NOW, TOMORROW, FOREVER GIRLS’ GENERATION
จากจุดเริ่มต้นสู่อนาคตของยุคสมัยของเด็กสาว
ช่วงชีวิต 10 ปี คนที่ใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลานั้นอาจรู้สึกว่าไม่นาน แต่หากมองกลับไป มันก็นานพอที่จะได้เห็นเด็กคนหนึ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2007 เกิร์ลกรุ๊ปวงหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้น ‘โซนยอชิแด’ หรือ ‘Girls’ Generation’ คือเกิร์ลกรุ๊ปไม่กี่วงท่ามกลางเหล่าบอยแบนด์ที่ครองวงการดนตรีเกาหลีใต้
แทยอน เจสสิก้า ซันนี่ ทิฟฟานี่ ฮโยยอน ยูริ ซูยอง ยุนอา ซอฮยอน เด็กสาว 9 คนที่เตะขาสูง เต้นโบกอมยิ้ม ใส่กางเกงสกินนี่ยีนส์หลากสีเต้นท่าขาปู เด็กสาวในชุดทหารกับท่าเตะตะกร้อ และอีกหลายๆ ภาพที่หลายๆ คนคงคุ้นตากันดี เป็นหนึ่งในวงไอดอลเกาหลีไม่กี่วงที่ได้ฉลองครบรอบ 10 ปี โดยที่วงไม่แตกซะก่อน จากเด็กสาวในชุดเชียร์ลีดเดอร์เมื่อวันวาน ประสบการณ์และอุปสรรคที่พบเจอมากว่า 10 ปี บ่มเพาะให้เด็กวัยรุ่นในวันนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงาม เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความสามารถในวันนี้
Girls’ Generation Through the Years
Girls’ Generation คือหนึ่งในผู้แผ้วถางเส้นทางและเปิด ‘ยุคสมัยของเกิร์ลกรุ๊ป’ บนหน้าประวัติศาสตร์ K-pop กว่าจะมาถึงจุดที่เรียกว่าเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ 9 สาวโซนยอชิแดต้องผ่านความยากลำบากและอุปสรรคมาไม่น้อย
From the Unwelcome Girls to the Girls on Top
การปรากฏตัวของเด็กสาววัยแรกแย้ม สวยใส บริสุทธิ์ ที่มาพร้อมเพลงป็อปความหมายดีๆ เน้นเสียงร้องและท่าเต้นที่แข็งแรง (โดยเฉพาะท่าเตะขาสูงในตำนาน) อย่าง ‘Into the New World’ ท่ามกลางวงการ K-pop ที่เต็มไปด้วยศิลปินชายทั้งเดี่ยวและกลุ่ม ทำให้ ‘โซนยอชิแด’ ได้รับความสนใจจากชาวเกาหลีจำนวนมาก แต่เพราะกระแสแอนตี้จากคนบางกลุ่มที่มีมาตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ การกระพือข่าวลือสร้างความเกลียดชัง กอปรกับขณะนั้น ‘Wonder Girls’ เกิร์ลกรุ๊ปร่วมรุ่น Class of 2007 กำลังมาแรงอย่างมากกับกระแส ‘Tell Me Syndrome’ ที่ลุกลามไปทั่วเกาหลี ทำให้ช่วงแรกในวงการของทั้ง 9 สาวไม่ได้สวยงามและเจิดจรัสมากเท่าที่ควร แม้จะคว้ารางวัลจากบางสำนักมาได้ก็ตาม
‘Gee’ คือเพลงที่เข้ามาพลิกสถานการณ์ของวงอย่างแท้จริง ความฮอตฮิตซึ่งต่อมากลายเป็นซิงเกิลที่ขายดีที่สุดในปี 2009 ทำให้เกิร์ลกรุ๊ปรุกกี้เบอร์รองก้าวขึ้นมาเป็นเกิร์ลกรุ๊ปแถวหน้าของประเทศ นอกจากเพลง ท่าเต้นขาปู กางเกงสกินนี่หลากสี จะเป็นที่นิยมไปทั่วประเทศ สมาชิกทั้ง 9 ก็กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
