สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
สังเกตุจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ หลายอย่าง ประกอบกัน
เช่น จาก ท่าเดิน ท่ายืน ท่านั่ง ท่ารับประทาน ท่าทาง+สายตาในการมองคนอื่น ท่าปึ่งๆ หยิ่งๆ เชิ่ดๆ ท่าระแวดระวังคน ท่าเนิบๆ นวยนาด
ไม่รีบร้อน ไม่กระฉับกระเฉง เดินเหมือนไม่มีเป้าหมาย
ทำอะไรแบบมีจริต ระวังตัวตลอดเวลาว่า ระวังว่าคนอื่นจะมองตนเองว่าอย่างไร หลายคนจะทำท่าหยิ่งๆ เชิ่ดๆ กับคนไทยด้วยกัน เขม่นกันเอง แสดงอาการแบ่งชนชั้นวรรณะ ไม่เฟรนด์ลี่ (อันนี้เข้าใจ ด้วยสภาพสังคม และ วัฒนธรรม)
หลายคน ตานิ่ง หน้านิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนไทยบางส่วนอยู่แล้ว หลายคนเวลาที่ดีลกับคนชาติที่ตัวเองคิดว่าเขาด้อยกว่าคนไทย
ก็จะทำท่าทางข่มๆ เขานิดๆ
สำเนียงในการพูดภาษาอังกฤษ รูปแบบของประโยค คำศัพท์ที่ใช้ จังหวะ โทนเสียงในการพูดภาษาอังกฤษ
บางส่วนก็สังเกตจาก ท่าทางที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง มักจะไม่ไปไหนคนเดียว ต้องไปเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเสมอ
หรือ ไปเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ยิ่งกลุ่มใหญ่แค่ไหน ยิ่งเพิ่มความมั่นคง มั่นใจ เสียงก็ดังขึ้น การเคลื่อนไหวเยอะขึ้นตามลำดับ
และ ต้องคุยแซวกันในกลุ่ม มีโหมดร่าเริง แต่ถ้าอยู่คนเดียวจะไม่ค่อยกล้าทำอะไร คนไทยส่วนใหญ่จะเก่งเวลาที่มีพวก
เครื่องแต่งกายที่ใช้ เครื่องประดับ ผ้าพันคอ หมวก ยี่ห้อนาฬิกา ยี่ห้อแว่นกันแดด ยี่ห้อของกระเป๋าสะพาย ยี่ห้อเป้ ยี่ห้อกระเป๋าถือ กระเป๋าเดินทาง
ยี่ห้อรองเท้า เพราะคนไทยส่วนใหญ่ชอบแต่งตัวตามๆ กัน ความเนี๊ยบ ความเป๊ะ ในการแต่งกาย พร็อพเยอะ แต่งตัวจัดเวลาไปเมืองนอก
ผู้หญิงบางส่วนมักจะแต่งกายผิดฤดูกาล เช่น ไปเมืองนอกหน้าหนาวหิมะตก แต่ท่อนบนใส่เฟอร์ ท่อนล่างขาสั้น ถุงน่องบางๆ
ใส่รองเท้าบู๊ทหนังส้นสูงไปลุยหิมะ กระเป๋าหนังแบบที่ไม่ควรจะโดนความเปียกชื้น พร้อมต่างหูวงใหญ่ๆ อันกลมๆ โตเท่ากำไลรัดต้นแขนนางละคร 😂
ต้องกระโดดเวลาถ่ายรูป หรือ โพสท์ท่าถ่ายรูปแต่แสร้งทำท่าธรรมชาติ ถูกแอบถ่ายทีเผลอ แต่จริงๆ ตั้งใจโพสท์ท่ามาก ตั้งท่า
ถ่ายอยู่นานมาก กว่าจะได้รูปภาพที่มีท่าทางธรรมชาติแบบปลอมๆ ออกมา
ผู้หญิงหลายคนยิ่งสังเกตง่ายขึ้นไปอีก เช่น จากการแต่งหน้า ทรงผม ศัลยกรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ ทุกอย่าง
ผู้หญิงไทยบางส่วน ชอบทำจมูก แต่งหน้าจัด ขาวผิดปกติแบบปลอมๆ หรือ ชอบทำท่าทางแบบคุณหนูสูงศักดิ์ หรือ ท่าทางแบบนางใน 😄
คนต่างชาติที่คุ้นเคยกับคนไทย โดยเฉพาะคนต่างชาติแทบจะทุกชาติ ที่ทำงานในวงการโรงแรม วงการท่องเที่ยวเขาก็ดูออก แยกออกเช่นกัน
ในหลายๆ เคส ไม่ว่าจะเจอคนไทย หรือ คนต่างชาติ เราแยกออกได้แม้กระทั่งอาชีพที่เขาทำ แยกออกด้วยว่า เป็นนักท่องเที่ยว, เป็นคนท้องถิ่น, เป็นเอ็กซ์แพ็ท, เป็นนักเรียนนักศึกษา หรือ แต่งงานไปอยู่ ตปท
เวลาที่เจอผู้หญิงไทย เราแยกออกได้พอสมควรเลยว่า คนไหนมีแฟน หรือ มีสามีเป็นคนต่างชาติ คนไหนมีแฟนมีสามีเป็นฝรั่งชาติไหน หรือ สามีญี่ปุ่น
