นั่งลิสท์จังหวัดใกล้เคียงเมืองกรุงมาอย่างมากมาย แต่ก็ได้ผลสรุปที่ถูกใจ เพราะใกล้บ้านที่สุด ทางขับง่าย และยังไม่เคยได้ไปแบบจริงจัง จังหวัดนั่นก็คือออ .......
.
นครนาย๊กกกก ! แห่งนี้นี่เอง

.
ก่อนไป เราใช้เวลาไม่มากในการ search หารีวิวต่างๆ ที่ๆควรไปในจังหวัดนครนายก
แล้วก็นั่งเลือกๆ ว่าอยากไปที่ไหนบ้าง อยากกินอะไรบ้าง แพลนของเราก็จะประมาณนี้นะฮะ
1. แวะ
ร้านกาแฟกับต้นไม้ที่ตลาดดอกไม้คลอง 15
2. ปูเสื่อทานข้าวเที่ยงที่ริม
น้ำตกวังตะไคร้
3. ตามล่า
มะยงชิดปั่น ที่สวนศรีทอง
4. ไปถ่ายรูปชิคๆกับ
ฟาร์มเมล่อน ที่ พ. ฟาร์ม
รีวิวครั้งนี้จะมาอัพเดทด้วยว่าปัจุบันแต่ละสถานที่เป็นอย่างไรบ้าง
แพลนไว้ ไม่อัดไม่แน่น แต่สถานที่ค่อนข้างห่างกันเลยใช้เวลาพอสมควร
เราตัดวัด เขื่อน และน้ำตกอื่นๆออก โอกาสหน้าค่อยไปตามเก็บกันอีกทีฮะ ~
ออกเดินทางไม่เช้ามากประมาณ 10 โมงกว่าๆ เพราะคำนวณระยะทาง + การจราจร ก่อนออกจากบ้านด้วย
google maps เราจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 50 นาทีเท่านั้น โดยเป้าหมายแรก เราปักจุดกันที่
ร้านกาแฟกับต้นไม้ ที่คลอง 15 กันก่อน
เราใช้ถนนเส้น รังสิต - นครนายก วิ่งตรงไปเรื่อยๆ รถติดบ้างอะไรบ้าง แต่ขับรถไปฟังเพลงที่ชอบไปก็เพลินๆ แปปๆก็ถึงแล้ว
ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยตลาดดอกไม้แห่งคลอง 15 เราเลี้ยวซ้ายตรงเข้าไปเลย
แต่!!! เราพยายามหาร้านกาแฟกับต้นไม้ แต่
เราหาไม่เจอ ตอนแรกสิ้นหวังแล้ว นึกว่าต้องวนออก แต่เราเจอร้านนี้แทนฮะ!
มนต์รักคลอง 15 แทแด๊นนน ..

มองจากหน้าร้านแล้วน่าจะดูมีอะไร เรามาถึงนี่แล้วเราจะไม่นกท้องเปล่ากลับออกไป
เราต้องได้กินขนมและนมปั่นสักแก้วสิน่า

เดินเข้าไปส่องบรรยากาศรอบๆ

บรรยากาศรอบๆ ให้ความรู้สึกบ้านไม้ ที่มีของสะสมเก่าแก่ ตกแต่งแบบวินเทจๆ
เดินไปทางด้านหลังร้าน ถึงกับตกใจ เพราะร้านนี้ยาวออกไปทางด้านหลัง เป็นอีกโซนที่นั่งเล่นได้

และนี่ก็เป็นส่วนที่ชอบที่สุดเลย โซนริมคลอง
ห้อยขาจิบกาแฟ ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกปรอยๆ ฝั่งตรงข้ามก็เป็นสวนที่ดูเขียวๆ ฟีลดีสุดๆเลย

และนี่ก็เป็นเมนูที่เราสั่ง เค้กมะพร้าว และโกโก้ปั่นหวานน้อย ส่วนตัวแล้วชอบเค้กมะพร้าว หวานกำลังดีเลย
ก็ถือว่าการบังเอิญเจอร้านร้านนี้ ถือว่าโชคดีสุดๆ เราเสพธรรมชาติ แวะพักจนพอใจแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ
ไปยังเป้าหมายที่สอง
อุทยานวังตะไคร้
เช่นเคย เราจะปักจุดใน
google maps แล้วเราก็ตามทางไปเรื่อย อีกประมาณ 50 กิโล
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเราก็มาถึงกันแล้ว
อุทยานวังตะไคร้
เสียค่าเข้าให้อุธยาน เหมาจ่ายรถยนต์คันละ 150 บาท กี่คนก็ได้ค่ะ