กระแส Gee ยังไม่ทันซา พวกเธอก็ปล่อยผลงานห้าดาวอย่าง ‘Tell Me Your Wish’, ‘Oh!’, ‘Run Devil Run’ ออกมาตอกย้ำความสำเร็จด้วยสไตล์และแนวเพลงที่แตกต่างกันออกไป แสดงให้เห็นว่าพวกเธอมีความสามารถและพร้อมที่จะปรับตัวเข้ากับสไตล์หรือแนวเพลงใดก็ได้ ภายในระยะเวลา 2 ปี (2009-2010) โซนยอชิแดสามารถคว้ารางวัลสูงสุด (แดซัง) จาก Golden Disc Awards 2 ปีซ้อน ที่พิเศษไปกว่านั้น พวกเธอคือเกิร์ลกรุ๊ปเพียงวงเดียวที่ได้รางวัล Album of the Year (Disc Daesang) ตั้งแต่มีการแจกรางวัลนี้ในยุค 80 จนถึงปัจจุบัน
กระแสความนิยมจากเพลงยังดึงดูดงานอื่นๆ เข้ามามากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นงานที่ทำให้พวกเธอได้แสดงความสามารถและตัวตนด้านที่ต่างออกไป โดยเฉพาะรายการวาไรตี้ที่เป็นโอกาสให้พวกเธอได้เคลียร์ตัวเองจากข่าวลือร้ายๆ ในอดีต จากความร้อนแรงของผลงานเพลงและผลงานด้านอื่นๆ ทำให้คนได้เห็นความสามารถและตัวตนของทั้ง 9 คนมากขึ้น พวกเธอกลายเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศ ยึดตำแหน่ง ‘เกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ’ ได้ในที่สุด
ไม่ใช่ศิลปินทุกรายที่จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ แต่โซนยอชิแดคือแรงบันดาลใจ และต้นแบบของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีรุ่นหลัง สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่หลายคนยอมรับว่าโซนยอชิแดเป็นไอดอลของพวกเธอ เช่น โมโมะ แห่ง ‘Twice’ ที่เคยให้สัมภาษณ์ในรายการ Boom the K-pop ตั้งแต่สมัยเป็นคนดูว่าอยากเป็นอย่างโซนยอชิแด รุ่นพี่ทั้ง 9 คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เด็กญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่เส้นทางไอดอลเกาหลี นายอนและซานะเองก็ใช้เพลงของโซนยอชิแดออดิชั่นเข้าค่าย JYP รวมถึงวงในยุคเดียวกันอย่าง ‘GFriend’ ‘Red Velvet’ และ ‘Pristin’ ก็แสดงตัวว่าเป็นแฟนเกิร์ลรุ่นพี่โซนยอชิแดมาตลอด นอกจากนี้เพลงของวง เช่น Into the New World และ Gee ก็กลายเป็นเพลงบังคับที่เด็กฝึกค่ายต่างๆ มักนำมาร้องและเต้นกัน
Spread their Wings to the World
โซนยอชิแดเป็นหัวหอกสำคัญที่ทำให้เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้ได้รับความสนใจและความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก พวกเธอนำความเป็นโซนยอชิแด ความเป็นเกิร์ลกรุ๊ป K-pop ที่โดดเด่นทั้งด้านภาพลักษณ์ที่ดูเพอร์เฟกต์ เพลงแดนซ์เน้นเสียงร้อง ท่าเต้นหนักแน่นพร้อมเพรียง บล็อกกิ้งซับซ้อน ไปให้ชาวต่างชาติทั้งในตลาดเอเชีย ตลาดยักษ์ใหญ่อย่างญี่ปุ่น (ยุคที่ K-pop ยังไม่เป็นกระแสนัก) และตลาดตะวันตกได้รู้จัก
สำหรับในญี่ปุ่น พวกเธอเริ่มโปรโมทอย่างจริงจังเมื่อปี 2010 ในนาม ‘โชโจจิได’ ซึ่งสร้างความฮือฮาด้วยการจัดโชว์เคสที่มีผู้ชมทะลุ 20,000 คนได้ตั้งแต่ยังไม่มีผลงานในญี่ปุ่น จนได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ๆ และออกรายการข่าวเช้าญี่ปุ่นแทบทุกช่อง ภาพลักษณ์ของโชโจจิไดต่างไปจากโซนยอชิแดยุคแรกๆ เล็กน้อย โชโจจิไดมักถูกชมว่า ‘คักโคอี้’ (เท่) มากกว่า ‘คาวาอี้’ (น่ารัก) SM และ Nayutawave (ค่ายของโชโจจิได) เลือกให้ ‘Genie’ (Tell Me Your Wish) ที่ดูเท่กว่า Gee เป็นเพลงเดบิวต์ในญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าค่ายตัดสินใจถูกที่นำเสนอภาพลักษณ์หญิงงาม สวย เท่ แฟชั่นเลิศ ของสาวๆ ทั้ง 9 มากกว่าความน่ารักตามเทรนด์ไอดอลญี่ปุ่น โชโจจิไดกลายเป็นแฟชั่นไอคอนที่สาวๆ ญี่ปุ่นชื่นชม อัลบั้ม Girls’ Generation (อัลบั้มภาษาญี่ปุ่นชุดแรก) ขายได้ทะลุล้านแผ่น ปัจจุบันโชโจจิไดมีอัลบั้มเต็ม 3 อัลบั้มกับอีก 1 อัลบั้มรวมฮิต ขายได้ทะลุหลักแสนแผ่นทุกอัลบั้ม
9 สาวยังทดลองเปิดตลาดในอเมริกาด้วย ‘The Boys (Eng ver.)’ ซึ่งแต่งโดย Teddy Riley โปรดิวเซอร์ระดับโลก แม้จะไม่ได้รับความนิยมเท่าเวอร์ชั่นเกาหลี แต่ก็ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีจากนักวิจารณ์เพลงหลายๆ สำนัก อีกทั้งการได้เป็นไอดอลเกาหลีกลุ่มแรกที่ได้ร้องสดโชว์ในรายการทอล์กโชว์ยักษ์ใหญ่อย่าง ‘Late Show with David Letterman’ และ ‘Live! with Kelly’ รวมถึง ‘Le Grand Journal’ รายการดังจากแดนน้ำหอม ก็ถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่า มีศิลปินเอเชียไม่กี่คนที่สามารถทำได้ ถือว่าสมศักดิ์ศรีเกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ
Broken Wings
สำหรับวงที่มีจุดแข็งเรื่องความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นระหว่างสมาชิก หรือ ‘Soshi Bond’ การจากไปของ ‘เจสสิก้า’ สมาชิกคนสำคัญของวง อาจเป็นจุดวิกฤตที่สุดของวง โดยเฉพาะในแง่จิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าสมาชิกทั้ง 8 หรือ ‘โซวอน’ แฟนคลับของวง ก็คงไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทั้งๆ ที่เพิ่งต่อสัญญา แล้วยิ่งฝ่ายที่จากไปออกมาบอกว่าเธอโดนไล่ออกด้วยแล้ว ยิ่งกลายเป็นประเด็นร้อนไปใหญ่ ทั้งเจสสิก้าและโซนยอชิแด 8 คนต่างโดนวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ทางฝั่ง SM Entertainment ได้ออกมาแถลงว่า เจสสิก้าแจ้งกับทางค่ายว่าจะออกจากวงหลังจากเสร็จสิ้นการโปรโมตอัลบั้มชุดถัดไป แต่หลังจากที่เธอมีธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเธอไม่สามารถจัดสรรเวลาโดยให้ความสำคัญกับวงเป็นอันดับแรกได้ ทางค่ายจึงตัดสินใจโปรโมต Girls’ Generation ด้วยสมาชิก 8 คน เร็วกว่ากำหนด หลังออกจากวงไปเกือบ 2 ปี เจสสิก้าออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ที่จริงไม่ช้าก็เร็วเธอคงต้องออกจากวงอยู่แล้ว เพราะ ณ จุดนั้น ความสนใจของพวกเธอมันต่างกันมาก ยังไงก็คงต้องจากกันอยู่ดี เพียงแต่มันเกิดเร็วกว่าที่คิดเท่านั้น
Rebirth