สามีสิงคโปร์ หรือ สามีดูไบ โดยสไตล์การแต่งกาย ภาษากาย ทรงผม การแต่งหน้า ท่วงท่าต่างๆ จะเป็นตัวบอกเอง
คนไหนอินเตอร์ ไม่อินเตอร์ มั่นใจ หรือ ไม่มั่นใจในตัวเอง คนไหนแอ๊บ ก็ดูออก คนไหนมีแนวโน้มนิสัยเป็นอย่างไร ทัศนะคติอย่างไร พื้นฐานครอบครัว พื้นฐานการศึกษาเป็นอย่างไร แค่สังเกตุหลายๆ อย่างก็บอกได้แล้ว หรือ แค่คุยด้วยไม่กี่ประโยคก็รู้แล้ว
เราไม่ได้สังเกตุออกแค่แต่คนไทย แต่คนอีกหลายๆ ชาติเราก็แยกได้ ยกตัวอย่าง เช่น เราสามารถแยกได้ถึงขนาดว่า คนจีนคนไหน เป็นจีนสิงคโปร์ คนจีนคนไหนเป็นจีนมาเลเซีย คนจีนคนไหนเป็นจีนอินโดนีเซีย แล้วเรายังแยกย่อยต่อไปได้อีกว่า จีนมาเลเซียคนไหน เป็นจีนกัวลาลัมเปอร์ จีนปีนัง
จีนอีโป่ห์ หรือ จีนจากซาราวัค
หรือ คนอินเดียที่รูปร่างหน้าตาสายพันธ์ทางตอนใต้ แถบรัฐทมิฬนาดู เจนไน เกรละ เราแยกได้หมด ว่าคนไหนเป็นอินเดียที่เป็นคนสิงคโปร์ คนไหนเป็อินเดียกัวลาลัมเปอร์ คนไหนเป็นอินเดียที่เกิดในดูไบ แยกได้แม้กระทั่งว่า คนไหนเป็นอินเดีย หรือ เป็นคนปากีสถาน ที่เป็นคนอังกฤษเกิดที่อังกฤษโตในอังกฤษเป็นต้น
ถ้าเป็นฝรั่งที่ผิวขาว ผมทอง ตาสีฟ้า เราแยกได้เลยว่า คนไหนมาจาก ปท ที่พัฒนาแล้ว หรือ คนไหนมาจาก ปท ที่กำลังพัฒนา โดยเฉพาะฝรั่งยุโรปตะวันออก
ลูกครึ่งในเมืองไทย โดยเฉพาะเด็กลูกครึ่งไทย-ครึ่งฝรั่ง เวลาที่เราเจอ โดยเฉพาะถ้าได้เห็นกิริยามารยาท
เห็นอะไรต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะวิธีที่เขาดีลกับคนไทย เปรียบเทียบกับวิธีที่เขาดีลกับเพื่อนๆ ของเขา หรือ กับเวลาที่เขาดีลกับฝรั่ง
เราสามารถบอกได้เลยว่า เด็กคนไหนบ้าง ที่มีพ่อหรือแม่เป็นคนไทย แล้วพื้นเพครอบครัวหรือพื้นฐานการศึกษาของพ่อหรือแม่(ที่เป็นคนไทย)
ของเด็กลูกครึ่งคนนั้น อยู่ในระดับไหน หรือ เราสามารถบอกได้เลยว่า ลูกครึ่งคนไหน โตที่เมืองไทย เรียนในไทย หรือ โตที่เมืองนอก เรียนเมืองนอก
//55 แต่ส่วนใหญ่ เวลาที่เราอยู่ ตปท หรือ ไป ตปท คนจะเดาไม่ถูกว่าเราเป็นคนไทย แม้แต่คนไทยด้วยกัน
เดาอาชีพไม่ถูกด้วย อายุก็เดาไม่ถูก อายุเฉลี่ยที่คนมักจะเดาผิด คือ คนส่วนใหญ่คิดว่าเราอายุน้อยกว่าอายุจริง อยู่ราวๆ 6-10 ปี
อันนี้ชอบมาก เป็นกำลังใจที่ดี ทำให้ไม่ขี้เกียจออกกำลังกาย ไม่ขี้เกียจที่จะดูแลเอาใจใส่สุขภาพ 😄
คนไทยหลายๆ คนที่เมืองไทย ถ้าเป็นคนในระดับที่เจอคนมาเยอะ คนที่มีการศึกษา อินเตอร์หน่อย เขาจะบอกเลยว่า
เราเหมือนคนไทยที่อยู่ ตปท คุ้นเคยกับระบบฝรั่ง เขาบอกว่าดูจากท่าเดิน ทำอะไรไว กระฉับกระเฉง ความมั่นใจในตัวเอง ไม่ต้องคิดนานเวลาพูด
บางคนบอกเหมือนคุยกับฝรั่ง แต่คนไทยบางคนจะเงียบไม่คุยกับเรา เพราะเขาประเมินเราไม่ถูก เวลาคุยก็จะมีลับลมคมในเยอะ แบบนี้เราก็มองทะลุ
//ถึงหนู จขกท ข้างล่าง คห 6-1 ไม่ได้ฝึก แต่มันมากับประสบการณ์ชีวิต จากพื้นฐานชีวิตในด้านต่างๆ ที่ถูกหล่อหลอมมาแต่วัยเยาว์
โอกาสต่างๆ ในชีวิตที่ได้รับ โดยไม่ปล่อยให้สูญเปล่า แม้แต่เรื่องละเอียดอ่อนเล็กๆ น้อยๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญ
เราโชคดีมาก ที่ชีวิตนี้ได้มีโอกาสเจอคนมากมาย หลายระดับชั้น หลากหลายอายุ หลากหลายพื้นฐานเศรษฐกิจ
