เนื่องจากวันที่ 27 ก.ค. ดิฉันโดนนายจ้างเรียกให้ไปเซ็นใบเลิกจ้าง (กรณีไม่ผ่านการทดลองงาน) ด้วยความไม่รู้กฎหมายและบวกกับความโมโหจึงยอมเซ็น

พอกลับมาถึงที่บ้านจึงอ่านสัญญาที่เคยเซ็นไว้เมื่อตอนเริ่มเข้าทำงานกับบริษัทนี้ ในสัญญาระบุว่า ถ้าคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายนึงจะยกเลิกสัญญา จะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วัน ดิฉันเพิ่งทำงานที่บริษัทนี้ได้แค่ 2 เดือนครึ่ง จึงทราบว่าไม่ได้รับเงินค่าชดเชยจากทางบริษัทแน่ ๆ
จึงได้พูดคุยกับทางนายจ้างว่าให้ช่วยพิจารณาเรื่องค่าบอกกล่าวล่วงหน้า และขอให้แจ้งออกจากประกันสังคมให้ด้วย เนื่องจากดิฉันต้องลงทะเบียนว่างงาน เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ค่าชดเชยว่างงาน
ต่อมา นายจ้างจึงแจ้งออกกับทางประกันสังคมให้ดิฉัน ด้วยเหตุผลว่าเลิกจ้าง และทางนายจ้างยังรับปากกับดิฉันว่าจะฟอลโล่เรื่องค่าบอกกล่าวล่วงหน้าอีกที พอเงินเดือนออก ปรากฎว่าดิฉันไม่ได้ค่าบอกกล่าวล่วงหน้าและทางนายจ้างก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกแต่อย่างใด

1 อาทิตย์ผ่านมาคิดว่าไม่ได้แน่ๆแล้ว จึงเดินทางไปยังศาลแรงงานกลางเพื่อฟ้องเอาค่าบอกกล่าวล่วงหน้ากับทางบริษัท
หลังจากนั้น 1 เดือนผ่านมา จากที่รายงานตัวเป็นคนว่างงาน ดิฉันไม่ได้รับค่าชดเชยกรณีว่างงาน จึงโทรไปสอบถามกับทางประกันสังคมพื้นที่ ที่ได้ยื่นเรื่องไว้ ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่แจ้งกับดิฉันว่า นายจ้างเปลี่ยนแปลงจากการเลิกจ้างเป็นไล่ออก ทำให้ดิฉันไม่ได้รับเงินค่าชดเชย (ดิฉันคิดว่าพอนายจ้างได้หมายศาล เลยไปเปลี่ยน)

1. ดิฉันสงสัยว่าทำใมเจ้าหน้าที่ประกันสังคม ไม่ได้โทรมาสอบถามข้อเท็จจริงกับดิฉันก่อน หรือขอดูใบเลิกจ้างจากดิฉันก่อนก็ได้
2. ดิฉันอยากทราบว่านายจ้างสามารถเปลี่ยนแปลงการแจ้งออกได้ด้วยหรอคะ แบบนี้พอๆกับการแจ้งความเท็จเลยหรือเปล่า เพราะเอกสารเลิกจ้างก็มี
3. ดิฉันจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี เพราะทางเจ้าหน้าที่ประกันสังคมยืนยันมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่มีหน้าที่ตัดสินใจ ยังไงก็ต้องรอคำสั่งจากนายจ้างเท่านั้น

เพิ่มเติม จากการพูดคุย เจ้าหน้าที่ประกันสังคมเหมือนเข้าข้างทางนายจ้างมากกว่า แล้วแบบนี้ลูกจ้างตาดำ ๆ ที่ไม่รู้กฎหมาย ควรทำยังไงดีคะ T_T