วิกฤตจากการขาดหายไปของสมาชิกที่ร่วมทางกันมากว่า 7 ปี (ถ้ารวมระยะเวลาที่ฝึกด้วยกันก็มากกว่า 10 ปี) อย่างเจสสิก้า นอกจากจะส่งผลกระทบถึงจิตใจของสมาชิกและโซวอนแล้ว ยังสั่นคลอนทั้งชื่อเสียงโดยรวมของวง กระทบงานและโปรเจกต์ต่างๆ ที่ค้างไว้ และแผนการของวงในอนาคต แต่ก็เหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เติมเชื้อไฟให้กับ 8 สาวที่เหลือ หลังจากที่ระยะหลังพวกเธอเริ่มมาถึงจุดอิ่มตัว จนแฟนๆ เองก็รู้สึกได้ การขาดหายไปของสมาชิกคนสำคัญทำให้พวกเธอฮึดขึ้นมาใหม่ สมาชิกทั้ง 8 ต่างพยายามเติมเต็มช่องว่างที่หายไป ซึ่งทุกสิ่งสะท้อนอยู่ในอัลบั้มชุดที่ 5 ‘Lion Heart’ การร้องการเต้นที่แน่นขึ้นกว่าเดิม การเกลี่ยท่อนร้องให้ 4 สาวสายเต้นมีบทบาทในเพลงมากขึ้น สีหน้า แววตาเวลาแสดงที่ดูมุ่งมั่น ไฟลุกโชน เหมือนเพิ่งเดบิวต์ใหม่ๆ ไม่มีผิด
หลังสิ้นสุดการโปรโมตอัลบั้มที่ 5 ทั้ง 8 สาวก็ปรับโฟกัสไปที่งานเดี่ยว ซึ่งแต่ละคนก็มีงานที่สนใจแตกต่างกันไป ทั้งงานเพลง งานแสดง วาไรตี้ บางคนประสบความสำเร็จ ดังเป็นพลุแตก บางคนอาจไม่เปรี้ยงเท่าที่ควร แต่สาวๆ ก็ได้แสดงตัวตนและความสามารถส่วนตัวแบบไม่ต้องมีข้อจำกัดของไอดอล สลัดภาพไอดอลที่ค่ายสร้างให้ พวกเธอยังมีอิสระในการลองงานที่สนใจหลายๆ อย่าง เรียกได้ว่าช่วง 2 ปี หลัง Lion Heart ทั้ง 8 ก็น่าจะค้นพบแล้วว่านอกจากการเป็นเกิร์ลกรุ๊ป เป้าหมายของพวกเธอคืออะไร
ผลจากการแยกกันไปเก็บเลเวล 2 ปี ทำให้อัลบั้มชุดที่ 6 ‘Holiday Night’ อัลบั้มครบรอบ 10 ปีของโซนยอชิแดอัดแน่นไปด้วยความสุข ความรัก ความคิดถึง แม้เพลงอาจจะไม่ได้หวือหวาแปลกใหม่ แต่กลับได้เห็นพัฒนาการด้านเทคนิคการร้องและการสื่ออารมณ์ที่ดีมากขึ้น แถมยังไม่ทิ้งตัวตนความเป็นโซนยอชิแดแม้แต่น้อย
What keeps them on top
Soshi Bond
ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกและทีมเวิร์กที่ดี คือสิ่งสำคัญที่ศิลปินกลุ่มต้องมี ‘Soshi Bond’ คือสายใยความผูกพันระหว่างสมาชิกที่เป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน พวกเธอคือเพื่อนตายที่อยู่เคียงข้างกันสู้เพื่อความฝันตั้งแต่ยังเป็นเด็กประถม ช่วยกันประคับประคองเมื่อเพื่อนสะดุด เป็นกำลังใจและแรงผลักดันระหว่างกัน ทุกคนเป็นสมาชิกที่สำคัญของวงเหมือนกัน ซูยองเคยให้สัมภาษณ์แก่ Sports Donga ไว้ว่า ความลับของมิตรภาพ 10 ปี คือการใส่ใจและเคารพซึ่งกันและกันระหว่างสมาชิกในวง พวกเธอยังมีช่วงเวลา ‘5 minutes talk’ เพื่อเปิดใจถึงสิ่งที่ไม่พอใจ ไม่ชอบ ทบทวนสิ่งที่ควรแก้ไขและพัฒนา เคลียร์ประเด็นคาใจในแต่ละวัน
Stay Passionate
แม้ประสบความสำเร็จจนขึ้นแท่นตำนานไปแล้ว แต่โซนยอชิแดไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ทุกครั้งที่เราได้ลิ้มลองผลงานใหม่ๆ ของพวกเธอ เรามักจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อย ถ้ามีโอกาสได้ไล่ฟังผลงานตั้งแต่ชุดแรกถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าพวกเธอเติบโตขึ้นมากเพียงใด นอกจากงานเพลง พวกเธอยังแสวงหาโอกาสทดลองงานด้านอื่น ทั้งยังพยายามท้าทายตัวเองไม่หยุด อย่างทิฟฟานี่ที่มีจุดอ่อนเรื่องเต้น แต่ออกอัลบั้มเดี่ยวที่ท่าเต้นแอดวานซ์อย่าง ‘I Just Wanna Dance’ ในขณะที่แดนซิ่งควีน ฮโยยอน ที่โดนปรามาสว่าร้องเพลงไม่ได้ ก็ลบคำสบประมาทด้วยการออกโซโล่ซิงเกิ้ลมา 2 เพลงแล้ว
