ปิดเทอมของคนไม่ชอบเด็กกับการเดินทางแบ็คแพ็คไปเป็นครูอาสาคนเดียว นี่เป็นครั้งแรกทั้งการเดินทางและการเขียนกระทู้ถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/profile.php?id=100018835453183&sk=photos&collection_token=100018835453183%3A2305272732%3A69&set=a.141058556531992.1073741831.100018835453183&type=3
อัลบัมรูปบางส่วนของความหลากหลายของเวียงป่าเป้า

ประสบการณ์ของเราอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ ม.5 เตรียมขึ้นม.6 เราใช้เวลาเขียนนานเพราะแก้ไปแก้มา พอเขียนพอใจแล้วคอมเจ้ากรรมเกิดดับก่อนเซฟ
(- -)และสมองน้อยๆไม่สามารถจดจำอักษรเฉกเช่นการไม่สามารถจดจำเลคเชอร์ของคุณครูฉันใดก็ฉันนั้น จึงต้องพิมพ์ใหม่วนลูปไปอีก ถ้าไม่อยากอ่านส่วนของเกริ่นข้ามลงไปข้างล่างได้นะคะ
ขอเกริ่นก่อนว่าเราเป็นเด็กคนนึง(หรอ?)ที่ไม่ถูกกับเด็กเลยไม่ว่าจะเด็กเล็กเด็กใหญ่เด็กแดงเด็กชมพู เราไม่เข้าใกล้เด็กในระยะ100เมตรและแน่นอนเราไม่เลี้ยงไม่อุ้มเด็กแน่นอนเห็นเด็กเหมือนเห็นผีงานสี่คูณร้อยก็มา เรื่องนี้เพื่อนหรือคนใกล้ตัวรู้ดี ที่จริงการตัดสินใจไปในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่รวดเร็วและกะทันหันดั่งไฟเขียวห้าแยกมาก ในส่วนของเหตุผลที่เราตัดสินใจไปนั้นขอเก็บไว้บอกในตอนท้ายเพราะความลับทำให้ผู้หญิงเป็นผู้หญิง(เกี่ยวมั้ย?) ปกตินั้นเราทำงานพาร์ทไทม์ในช่วงปิดเทอมเป็นปกติอยู่แล้วเพราะเป็นคนโลภ555 แต่ปีนี้มีเหตุผลบางอย่างทำให้เราต้องออกก่อนกำหนดด้วยความจำเป็น แต่เอ๊ะ!มันยังไม่เปิดเทอมนี่หว่า เลยเกิดความคิดว่าเวลาที่เหลือจะทำอะไรเลยเข้าไปหางานอาสากับอากู๋ รู้ตัวอีกทีก็นั่งเขียนกระทู้อยู่นี่แหละ ทุกวันนี้ยังงงว่าอะไรดลใจ พอเราอ่านรายละเอียดของมูลนิธิด้วยความสมองไม่ซับซ้อนเราก็ตัดสินใจเลยว่าจะไป(โตมายังไงทำไมง่ายอย่างนี้!) ด่านสองคือขอแม่ หากคุณเป็นลูกผู้หญิงการขอไปต่างจังหวัดไกลๆคนเดียวไม่ต้องพูดถึง แม้แต่การขอไปไหนกับเพื่อนยังเป็นเรื่องยาก แต่! เราไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์ของคนปกติๆเค้าเลย นี่ถ้าบอกว่าตอนป.2ถูกทิ้งไว้ในป่าโตมากับแม่กอริลลาต่อสู้กับทาร์ซานเพื่อแย่งกล้วยก็เชื่อนะ แม่ผู้ไม่เคยห่วงลูกสาวและเชื่อว่าการให้ลูกเผชิญโลกกว้างจะสอนลูกได้ดีดั่งแม่นกที่ถีบลูกนกออกจากรังให้หัดบินทั้งๆที่สารคดีมักไม่ถ่ายตัวที่ตกลงไปตายให้เราได้ดูก็ตาม555 