ปีนี้รุ้สึกเป็นที่ผมเริ่มแย่มาก เริ่มจากปัญหาเรื่องงาน ผมเป็นพนักงาน it ทำมากว่า 3 ปีจึงตัดสินใจลาออกเนื่องจาก สุขภาพไม่ไหว เพราะ ลค ติดต่อมารับบริการได้ตลอดเวลา 24 ชม เสาอาทิตย์ ตี3 ต้องออกไซต์ ขึ้นระบบ เทสเซิฟเวอร์ แก้ปัญหายามวิกาล ในขณะที่เวลางานปกติก็ต้องเข้างาน (ไม่มีแบ่งกะ) ติดต่อกันมา ระยะหนึ่งจึงัดสินใจลาออก เพราะช่วงนั้นก็มีคนรุ้ทาบทามให้ไปรับงาน event เราก็คิดว่าลองดูแล้วกัน.... แรกๆ ก็ไปกันด้วยดี แต่หลังๆ ก็ดันขาดทุน และทะเลาะกันในทีมงาน จนต้องเลิกล้มไป ผมจึงเริ่มกลายเป็นคนตกงานแต่นั้นมา หลังจากว่างงานไม่ถึงอาทิตย์ ดันพบปัญหาหนี้สินอีก ที่เกิดจากแฟนเอาบัตร เราไปปลอมลายเซ็นเปิดบัตรเราใช้โดยที่เราไม่รู้ตัว มาเกือบปี เอกสาร ทุกอย่างผ่านทางเขาหมด มารู้ตัวอีกทีก็เป็นคดีแล้ว มีหมายศาลมาที่บ้าน เป็นหนี้เต็มวงเงินบัตรประมาณ 100000 บาท พ่อผมเห็นจดหมายคนแรก ก็เจอหน้าผมก็ไม่รีรอ เข้ามาว่าผมต่างๆนานา ทำไรไม่ปรึกษา

ลาออกจากงาน โดนหญิงหลอกอีก ประมาณว่า "ไอลูกโง่ ทำไรไม่รู้จักปรึกษา" เกิดปัญหาความสัมพันธ์อีก (ที่ไม่ปรึกษาเพราะผมรู้สึกว่าคุยกันถ้าความคิดไม่ตรงกับเขาก็จะต้องทะเลาะกัน ไม่เปิดรับ idea ใหม่เลย เขาคิดแบบสูตรลับพิชิตความสำเร็จ เมื่อสมัยเขายังเป็นวัยหนุ่มคือ
เรียนดีๆ
จบมาก็หางานประจำทำ ยิ่งงานราชการยิ่งดี
ใช้เงินน้อยๆ ประหยัดๆ เวลาพาไปเลี้ยงร้านอาหารดีๆ ก็จะอารมณ์เสีย ทะเลาะกันว่ามันแพง (จานละ 100 กว่าบาท แพงมาก ต้องระดับเศรษฐีกิน)
ต้องพาไปกินข้างถนน ในสลัม ริมคลองดำๆ มีหนูวิ่งๆ ชุมชม ตลาดถึงมีความสุข 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตรรกกะพ่อจะประมานว่า ราคาถูก = ดี คุณภาพคุ้มราคา ราคาแพง = ไม่คุ้ม ใครซื้อโง่
ทำงานประจำแล้วก็ให้เงินพ่อแม่
ทีนี้เวลาผมเอาอะไรไปปรึกษา จะลงทุนอะไรดี เขาจะบอกว่าอย่าเลยหน่าเชื่อพ่อ/เชื่อแม่ แต่ถ้าเอาอะไรไปบอกเขาเช่น อนาคตเทรนมันมาทางเครือข่ายแล้วนะ มันจะเริ่มเปลี่ยนเป็นยุคดิจิตอลแล้วนะ เขาก็เหมือน ok สุดท้ายก็ไม่ยอม แล้วถ้าเราไปทำเขาก็จะแช่งทิ้งท้าย ว่า "คอยดูจะไปได้ซักกี่น้ำ อย่ามาร้องขอให้ช่วยแล้วกัน ปีกกล้าขาแข็งแล้วนิ"