[K-POP] บทความ NOW, TOMORROW, FOREVER GIRLS’ GENERATION
NOW, TOMORROW, FOREVER GIRLS’ GENERATION
จากจุดเริ่มต้นสู่อนาคตของยุคสมัยของเด็กสาว
ช่วงชีวิต 10 ปี คนที่ใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลานั้นอาจรู้สึกว่าไม่นาน แต่หากมองกลับไป มันก็นานพอที่จะได้เห็นเด็กคนหนึ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2007 เกิร์ลกรุ๊ปวงหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้น ‘โซนยอชิแด’ หรือ ‘Girls’ Generation’ คือเกิร์ลกรุ๊ปไม่กี่วงท่ามกลางเหล่าบอยแบนด์ที่ครองวงการดนตรีเกาหลีใต้
แทยอน เจสสิก้า ซันนี่ ทิฟฟานี่ ฮโยยอน ยูริ ซูยอง ยุนอา ซอฮยอน เด็กสาว 9 คนที่เตะขาสูง เต้นโบกอมยิ้ม ใส่กางเกงสกินนี่ยีนส์หลากสีเต้นท่าขาปู เด็กสาวในชุดทหารกับท่าเตะตะกร้อ และอีกหลายๆ ภาพที่หลายๆ คนคงคุ้นตากันดี เป็นหนึ่งในวงไอดอลเกาหลีไม่กี่วงที่ได้ฉลองครบรอบ 10 ปี โดยที่วงไม่แตกซะก่อน จากเด็กสาวในชุดเชียร์ลีดเดอร์เมื่อวันวาน ประสบการณ์และอุปสรรคที่พบเจอมากว่า 10 ปี บ่มเพาะให้เด็กวัยรุ่นในวันนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงาม เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความสามารถในวันนี้
Girls’ Generation Through the Years
Girls’ Generation คือหนึ่งในผู้แผ้วถางเส้นทางและเปิด ‘ยุคสมัยของเกิร์ลกรุ๊ป’ บนหน้าประวัติศาสตร์ K-pop กว่าจะมาถึงจุดที่เรียกว่าเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ 9 สาวโซนยอชิแดต้องผ่านความยากลำบากและอุปสรรคมาไม่น้อย
From the Unwelcome Girls to the Girls on Top
การปรากฏตัวของเด็กสาววัยแรกแย้ม สวยใส บริสุทธิ์ ที่มาพร้อมเพลงป็อปความหมายดีๆ เน้นเสียงร้องและท่าเต้นที่แข็งแรง (โดยเฉพาะท่าเตะขาสูงในตำนาน) อย่าง ‘Into the New World’ ท่ามกลางวงการ K-pop ที่เต็มไปด้วยศิลปินชายทั้งเดี่ยวและกลุ่ม ทำให้ ‘โซนยอชิแด’ ได้รับความสนใจจากชาวเกาหลีจำนวนมาก แต่เพราะกระแสแอนตี้จากคนบางกลุ่มที่มีมาตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ การกระพือข่าวลือสร้างความเกลียดชัง กอปรกับขณะนั้น ‘Wonder Girls’ เกิร์ลกรุ๊ปร่วมรุ่น Class of 2007 กำลังมาแรงอย่างมากกับกระแส ‘Tell Me Syndrome’ ที่ลุกลามไปทั่วเกาหลี ทำให้ช่วงแรกในวงการของทั้ง 9 สาวไม่ได้สวยงามและเจิดจรัสมากเท่าที่ควร แม้จะคว้ารางวัลจากบางสำนักมาได้ก็ตาม
‘Gee’ คือเพลงที่เข้ามาพลิกสถานการณ์ของวงอย่างแท้จริง ความฮอตฮิตซึ่งต่อมากลายเป็นซิงเกิลที่ขายดีที่สุดในปี 2009 ทำให้เกิร์ลกรุ๊ปรุกกี้เบอร์รองก้าวขึ้นมาเป็นเกิร์ลกรุ๊ปแถวหน้าของประเทศ นอกจากเพลง ท่าเต้นขาปู กางเกงสกินนี่หลากสี จะเป็นที่นิยมไปทั่วประเทศ สมาชิกทั้ง 9 ก็กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
