[CR] รีวิวหนังเรื่อง The Glass Castle

ให้ 8/10 หนังดราม่า เล่าเรื่องราวของครอบครัวลูกสี่ ผ่านมุมมองของลูกสาวคนที่สอง ที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนเดินทางไปเรื่อยๆตามเมืองต่างๆ กินมื้ออดมื้อ ลูกๆไม่ได้ไปโรงเรียน พ่อตกงานและติดเหล้า ส่วนแม่เป็นศิลปินที่ผลงานไม่เคยได้ขาย แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างงั้น ครอบครัวของเขาก็เปี่ยมล้นไปด้วยสนุก ความรักความเข้าใจกัน แม้อาจจะมีบางวันที่ไม่เข้าใจกันก็ตาม แต่ก็เต็มไปด้วยความฝันยิ่งใหญ่มากมายที่พ่อแม่ของเขาใส่เติมเต็มลงมาที่ลูกๆ ให้ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง

(ต่อไปนี้จะมีเนื้อหาสปอยส์บางส่วน)



คงไม่มีชื่อไหนเหมาะไปกับชื่อเรื่อง The Glass Castle อีกแล้ว เพราะมันสื่อถึงเนื้อเรื่องทั้งหมดได้อย่างดิบดี ครอบครัวๆหนึ่งก็เปรียบเหมือนบ้าน และคำที่ให้อารมณ์ฝันหวานเหมือนในเทพนิยาย แถมดูยิ่งใหญ่ หนักแน่น ไปกว่าคำว่า “บ้าน” นั่นก็ต้องเป็น “ปราสาท” ที่รวบรวมสมาชิกของครอบครัวเข้าไว้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่มันก็กลับเป็น “ปราสาทแก้ว” ที่ดูสวยงาม ใหญ่โต ซึ่ง “แก้ว” ก็ยังคงเป็นแก้ว ที่บอบบาง ย่อมมีวันเปราะแตกลงได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็เหมือนสถานะหรือความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ที่ย่อมจะมีวันร้าวได้เป็นธรรมดา ตามธรรมชาติของคำว่า “ชีวิต” “มนุษย์” และ “ครอบครัว” ที่มีทั้งสุข ทุกข์ ความเข้าใจ และความไม่เข้าใจกัน ผสมปนเปกันไป ตามสถานการร์ของจิตใจและสิ่งที่เข้ามากระทบนั่นเอง



ในหนังยังให้ The Glass Castle เป็นชื่อเรียกของบ้านในฝันของครอบครัว ที่ลูกๆพร่ำบอกกับพ่อของพวกเขาว่า อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองที่ล้อมรอบไปด้วยกระจก และเป็นสิ่งที่พ่อพยายามจะจัดหาและสร้างให้ลูกๆ แต่ปราสาทแก้วนี้ก็ไม่ได้สร้างขึ้นมาง่ายๆ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างของครอบครัว ทั้งไหนจะเรื่องการเงิน และพฤติกรรมของผู้เป็นเสาหลักของบ้านที่ไม่สามารถก้าวพ้นความเจ็บปวดและความล้มเหลวของตัวเองในอดีตได้ หรือแม่ที่อ่อนแอและมีอารมณ์ศิลปินเกินกว่าจะเป็นผู้แบกเสานั้นขึ้นตั้ง



The Glass Castle หรือ ปราสาทแก้วนี้ จึงเป็นได้แค่เพียงความฝันลมแร้งๆ แบบที่หวังว่าสักวันจะทำเพื่อครอบครัวได้ และเป็นการขายฝันของพ่อต่อลูกๆไปวันๆ ที่เมื่อลูกยังเด็กมันใช้งานได้ผลดี แต่เมื่อเด็กๆได้โตขึ้น เรียนรู้มากกขึ้น จากความฝัน ก็ได้แปรสภาพเป็น “ความจริง” ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง

ถึงจะเป็นตามที่เล่ามา ครอบครัวก็ยังคงเป็นครอบครัวที่สุขเศร้าเคล้ากันไป บ้างมีวันที่ดี บ้างมีวันที่แย่ และลำบากเป็นใหญ่สำหรับครอบบครัวนี้ แต่โดยรวมแล้วครอบครัวเขาก็มีความสุขและความสนุกมากมาย ที่หลายๆครอบครัวมิอาจจะมีได้ เพราะเขามีความอบอุ่นและรักอันมหาศาล ที่เด็กๆได้รับอย่างเต็มที่ ในแบบสไตล์ที่ถึงแม้จะต้องพึ่งพาตัวเองซะส่วนใหญ่ก็ตาม หรือจะสอนด้วยวิธีที่อาจจะดูโหดร้ายไปหน่อย อย่างการที่ในหนัง พ่อสอนให้ลูกว่ายน้ำเป็นด้วยการสอนให้จมก่อน เพื่อเรียนรู้ที่จะว่าย (ส่วนตัวก็เคยโดนวิธีนี้มาเช่นกัน โดนพ่อจับโยนลงไปกลางสระ ไม่มีใครช่วยอะไรทั้งนั้น มีเพียงห่วงยาง ที่ลอยอยู่ใกล้ๆจากจุดที่จม และทุกวันนี้ก็บอกได้อย่างภาคภูมิใจว่า “เราว่ายน้ำเก่งมาก” และ “ชอบว่ายน้ำมาก”)



แต่นั่นก็คือการสอนให้เด็กๆแข็งแกร่ง และได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่พ่อและแม่ได้เจอมา เพื่อไม่ให้ต้องเดินก้าวซ้ำรอยเดิม ที่สำคัญคือ พวกเขาเติมเต็มความฝันและความหวังให้ลูกๆของเขามากมาย ทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนที่ดี คิดบวก และไม่เคยบอกกับลูกว่า “ลูกจะทำไม่ได้” ซึ่งนั่นก็มากเพียงพอต่อใจของเด็กคนนึงที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่กล้าและมั่นใจในการดำเนินชีวิตแล้ว

ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน คะแนนของแต่ละเรื่องมาจากการเปรียบเทียบหนังใน Genre เดียวกัน จึงไม่สามารถไปเปรียบกับคะแนนเรื่องอื่นที่เป็นหนังคนละ Genre ได้ เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ

สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ  https://www.facebook.com/MoviesStalker