ด้านในอุทยาน กว้างใหญ่ไพศาลมาก แล้วเราก็จะเริ่มเห็นร้านค้าต่างๆ
ด้วยความรีบ เราเลยจอดรถเพื่อ
เช่าเสื่อจากร้านด้านหน้าของอุทยาน 40 บาท มัดจำ 80 บาท เผื่อด้านในจะไม่มีเลยเพื่อความชัวร์
เราก็ขับตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านส่วนที่เป็นที่พัก
จุดกางเต๊นท์ และแล้วก็เจอส่วนที่คนจอดรถเล่นน้ำตกกัน ! เราเลยโอเคจอดบ้าง
แต่จริงๆแล้วเป็นทางยาวไปเลยนะส่วนที่เล่นน้ำได้ มีสองฝั่งด้วย จริงๆวนหาทำเลดีๆก่อนแล้วค่อยจอดก็ได้ ไม่ต้องรีบอย่างเรา

เราจะเจอร้านขายส้มตำไก่ย่าง อาหารตามสั่ง ซึ่งเขาบอกว่า
ซื้อส้มตำ ได้เสื่อไปนั่งทาน ฟรี!
โอโห โอโห ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้อิฉันเสียเงินเช่าเสื่อไปก่อนแล้ว 40 บาท

เลยมาขอบอกต่อเพื่อนๆนะคะ ถ้าคิดจะมาซื้ออาหารในอุทยาน เค้ามีเสื่อแถมฟรีนะเออ (แต่ต้องคืนนะ)
แต่ถ้าใครพกอาหารมาจากบ้าน ก็เช่ากันไปเลยค่า

พอได้อาหารแล้ว เราก็เดินหาทำเล ปูเสื่อกินข้าว พักผ่อนหย่อนใจ อากาศดีมากจริงๆนะเออ
ฝนไม่ตกเลย แต่อากาศชื้นๆ ลมเย็นๆ แดดไม่แรง มันดีมากกก ~

วิวจากเสื่อเรา ชิวๆมองดูคนอื่นเล่นน้ำ สิ่งที่ต้องระวังเลยคือมดค่ะ ดูให้ดีก่อนวางเสื่อน้าว่ามีรังมดไหม

เดินขึ้นไปทางต้นๆน้ำหน่อย จะมีห่วงยางให้เช่า น่าจะ 40 บาท คนเค้ามักจะเช่าแล้วนั่งบนห่วง ให้ห่วงยางมันไหลตามน้ำไป

เกาะกันเป็นแพๆ ดูน่าสนุกมาก แต่พอไหลลงไปข้างล่าง
เราก็ต้องเดินหิ้วห่วงยางกลับขึ้นมา เป็นการออกกำลังกายที่ดีเลยแหละ

พอกินอาหารเล่นน้ำกันจนพอใจแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อไปยังเป้าหมายต่อไป
เราปักจุดไปที่ร้าน
สวนศรีทอง ร้านจะอยู่ข้างทาง ห่างจากอุทยานวังตะไคร้ ประมาณ 4 กิโลเมตร
เราจะไปตามล่ามะยงชิดกัน!

เห็นมะยงชิดลูกใหญ่ๆ อยู่ข้างทางก็แปลว่าถึงแล้วววว (ขออภัยเก็บรูปหน้าร้านได้ไม่หมด มุมไม่ดี เพราะยืนอยู่ข้างถนนระยะใกล้มากT_T)

เข้ามาในร้านจะเป็นร้านคาเฟ่ แอร์เย็นๆ มีเมนูเครื่องดื่ม และขนมทำจากมะยงชิด

ทุกอย่างดูน่ากินมาก โดยเฉพาะชาวมะยงชิดเอฟซี ทั้งหลาย

มากันที่เมนูแรกค่ะ เราสั่ง
มะยงชิดชีสเค้ก

ทานคู่กับ
น้ำมะยงชิดปั่น
ทั้งสองเมนูทางร้านทำออกมาได้ดี เมนูเค้ก ตรงกลางมีเนื้อมะยงชิดซึ่งชอบส่วนนี้มาก ด้านบนเป็นเหมือนแยมมะยงชิด
กินตัดกับครีมชีส ด้านล่างเป็นแครกเกอร์ โดยรวมถือว่าอร่อยดีค่ะ ส่วนน้ำปั่นไม่ค่อยรู้สึกถึงเนื้อมะยงชิดเลย