กระแส Gee ยังไม่ทันซา พวกเธอก็ปล่อยผลงานห้าดาวอย่าง ‘Tell Me Your Wish’, ‘Oh!’, ‘Run Devil Run’ ออกมาตอกย้ำความสำเร็จด้วยสไตล์และแนวเพลงที่แตกต่างกันออกไป แสดงให้เห็นว่าพวกเธอมีความสามารถและพร้อมที่จะปรับตัวเข้ากับสไตล์หรือแนวเพลงใดก็ได้ ภายในระยะเวลา 2 ปี (2009-2010) โซนยอชิแดสามารถคว้ารางวัลสูงสุด (แดซัง) จาก Golden Disc Awards 2 ปีซ้อน ที่พิเศษไปกว่านั้น พวกเธอคือเกิร์ลกรุ๊ปเพียงวงเดียวที่ได้รางวัล Album of the Year (Disc Daesang) ตั้งแต่มีการแจกรางวัลนี้ในยุค 80 จนถึงปัจจุบัน
กระแสความนิยมจากเพลงยังดึงดูดงานอื่นๆ เข้ามามากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นงานที่ทำให้พวกเธอได้แสดงความสามารถและตัวตนด้านที่ต่างออกไป โดยเฉพาะรายการวาไรตี้ที่เป็นโอกาสให้พวกเธอได้เคลียร์ตัวเองจากข่าวลือร้ายๆ ในอดีต จากความร้อนแรงของผลงานเพลงและผลงานด้านอื่นๆ ทำให้คนได้เห็นความสามารถและตัวตนของทั้ง 9 คนมากขึ้น พวกเธอกลายเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศ ยึดตำแหน่ง ‘เกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ’ ได้ในที่สุด
ไม่ใช่ศิลปินทุกรายที่จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ แต่โซนยอชิแดคือแรงบันดาลใจ และต้นแบบของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีรุ่นหลัง สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่หลายคนยอมรับว่าโซนยอชิแดเป็นไอดอลของพวกเธอ เช่น โมโมะ แห่ง ‘Twice’ ที่เคยให้สัมภาษณ์ในรายการ Boom the K-pop ตั้งแต่สมัยเป็นคนดูว่าอยากเป็นอย่างโซนยอชิแด รุ่นพี่ทั้ง 9 คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เด็กญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่เส้นทางไอดอลเกาหลี นายอนและซานะเองก็ใช้เพลงของโซนยอชิแดออดิชั่นเข้าค่าย JYP รวมถึงวงในยุคเดียวกันอย่าง ‘GFriend’ ‘Red Velvet’ และ ‘Pristin’ ก็แสดงตัวว่าเป็นแฟนเกิร์ลรุ่นพี่โซนยอชิแดมาตลอด นอกจากนี้เพลงของวง เช่น Into the New World และ Gee ก็กลายเป็นเพลงบังคับที่เด็กฝึกค่ายต่างๆ มักนำมาร้องและเต้นกัน
Spread their Wings to the World
โซนยอชิแดเป็นหัวหอกสำคัญที่ทำให้เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้ได้รับความสนใจและความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก พวกเธอนำความเป็นโซนยอชิแด ความเป็นเกิร์ลกรุ๊ป K-pop ที่โดดเด่นทั้งด้านภาพลักษณ์ที่ดูเพอร์เฟกต์ เพลงแดนซ์เน้นเสียงร้อง ท่าเต้นหนักแน่นพร้อมเพรียง บล็อกกิ้งซับซ้อน ไปให้ชาวต่างชาติทั้งในตลาดเอเชีย ตลาดยักษ์ใหญ่อย่างญี่ปุ่น (ยุคที่ K-pop ยังไม่เป็นกระแสนัก) และตลาดตะวันตกได้รู้จัก
สำหรับในญี่ปุ่น พวกเธอเริ่มโปรโมทอย่างจริงจังเมื่อปี 2010 ในนาม ‘โชโจจิได’ ซึ่งสร้างความฮือฮาด้วยการจัดโชว์เคสที่มีผู้ชมทะลุ 20,000 คนได้ตั้งแต่ยังไม่มีผลงานในญี่ปุ่น จนได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ๆ และออกรายการข่าวเช้าญี่ปุ่นแทบทุกช่อง ภาพลักษณ์ของโชโจจิไดต่างไปจากโซนยอชิแดยุคแรกๆ เล็กน้อย โชโจจิไดมักถูกชมว่า ‘คักโคอี้’ (เท่) มากกว่า ‘คาวาอี้’ (น่ารัก) SM และ Nayutawave (ค่ายของโชโจจิได) เลือกให้ ‘Genie’ (Tell Me Your Wish) ที่ดูเท่กว่า Gee เป็นเพลงเดบิวต์ในญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าค่ายตัดสินใจถูกที่นำเสนอภาพลักษณ์หญิงงาม สวย เท่ แฟชั่นเลิศ ของสาวๆ ทั้ง 9 มากกว่าความน่ารักตามเทรนด์ไอดอลญี่ปุ่น โชโจจิไดกลายเป็นแฟชั่นไอคอนที่สาวๆ ญี่ปุ่นชื่นชม อัลบั้ม Girls’ Generation (อัลบั้มภาษาญี่ปุ่นชุดแรก) ขายได้ทะลุล้านแผ่น ปัจจุบันโชโจจิไดมีอัลบั้มเต็ม 3 อัลบั้มกับอีก 1 อัลบั้มรวมฮิต ขายได้ทะลุหลักแสนแผ่นทุกอัลบั้ม
9 สาวยังทดลองเปิดตลาดในอเมริกาด้วย ‘The Boys (Eng ver.)’ ซึ่งแต่งโดย Teddy Riley โปรดิวเซอร์ระดับโลก แม้จะไม่ได้รับความนิยมเท่าเวอร์ชั่นเกาหลี แต่ก็ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีจากนักวิจารณ์เพลงหลายๆ สำนัก อีกทั้งการได้เป็นไอดอลเกาหลีกลุ่มแรกที่ได้ร้องสดโชว์ในรายการทอล์กโชว์ยักษ์ใหญ่อย่าง ‘Late Show with David Letterman’ และ ‘Live! with Kelly’ รวมถึง ‘Le Grand Journal’ รายการดังจากแดนน้ำหอม ก็ถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่า มีศิลปินเอเชียไม่กี่คนที่สามารถทำได้ ถือว่าสมศักดิ์ศรีเกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ
Broken Wings
สำหรับวงที่มีจุดแข็งเรื่องความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นระหว่างสมาชิก หรือ ‘Soshi Bond’ การจากไปของ ‘เจสสิก้า’ สมาชิกคนสำคัญของวง อาจเป็นจุดวิกฤตที่สุดของวง โดยเฉพาะในแง่จิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าสมาชิกทั้ง 8 หรือ ‘โซวอน’ แฟนคลับของวง ก็คงไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทั้งๆ ที่เพิ่งต่อสัญญา แล้วยิ่งฝ่ายที่จากไปออกมาบอกว่าเธอโดนไล่ออกด้วยแล้ว ยิ่งกลายเป็นประเด็นร้อนไปใหญ่ ทั้งเจสสิก้าและโซนยอชิแด 8 คนต่างโดนวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ทางฝั่ง SM Entertainment ได้ออกมาแถลงว่า เจสสิก้าแจ้งกับทางค่ายว่าจะออกจากวงหลังจากเสร็จสิ้นการโปรโมตอัลบั้มชุดถัดไป แต่หลังจากที่เธอมีธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเธอไม่สามารถจัดสรรเวลาโดยให้ความสำคัญกับวงเป็นอันดับแรกได้ ทางค่ายจึงตัดสินใจโปรโมต Girls’ Generation ด้วยสมาชิก 8 คน เร็วกว่ากำหนด หลังออกจากวงไปเกือบ 2 ปี เจสสิก้าออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ที่จริงไม่ช้าก็เร็วเธอคงต้องออกจากวงอยู่แล้ว เพราะ ณ จุดนั้น ความสนใจของพวกเธอมันต่างกันมาก ยังไงก็คงต้องจากกันอยู่ดี เพียงแต่มันเกิดเร็วกว่าที่คิดเท่านั้น
Rebirth