หลากหลายพื้นฐานครอบครัว พื้นฐานการศึกษา หลากหลายเชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา
การดีลกับคน หรือ การแยกประเภทของคน การดูคน ก็คล้ายๆ กับวิทยาศาสตร์ คล้ายๆ กับจิตวิทยา นั่นแหละ
คือ ต้องหมั่นสังเกตุ หมั่นคิด หมั่นแยกแยะ สะสมข้อมูล แล้วเก็บสถิติไปเรื่อยๆ
//555 คุณ คห 6-2 คนที่ทำท่าทางแบบนางใน คือ ท่าทางของคนไม่ว่าจะเพศหญิงแท้ หรือ ชายไม่แท้ ที่สมมติว่าตนเองเป็นกุลสตรียุคไทยโบราณ
ที่แอ๊บว่าตนเองอยู่ในที่สูงส่งกว่าความเป็นจริงหน่ะ คือ ไม่ได้ว่าอะไรนางใน แต่จะสื่อว่ากิริยาท่าทางแบบนางใน เป็นกิริยาที่คนบางส่วน
ที่จริตเยอะๆ คิดไปเองว่า คนที่อยู่ในที่สูงส่งจะต้องทำแบบนั้นไง แต่คือ เขาคิดไปเอง จินตนาการไปเอง
//55 คุณ คห 12 เรามีเพิ่มให้นะ มีอยู่ยุคนึง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง ผู้หญิงต้องสวมรองเท้าแตะฟิท-ฟล็อพ, สะพายกระเป๋าแคนวาสหูหนังสีน้ำตาล
ยี่ห้อลองฌ็อง รุ่นเลอ ปลิอาเจ้, กระเป๋าเป้ยี่ห้อที่ขึ้นต้นด้วยตัว K ที่เป็นกระเป๋าสีๆ สี่เหลี่ยม มีสองหูด้วย ที่จริงๆ เป็นกระเป๋าของเด็กนักเรียนประถม
ของ ปท หนึ่งในแสกนดิเนเวีย
เครื่องแต่งกายที่ฮิตๆ อย่างอื่นๆ ก็เช่น กระเป๋าชาแนลสี่เหลี่ยมสายโซ่, กระเป๋าอิเซ่ มิยาเกะ, รองเท้าอาดิด๊าส หรือ ไนกี้ และ ต้องมี
เฉพาะรุ่นด้วย ไนกี้สีที่ฮิตมากคือ สีดำมีตราไนกี้ขาว ถ้าอาดิดาสมี 2-3 รุ่น ที่ฮิตๆ ก็สีขาว ตอนนี้จะฮิตแบบที่ตรงท้ายๆ เหนือส้นข้างนึงเป็นสีแดง อีกข้างเป็นสีเขียว (ใกล้คริสต์มาสแล้วสินะ 😁🎄🎅🏻 ) หรือ อาดิด๊าส รุ่นอะไรน๊า ที่ส้นมันแปลกๆ แป๋ๆ บานๆ ออกตรงขอบหน่ะ
แว่นกันแดดเรย์แบนรุ่นอาวิเอเต้อร์, นาฬิกาช่วงนี้เค้าฮิตอะไรกันหว่า ลืม แต่มีอยู่ยุคนึง แทบจะทุกคนต้องใส่แถกฮอยอ้า 😂
ถ้ากระเป๋าหลุยส์ ต้องลายโมโนแกรม รุ่นฮิตๆ มีอยู่ 2-3 รุ่น เช่น สปี้ดดี้ หรือ เนฟเว่อร์ ฟูล ที่ปากบานๆ
เสื้อยืดคอกลม เสื้อคอโปโลมีปก ยี่ห้อก็อมฯ รุ่นเพลย์ฯ ที่มีโลโก้หัวใจ หรือ ยี่ห้อโปโล คอโปโลที่มีหลายๆ สี มีโลโก้คนขี่ม้าใหญ่ๆ ตรงแขน
มีเบอร์เลข 5 ตรงอกเสื้อ กางเกงยีนส์ก็จะมีเฉพาะรุ่นที่มีลายปักวนๆ ตรงกระเป๋าหลัง 2 ใบหน่ะ
นอกจากนี้ก็มีหมวกปานามา หรือ หมวกสักกะหลาดปีกบานๆ สไตล์โบโฮ่
กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าล้อลาก ถ้าไม่หลุยส์ลายโมโนแกรม ก็ต้องริโมว่าสี่ล้อ หรือ อะไรก็ได้ที่แบบใกล้เคียงริโมว่า
ถ้าเป็นพวกข้าราชการ พวกนักการเมือง หลายกลุ่มก็จะแต่งตัวออกแนวอนุรักษ์นิยม ทั้งผู้หญิง และ ผู้ชาย ต้องมีเสื้อเบลเซ่อร์ที่มีโลโก้หน่วยงาน
หรือ เสื้อแจ็คเก็ตที่มีโลโก้ สังกัดหน่วยงาน กรม กอง สำนัก หรือ สมาคมอะไรสักอย่างใดอย่างหนึ่ง เวลาเดิน ที่สนามบิน หรือ เดินในเลาน์จการบินไทย
จะมีหัวขบวน ท้ายขบวน และ มีลูกหาบ - เวลายืนคุย จะต้องมีการตีวง ยืนแบบทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง แล้วจะมีไข่ดาวที่เด่นที่สุด
นั่นแหละคือคนที่ยศใหญ่สุด ที่จะเป็นคนหลักที่จะทำการพูดคุย ผูกขาดบทสนทนาแทบจะคนเดียว ส่วนคนที่จะกล้าคุยโต้ตอบ
หรือ พยักหน้าขานรับ ก็จะต้องมีอาวุโสน้อยลงไปตามลำดับ ส่วนที่จะต้องหุบปากเงียบ ไม่ควรแสดงความคิดเห็นอะไรเลย นอกจากจะมีผู้ใหญ่ถาม