ออกแนวหวานๆ เปรี้ยวๆ แต่กินแล้วชื่นใจค่ะ ค่าเสียหายรวมๆแล้ว ประมาณ 200 บาท สำหรับ 2 เมนูนี้

นอกจากนี้ที่ร้านก็มีโซนขายของฝาก ที่มาจากการแปลรูปมะยงชิดด้วย
ซื้อเก็บกลับบ้านกันได้ค่า
เป้าหมายต่อไป เราจะไปกันต่อที่
ฟาร์มเมล่อน พ.ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่แถวๆบ้านนา
จิ้มจุดแล้วเราก็ขับไปต่อ ราวๆ 53 กิโลเมตร ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆเราก็มาถึงค่ะ

ฟาร์มดูเงียบเหงามากเลย หรือเป็นเพราะเวลาที่ไปเกือบจะเย็น
โล่งมาก ไม่มีคน เหมือนร้าง

แต่ฟาร์มยังเปิดให้เข้าชมเมล่อนในโรงปลูก ฟรีนะคะ
เราก็เข้าไปเก็บรูปสวยๆกันไป

ถ่ายรูปรอบฟาร์มจนพอใจ เราก็มาจบที่ คาเฟ่เมล่อน ด้านหน้า
ตอนแรกก็คิดว่าปิดแล้ว มันดูร้างๆ ยังไงพิกล ไม่ค่อยเหมือนที่เคยอ่านรีวิวไปเลย
แต่พอเห็นคนเดินๆ เข้าไปบ้าง ก็เลยเดินตาม

เข้ามาในร้าน จะมีเมนูขนม เครื่องดื่ม ไปจนบิงซู ที่ทำจากเมล่อนมากมาย และมีเมล่อนจากสวนให้ชิมฟรีด้วย
ทางเราขอลองไอติมเมล่อน