วิกฤตจากการขาดหายไปของสมาชิกที่ร่วมทางกันมากว่า 7 ปี (ถ้ารวมระยะเวลาที่ฝึกด้วยกันก็มากกว่า 10 ปี) อย่างเจสสิก้า นอกจากจะส่งผลกระทบถึงจิตใจของสมาชิกและโซวอนแล้ว ยังสั่นคลอนทั้งชื่อเสียงโดยรวมของวง กระทบงานและโปรเจกต์ต่างๆ ที่ค้างไว้ และแผนการของวงในอนาคต แต่ก็เหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เติมเชื้อไฟให้กับ 8 สาวที่เหลือ หลังจากที่ระยะหลังพวกเธอเริ่มมาถึงจุดอิ่มตัว จนแฟนๆ เองก็รู้สึกได้ การขาดหายไปของสมาชิกคนสำคัญทำให้พวกเธอฮึดขึ้นมาใหม่ สมาชิกทั้ง 8 ต่างพยายามเติมเต็มช่องว่างที่หายไป ซึ่งทุกสิ่งสะท้อนอยู่ในอัลบั้มชุดที่ 5 ‘Lion Heart’ การร้องการเต้นที่แน่นขึ้นกว่าเดิม การเกลี่ยท่อนร้องให้ 4 สาวสายเต้นมีบทบาทในเพลงมากขึ้น สีหน้า แววตาเวลาแสดงที่ดูมุ่งมั่น ไฟลุกโชน เหมือนเพิ่งเดบิวต์ใหม่ๆ ไม่มีผิด
หลังสิ้นสุดการโปรโมตอัลบั้มที่ 5 ทั้ง 8 สาวก็ปรับโฟกัสไปที่งานเดี่ยว ซึ่งแต่ละคนก็มีงานที่สนใจแตกต่างกันไป ทั้งงานเพลง งานแสดง วาไรตี้ บางคนประสบความสำเร็จ ดังเป็นพลุแตก บางคนอาจไม่เปรี้ยงเท่าที่ควร แต่สาวๆ ก็ได้แสดงตัวตนและความสามารถส่วนตัวแบบไม่ต้องมีข้อจำกัดของไอดอล สลัดภาพไอดอลที่ค่ายสร้างให้ พวกเธอยังมีอิสระในการลองงานที่สนใจหลายๆ อย่าง เรียกได้ว่าช่วง 2 ปี หลัง Lion Heart ทั้ง 8 ก็น่าจะค้นพบแล้วว่านอกจากการเป็นเกิร์ลกรุ๊ป เป้าหมายของพวกเธอคืออะไร
ผลจากการแยกกันไปเก็บเลเวล 2 ปี ทำให้อัลบั้มชุดที่ 6 ‘Holiday Night’ อัลบั้มครบรอบ 10 ปีของโซนยอชิแดอัดแน่นไปด้วยความสุข ความรัก ความคิดถึง แม้เพลงอาจจะไม่ได้หวือหวาแปลกใหม่ แต่กลับได้เห็นพัฒนาการด้านเทคนิคการร้องและการสื่ออารมณ์ที่ดีมากขึ้น แถมยังไม่ทิ้งตัวตนความเป็นโซนยอชิแดแม้แต่น้อย
What keeps them on top
Soshi Bond
ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกและทีมเวิร์กที่ดี คือสิ่งสำคัญที่ศิลปินกลุ่มต้องมี ‘Soshi Bond’ คือสายใยความผูกพันระหว่างสมาชิกที่เป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน พวกเธอคือเพื่อนตายที่อยู่เคียงข้างกันสู้เพื่อความฝันตั้งแต่ยังเป็นเด็กประถม ช่วยกันประคับประคองเมื่อเพื่อนสะดุด เป็นกำลังใจและแรงผลักดันระหว่างกัน ทุกคนเป็นสมาชิกที่สำคัญของวงเหมือนกัน ซูยองเคยให้สัมภาษณ์แก่ Sports Donga ไว้ว่า ความลับของมิตรภาพ 10 ปี คือการใส่ใจและเคารพซึ่งกันและกันระหว่างสมาชิกในวง พวกเธอยังมีช่วงเวลา ‘5 minutes talk’ เพื่อเปิดใจถึงสิ่งที่ไม่พอใจ ไม่ชอบ ทบทวนสิ่งที่ควรแก้ไขและพัฒนา เคลียร์ประเด็นคาใจในแต่ละวัน
Stay Passionate
แม้ประสบความสำเร็จจนขึ้นแท่นตำนานไปแล้ว แต่โซนยอชิแดไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ทุกครั้งที่เราได้ลิ้มลองผลงานใหม่ๆ ของพวกเธอ เรามักจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อย ถ้ามีโอกาสได้ไล่ฟังผลงานตั้งแต่ชุดแรกถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าพวกเธอเติบโตขึ้นมากเพียงใด นอกจากงานเพลง พวกเธอยังแสวงหาโอกาสทดลองงานด้านอื่น ทั้งยังพยายามท้าทายตัวเองไม่หยุด อย่างทิฟฟานี่ที่มีจุดอ่อนเรื่องเต้น แต่ออกอัลบั้มเดี่ยวที่ท่าเต้นแอดวานซ์อย่าง ‘I Just Wanna Dance’ ในขณะที่แดนซิ่งควีน ฮโยยอน ที่โดนปรามาสว่าร้องเพลงไม่ได้ ก็ลบคำสบประมาทด้วยการออกโซโล่ซิงเกิ้ลมา 2 เพลงแล้ว