ขอพื้นที่เล็กๆ ให้คนวัยป้าอย่างดิฉันได้เล่าประสบการณ์ในบางแง่มุมของชีวิตให้น้องๆ ลูกๆ หลานๆ ได้อ่าน ได้ฟังบ้างนะคะ
เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง
ไม่มากก็น้อย
หรือถ้าหากไม่ประโยชน์เลย
ก็ถือว่าอ่านเพื่อความบันเทิงก็แล้วกัน
............................................................................
ฉัน...ในวันนี้ คือผู้หญิงวัย 51 ธรรมดาๆคนหนึ่ง
ชีวิตพื้นฐานของดิฉัน ก็เรียบๆง่ายๆ ไม่หวือหวาอะไร
ดำเนินไปตามวัฏจักร เหมือนคนธรรมดาทั่วไป
เรียนจบ ทำงาน และแต่งงานตอนอายุ 31
หน้าที่การงานประสบความสำเร็จตามสมควร
ชีวิตครอบครัวราบรื่นดี มีลูกน่ารักๆ 2 คน
.
.
แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก
อยู่ๆ ดิฉันก็เกิดอาการผิดปกติ
ไม่ยอมให้สามีมีเพศสัมพันธ์ เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา
ทั้งๆที่เรายังรักกัน ไม่ได้เกลียดกันเลย
ยังนอนกอดกัน หอมแก้มกันทุกคืน
ทุกอย่างเหมือนเดิม
เพียงแต่...ดิฉันไม่ยอมทำหน้าที่ภรรยา...โดยไม่มีสาเหตุ
.
.
รู้แล้วว่านี่คือปัญหาใหญ่ของครอบครัว
จนต้องปรึกษาแพทย์
รักษาอยู่เป็นปี...แต่ก็ไม่ดีขึ้น
สงสารสามี...รู้ว่าเค้ายังมีความต้องการ
แต่ในเมื่อเราให้เค้าไม่ได้
ก็ต้องอนุญาตให้เค้าไปซื้อกินข้างนอกแบบชั่วครั้งชั่วคราว
แต่ขอไว้ 2 อย่าง คือ อย่ามีโรค กับ อย่ามีลูก
.
.
.
.
.
แต่...ในที่สุด
หนึ่งในสอง ของคำขอของดิฉันก็เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
.
วันหนึ่ง...
สามีก็มาบอกว่า...เขากำลังจะมี "ลูก" กับผู้หญิงอีกคน
แปลก...ที่ดิฉันกลับไม่ตกใจ ไม่ฟูมฟาย
นิ่งและสงบมาก...เหมือนรู้อยู่แล้วว่า
เหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้นแน่นอน
ไม่ช้าก็เร็ว
.
.
สามีบอกจะให้เอาเด็กออก
แต่ดิฉันถามว่า เด็กเค้าผิดอะไร ?
ดิฉันขอให้เก็บเด็กเอาไว้...คุณมีปัญญาเลี้ยงอยู่แล้ว
ส่วนแม่ของเด็ก..เป็นเรื่องที่คุณ 2 คนต้องไปคุยกันเอง
ถ้าในความสัมพันธ์นั้น มันมีความรักและความผูกพันอยู่...ก็ดำรงมันไว้ต่อไปเถอะ
เพราะ...แม้คุณเลิกแล้วต่อกัน
คุณก็ต้องมีคนใหม่อยู่ดี
มันเป็นเรื่องธรรมชาติ...ที่เราต่างต้องยอมรับ
การดำรงความสัมพันธ์เดิมกับคนเดิมที่มีและดีอยู่แล้ว
ไม่ดีกว่าหรือ ?
.
.
และนั่น...ทำให้
สามี...ตัดสินใจผูกพันกับผู้หญิงคนนั้นต่อไป
และยอมรับว่า "รักและสงสาร" ผู้หญิงคนนั้นด้วย
.
.
แล้วดิฉันต้องทำอย่างไร
ถึงจะใจกว้างยอมให้สามีมีสัมพันธ์กับคนอื่น
แต่นั่นต้องเป็นแบบชั่วคราว...ไม่ใช่ถาวร
ในขณะเดียวกัน ดิฉันก็ยังไม่ใจดีพอจะยอมรับการมี "หลายบ้าน"
และ...ใจก็ยังไม่หนักแน่นพอสำหรับการเป็น "เมียหลวง"
.
.
แต่เมื่อพิจารณาถึงต้นเหตุ
ก็ต้องยอมรับว่า...ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความบกพร่องของเราเอง
ต่อให้ใช้วิชามารจนผู้หญิงคนนั้นต้องออกไปให้พ้นเส้นทางชีวิตของสามีในวันนี้
มันก็ต้องมีคนอื่นเข้ามาอยู่ดี
ปัญหามันก็จะวนเวียนซ้ำซากอยู่อย่างนี้และอย่างนี้
.
.
