ทำไมkpop ไปdebutที่ญี่ปุ่นมากกว่าจีน ทั้งที่จีนตลาดใหญ่กว่า

ใครพอทราบบ้าง?
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
1 ระบบตอนแทนและส่วนแบ่ง ค่ายเกาหลีได้เปอร์เซนต์แบ่งกับค่ายญี่ปุ่นชัดเจนกว่าเพราะทุกอย่างทำตามระบบ มีขายของตาม Official  ทัวรคอนเสิร์ต  มันจะมียอดสองแบบที่ออกกับ Oricon และยอดที่เป็นส่วนของแฟนคลับด้วยแล้วตรงนี้ไม่นับเข้าชาร์ตด้วยนะ มูลค่าตรงนี้ก็สูง ระบบตรวจการละเมิดลิขสิทธิ์ทำได้มีประสิทธิภาพ  ไล่ลบจนเกือบไม่เหลืออะไรไว้ดู ส่วนจีนจะเอาแฟนแคมเวอร์ชั่นไหน บอกมามีหมด

ส่วนจีนคนได้ก็มักจะเป็นตัวศิลปินรับเต็ม ผ่านในรูปแบบสตูดิโอ แล้วจะไปแบ่งให้ค่ายเกาหลีอีกที แต่ค่ายก็ได้น้อยกว่า  เว้นว่าศิลปินเป็นคนเกาหลีนะ  แต่ก็นั่นล่ะขึ้นกับข้อตกลงของศิลปินกับค่ายอีกที แต่ว่าค่ายเพลงเกาหลีก็ไม่ได้โฟกัสตลาดจีนจริงจังอยู่แล้ว จนมาช่วงปี 2011-2012 ที่ผ่านพ้นช่วงพีคของเคป็อปในญี่ปุ่นหลังจากปี 2009  ไปแล้ว เลยกลับไปสนใจลงทุนที่จีนอีกรอบ  แต่ตอนนี้ก็อกหักค่ะ กลับไปโทษคิมจองอิล ของเกาหลีเหนือเถอะ  โดยสรุปก็เรื่องเงินๆ ทองๆ career path ที่เหมาะสมของไอดอลด้วยว่าอยากไปสายไหน  ดารานักแสดงเกาหลีช่วงนั้นแทบจะไปงานที่จีนหมด รับทรัพย์กันรัวๆ  วงไหนดังที่ญี่ปุ่นมากก็ทัวร์แทบจะทั้งปี  

คนจีนนี่แฟนกู๊ด แค่แฟนคลับทำกันเองก็พอแล้วมั้ง  ทำแล้วบินตามเป็นล่ำเป็นสัน  ไม่เหลือถึงตัวค่ายหรอก
เวลาเปย์หนักก็มักทำในนามบาร์ของใครของมัน โชว์ใบเสร็จ

ในแง่โปรดักชั่นคอนเสิร์ต ญี่ปุ่น ประเทศนี้นิยมดูคอนเสิร์ต สาธารณูปโภคระหว่างเมืองเดินทางสะดวก ค่าขนย้าย ค่าติดตั้งเซ็ตติ้ง ระหว่างเมืองสะดวก ไกลสุดคือซัปโปโร  ส่วนจีนนี่กว้างมาก แต่ละมณฑลงี้

2 k pop ค่ายเพลงขายการแสดงบนเวที แต่ตลาดจีนขายวาไรตี้ ขายละคร แลกกับค่าโฆษณา นานๆ ก็ออกอัลบั้มซัพพอร์ตงานแสดง งานอื่นเพื่อให้แอคทีฟตลอดเวลา   ทำตลาดที่จีนจริงจัง ลองไปดูว่าสนามที่ใช้เล่นคอนเสิร์ต ซัพพอร์ต คนดูคอนเสิร์ตได้กี่ที  ความจริงมีนะดีๆ ด้วย แต่มาตรฐานตรงนี้ไม่เท่าญี่ปุ่น อาจเพราะยังไม่โฟกัสมาก คนจีนเค้าสนใจเรื่องปากท้องมากกว่าบันเทิง แต่คิดว่าอีกไม่นานคงมาโฟกัสน่ะ ประเทศใหญ่ กำลังซื้อหนัก คงค่อยๆ ไล่ไปทีละด้าน ขนาดมือถือ Huawei ตอนนี้แซง Apple แล้ว เป็นรองแค่ Samsung  