ต้องท้าวความว่าบ้านผมพ่อกับ แม่ก็อายุ จะเข้าช่วงปลายแล้ว พ่อเป็นคนอารมณ์ร้อน รุนแรง ประมานว่านักเลงเก่า ก็จะใช้คำพูดที่ด่าทอ รุนแรง ในทุกๆเรื่อง ขนาดแค่น้ำ หยดในพื้นห้อง ยังอารมณ์ทะเลาะกันได้ คำพูดก็บั่นทอนจิตใจมาก เด๋วก็ลูกโง่บ้างล่ะ เฮงซวย ไม่รักดี เอ๊ะอะก็ตัดต่อตัดลูก จนพี่สาวหนีออกจากบ้าน. แม่คุยอะไรกับพ่อก็ขัดกันทุกเรื่อง ทะเลาะกันทุกเรื่อง แล้วพ่อก็จะหนีไปข้างนอกบ้าน ไปหาสาวๆนอกบ้าน ส่วนแม่ก็ต้องช้ำใจมาตลอด รวมถึงแม่เป็นคนยึดติดยุคศักดินา ขุนนาง บ้าบอเหมือนหลุดมาจากละครย้อนยุค ขี้กลัวไปซะแทบทุกเรื่อง อารมณว่า มดกัดต้องรีบไปหาหมอนะ เด๋วมดมีพิษป่าว ถึงตายป่าว แผลมดกัดแดงๆก็กังวลว่าจะเปนงูสวัสดิ์อีกสุดท้ายต้องไปหมอเพิ่งวินิจฉัย ตื่นตัวกับข่าวมาก น้ำท่วมอีกอีกซีกโลก โทรมาหาบอกอย่าออกไปไหนนะ ระวังน้ำท่วม ไม่ยอมรับความเสี่ยงแม้แต่น้อยทั้งๆที่มีความรู้ บอกคนอื่นเขาก็ได้กันหมด แต่กลับมาบอกครอบต่างๆนานา ว่า"แม่บอกคนนั้นคนนี้เขาได้กำไรเปนแสน" "แล้วแม่ล่ะ" "อ่อแม่ไม่ได้ซื้อ" น้องชายก็เงียบๆ เก็บตัวไม่คุยกับใคร ส่วนผมกลายเป็นอยู่ไม่ติดบ้าน เที่ยวบ่อย เพราะอยู่บ้านก็คุยกันก็จะทะเลาะกันทุกครั้ง ความคิดไปคนละทิศละทาง ไม่กิจกรรมร่วมกัน ปีนึงจะรวมกันครบครอบครัวแค่ไม่กี่ครั้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ก็จะไปกินข้าวตามร้านที่ดีๆ (ราคาถูก)
ถึงตอนนี้เงินผม ก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว เพื่อนก็ไม่ค่อยมีเพราะช่วงที่คบแฟนเราก็ทุ่มเท ให้เขา ไม่ได้ไปไหนกับเพื่อนเลย นานๆที แฟน เมื่อผมรู้ว่าเขาหลอกเราผมก็ไม่คุยกับเขาทันเลย จนหนุมานว่าเลิกกันและเขาก็ไปคบทอมแทน ส่วนเราก็ต้องมาแบกรับปัญหาหนี้สินซึ่งเราก็สามารถแจ้งความเอาผิดเขาได้
แต่เราก็รุ้ว่ามันใช่เรื่องสนุกที่จะต้องมาขึ้นศาล ก็พยายามคุยกันมาแต่ทุกครั้งที่ทวงเงิน เขาก็บอกจะจ่ายให้วันนั้นวันนี้ สุดท้ายบอกจ่ายเข้าธนาคารให้แล้ว เราเช็กก็ไม่มี โกหกไปวันๆ เสียเวลามากคบมา 5 ปี ไม่ได้มีอะไรที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเลย มีแต่หนี้เสียกับ ติดแบลคลิส
เรื่องหนี้เรื่องแฟน ยังไม่ทันจจะจบดี แม่เราก็ดันมาถูกผู้มีอิทธิพล กลั่นแกล้งอีก โดยการแจ้งความเท็จและส่งเรื่องเข้ากระบวนการ โดยไม่ผ่านการออกหมายศาลมาที่บ้านทำให้แม่ เกิดอาการจิตหลอนกลัวคน Hack โทรศัพท์ ไม่ค่อยกล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าถอนเงินตู้ ทำตัวหลบๆซ่อนๆ ไม่พกโทรศัพ กลัวเขารู้ ตำแหน่งล่าสุดอีก เฮ้อ.... ไอเราเรียนด้านนนี้ ทำงานด้านนี้มา เขาก็ไม่เชื่อแล้วบังคับเราให้เราทำตามเขาด้วย เฮ้ออออออ.....
