เรื่องมีอยู่ว่า เราทำบัตรคอนเสิร์ตหาย มีการลงบันทึกประจำวัน แสดงตัวเป็นเจ้าของบัตรต่อเจ้าหน้าที่คอนเสิร์ตเรียบร้อย
แต่เมื่อถึงเวลาเข้าคอนเสิร์ต กลับมีคนอื่นมานั่งที่ของเรา จึงถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวมาสอบสวนเบื้องต้น (ขอแทนว่านส.A)
นส.A บอกว่าซื้อบัตรของเรามาจาก นส.B ผ่านทางทวิตเตอร์
ในมูลค่าที่ต่ำกว่าราคาจริง คือ 4500 บาท จากราคาเต็ม 5000 บาท
โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นของที่เราทำหาย
ในขั้นตอนนี้ เจ้าหน้าที่คอนเสิร์ตคืนบัตรให้กับเรา เราได้เข้างานไปดูจนจบ
และเจ้าหน้าที่บอกให้ Aไปแจ้งความขอเงินคืนจากBเอง
ต่อมา เราได้คุยกับนส.AและB จึงทราบว่า Bได้คืนเงิน 4500บาทให้ Aแล้ว
Aไม่ติดใจเอาความกับB
B ซึ่งเป็นคนเอาบัตรเราไปประกาศขายในราคา 4500 อ้างว่าช่วยเพื่อนประกาศขายเฉยๆ ตนไม่รู้ไม่เห็นอย่างอื่นด้วย
เพื่อนคือ นส.C
นส.C บอกเราว่าซื้อมาอีกทอดเช่นกัน จากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่สามารถระบุตัวตนได้
เราถามหาหลักฐานในการซื้อ เช่น ได้ดูสลิปจ่ายเงินแลกรับบัตร หลักฐานยืนยันว่าคนที่มาขายให้เป็นเจ้าของจริงๆมีหรือไม่
(ด้านหลังบัตรจะมีเลขที่สั่งซื้อระบุค่ะ ซึ่งเลขที่นี้จะตรงกับใบสลิปจ่ายเงินซึ่งผู้ซื้อควรขอดูก่อนซื้อต่อ)
นส.Cไม่มีหลักฐานพวกนี้เลย
(งานคอนเสิร์ตนี้ ถ้าแลกรับบัตรอย่างถูกต้องจะมีโปสการ์ดแถมให้ทุกที่นั่ง แต่นส.Cก็ไม่มีให้ นส.Aลูกค้าที่ซื้อไป เพราะโปสการ์ดใบนั้นอยู่กับเราค่ะ เขาไม่มีแน่ๆ และนส.Aก็บอกว่าไม่ได้รับโปสการ์ด แต่เห็นว่าได้บัตรขายถูกกว่าปกติ จึงไม่ติดใจตรงนี้)
คำถามดังนี้ค่ะ
1. ในกรณีที่เราได้บัตรคืนมาแล้ว แต่ยังต้องการจะเอาเรื่องดำเนินคดีกับนส.Cที่เอาบัตรเราไปปล่อยขาย จะได้ไหมคะ?
เพราะความผิดถือว่ากระทำสำเร็จแล้ว เอาบัตรเราไปขายแล้ว ถ้าเราไม่วิ่งหัวปั่นเอาคืนมาเองก็คงเสียไปฟรีๆ
เราไม่สละการครอบครองบัตร ยังตามหาอยู่ มีการประกาศตามหาของหายอยู่ตลอด
2. ถ้าเราทำหล่นเอง นส.Cมาเจอแล้วเก็บไปขาย อันนี้เข้าข่ายลักทรัพย์ ถูกไหมคะ?
3. นส.Cอ้างว่าไม่รู้เช่นกัน แค่ซื้อต่อมา แต่ภายหลังตัวเองได้บัตรอื่นจึงปล่อยบัตรของเราในราคาถูกให้นส.A
ถึงจะอ้างแบบนี้ แต่ก็ยังเข้าข่ายความผิดฐานรับของโจรใช่ไหมคะ?