ไอติมสดชื่นมาก กลิ่นดีมาก ชอบมากกก ... นั่งกินพักให้หายเหนื่อย
มองดูนาฬิกาก็ปาไป 6 โมงกว่า ถึงเวลา ลานครนายกกลับบ้านกันแล้ว
ปักหมุดสุดท้าย สถานีต่อไปก็คือ
บ้าน
ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ค่า
สรุปค่าใช้จ่าย
ร้านมนต์รักคลอง 15 ประมาณ 100 บาท
ค่าเข้าอุทยาน 150 บาท
ค่าอาหารร้านส้มตำในอุทยาน 180 บาท
ร้านสวนศรีมะยงชิด 200 บาท
พ. ฟาร์ม 150 บาท
รวม 780 บาท/ 2 คน
ค่าใช่จ่ายคร่าวๆ ไม่รวมค่าน้ำมันรถและค่าขนม อาหารกินเล่นระหว่างทางนะคะ
แต่ใช้จ่ายกันไม่เกินคนละ 1,000 บาทแน่นอนค่ะ
ใครมีเวลาว่างอยากหาที่เที่ยวใกล้ๆ
ก็ขอยกเป็นอีก 1 ตัวเลือกละกันนะคะ หรือใครไปไหนในนครนายกแล้วชื่นชอบก็มาเม้นคุยกันได้ค่า เผื่อสำหรับครั้งหน้ัาของเราเอง
ขอขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ขอฝากเพจน้อยๆ เผื่อใครชอบก็ไปกดไลค์กันได้นะคะ
Facebook Fanpage : https://web.facebook.com/twogetherx/
ไปเที่ยวกันไหม ขอแค่ 1 วัน :: นครนายก [แบบฉบับไม่คิดมาก]
เช้าวันหนึ่ง ตื่นมาพร้อมกับความคิดหนึ่ง ... ถ้าได้ไปรับลมเย็นๆ ฟังเสียงน้ำไหล ท่ามกลางวิวเขียวๆ ก็คงจะดีนะ ...
แต่ตั้งเงื่อนไขว่า
1. ใกล้ๆหน่อย ขับรถไม่นานมาก สัก 1-2 ชั่วโมงพอ เดี๋ยวเหนื่อย
2. งบน้อยๆพอกรุบกริบ (ใกล้สิ้นเดือนงบน้อยหอยสังฆ์แต่อยากจะเสพธรรมชาติ = =')
.
นั่งลิสท์จังหวัดใกล้เคียงเมืองกรุงมาอย่างมากมาย แต่ก็ได้ผลสรุปที่ถูกใจ เพราะใกล้บ้านที่สุด ทางขับง่าย และยังไม่เคยได้ไปแบบจริงจัง จังหวัดนั่นก็คือออ .......
นครนาย๊กกกก ! แห่งนี้นี่เอง
.
ก่อนไป เราใช้เวลาไม่มากในการ search หารีวิวต่างๆ ที่ๆควรไปในจังหวัดนครนายก
แล้วก็นั่งเลือกๆ ว่าอยากไปที่ไหนบ้าง อยากกินอะไรบ้าง แพลนของเราก็จะประมาณนี้นะฮะ
1. แวะร้านกาแฟกับต้นไม้ที่ตลาดดอกไม้คลอง 15
2. ปูเสื่อทานข้าวเที่ยงที่ริมน้ำตกวังตะไคร้
3. ตามล่ามะยงชิดปั่น ที่สวนศรีทอง
4. ไปถ่ายรูปชิคๆกับฟาร์มเมล่อน ที่ พ. ฟาร์ม
รีวิวครั้งนี้จะมาอัพเดทด้วยว่าปัจุบันแต่ละสถานที่เป็นอย่างไรบ้าง
แพลนไว้ ไม่อัดไม่แน่น แต่สถานที่ค่อนข้างห่างกันเลยใช้เวลาพอสมควร
เราตัดวัด เขื่อน และน้ำตกอื่นๆออก โอกาสหน้าค่อยไปตามเก็บกันอีกทีฮะ ~
ออกเดินทางไม่เช้ามากประมาณ 10 โมงกว่าๆ เพราะคำนวณระยะทาง + การจราจร ก่อนออกจากบ้านด้วย google maps เราจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 50 นาทีเท่านั้น โดยเป้าหมายแรก เราปักจุดกันที่ ร้านกาแฟกับต้นไม้ ที่คลอง 15 กันก่อน
เราใช้ถนนเส้น รังสิต - นครนายก วิ่งตรงไปเรื่อยๆ รถติดบ้างอะไรบ้าง แต่ขับรถไปฟังเพลงที่ชอบไปก็เพลินๆ แปปๆก็ถึงแล้ว
ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยตลาดดอกไม้แห่งคลอง 15 เราเลี้ยวซ้ายตรงเข้าไปเลย