คือ คนที่มีสถานะภาพน้อยสุดในวงพิธีกรรมนั่นเอง
เวลาคนไทยบางส่วน ไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ โหมดในการคุย จะเป็นโหมดรักกัน โหมดสามัคคีกัน โหมดร่าเริง โหมดแซวกัน โหมดเล่าเรื่องขำๆ
บรรยากาศบางส่วน จะคล้ายๆ กับตอนจบในละครไทยหลังข่าว ที่จบแบบแฮ้ปปี้ เอนดิ้ง ทุกคนรักกัน ประเภท แม้แต่นางร้าย ตัวโกง
ต้นห้องตัวร้าย ก็กลับใจมารักนางเอก (ที่ตนเองเคยกลั่นแกล้ง)
คนญี่ปุ่นก็เป็นคนอีกชาติหนึ่ง ที่ในหมู่คนทำงาน หากเดินทางไปติดต่อธุรกิจด้วยกัน ต้องมีการยืนล้อมวงคุย เหมือนการทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง ในการเดินจะมีหัวขบวน มีหางขบวน เช่นกัน , การส่งเจ้านายขึ้นรถ ก็มีพิธีกรรมเช่นกัน ลองสังเกตุดู หากใครมีโอกาส ดูตามใต้ตึกออฟฟิสย่านใจกลางกรุงเทพฯ ย่านที่มีเอ็กซ์แพ็ทญี่ปุ่นทำงานอยู่เยอะๆ
ครอบครัวอินเดียส่วนใหญ่ ครอบครัวตะวันออกกลางส่วนใหญ่ ที่เป็นนักท่องเที่ยว เวลาเดินจะมีหัวขบวน ท้ายขบวน การจัดขบวนของคนกลุ่มนี้ที่เดินอยู่ในกรุงเทพฯ ทั่วๆ ไป คือ คนนำหัวขบวนจะเป็นสามี/พ่อ ลำดับถัดไปคือลูกชาย, ถัดจากลูกชายคือลูกสาว, ส่วนคนที่อยู่ท้ายขบวนเสมอคือ ภรรยา/แม่ ลองสังเกตุกันดู
//เราอ่านดูโพรไฟล์ของคุณ คห 6-5 พบว่าเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ
ว่างๆ ว่าจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับ BBC Pidgin สืบเนื่องมาจากการที่เราไปอ่านกระทู้นี้ เคยไปตอบเอาไว้
กระทู้ "การพูดภาษาอังกฤษในชีวิตจริง" https://pantip.com/topic/36795849/comment5
*แวะเข้ามาอ่านนะ เผอิญกำลังยุ่งๆ ไม่ได้เข้ามา ขอบคุณทุกความคิดเห็นข้างล่างทั้งที่เห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย
ใครอยากว่าอะไรก็ว่าไป เราไม่โกรธ ไม่เคือง เพราะทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในรูปแบบของตนเอง ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน
หลายๆ อย่างเช่น อายุ เพศ พื้นฐานครอบครัว การอบรมเลี้ยงดู ค่านิยม พื้นฐานการศึกษา อาชีพ ประสบการณ์ชีวิต เป็นต้น ส่วนใครที่อ่านแล้วเข้าใจ
ในสิ่งที่เราสื่อ ก็ขอบคุณ
เราเอง ก็ใส่เสื้อก็อมฯ รุ่นเพลย์ ที่มีโลโก้รูปหัวใจ ใส่รองเท้าไนกี้เวลาเดินทาง คือ จริงๆ แล้วใครอยากใส่อะไรก็ใส่ไปเถอะ
ไม่เกี่ยวกับเรา การตอบกระทู้นี้ เราแค่เข้ามาสื่อถึงวิธีการ หรือ การสังเกตุ จุดสังเกตุแค่นั้นเอง การสังเกตุคนชาติอื่นๆ ก็ใช้ทฤษฎีเดียวกัน
กับการสังเกตุคนไทย
เราคิดว่าคนไทยบางส่วน แปลกอย่างหนึ่งด้วย คือ ไม่ชอบคิดต่าง ไม่ชอบกฏระเบียบ ไม่ชอบฟังความจริง ไม่ชอบศึกษาหาความรู้รอบตัว
ไม่ชอบอะไรที่เป็นความรู้ ไม่ชอบอ่าน ไม่ชอบคิดเอง ไม่ชอบคิดเชิงสร้างสรรค์ แต่ถ้าหากคิดก็ชอบคิดทางลบ โดยเอาพื้นฐานของความชอบ หรือ ความไม่ชอบเป็นที่ตั้ง ไม่ชอบใช้เหตุผลคิดไม่ใช้สมองคิด แต่ชอบใช้อารมณ์คิด ใช้ใจคิด ชอบอิจฉาริษยา แก่งแย่ง แข่งขัน ชิงดีชิงเด่น สองหน้า
ลับลมคมใน หากอยู่เป็นกลุ่มมีพวก จะเก่ง จะกล้า แต่ไม่ค่อยชอบแสดงความเก่งกล้าในทางดี