แต่อุปสรรคยังไม่หมดแค่นั้นเมื่อเราได้รับการอนุมัติจากเบื้องบนเลยลองชวนเพื่อนๆดูตอนแรกเราว่าจะไปคนเดียวเพราะอยากลองอะไรใหม่ๆแต่คิดไปคิดมาลองถามเพื่อนดีกว่าเผื่อมีใครอยากไป เหตุผลหลักๆที่หนีไม่พ้นคือ ติดเรียน ก็แหงแหละจะขึ้นม.6ใครจะชิวไปกินลมชมวิว555 ติดพ่อแม่ ที่สำคัญติดอายุ(เราแก่กว่าเพื่อนTTทั้งๆที่ไม่ได้ซ้ำชั้น) สรุปได้ฉายเดี่ยวเกี๊ยวกุ้งผักบุ้งโหรงเหรงตามคาด ดูเหมือนตอนนี้ทุกอย่างจะลงตัวเข้าที่พร้อมเดินทาง แต่สิทธิพิเศษถ้าคุณมีเพื่อนหวังดีหลายคน ปัญหาได้เกิดขึ้นเมื่อเราได้ข้อสรุปว่าจะเดินทางคนเดียว เพื่อนนั้นได้มาม่าและสาธยายความเสี่ยงยิ่งกว่าการเล่นหุ้นและการลงทุนผลตอบแทนสูง เมื่อความแม่นั้นได้ลอยแพลูก เพื่อนจึงทำหน้าที่ผดุงความยุติธรรมเอ้ยความเป็นห่วงแทนคุณแม่ที่เคารพรัก เราโดนห้ามจากเพื่อนทุกคนไม่ให้ไปเพราะกลัวว่าโดนอุ้ม โดนปล้น โดนจี้ โดนฆ่า โดนเอาไปทำซุปทำต้มยำและนานาตามที่เพื่อนจะจินตนาการได้ ณ ตอนนั้น เอาจริงๆตอนนั้นคิดมากอยู่นะเพราะตอนตัดสินใจไปไม่ได้คิด(อะไรเลย)แล้วเราก็ตั้งใจแล้วว่าจะไป ความเป็นห่วงของเพื่อนจึงได้แปรรูปมาเป็นความกลัวแต่ที่จริงมันก็แอบเป็นข้อดีนะเพราะเราจะได้รอบคอบและหัดคิดอะไรบ้างเพราะถ้ามีผู้หญิงมาถามเราว่าจะเดินทางคนเดียวเราจะไม่ให้เค้าไปเด็ดขาดมันค่อนข้างอันตรายมาก เรายังโชคดีที่ครั้งนี้เราไม่เจออะไรแต่เราก็อาจไม่ได้โชคดีอย่างนี้ทุกครั้ง เมื่อเราตกลงปลงใจและแหกข้อห้ามของเพื่อนทุกคนวันที่รอคอยก็มาถึง วันนั้นเราเตรียมของเสร็จกำลังจะออกจากบ้านเลยโทรไปถามพี่เขาว่าเราจะขึ้นดอยไปยังไง ด้วยความเด๋อของเรานั้นพี่เขาตอบกลับมาว่าเรายังไม่ได้ส่งยืนยันไปพี่เขาเลยให้คนอื่นไปแทนแล้ว อ้าวตายละ! กำลังจะออกจากบ้านแล้วทำไงดีหล่ะเจ้าแม่เด๋อ พี่เขาเลยให้เราเลื่อนตั๋วและส่งใบยืนยันการสมัครตามไป แล้วเราจึงได้เลื่อนวันไปแต่นั่นเป็นความโชคดีของเรานะเพราะเราซื้อตั๋วผิด555 ไม่เด๋อจริงทำไม่ได้ ที่จริงเราไปเชียงรายแต่เราต้องไปลงที่เชียงใหม่แต่เราดันซื้อตั๋วเชียงราย หลายคนคงคิดว่าเราไม่อ่านรายละเอียดหรืออ่านไม่ละเอียดแต่เราอ่านหลายรอบมากแต่ด้วยความสมองไม่ซับซ้อนเราเลยงงกับการแปลไทยเป็นไทยและจบลงโดยการส่งไปให้เพื่อนอ่านแล้วให้เพื่อนอธิบายให้เราเข้าใจ แหมถ้าจะทึ่มขนาดนี้นอนอยู่บ้านเถ๊อะ ที่จริงเหมือนเราเดินทางด้วยความไม่พร้อมในแทบทุกๆด้านแต่ความไม่พร้อมเหล่านั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการออกจากขีดจำกัดเดิมๆของตัวเอง
[เรายืมรหัสเพื่อนมาเขียนนะ ขอบคุณเจ้าของเป็นอย่างยิ่ง]
Day 1 :สู่ความเวิ้งว้างอันไกลปู้นนนน