ในส่วนโปรดักชั่นด้วย ญี่ปุ่นนี่มีตารางทัวร์โดม อารีน่า ชัดเจน  ญี่ปุ่นมีความสนใจด้านงานเพลง เอื้อกับศิลปินต่างชาติมากกว่า
Justin biber, Lady gaga, taylor swift ไปออก Music station  ช่องอาซาฮีของญี่ปุ่น  เจอคุณทาโมริมาแล้วกันทั้งนั้น

    ถ้าเป็นด้านหนังโรง ยังไงก็ยกให้ตลาดจีน   ขนาดฝรั่ง เจาะตลาดหนังแทน หนังฝรั่งเรื่องไหนทำกำไรที่อเมริกาไม่ดี ลองมาฉายที่จีนอาจจะพ้นภาวะขาดทุน มาเท่าทุนไม่ก็กำไรได้เลย ยิ่งไม่แปลกที่ช่วงหลัง นักแสดงฮอลลีวู้ดอยากมาร่วมงานกับดาราจีนบ่อยๆ  อีกฝั่งได้ชื่อว่าโก Hollywood สวยๆ  อีกฝั่งได้เงินหยวนแปลงเป็นดอลลาร์ได้หลาย  ใครว่าฝรั่งรวยไม่ง้อใคร ยุคนี้ไม่ใช่นะ  ง้อจีนจะตาย ดูมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์คเจ้าพ่อ Facebook สิ หาทางกลับไปทำตลาดตั้งกี่รอบหลังโดนรัฐบาลแบน

  ความจริงไม่ต้องคิดอะไรมากมาย  แค่ดูเอาว่าพวกชาติมหาอำนาจ ตะวันตกเค้าสนใจ ลงทุนไปตีตลาดด้านไหน ประเทศไหนบ้างก็จะรู้แนวโน้มเอง คนเอเชียส่วนใหญ่ก็ทำตามฝรั่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะเกาหลีที่ชาบูอเมริกามากๆ  ด้วยแล้ว



3 เส้นทางการเติบโตไม่เหมาะกับการขายเพิร์ฟ ของญี่ปุ่นนี่ ค่ายฝั่งญี่ปุ่นที่ดูแล เขาจะวางแผนมาเลยว่าวงนี้รูปแบบการทำวงเป็นยังไง จะเลือกใช้ช่องทางโปรโมตแบบไหน  ออกสื่อด้านไหนบ้าง  

ไปจีนนี่เล่นละครเถอะ  หาดังๆ โดนๆ บทส่งสักเรื่อง   เดี๋ยวรวยเอง งานอย่างอื่นก็เข้า แต่คิดว่าค่ายเองก็อยากขายได้ทั้งจีนและญี่ปุ่น คือ จีนเนี่ยด้วยความที่คนเยอะมาก ส่วนแบ่งการตลาดพอมานั่งคิดรวมๆ ในแง่ตัวเงินก็สูงมากอยู่ดี   แมวสีไหนก็ช่างจับหนูได้ก้อพอ ตราบใดที่ไม่ผิดกม. จะเงินจากประเทศไหนก็คิดว่าเกาหลีพร้อมจะไปทุกที่ที่หาเงินได้อยู่แล้ว นี่ก็โยกมาทาง South east ไง

ญี่ปุ่นนี่วงเกาหลีไปกันเยอะแล้ว  Market share  ลดลง เลยต้องหาตลาดรองรับเพิ่มขึ้น    จีนยังไงก็แหล่งเงินสำคัญมาตลอด    เคป็อปยุคก่อนๆ หลายวง ออกเพลงเวอร์ชั่นจีนนะ  มีไปทำตลาดกัน  มีคอน มีแฟนมี้ตตลอด ทำควบคู่มาพร้อมตลาดญี่ปุ่นเลย

แต่ปัจจุบันมาตกม้าตาย การเมืองระหว่างประเทศปีที่แล้วนี่แหละ คงอีกนาน ลองดูข่าวที่เกาหลีมาเปิดเส้นทางการบินที่ไทยเพิ่มสิ ปัญหานักท่องเที่ยวจีนลดลง  วงการบันเทิง นี่ก้อเลยต้องหาทางปรับตัวกันไป  ไม่โยกไปประเทศแถวๆ นี้ก้อต้องหาช่องทางไปต่อให้ได้ ก็รอดูยาวๆ ว่าจะไปจบที่ไหน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่