เช่น จาก ท่าเดิน ท่ายืน ท่านั่ง ท่ารับประทาน ท่าทาง+สายตาในการมองคนอื่น ท่าปึ่งๆ หยิ่งๆ เชิ่ดๆ ท่าระแวดระวังคน ท่าเนิบๆ นวยนาด
ไม่รีบร้อน ไม่กระฉับกระเฉง เดินเหมือนไม่มีเป้าหมาย
ทำอะไรแบบมีจริต ระวังตัวตลอดเวลาว่า ระวังว่าคนอื่นจะมองตนเองว่าอย่างไร หลายคนจะทำท่าหยิ่งๆ เชิ่ดๆ กับคนไทยด้วยกัน เขม่นกันเอง แสดงอาการแบ่งชนชั้นวรรณะ ไม่เฟรนด์ลี่ (อันนี้เข้าใจ ด้วยสภาพสังคม และ วัฒนธรรม)
หลายคน ตานิ่ง หน้านิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนไทยบางส่วนอยู่แล้ว หลายคนเวลาที่ดีลกับคนชาติที่ตัวเองคิดว่าเขาด้อยกว่าคนไทย
ก็จะทำท่าทางข่มๆ เขานิดๆ
สำเนียงในการพูดภาษาอังกฤษ รูปแบบของประโยค คำศัพท์ที่ใช้ จังหวะ โทนเสียงในการพูดภาษาอังกฤษ
บางส่วนก็สังเกตจาก ท่าทางที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง มักจะไม่ไปไหนคนเดียว ต้องไปเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเสมอ
หรือ ไปเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ยิ่งกลุ่มใหญ่แค่ไหน ยิ่งเพิ่มความมั่นคง มั่นใจ เสียงก็ดังขึ้น การเคลื่อนไหวเยอะขึ้นตามลำดับ
และ ต้องคุยแซวกันในกลุ่ม มีโหมดร่าเริง แต่ถ้าอยู่คนเดียวจะไม่ค่อยกล้าทำอะไร คนไทยส่วนใหญ่จะเก่งเวลาที่มีพวก
เครื่องแต่งกายที่ใช้ เครื่องประดับ ผ้าพันคอ หมวก ยี่ห้อนาฬิกา ยี่ห้อแว่นกันแดด ยี่ห้อของกระเป๋าสะพาย ยี่ห้อเป้ ยี่ห้อกระเป๋าถือ กระเป๋าเดินทาง
ยี่ห้อรองเท้า เพราะคนไทยส่วนใหญ่ชอบแต่งตัวตามๆ กัน ความเนี๊ยบ ความเป๊ะ ในการแต่งกาย พร็อพเยอะ แต่งตัวจัดเวลาไปเมืองนอก
ผู้หญิงบางส่วนมักจะแต่งกายผิดฤดูกาล เช่น ไปเมืองนอกหน้าหนาวหิมะตก แต่ท่อนบนใส่เฟอร์ ท่อนล่างขาสั้น ถุงน่องบางๆ
ใส่รองเท้าบู๊ทหนังส้นสูงไปลุยหิมะ กระเป๋าหนังแบบที่ไม่ควรจะโดนความเปียกชื้น พร้อมต่างหูวงใหญ่ๆ อันกลมๆ โตเท่ากำไลรัดต้นแขนนางละคร 😂
ต้องกระโดดเวลาถ่ายรูป หรือ โพสท์ท่าถ่ายรูปแต่แสร้งทำท่าธรรมชาติ ถูกแอบถ่ายทีเผลอ แต่จริงๆ ตั้งใจโพสท์ท่ามาก ตั้งท่า
ถ่ายอยู่นานมาก กว่าจะได้รูปภาพที่มีท่าทางธรรมชาติแบบปลอมๆ ออกมา
ผู้หญิงหลายคนยิ่งสังเกตง่ายขึ้นไปอีก เช่น จากการแต่งหน้า ทรงผม ศัลยกรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ ทุกอย่าง
ผู้หญิงไทยบางส่วน ชอบทำจมูก แต่งหน้าจัด ขาวผิดปกติแบบปลอมๆ หรือ ชอบทำท่าทางแบบคุณหนูสูงศักดิ์ หรือ ท่าทางแบบนางใน 😄
คนต่างชาติที่คุ้นเคยกับคนไทย โดยเฉพาะคนต่างชาติแทบจะทุกชาติ ที่ทำงานในวงการโรงแรม วงการท่องเที่ยวเขาก็ดูออก แยกออกเช่นกัน
ในหลายๆ เคส ไม่ว่าจะเจอคนไทย หรือ คนต่างชาติ เราแยกออกได้แม้กระทั่งอาชีพที่เขาทำ แยกออกด้วยว่า เป็นนักท่องเที่ยว, เป็นคนท้องถิ่น, เป็นเอ็กซ์แพ็ท, เป็นนักเรียนนักศึกษา หรือ แต่งงานไปอยู่ ตปท
เวลาที่เจอผู้หญิงไทย เราแยกออกได้พอสมควรเลยว่า คนไหนมีแฟน หรือ มีสามีเป็นคนต่างชาติ คนไหนมีแฟนมีสามีเป็นฝรั่งชาติไหน หรือ สามีญี่ปุ่น
สามีสิงคโปร์ หรือ สามีดูไบ โดยสไตล์การแต่งกาย ภาษากาย ทรงผม การแต่งหน้า ท่วงท่าต่างๆ จะเป็นตัวบอกเอง