8.30 ถึงอาเขตเจียงใหม่แล้วเจ้า
เราเดินทางออกจากนครราชสีมาตอนเย็นประมาณหกโมงเย็น รถวีไอพีนอนจนรากงอกแตกรากฝอยสร้างXylem Phloemลำเลียงจนยืนต้นตายเพราะหมดอายุไขไปประมาณสามรอบกลับมาเกิดเป็นต้นมะเขือมีลูกชื่อเอื้อยและอ้าย เดินทางกลางคืนไม่ง่ายเลยถ้ามีเสียงกรนจากผู้สนับสนุนหลักใจดีที่เอื้อเฟื้อเสียงให้คุณได้ดื่มด่ำยามค่ำคืนตลอดจนเช้า เมื่อเชียงใหม่ในตอนเช้าด้วยการไม่ได้นอน เราก็นัดเจอพี่ฝ้ายทานข้าวเช้ากัน

และต่อรถกรีนบัสไปอ.เวียงป่าเป้า (เห็นนางแบบถูกใจรีบยกกล้องขึ้นมาถ่านนางแบบ)
มีพี่ถนัดจากหมู่บ้านมารับแวะทานข้าวเที่ยงและขึ้นดอย ปู๊นนน ปู๊นน
ตื่นเต้นกับดอยมากขึ้นดอยครั้งแรก ตกใจกับเขาหัวโล้นมากเลยเห็นแต่ในหนังสือพอมาเห็นของจริงมันส่งผลต่อความรู้สึกรุนแรงมาก เป็นวันแรกที่เผาหญ้าได้เพราะก่อนหน้านี้สั่งห้ามทำให้ตอนนี้ทุกคนเผาหญ้าเต็มไปหมด ควันหนาและหายใจลำบากมาก นั่งรถขึ้นไปจะเจอหมู่บ้านของมูซอก่อน แล้วไปต่อจะเป็นหมู่บ้านปกาเกอะญอ

เดินผ่านห้องครัวของโรงเรียนด้วยย ใครสั่งใครสอนให้ถ่ายเอียงขนาดนี้ห๊ะ

อันนี้กำลังสร้าง

ในโรงเรียน ที่จริงในโรงเรียนกศน.ของเรานี้เป็นห้องสอง ข้างในมีอุปกรณ์ที่ใช้เรียน และอีกห้องแบ่งเป็นห้องสำหรับครูกศน.
เดินสำรวจมาถึงห้องเก็บหนังสือที่อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียน ส่วนห้องครัวตะกี้อยู่ข้างๆกับโรงเรียนเลย

อยากได้อะไรเลือกเอาได้เลย555

เราหาหนังสือวิทย์ไว้สอนเด็กๆที่ยังไม่เคยเจอ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเจออะไรตื่นเต้น(หรือเรียกว่าแตกตื่นดี)อยากเจอแล้วสิ

แอบเก็บภาพพี่ๆตอนเดินกลับบ้าน วิวดีใช้ได้เลย
ได้หนังสือมาสามสี่เล่มสำหรับสามสี่วัน คนที่นี่เลี้ยงหมูกันแทบทุกบ้านส่วนใหญ่เป็นหมูปกาเกอะญอมีบ้านเดียวที่เลี้ยงหมูธรรมดา นี่ถ้าอยู่ข้างบนนานๆต้องไม่กล้ากินหมูแน่เลยหมูน่ารักมาก

