่นอนว่าราคาที่สูงทะลุฟ้าของทิวลิปเป็นเพราะแรงเก็งกำไรจนเกิดฟองสบู่ขนาดใหญ่ และไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของดอกไม้เลย ในปี 1637 ณ จุด peak ของฟองสบู่ทิวลิป กลุ่มคนจำนวนหนึ่งเริ่มขายทิวลิปทิ้งเพื่อทำกำไร จุดชนวน domino effect ส่งผลให้ราคาเริ่มลดลงเรื่อยๆ จนชาวดัตช์เริ่มตระหนักว่า เห้ย...นี่เรายอมขายบ้านทั้งหลังเพื่อซื้อดอกไม้ดอกเดียวได้ยังไงวะ ผู้คนสูญเสียความเชื่อมั่นในดอกทิวลิปในระยะเวลาอันสั้น และราคาก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็วจนแทบไม่เหลือค่าในช่วงเวลาไม่กี่เดือน นอกจากนั้นยังส่งผลให้เศรษฐกิจดัตช์ถดถอยโดยทันทีอีกด้วย

ฟองสบู่ทิวลิปถูกจดจำในหน้าประวัติศาสตร์เพราะถือเป็นฟองสบู่ที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงฟองแรกของโลก เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความโลภ และพฤติกรรมการเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่งของมนุษย์ ความโลภยังคงอยู่กับเราเสมอ เพราะวิกฤตจากเศรษฐกิจฟองสบู่ในรูปแบบต่างๆ ยังคงเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ และแน่นอนว่าจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต เราในฐานะนักลงทุนควรศึกษาเรื่องราวในอดีตเหล่านี้ไว้ เพื่อที่อย่างน้อยจะได้เตรียมตัวรับมือได้ดีขึ้น กับฟองสบู่รูปแบบใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครับ

p.s. 1 ดอกทิวลิป Viceroy ในภาพถือเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่แพงที่สุด Viceroy หัวเดียว ในปี1637 มีราคาสูงถึง 4,200 guilders (ค่าเงินดัตช์ในสมัยนั้น) ในขณะที่เงินเดือนของแรงงานฝีมือคนนึงทั้งปีอยู่ที่ 300 guilders เท่านั้น
p.s.2 หนังใหม่เข้าพรุ่งนี้เรื่อง Tulip Fever อิงกับเหตุการณ์นี้ด้วย สงสัยต้องไปดูซะแล้ว

ติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.facebook.com/thecoffeeshopinvestor/ ครับ ยิ้ม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่