ช่วงนี้ก็ดันมาญาตเพิ่งเสียอีก แต่ก็แก่ตามอายุผมก็ทำใจได้ แต่แม่ผมที่เหมือนจะเครียดกว่าผมหลายเท่าซึ่ง ผมก็อยู่กับแม่ตลอดช่วงที่ตกงาน แต่มันก็ทำให้สุขภาพจิตยิ่งแย่เข้าไปอีก จนบางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราท้อ ทำอะไรไม่ได้ดีซักอย่าง อาจจะโง่อย่างที่พ่อคิดจริงๆก็ได้
สุดท้ายนี้ผมก็ขออภัยถ้าหากเนื้อความผิดพลาดประการใด เพราะผมก็เพิ่งมาโพสเป็นครั้งแรก และก็ต้องขออภัยในเรื่องของเนื้อหาที่อาจจะกล่สวถึงบุคคลอื่นๆด้วย ซึ่งก็ขออนุญาติเป็นการระบายความในใจ ด้วยไปในตัว หากใครมีกำลังใจดีๆ หรือคำแนะนำอะไรที่จะทำให้ผมผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ผมก็ยินดีรับฟังเพื่อนๆชาวพันทิพย์ด้วยนะครับขอบคุณครับ
พบสาระพัดปัญหางาน เงิน ความสัมพันธ์ครอบครัว ความรัก เข้ามาในชีวิตพร้อมๆกัน ทำอย่างไรดี
เรียนดีๆ
จบมาก็หางานประจำทำ ยิ่งงานราชการยิ่งดี
ใช้เงินน้อยๆ ประหยัดๆ เวลาพาไปเลี้ยงร้านอาหารดีๆ ก็จะอารมณ์เสีย ทะเลาะกันว่ามันแพง (จานละ 100 กว่าบาท แพงมาก ต้องระดับเศรษฐีกิน)
ต้องพาไปกินข้างถนน ในสลัม ริมคลองดำๆ มีหนูวิ่งๆ ชุมชม ตลาดถึงมีความสุข 555[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทำงานประจำแล้วก็ให้เงินพ่อแม่
ทีนี้เวลาผมเอาอะไรไปปรึกษา จะลงทุนอะไรดี เขาจะบอกว่าอย่าเลยหน่าเชื่อพ่อ/เชื่อแม่ แต่ถ้าเอาอะไรไปบอกเขาเช่น อนาคตเทรนมันมาทางเครือข่ายแล้วนะ มันจะเริ่มเปลี่ยนเป็นยุคดิจิตอลแล้วนะ เขาก็เหมือน ok สุดท้ายก็ไม่ยอม แล้วถ้าเราไปทำเขาก็จะแช่งทิ้งท้าย ว่า "คอยดูจะไปได้ซักกี่น้ำ อย่ามาร้องขอให้ช่วยแล้วกัน ปีกกล้าขาแข็งแล้วนิ"
ต้องท้าวความว่าบ้านผมพ่อกับ แม่ก็อายุ จะเข้าช่วงปลายแล้ว พ่อเป็นคนอารมณ์ร้อน รุนแรง ประมานว่านักเลงเก่า ก็จะใช้คำพูดที่ด่าทอ รุนแรง ในทุกๆเรื่อง ขนาดแค่น้ำ หยดในพื้นห้อง ยังอารมณ์ทะเลาะกันได้ คำพูดก็บั่นทอนจิตใจมาก เด๋วก็ลูกโง่บ้างล่ะ เฮงซวย ไม่รักดี เอ๊ะอะก็ตัดต่อตัดลูก จนพี่สาวหนีออกจากบ้าน. แม่คุยอะไรกับพ่อก็ขัดกันทุกเรื่อง ทะเลาะกันทุกเรื่อง แล้วพ่อก็จะหนีไปข้างนอกบ้าน ไปหาสาวๆนอกบ้าน ส่วนแม่ก็ต้องช้ำใจมาตลอด รวมถึงแม่เป็นคนยึดติดยุคศักดินา ขุนนาง บ้าบอเหมือนหลุดมาจากละครย้อนยุค ขี้กลัวไปซะแทบทุกเรื่อง อารมณว่า มดกัดต้องรีบไปหาหมอนะ เด๋วมดมีพิษป่าว ถึงตายป่าว แผลมดกัดแดงๆก็กังวลว่าจะเปนงูสวัสดิ์อีกสุดท้ายต้องไปหมอเพิ่งวินิจฉัย ตื่นตัวกับข่าวมาก น้ำท่วมอีกอีกซีกโลก โทรมาหาบอกอย่าออกไปไหนนะ ระวังน้ำท่วม