คุณหมูดำ หมูปกาเกอะญอ

ลองดูๆต้นอะไรไม่รู้ กับการถ่ายรูปมั่วๆแบบไม่มีความรู้และถ่ายรูปไม่เป็นเลย


ทางใครทางมัน
ตอนเย็นทานข้าวกับผักกูดผัดไข่ กับไข่เจียว ขอบอกว่าผัดผักกูดอร่อยมากหอมเครื่องเทศด้วย อาหารที่นี้จะเรียบง่ายวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากป่าและบางส่วนปลูกไว้ทานกันเอง
ค่ำๆก็ช่วยกันทำเกมไว้ให้เด็กๆเล่น คืนแรกนอนเร็วมากกกกกก จากคนนอนดึกๆด้วยบรรยากาศและที่หายใจไม่ค่อยออกจากควันทำให้ไม่มีแรงและต้องสะสมพลังไว้ลุยพรุ่งนี้ต่อ ลืมบอกว่าพี่ๆใจดีจนเราไม่รู้สึกเกร็งอะไรเลยอยู่ด้วยแล้วสนุก เฮฮา บ้า บ๊อง น่ารักกันจริงๆ มาวันแรกมาเจออากาศร้อนเลยจากที่คาดหวังความเย็นเอาไว้แต่พอกลางคืนอากาศก็เย็นลงหลับกันไปตอนไหนก็ไม่รู้

Day 2 : ตื่นเช้ามาอากาศดีมากและเย็นมากด้วย55555


ปกติที่นี่เราไม่อาบน้ำตอนเช้ากันแต่มาทั้งทีจะพลาดได้ไง55555 พบกับช่วงรีวิวห้องน้ำ

ทาดา ตอบอาบเห็นเหลือบควันเลยหันดู อ๋อมาจากปากตัวเอง5555


แบ่งกันสอนเราสอนเด็ก 3 คน มีอ๊อด คิว และ เพาะหมื่อ (แอบเก็บรูปเพาะหมื่อไม่ทัน เพาะหมื่อแปลว่าผู้หญิง ชอบชื่อนี้มากก ^^)

แล้วแตงโมกับชมพู่เอากล้วยมาให้ งงมั้ย55555 เด็กที่นี่น่ารักมากจริงๆ ที่จริงช่วงที่เราไปเป็นปิดเทอมตอนเที่ยงเด็กๆกลับไปทานข้าวที่บ้านแต่ปกติเด็กๆทานข้าวเที่ยงที่โรงเรียนครูเก้เป็นแม่ครัว