คนไหนอินเตอร์ ไม่อินเตอร์ มั่นใจ หรือ ไม่มั่นใจในตัวเอง คนไหนแอ๊บ ก็ดูออก คนไหนมีแนวโน้มนิสัยเป็นอย่างไร ทัศนะคติอย่างไร พื้นฐานครอบครัว พื้นฐานการศึกษาเป็นอย่างไร แค่สังเกตุหลายๆ อย่างก็บอกได้แล้ว หรือ แค่คุยด้วยไม่กี่ประโยคก็รู้แล้ว
เราไม่ได้สังเกตุออกแค่แต่คนไทย แต่คนอีกหลายๆ ชาติเราก็แยกได้ ยกตัวอย่าง เช่น เราสามารถแยกได้ถึงขนาดว่า คนจีนคนไหน เป็นจีนสิงคโปร์ คนจีนคนไหนเป็นจีนมาเลเซีย คนจีนคนไหนเป็นจีนอินโดนีเซีย แล้วเรายังแยกย่อยต่อไปได้อีกว่า จีนมาเลเซียคนไหน เป็นจีนกัวลาลัมเปอร์ จีนปีนัง
จีนอีโป่ห์ หรือ จีนจากซาราวัค
หรือ คนอินเดียที่รูปร่างหน้าตาสายพันธ์ทางตอนใต้ แถบรัฐทมิฬนาดู เจนไน เกรละ เราแยกได้หมด ว่าคนไหนเป็นอินเดียที่เป็นคนสิงคโปร์ คนไหนเป็อินเดียกัวลาลัมเปอร์ คนไหนเป็นอินเดียที่เกิดในดูไบ แยกได้แม้กระทั่งว่า คนไหนเป็นอินเดีย หรือ เป็นคนปากีสถาน ที่เป็นคนอังกฤษเกิดที่อังกฤษโตในอังกฤษเป็นต้น
ถ้าเป็นฝรั่งที่ผิวขาว ผมทอง ตาสีฟ้า เราแยกได้เลยว่า คนไหนมาจาก ปท ที่พัฒนาแล้ว หรือ คนไหนมาจาก ปท ที่กำลังพัฒนา โดยเฉพาะฝรั่งยุโรปตะวันออก
ลูกครึ่งในเมืองไทย โดยเฉพาะเด็กลูกครึ่งไทย-ครึ่งฝรั่ง เวลาที่เราเจอ โดยเฉพาะถ้าได้เห็นกิริยามารยาท
เห็นอะไรต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะวิธีที่เขาดีลกับคนไทย เปรียบเทียบกับวิธีที่เขาดีลกับเพื่อนๆ ของเขา หรือ กับเวลาที่เขาดีลกับฝรั่ง
เราสามารถบอกได้เลยว่า เด็กคนไหนบ้าง ที่มีพ่อหรือแม่เป็นคนไทย แล้วพื้นเพครอบครัวหรือพื้นฐานการศึกษาของพ่อหรือแม่(ที่เป็นคนไทย)
ของเด็กลูกครึ่งคนนั้น อยู่ในระดับไหน หรือ เราสามารถบอกได้เลยว่า ลูกครึ่งคนไหน โตที่เมืองไทย เรียนในไทย หรือ โตที่เมืองนอก เรียนเมืองนอก
//55 แต่ส่วนใหญ่ เวลาที่เราอยู่ ตปท หรือ ไป ตปท คนจะเดาไม่ถูกว่าเราเป็นคนไทย แม้แต่คนไทยด้วยกัน
เดาอาชีพไม่ถูกด้วย อายุก็เดาไม่ถูก อายุเฉลี่ยที่คนมักจะเดาผิด คือ คนส่วนใหญ่คิดว่าเราอายุน้อยกว่าอายุจริง อยู่ราวๆ 6-10 ปี
อันนี้ชอบมาก เป็นกำลังใจที่ดี ทำให้ไม่ขี้เกียจออกกำลังกาย ไม่ขี้เกียจที่จะดูแลเอาใจใส่สุขภาพ 😄
คนไทยหลายๆ คนที่เมืองไทย ถ้าเป็นคนในระดับที่เจอคนมาเยอะ คนที่มีการศึกษา อินเตอร์หน่อย เขาจะบอกเลยว่า
เราเหมือนคนไทยที่อยู่ ตปท คุ้นเคยกับระบบฝรั่ง เขาบอกว่าดูจากท่าเดิน ทำอะไรไว กระฉับกระเฉง ความมั่นใจในตัวเอง ไม่ต้องคิดนานเวลาพูด
บางคนบอกเหมือนคุยกับฝรั่ง แต่คนไทยบางคนจะเงียบไม่คุยกับเรา เพราะเขาประเมินเราไม่ถูก เวลาคุยก็จะมีลับลมคมในเยอะ แบบนี้เราก็มองทะลุ
//ถึงหนู จขกท ข้างล่าง คห 6-1 ไม่ได้ฝึก แต่มันมากับประสบการณ์ชีวิต จากพื้นฐานชีวิตในด้านต่างๆ ที่ถูกหล่อหลอมมาแต่วัยเยาว์
โอกาสต่างๆ ในชีวิตที่ได้รับ โดยไม่ปล่อยให้สูญเปล่า แม้แต่เรื่องละเอียดอ่อนเล็กๆ น้อยๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญ
เราโชคดีมาก ที่ชีวิตนี้ได้มีโอกาสเจอคนมากมาย หลายระดับชั้น หลากหลายอายุ หลากหลายพื้นฐานเศรษฐกิจ
หลากหลายพื้นฐานครอบครัว พื้นฐานการศึกษา หลากหลายเชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา
การดีลกับคน หรือ การแยกประเภทของคน การดูคน ก็คล้ายๆ กับวิทยาศาสตร์ คล้ายๆ กับจิตวิทยา นั่นแหละ