แต่!!! เราพยายามหาร้านกาแฟกับต้นไม้ แต่ เราหาไม่เจอ ตอนแรกสิ้นหวังแล้ว นึกว่าต้องวนออก แต่เราเจอร้านนี้แทนฮะ!
มนต์รักคลอง 15 แทแด๊นนน ..
มองจากหน้าร้านแล้วน่าจะดูมีอะไร เรามาถึงนี่แล้วเราจะไม่นกท้องเปล่ากลับออกไป
เราต้องได้กินขนมและนมปั่นสักแก้วสิน่า
เดินเข้าไปส่องบรรยากาศรอบๆ
บรรยากาศรอบๆ ให้ความรู้สึกบ้านไม้ ที่มีของสะสมเก่าแก่ ตกแต่งแบบวินเทจๆ
เดินไปทางด้านหลังร้าน ถึงกับตกใจ เพราะร้านนี้ยาวออกไปทางด้านหลัง เป็นอีกโซนที่นั่งเล่นได้
และนี่ก็เป็นส่วนที่ชอบที่สุดเลย โซนริมคลอง ห้อยขาจิบกาแฟ ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกปรอยๆ ฝั่งตรงข้ามก็เป็นสวนที่ดูเขียวๆ ฟีลดีสุดๆเลย
และนี่ก็เป็นเมนูที่เราสั่ง เค้กมะพร้าว และโกโก้ปั่นหวานน้อย ส่วนตัวแล้วชอบเค้กมะพร้าว หวานกำลังดีเลย
ก็ถือว่าการบังเอิญเจอร้านร้านนี้ ถือว่าโชคดีสุดๆ เราเสพธรรมชาติ แวะพักจนพอใจแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ
ไปยังเป้าหมายที่สอง อุทยานวังตะไคร้
เช่นเคย เราจะปักจุดใน google maps แล้วเราก็ตามทางไปเรื่อย อีกประมาณ 50 กิโล
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเราก็มาถึงกันแล้ว อุทยานวังตะไคร้
เสียค่าเข้าให้อุธยาน เหมาจ่ายรถยนต์คันละ 150 บาท กี่คนก็ได้ค่ะ
ด้านในอุทยาน กว้างใหญ่ไพศาลมาก แล้วเราก็จะเริ่มเห็นร้านค้าต่างๆ
ด้วยความรีบ เราเลยจอดรถเพื่อ เช่าเสื่อจากร้านด้านหน้าของอุทยาน 40 บาท มัดจำ 80 บาท เผื่อด้านในจะไม่มีเลยเพื่อความชัวร์
เราก็ขับตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านส่วนที่เป็นที่พัก
จุดกางเต๊นท์ และแล้วก็เจอส่วนที่คนจอดรถเล่นน้ำตกกัน ! เราเลยโอเคจอดบ้าง
แต่จริงๆแล้วเป็นทางยาวไปเลยนะส่วนที่เล่นน้ำได้ มีสองฝั่งด้วย จริงๆวนหาทำเลดีๆก่อนแล้วค่อยจอดก็ได้ ไม่ต้องรีบอย่างเรา
เราจะเจอร้านขายส้มตำไก่ย่าง อาหารตามสั่ง ซึ่งเขาบอกว่า ซื้อส้มตำ ได้เสื่อไปนั่งทาน ฟรี!
โอโห โอโห ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้อิฉันเสียเงินเช่าเสื่อไปก่อนแล้ว 40 บาท
เลยมาขอบอกต่อเพื่อนๆนะคะ ถ้าคิดจะมาซื้ออาหารในอุทยาน เค้ามีเสื่อแถมฟรีนะเออ (แต่ต้องคืนนะ)
แต่ถ้าใครพกอาหารมาจากบ้าน ก็เช่ากันไปเลยค่า
พอได้อาหารแล้ว เราก็เดินหาทำเล ปูเสื่อกินข้าว พักผ่อนหย่อนใจ อากาศดีมากจริงๆนะเออ
ฝนไม่ตกเลย แต่อากาศชื้นๆ ลมเย็นๆ แดดไม่แรง มันดีมากกก ~
วิวจากเสื่อเรา ชิวๆมองดูคนอื่นเล่นน้ำ สิ่งที่ต้องระวังเลยคือมดค่ะ ดูให้ดีก่อนวางเสื่อน้าว่ามีรังมดไหม
เดินขึ้นไปทางต้นๆน้ำหน่อย จะมีห่วงยางให้เช่า น่าจะ 40 บาท คนเค้ามักจะเช่าแล้วนั่งบนห่วง ให้ห่วงยางมันไหลตามน้ำไป
เกาะกันเป็นแพๆ ดูน่าสนุกมาก แต่พอไหลลงไปข้างล่าง
เราก็ต้องเดินหิ้วห่วงยางกลับขึ้นมา เป็นการออกกำลังกายที่ดีเลยแหละ
พอกินอาหารเล่นน้ำกันจนพอใจแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อไปยังเป้าหมายต่อไป