นางแบบผู้สนับสนุน(กล้วย)ใจดี
ตอนบ่ายไปห้วยกันแต่ไม่ได้เอากล้องไป555 ตอนกลับเจอลุงเลยถามว่าลุงปลูกอะไร ลุงบอกปลูกอโวคาโด แหมเสียดายพึ่งปลูก5555
หลังจากกินข้าวเย็น ก็ได้ความรู้ใหม่เรื่องไฟป่า การเผาป่าของชาวบ้านสามารถควบคุมได้และชาวบ้านที่นี่ดูแลป่าของเขาด้วยความเข้าใจและความรักเป็นสิ่งที่เราชอบมาก ส่วนการปลูกป่าของทางการแล้วไม่ได้ดูแลตลอดอายุของมันทำให้ป่าทึบและเมื่อใบไม้แห้งยิ่งเป็นเชื้อให้ไฟติดลามไปติดต้นไม้อื่นๆ ปกติแล้วมีช่วงพวกพี่ถนัดจะไปทำแนวกันไฟ เสียดายไม่มีโอกาสได้ไป คุยกันไปถึงเรื่อง เกษตรพันธะสัญญา อันนี้บางคนอาจรู้จักแล้วแต่ขอสารภาพตามตรงเลยว่าเราไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย อันนี้เป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจถึงผลกระทบที่แท้จริงที่ไม่ใช่แค่เพียงปัญหาไฟป่าหรือปัญหาหมอกควันแต่มันหมายถึงปัญหาต้นน้ำลำธารและระบบนิเวศซึ่งผลกระทบมันกว้างมากและสำหรับเรามันหาขอบเขตสิ้นสุดได้ยากมาก เราไม่ได้อธิบายเกษตรพันธะสัญญาแต่ถ้าใครอยากทราบและทำความเข้าใจ กูเกิ้ลคือเพื่อนที่ดีที่สุด^^
ปกติพี่เก้สอนเด็กทั้งหมดคนเดียว พี่เก้บอกว่าต้องสอนบูรณาการ เช่นพาไปทำกิจกรรมเช่น ปลูกผักหรือ เพาะเห็ด แล้วกลับมาสรุปกันต่อที่โรงเรียน เด็กที่นี่จะมีความรู้เกี่ยวกับป่าเป็นพื้นฐานเดิมอยู่แล้ว การได้มาที่นี่ของเราเหมือนกับการแลกเปลี่ยนซะมากกว่าอันที่จริงเรารับมากกว่าให้อีกมั้ง555 ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆตลอดเลย พี่เก้เคยเล่าให้ฟังว่า เคยมีคนขึ้นมาแล้วกลัวผีมาก ฟิโน่บอกว่าเราเป็นคริสเตียนผีไม่หลอกเรา ชอบตรรกะนี้มากทำให้ไม่กลัวผีเลย555555เด็กข้างบนนี้ไม่ค่อยกลัวอะไร
Teacher Volunteer's Diary แบ็คแพ็คเดี่ยวเสียวชีวิตหลุด
https://www.facebook.com/profile.php?id=100018835453183&sk=photos&collection_token=100018835453183%3A2305272732%3A69&set=a.141058556531992.1073741831.100018835453183&type=3
ประสบการณ์ของเราอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ ม.5 เตรียมขึ้นม.6 เราใช้เวลาเขียนนานเพราะแก้ไปแก้มา พอเขียนพอใจแล้วคอมเจ้ากรรมเกิดดับก่อนเซฟ
(- -)และสมองน้อยๆไม่สามารถจดจำอักษรเฉกเช่นการไม่สามารถจดจำเลคเชอร์ของคุณครูฉันใดก็ฉันนั้น จึงต้องพิมพ์ใหม่วนลูปไปอีก ถ้าไม่อยากอ่านส่วนของเกริ่นข้ามลงไปข้างล่างได้นะคะ
[เรายืมรหัสเพื่อนมาเขียนนะ ขอบคุณเจ้าของเป็นอย่างยิ่ง]
Day 1 :สู่ความเวิ้งว้างอันไกลปู้นนนน
หลังจากกินข้าวเย็น ก็ได้ความรู้ใหม่เรื่องไฟป่า การเผาป่าของชาวบ้านสามารถควบคุมได้และชาวบ้านที่นี่ดูแลป่าของเขาด้วยความเข้าใจและความรักเป็นสิ่งที่เราชอบมาก ส่วนการปลูกป่าของทางการแล้วไม่ได้ดูแลตลอดอายุของมันทำให้ป่าทึบและเมื่อใบไม้แห้งยิ่งเป็นเชื้อให้ไฟติดลามไปติดต้นไม้อื่นๆ ปกติแล้วมีช่วงพวกพี่ถนัดจะไปทำแนวกันไฟ เสียดายไม่มีโอกาสได้ไป คุยกันไปถึงเรื่อง เกษตรพันธะสัญญา อันนี้บางคนอาจรู้จักแล้วแต่ขอสารภาพตามตรงเลยว่าเราไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย อันนี้เป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจถึงผลกระทบที่แท้จริงที่ไม่ใช่แค่เพียงปัญหาไฟป่าหรือปัญหาหมอกควันแต่มันหมายถึงปัญหาต้นน้ำลำธารและระบบนิเวศซึ่งผลกระทบมันกว้างมากและสำหรับเรามันหาขอบเขตสิ้นสุดได้ยากมาก เราไม่ได้อธิบายเกษตรพันธะสัญญาแต่ถ้าใครอยากทราบและทำความเข้าใจ กูเกิ้ลคือเพื่อนที่ดีที่สุด^^
ปกติพี่เก้สอนเด็กทั้งหมดคนเดียว พี่เก้บอกว่าต้องสอนบูรณาการ เช่นพาไปทำกิจกรรมเช่น ปลูกผักหรือ เพาะเห็ด แล้วกลับมาสรุปกันต่อที่โรงเรียน เด็กที่นี่จะมีความรู้เกี่ยวกับป่าเป็นพื้นฐานเดิมอยู่แล้ว การได้มาที่นี่ของเราเหมือนกับการแลกเปลี่ยนซะมากกว่าอันที่จริงเรารับมากกว่าให้อีกมั้ง555 ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆตลอดเลย พี่เก้เคยเล่าให้ฟังว่า เคยมีคนขึ้นมาแล้วกลัวผีมาก ฟิโน่บอกว่าเราเป็นคริสเตียนผีไม่หลอกเรา ชอบตรรกะนี้มากทำให้ไม่กลัวผีเลย555555เด็กข้างบนนี้ไม่ค่อยกลัวอะไร