ตอนนี้เรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่านส.Cซื้อบัตรต่อมาอีกทีจริงหรือไม่ เพราะนางไม่มีหลักฐานยืนยันกับเรา นอกจากคำพูดฝ่ายเขาฝ่ายเดียว
และไม่มีท่าทีสำนึกผิดที่เอาบัตรเราไปขายให้นส.Aด้วย
กรณีซื้อต่อ เรามองว่านส.Cอาจรู้ว่าเป็นบัตรที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง(ไม่มีโปสการ์ดที่ตัวเองควรได้ ไม่มีหลักฐานจากผู้ขาย) แต่ก็รับไว้เพราะตัวเองอยากเข้างาน ภายหลังได้บัตรใหม่จึงรีบขายของเราทิ้งในราคาถูก
4. เราสามารถเอาเรื่องกับนส.Bด้วยได้ไหมคะ ใจจริงอยากเอาเรื่องทั้งคู่ค่ะ
รบกวนสอบถามผู้รู้เพื่อความแน่ใจก่อนดำเนินการด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
รบกวนปรึกษาเรื่องคดีลักทรัพย์ / รับของโจรค่ะ
แต่เมื่อถึงเวลาเข้าคอนเสิร์ต กลับมีคนอื่นมานั่งที่ของเรา จึงถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวมาสอบสวนเบื้องต้น (ขอแทนว่านส.A)
นส.A บอกว่าซื้อบัตรของเรามาจาก นส.B ผ่านทางทวิตเตอร์
ในมูลค่าที่ต่ำกว่าราคาจริง คือ 4500 บาท จากราคาเต็ม 5000 บาท
โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นของที่เราทำหาย
ในขั้นตอนนี้ เจ้าหน้าที่คอนเสิร์ตคืนบัตรให้กับเรา เราได้เข้างานไปดูจนจบ
และเจ้าหน้าที่บอกให้ Aไปแจ้งความขอเงินคืนจากBเอง
ต่อมา เราได้คุยกับนส.AและB จึงทราบว่า Bได้คืนเงิน 4500บาทให้ Aแล้ว
Aไม่ติดใจเอาความกับB
B ซึ่งเป็นคนเอาบัตรเราไปประกาศขายในราคา 4500 อ้างว่าช่วยเพื่อนประกาศขายเฉยๆ ตนไม่รู้ไม่เห็นอย่างอื่นด้วย
เพื่อนคือ นส.C
นส.C บอกเราว่าซื้อมาอีกทอดเช่นกัน จากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่สามารถระบุตัวตนได้
เราถามหาหลักฐานในการซื้อ เช่น ได้ดูสลิปจ่ายเงินแลกรับบัตร หลักฐานยืนยันว่าคนที่มาขายให้เป็นเจ้าของจริงๆมีหรือไม่
(ด้านหลังบัตรจะมีเลขที่สั่งซื้อระบุค่ะ ซึ่งเลขที่นี้จะตรงกับใบสลิปจ่ายเงินซึ่งผู้ซื้อควรขอดูก่อนซื้อต่อ)
นส.Cไม่มีหลักฐานพวกนี้เลย
(งานคอนเสิร์ตนี้ ถ้าแลกรับบัตรอย่างถูกต้องจะมีโปสการ์ดแถมให้ทุกที่นั่ง แต่นส.Cก็ไม่มีให้ นส.Aลูกค้าที่ซื้อไป เพราะโปสการ์ดใบนั้นอยู่กับเราค่ะ เขาไม่มีแน่ๆ และนส.Aก็บอกว่าไม่ได้รับโปสการ์ด แต่เห็นว่าได้บัตรขายถูกกว่าปกติ จึงไม่ติดใจตรงนี้)
คำถามดังนี้ค่ะ
1. ในกรณีที่เราได้บัตรคืนมาแล้ว แต่ยังต้องการจะเอาเรื่องดำเนินคดีกับนส.Cที่เอาบัตรเราไปปล่อยขาย จะได้ไหมคะ?
เพราะความผิดถือว่ากระทำสำเร็จแล้ว เอาบัตรเราไปขายแล้ว ถ้าเราไม่วิ่งหัวปั่นเอาคืนมาเองก็คงเสียไปฟรีๆ
เราไม่สละการครอบครองบัตร ยังตามหาอยู่ มีการประกาศตามหาของหายอยู่ตลอด
2. ถ้าเราทำหล่นเอง นส.Cมาเจอแล้วเก็บไปขาย อันนี้เข้าข่ายลักทรัพย์ ถูกไหมคะ?
3. นส.Cอ้างว่าไม่รู้เช่นกัน แค่ซื้อต่อมา แต่ภายหลังตัวเองได้บัตรอื่นจึงปล่อยบัตรของเราในราคาถูกให้นส.A
ถึงจะอ้างแบบนี้ แต่ก็ยังเข้าข่ายความผิดฐานรับของโจรใช่ไหมคะ?
ตอนนี้เรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่านส.Cซื้อบัตรต่อมาอีกทีจริงหรือไม่ เพราะนางไม่มีหลักฐานยืนยันกับเรา นอกจากคำพูดฝ่ายเขาฝ่ายเดียว
และไม่มีท่าทีสำนึกผิดที่เอาบัตรเราไปขายให้นส.Aด้วย
กรณีซื้อต่อ เรามองว่านส.Cอาจรู้ว่าเป็นบัตรที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง(ไม่มีโปสการ์ดที่ตัวเองควรได้ ไม่มีหลักฐานจากผู้ขาย) แต่ก็รับไว้เพราะตัวเองอยากเข้างาน ภายหลังได้บัตรใหม่จึงรีบขายของเราทิ้งในราคาถูก
4. เราสามารถเอาเรื่องกับนส.Bด้วยได้ไหมคะ ใจจริงอยากเอาเรื่องทั้งคู่ค่ะ
รบกวนสอบถามผู้รู้เพื่อความแน่ใจก่อนดำเนินการด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