คือ ต้องหมั่นสังเกตุ หมั่นคิด หมั่นแยกแยะ สะสมข้อมูล แล้วเก็บสถิติไปเรื่อยๆ
//555 คุณ คห 6-2 คนที่ทำท่าทางแบบนางใน คือ ท่าทางของคนไม่ว่าจะเพศหญิงแท้ หรือ ชายไม่แท้ ที่สมมติว่าตนเองเป็นกุลสตรียุคไทยโบราณ
ที่แอ๊บว่าตนเองอยู่ในที่สูงส่งกว่าความเป็นจริงหน่ะ คือ ไม่ได้ว่าอะไรนางใน แต่จะสื่อว่ากิริยาท่าทางแบบนางใน เป็นกิริยาที่คนบางส่วน
ที่จริตเยอะๆ คิดไปเองว่า คนที่อยู่ในที่สูงส่งจะต้องทำแบบนั้นไง แต่คือ เขาคิดไปเอง จินตนาการไปเอง
//55 คุณ คห 12 เรามีเพิ่มให้นะ มีอยู่ยุคนึง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง ผู้หญิงต้องสวมรองเท้าแตะฟิท-ฟล็อพ, สะพายกระเป๋าแคนวาสหูหนังสีน้ำตาล
ยี่ห้อลองฌ็อง รุ่นเลอ ปลิอาเจ้, กระเป๋าเป้ยี่ห้อที่ขึ้นต้นด้วยตัว K ที่เป็นกระเป๋าสีๆ สี่เหลี่ยม มีสองหูด้วย ที่จริงๆ เป็นกระเป๋าของเด็กนักเรียนประถม
ของ ปท หนึ่งในแสกนดิเนเวีย
เครื่องแต่งกายที่ฮิตๆ อย่างอื่นๆ ก็เช่น กระเป๋าชาแนลสี่เหลี่ยมสายโซ่, กระเป๋าอิเซ่ มิยาเกะ, รองเท้าอาดิด๊าส หรือ ไนกี้ และ ต้องมี
เฉพาะรุ่นด้วย ไนกี้สีที่ฮิตมากคือ สีดำมีตราไนกี้ขาว ถ้าอาดิดาสมี 2-3 รุ่น ที่ฮิตๆ ก็สีขาว ตอนนี้จะฮิตแบบที่ตรงท้ายๆ เหนือส้นข้างนึงเป็นสีแดง อีกข้างเป็นสีเขียว (ใกล้คริสต์มาสแล้วสินะ 😁🎄🎅🏻 ) หรือ อาดิด๊าส รุ่นอะไรน๊า ที่ส้นมันแปลกๆ แป๋ๆ บานๆ ออกตรงขอบหน่ะ
แว่นกันแดดเรย์แบนรุ่นอาวิเอเต้อร์, นาฬิกาช่วงนี้เค้าฮิตอะไรกันหว่า ลืม แต่มีอยู่ยุคนึง แทบจะทุกคนต้องใส่แถกฮอยอ้า 😂
ถ้ากระเป๋าหลุยส์ ต้องลายโมโนแกรม รุ่นฮิตๆ มีอยู่ 2-3 รุ่น เช่น สปี้ดดี้ หรือ เนฟเว่อร์ ฟูล ที่ปากบานๆ
เสื้อยืดคอกลม เสื้อคอโปโลมีปก ยี่ห้อก็อมฯ รุ่นเพลย์ฯ ที่มีโลโก้หัวใจ หรือ ยี่ห้อโปโล คอโปโลที่มีหลายๆ สี มีโลโก้คนขี่ม้าใหญ่ๆ ตรงแขน
มีเบอร์เลข 5 ตรงอกเสื้อ กางเกงยีนส์ก็จะมีเฉพาะรุ่นที่มีลายปักวนๆ ตรงกระเป๋าหลัง 2 ใบหน่ะ
นอกจากนี้ก็มีหมวกปานามา หรือ หมวกสักกะหลาดปีกบานๆ สไตล์โบโฮ่
กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าล้อลาก ถ้าไม่หลุยส์ลายโมโนแกรม ก็ต้องริโมว่าสี่ล้อ หรือ อะไรก็ได้ที่แบบใกล้เคียงริโมว่า
ถ้าเป็นพวกข้าราชการ พวกนักการเมือง หลายกลุ่มก็จะแต่งตัวออกแนวอนุรักษ์นิยม ทั้งผู้หญิง และ ผู้ชาย ต้องมีเสื้อเบลเซ่อร์ที่มีโลโก้หน่วยงาน
หรือ เสื้อแจ็คเก็ตที่มีโลโก้ สังกัดหน่วยงาน กรม กอง สำนัก หรือ สมาคมอะไรสักอย่างใดอย่างหนึ่ง เวลาเดิน ที่สนามบิน หรือ เดินในเลาน์จการบินไทย
จะมีหัวขบวน ท้ายขบวน และ มีลูกหาบ - เวลายืนคุย จะต้องมีการตีวง ยืนแบบทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง แล้วจะมีไข่ดาวที่เด่นที่สุด
นั่นแหละคือคนที่ยศใหญ่สุด ที่จะเป็นคนหลักที่จะทำการพูดคุย ผูกขาดบทสนทนาแทบจะคนเดียว ส่วนคนที่จะกล้าคุยโต้ตอบ
หรือ พยักหน้าขานรับ ก็จะต้องมีอาวุโสน้อยลงไปตามลำดับ ส่วนที่จะต้องหุบปากเงียบ ไม่ควรแสดงความคิดเห็นอะไรเลย นอกจากจะมีผู้ใหญ่ถาม
คือ คนที่มีสถานะภาพน้อยสุดในวงพิธีกรรมนั่นเอง