ไม่ยอมรับความเสี่ยงแม้แต่น้อยทั้งๆที่มีความรู้ บอกคนอื่นเขาก็ได้กันหมด แต่กลับมาบอกครอบต่างๆนานา ว่า"แม่บอกคนนั้นคนนี้เขาได้กำไรเปนแสน" "แล้วแม่ล่ะ" "อ่อแม่ไม่ได้ซื้อ" น้องชายก็เงียบๆ เก็บตัวไม่คุยกับใคร ส่วนผมกลายเป็นอยู่ไม่ติดบ้าน เที่ยวบ่อย เพราะอยู่บ้านก็คุยกันก็จะทะเลาะกันทุกครั้ง ความคิดไปคนละทิศละทาง ไม่กิจกรรมร่วมกัน ปีนึงจะรวมกันครบครอบครัวแค่ไม่กี่ครั้ง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถึงตอนนี้เงินผม ก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว เพื่อนก็ไม่ค่อยมีเพราะช่วงที่คบแฟนเราก็ทุ่มเท ให้เขา ไม่ได้ไปไหนกับเพื่อนเลย นานๆที แฟน เมื่อผมรู้ว่าเขาหลอกเราผมก็ไม่คุยกับเขาทันเลย จนหนุมานว่าเลิกกันและเขาก็ไปคบทอมแทน ส่วนเราก็ต้องมาแบกรับปัญหาหนี้สินซึ่งเราก็สามารถแจ้งความเอาผิดเขาได้
แต่เราก็รุ้ว่ามันใช่เรื่องสนุกที่จะต้องมาขึ้นศาล ก็พยายามคุยกันมาแต่ทุกครั้งที่ทวงเงิน เขาก็บอกจะจ่ายให้วันนั้นวันนี้ สุดท้ายบอกจ่ายเข้าธนาคารให้แล้ว เราเช็กก็ไม่มี โกหกไปวันๆ เสียเวลามากคบมา 5 ปี ไม่ได้มีอะไรที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเลย มีแต่หนี้เสียกับ ติดแบลคลิส
เรื่องหนี้เรื่องแฟน ยังไม่ทันจจะจบดี แม่เราก็ดันมาถูกผู้มีอิทธิพล กลั่นแกล้งอีก โดยการแจ้งความเท็จและส่งเรื่องเข้ากระบวนการ โดยไม่ผ่านการออกหมายศาลมาที่บ้านทำให้แม่ เกิดอาการจิตหลอนกลัวคน Hack โทรศัพท์ ไม่ค่อยกล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าถอนเงินตู้ ทำตัวหลบๆซ่อนๆ ไม่พกโทรศัพ กลัวเขารู้ ตำแหน่งล่าสุดอีก เฮ้อ.... ไอเราเรียนด้านนนี้ ทำงานด้านนี้มา เขาก็ไม่เชื่อแล้วบังคับเราให้เราทำตามเขาด้วย เฮ้ออออออ.....
ช่วงนี้ก็ดันมาญาตเพิ่งเสียอีก แต่ก็แก่ตามอายุผมก็ทำใจได้ แต่แม่ผมที่เหมือนจะเครียดกว่าผมหลายเท่าซึ่ง ผมก็อยู่กับแม่ตลอดช่วงที่ตกงาน แต่มันก็ทำให้สุขภาพจิตยิ่งแย่เข้าไปอีก จนบางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราท้อ ทำอะไรไม่ได้ดีซักอย่าง อาจจะโง่อย่างที่พ่อคิดจริงๆก็ได้
สุดท้ายนี้ผมก็ขออภัยถ้าหากเนื้อความผิดพลาดประการใด เพราะผมก็เพิ่งมาโพสเป็นครั้งแรก และก็ต้องขออภัยในเรื่องของเนื้อหาที่อาจจะกล่สวถึงบุคคลอื่นๆด้วย ซึ่งก็ขออนุญาติเป็นการระบายความในใจ ด้วยไปในตัว หากใครมีกำลังใจดีๆ หรือคำแนะนำอะไรที่จะทำให้ผมผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ผมก็ยินดีรับฟังเพื่อนๆชาวพันทิพย์ด้วยนะครับขอบคุณครับ