เราปักจุดไปที่ร้าน สวนศรีทอง ร้านจะอยู่ข้างทาง ห่างจากอุทยานวังตะไคร้ ประมาณ 4 กิโลเมตร
เราจะไปตามล่ามะยงชิดกัน!
เห็นมะยงชิดลูกใหญ่ๆ อยู่ข้างทางก็แปลว่าถึงแล้วววว (ขออภัยเก็บรูปหน้าร้านได้ไม่หมด มุมไม่ดี เพราะยืนอยู่ข้างถนนระยะใกล้มากT_T)
เข้ามาในร้านจะเป็นร้านคาเฟ่ แอร์เย็นๆ มีเมนูเครื่องดื่ม และขนมทำจากมะยงชิด
ทุกอย่างดูน่ากินมาก โดยเฉพาะชาวมะยงชิดเอฟซี ทั้งหลาย
มากันที่เมนูแรกค่ะ เราสั่ง มะยงชิดชีสเค้ก
ทานคู่กับ น้ำมะยงชิดปั่น
ทั้งสองเมนูทางร้านทำออกมาได้ดี เมนูเค้ก ตรงกลางมีเนื้อมะยงชิดซึ่งชอบส่วนนี้มาก ด้านบนเป็นเหมือนแยมมะยงชิด
กินตัดกับครีมชีส ด้านล่างเป็นแครกเกอร์ โดยรวมถือว่าอร่อยดีค่ะ ส่วนน้ำปั่นไม่ค่อยรู้สึกถึงเนื้อมะยงชิดเลย
ออกแนวหวานๆ เปรี้ยวๆ แต่กินแล้วชื่นใจค่ะ ค่าเสียหายรวมๆแล้ว ประมาณ 200 บาท สำหรับ 2 เมนูนี้
นอกจากนี้ที่ร้านก็มีโซนขายของฝาก ที่มาจากการแปลรูปมะยงชิดด้วย
ซื้อเก็บกลับบ้านกันได้ค่า
เป้าหมายต่อไป เราจะไปกันต่อที่ ฟาร์มเมล่อน พ.ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่แถวๆบ้านนา
จิ้มจุดแล้วเราก็ขับไปต่อ ราวๆ 53 กิโลเมตร ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆเราก็มาถึงค่ะ
ฟาร์มดูเงียบเหงามากเลย หรือเป็นเพราะเวลาที่ไปเกือบจะเย็น
โล่งมาก ไม่มีคน เหมือนร้าง
แต่ฟาร์มยังเปิดให้เข้าชมเมล่อนในโรงปลูก ฟรีนะคะ
เราก็เข้าไปเก็บรูปสวยๆกันไป
ถ่ายรูปรอบฟาร์มจนพอใจ เราก็มาจบที่ คาเฟ่เมล่อน ด้านหน้า
ตอนแรกก็คิดว่าปิดแล้ว มันดูร้างๆ ยังไงพิกล ไม่ค่อยเหมือนที่เคยอ่านรีวิวไปเลย
แต่พอเห็นคนเดินๆ เข้าไปบ้าง ก็เลยเดินตาม
เข้ามาในร้าน จะมีเมนูขนม เครื่องดื่ม ไปจนบิงซู ที่ทำจากเมล่อนมากมาย และมีเมล่อนจากสวนให้ชิมฟรีด้วย
ทางเราขอลองไอติมเมล่อน
ไอติมสดชื่นมาก กลิ่นดีมาก ชอบมากกก ... นั่งกินพักให้หายเหนื่อย
มองดูนาฬิกาก็ปาไป 6 โมงกว่า ถึงเวลา ลานครนายกกลับบ้านกันแล้ว
ปักหมุดสุดท้าย สถานีต่อไปก็คือ บ้าน
ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ค่า
สรุปค่าใช้จ่าย
ร้านมนต์รักคลอง 15 ประมาณ 100 บาท
ค่าเข้าอุทยาน 150 บาท
ค่าอาหารร้านส้มตำในอุทยาน 180 บาท
ร้านสวนศรีมะยงชิด 200 บาท
พ. ฟาร์ม 150 บาท
รวม 780 บาท/ 2 คน
ค่าใช่จ่ายคร่าวๆ ไม่รวมค่าน้ำมันรถและค่าขนม อาหารกินเล่นระหว่างทางนะคะ
แต่ใช้จ่ายกันไม่เกินคนละ 1,000 บาทแน่นอนค่ะ
ใครมีเวลาว่างอยากหาที่เที่ยวใกล้ๆ
ก็ขอยกเป็นอีก 1 ตัวเลือกละกันนะคะ หรือใครไปไหนในนครนายกแล้วชื่นชอบก็มาเม้นคุยกันได้ค่า เผื่อสำหรับครั้งหน้ัาของเราเอง
ขอขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ขอฝากเพจน้อยๆ เผื่อใครชอบก็ไปกดไลค์กันได้นะคะ
Facebook Fanpage : https://web.facebook.com/twogetherx/