หันมามองตัวเอง
อายุเราก็ปาเข้าไป 45 แล้ว (ในวันนั้น)
แถมยังมีโรค "sexเสื่อม" แบบที่ไม่ต้องการรักษาเป็นชนักติดหลังอีกต่างหาก
.
.
ต่อให้คนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
ก็ย่อมรู้ดีว่า...ถึงอย่างไรมันก็เป็นปัญหาใหญ่ของการใช้ชีวิตคู่แน่นอน
ให้รักกันขนาดไหน...มันก็ไปไม่รอดหรอก
.
.
แล้วนี่เรา...ไม่ใช่ไม่รักกัน
แต่เพราะเรารักกันมากต่างหาก
รักและเข้าใจอย่างแท้จริง
รัก..และ...เข้าใจ...
จึงต้องปล่อยเค้าไป
ให้เค้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสมบูรณ์ตามที่ควรจะเป็น
.
.
ปล่อย...เค้า...ไป
ทั้งที่ความรักยังมีอยู่เต็มหัวใจ
.
.
ปล่อย...เค้า...ไป
ในวันที่ยังรู้สึกดีๆต่อกัน
เพื่อให้ภาพความรักในวันนี้งดงามอยู่ในหัวใจตลอดไป
ดีกว่าต้องมาเกลียดกันในวันหลัง
.
.
ขอนอนกอดความปรารถนาดีเอาไว้แบบนี้...ในมุมสงบๆ
ยังนั่งมองเค้ามีความสุขในเส้นทางของเค้าแบบเงียบๆ
ยังคุยกันฉันท์มิตรในวันที่เค้ามาหาลูก ทุกเดือน
และยังแอบเห็นแววตาอาลัยอาวรณ์จางๆ ในดวงตาคมเข้มอันคุ้นเคย
ซึ่งก็ต้องปล่อยให้ความรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยถึงปานกลางมันเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว แล้วก็จางหายไปเป็นคลื่นกระทบฝั่ง
.
.
.
.
.
ดิฉันยังคงเป็นดิฉันคนเดิม
ไม่ทุกข์
ไม่ต้องแสร้งว่าเป็นสุข
ไม่ได้เกิดความรู้สึกพ่ายแพ้หรือขื่นขมแต่อย่างใด
ยังยิ้มได้ด้วยสีหน้าเบิกบานเสมอ
.
.
แล้ว...ชีวิตของดิฉันก็ดำเนินต่อไป
แบบเรียบๆ ง่ายๆ ไม่หวือหวาอะไร
เหมือนที่เคยเป็นมา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จน...มีใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิต
ตอนอายุ 51
"เรื่องรักเรื่องเล่า" ของผู้เฒ่าวัยป้า
เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง
ไม่มากก็น้อย
หรือถ้าหากไม่ประโยชน์เลย
ก็ถือว่าอ่านเพื่อความบันเทิงก็แล้วกัน
............................................................................
ฉัน...ในวันนี้ คือผู้หญิงวัย 51 ธรรมดาๆคนหนึ่ง
ชีวิตพื้นฐานของดิฉัน ก็เรียบๆง่ายๆ ไม่หวือหวาอะไร
ดำเนินไปตามวัฏจักร เหมือนคนธรรมดาทั่วไป
เรียนจบ ทำงาน และแต่งงานตอนอายุ 31
หน้าที่การงานประสบความสำเร็จตามสมควร
ชีวิตครอบครัวราบรื่นดี มีลูกน่ารักๆ 2 คน
.
.
แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก
อยู่ๆ ดิฉันก็เกิดอาการผิดปกติ
ไม่ยอมให้สามีมีเพศสัมพันธ์ เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา
ทั้งๆที่เรายังรักกัน ไม่ได้เกลียดกันเลย
ยังนอนกอดกัน หอมแก้มกันทุกคืน
ทุกอย่างเหมือนเดิม
เพียงแต่...ดิฉันไม่ยอมทำหน้าที่ภรรยา...โดยไม่มีสาเหตุ
.
.
รู้แล้วว่านี่คือปัญหาใหญ่ของครอบครัว
จนต้องปรึกษาแพทย์
รักษาอยู่เป็นปี...แต่ก็ไม่ดีขึ้น
สงสารสามี...รู้ว่าเค้ายังมีความต้องการ
แต่ในเมื่อเราให้เค้าไม่ได้
ก็ต้องอนุญาตให้เค้าไปซื้อกินข้างนอกแบบชั่วครั้งชั่วคราว
แต่ขอไว้ 2 อย่าง คือ อย่ามีโรค กับ อย่ามีลูก
.
.
.
.
.
แต่...ในที่สุด
หนึ่งในสอง ของคำขอของดิฉันก็เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
.
วันหนึ่ง...
สามีก็มาบอกว่า...เขากำลังจะมี "ลูก" กับผู้หญิงอีกคน
แปลก...ที่ดิฉันกลับไม่ตกใจ ไม่ฟูมฟาย
นิ่งและสงบมาก...เหมือนรู้อยู่แล้วว่า
เหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้นแน่นอน
ไม่ช้าก็เร็ว
.