เวลาคนไทยบางส่วน ไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ โหมดในการคุย จะเป็นโหมดรักกัน โหมดสามัคคีกัน โหมดร่าเริง โหมดแซวกัน โหมดเล่าเรื่องขำๆ
บรรยากาศบางส่วน จะคล้ายๆ กับตอนจบในละครไทยหลังข่าว ที่จบแบบแฮ้ปปี้ เอนดิ้ง ทุกคนรักกัน ประเภท แม้แต่นางร้าย ตัวโกง
ต้นห้องตัวร้าย ก็กลับใจมารักนางเอก (ที่ตนเองเคยกลั่นแกล้ง)
คนญี่ปุ่นก็เป็นคนอีกชาติหนึ่ง ที่ในหมู่คนทำงาน หากเดินทางไปติดต่อธุรกิจด้วยกัน ต้องมีการยืนล้อมวงคุย เหมือนการทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง ในการเดินจะมีหัวขบวน มีหางขบวน เช่นกัน , การส่งเจ้านายขึ้นรถ ก็มีพิธีกรรมเช่นกัน ลองสังเกตุดู หากใครมีโอกาส ดูตามใต้ตึกออฟฟิสย่านใจกลางกรุงเทพฯ ย่านที่มีเอ็กซ์แพ็ทญี่ปุ่นทำงานอยู่เยอะๆ
ครอบครัวอินเดียส่วนใหญ่ ครอบครัวตะวันออกกลางส่วนใหญ่ ที่เป็นนักท่องเที่ยว เวลาเดินจะมีหัวขบวน ท้ายขบวน การจัดขบวนของคนกลุ่มนี้ที่เดินอยู่ในกรุงเทพฯ ทั่วๆ ไป คือ คนนำหัวขบวนจะเป็นสามี/พ่อ ลำดับถัดไปคือลูกชาย, ถัดจากลูกชายคือลูกสาว, ส่วนคนที่อยู่ท้ายขบวนเสมอคือ ภรรยา/แม่ ลองสังเกตุกันดู
//เราอ่านดูโพรไฟล์ของคุณ คห 6-5 พบว่าเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ
ว่างๆ ว่าจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับ BBC Pidgin สืบเนื่องมาจากการที่เราไปอ่านกระทู้นี้ เคยไปตอบเอาไว้
กระทู้ "การพูดภาษาอังกฤษในชีวิตจริง" https://pantip.com/topic/36795849/comment5
*แวะเข้ามาอ่านนะ เผอิญกำลังยุ่งๆ ไม่ได้เข้ามา ขอบคุณทุกความคิดเห็นข้างล่างทั้งที่เห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย
ใครอยากว่าอะไรก็ว่าไป เราไม่โกรธ ไม่เคือง เพราะทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในรูปแบบของตนเอง ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน
หลายๆ อย่างเช่น อายุ เพศ พื้นฐานครอบครัว การอบรมเลี้ยงดู ค่านิยม พื้นฐานการศึกษา อาชีพ ประสบการณ์ชีวิต เป็นต้น ส่วนใครที่อ่านแล้วเข้าใจ
ในสิ่งที่เราสื่อ ก็ขอบคุณ
เราเอง ก็ใส่เสื้อก็อมฯ รุ่นเพลย์ ที่มีโลโก้รูปหัวใจ ใส่รองเท้าไนกี้เวลาเดินทาง คือ จริงๆ แล้วใครอยากใส่อะไรก็ใส่ไปเถอะ
ไม่เกี่ยวกับเรา การตอบกระทู้นี้ เราแค่เข้ามาสื่อถึงวิธีการ หรือ การสังเกตุ จุดสังเกตุแค่นั้นเอง การสังเกตุคนชาติอื่นๆ ก็ใช้ทฤษฎีเดียวกัน
กับการสังเกตุคนไทย
เราคิดว่าคนไทยบางส่วน แปลกอย่างหนึ่งด้วย คือ ไม่ชอบคิดต่าง ไม่ชอบกฏระเบียบ ไม่ชอบฟังความจริง ไม่ชอบศึกษาหาความรู้รอบตัว
ไม่ชอบอะไรที่เป็นความรู้ ไม่ชอบอ่าน ไม่ชอบคิดเอง ไม่ชอบคิดเชิงสร้างสรรค์ แต่ถ้าหากคิดก็ชอบคิดทางลบ โดยเอาพื้นฐานของความชอบ หรือ ความไม่ชอบเป็นที่ตั้ง ไม่ชอบใช้เหตุผลคิดไม่ใช้สมองคิด แต่ชอบใช้อารมณ์คิด ใช้ใจคิด ชอบอิจฉาริษยา แก่งแย่ง แข่งขัน ชิงดีชิงเด่น สองหน้า
ลับลมคมใน หากอยู่เป็นกลุ่มมีพวก จะเก่ง จะกล้า แต่ไม่ค่อยชอบแสดงความเก่งกล้าในทางดี
แสดงความคิดเห็น
เวลาไปเจอคนไทยที่ต่างประเทศนี่ คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นคนไทย (โดยไม่ได้พูดไทย)
มันมีเกณฑ์หรืออะไรจุดสังเกตที่ชัดเจนง่ายๆขนาดนั้นเลยเหรอครับ