.
สามีบอกจะให้เอาเด็กออก
แต่ดิฉันถามว่า เด็กเค้าผิดอะไร ?
ดิฉันขอให้เก็บเด็กเอาไว้...คุณมีปัญญาเลี้ยงอยู่แล้ว
ส่วนแม่ของเด็ก..เป็นเรื่องที่คุณ 2 คนต้องไปคุยกันเอง
ถ้าในความสัมพันธ์นั้น มันมีความรักและความผูกพันอยู่...ก็ดำรงมันไว้ต่อไปเถอะ
เพราะ...แม้คุณเลิกแล้วต่อกัน
คุณก็ต้องมีคนใหม่อยู่ดี
มันเป็นเรื่องธรรมชาติ...ที่เราต่างต้องยอมรับ
การดำรงความสัมพันธ์เดิมกับคนเดิมที่มีและดีอยู่แล้ว
ไม่ดีกว่าหรือ ?
.
.
และนั่น...ทำให้
สามี...ตัดสินใจผูกพันกับผู้หญิงคนนั้นต่อไป
และยอมรับว่า "รักและสงสาร" ผู้หญิงคนนั้นด้วย
.
.
แล้วดิฉันต้องทำอย่างไร
ถึงจะใจกว้างยอมให้สามีมีสัมพันธ์กับคนอื่น
แต่นั่นต้องเป็นแบบชั่วคราว...ไม่ใช่ถาวร
ในขณะเดียวกัน ดิฉันก็ยังไม่ใจดีพอจะยอมรับการมี "หลายบ้าน"
และ...ใจก็ยังไม่หนักแน่นพอสำหรับการเป็น "เมียหลวง"
.
.
แต่เมื่อพิจารณาถึงต้นเหตุ
ก็ต้องยอมรับว่า...ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความบกพร่องของเราเอง
ต่อให้ใช้วิชามารจนผู้หญิงคนนั้นต้องออกไปให้พ้นเส้นทางชีวิตของสามีในวันนี้
มันก็ต้องมีคนอื่นเข้ามาอยู่ดี
ปัญหามันก็จะวนเวียนซ้ำซากอยู่อย่างนี้และอย่างนี้
.
.
หันมามองตัวเอง
อายุเราก็ปาเข้าไป 45 แล้ว (ในวันนั้น)
แถมยังมีโรค "sexเสื่อม" แบบที่ไม่ต้องการรักษาเป็นชนักติดหลังอีกต่างหาก
.
.
ต่อให้คนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
ก็ย่อมรู้ดีว่า...ถึงอย่างไรมันก็เป็นปัญหาใหญ่ของการใช้ชีวิตคู่แน่นอน
ให้รักกันขนาดไหน...มันก็ไปไม่รอดหรอก
.
.
แล้วนี่เรา...ไม่ใช่ไม่รักกัน
แต่เพราะเรารักกันมากต่างหาก
รักและเข้าใจอย่างแท้จริง
รัก..และ...เข้าใจ...
จึงต้องปล่อยเค้าไป
ให้เค้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสมบูรณ์ตามที่ควรจะเป็น
.
.
ปล่อย...เค้า...ไป
ทั้งที่ความรักยังมีอยู่เต็มหัวใจ
.
.
ปล่อย...เค้า...ไป
ในวันที่ยังรู้สึกดีๆต่อกัน
เพื่อให้ภาพความรักในวันนี้งดงามอยู่ในหัวใจตลอดไป
ดีกว่าต้องมาเกลียดกันในวันหลัง
.
.
ขอนอนกอดความปรารถนาดีเอาไว้แบบนี้...ในมุมสงบๆ
ยังนั่งมองเค้ามีความสุขในเส้นทางของเค้าแบบเงียบๆ
ยังคุยกันฉันท์มิตรในวันที่เค้ามาหาลูก ทุกเดือน
และยังแอบเห็นแววตาอาลัยอาวรณ์จางๆ ในดวงตาคมเข้มอันคุ้นเคย
ซึ่งก็ต้องปล่อยให้ความรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยถึงปานกลางมันเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว แล้วก็จางหายไปเป็นคลื่นกระทบฝั่ง
.
.
.
.
.
ดิฉันยังคงเป็นดิฉันคนเดิม
ไม่ทุกข์
ไม่ต้องแสร้งว่าเป็นสุข
ไม่ได้เกิดความรู้สึกพ่ายแพ้หรือขื่นขมแต่อย่างใด
ยังยิ้มได้ด้วยสีหน้าเบิกบานเสมอ
.
.
แล้ว...ชีวิตของดิฉันก็ดำเนินต่อไป
แบบเรียบๆ ง่ายๆ ไม่หวือหวาอะไร
เหมือนที่เคยเป็นมา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จน...มีใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิต
ตอนอายุ 51