ดูข่าวช่วงนี้ภาคเหนือฝุ่นควัน PM2.5 สูงติดอันดับโลก มีการรณรงค์ให้หยุดเผาป่า แต่ไม่เห็นมาเรียกร้องให้ทำอย่างอื่น
ขอเล่าเหตุการณ์ที่พึ่งเห็นมา ทำให้คิดได้ย่างหนึ่งว่า เรามักจะเรียกร้องจากคนอื่น โดยเราเองจะไม่ยอมทำอะไร
เดือน กพ ไปดอยภูคา จ.น่านมาครับ ระหว่างขับรถไปเข้าที่พัก ก็เห็นภูเขาราบเรียบ ต้นไม้โดนถางเป็นหย่อมๆ
เราก็บ่นไป คนแถวนี้ทำไมถึงมาถางป่าแบบนี้นะ เห็นป้ายรณรงค์ไม่ให้เผาป่า อารมณ์ก็ ทำไมถึงไม่เชื่อ จนท กันซะเลย
ยิ่งค่าฝุ่น pm2.5 จ.น่าน ตอนนั้นสูงมาก ก็คิดแต่ว่า ก็เผาป่ากันอย่างงี้นี่เอง
ตกเย็นปรากฏว่า มีไฟใหม้ป่า แสงไฟป่าสว่างไสว เสียงไม้แตกดังมาก
พอดีมี จนท ยืนดูอยู่ เลยเข้าไปคุยด้วย ได้ความว่า ชาวเขาเป็นคนเผา เราก็ เฮ้ยทำไมไม่ไปห้ามเขาล่ะ เผาแบบนี้ บลาๆๆๆๆๆ
จนท บอก เค้าเผามาตั้งแต่บรรพบุรุษเค้าแล้ว วนๆสลับพื้นที่ไป 7ปีก็กลับมาที่เดิมอีกรอบ ห้ามได้ก็แต่พอควร ห้ามมาก เดี๋ยวแกเผาทั้งป่าคราวนี้จะยุ่งหนัก และเดือน มี.ค. ก็ให้เลิกเผา เค้าก็เลิกจริง
กลับมาก็เลยได้คิดว่า ที่จริงไฟป่านี่ ถ้าคนไม่เผาธรรมชาติก็เผาอยู่ดี ดูข่าวอเมริกา ออสเตรเลียป่าเค้าก็ไฟใหม้ทุกปี แล้วชาวเขาเค้าก็ทำเกษตร ไม่ให้เผาป่าจะให้ไปทำที่ไหน เผาแปลงนี้ก็ปล่อยต้นไม้ขึ้น 7ปี ถึงกลับมาถางเผาใหม่ ต้นไม้ 7ปีก็น่าจะโต ถ้าเค้าขายไม้ได้ ก็คงมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก ถ้าเทียบกับเกษตรกรพื้นราบ ถางกันจนไม่มีต้นไม้เหลือซักต้น นี่ชาวเขาเค้าก็วนเวียนปลูกใน พท เดิมๆ ไม่หาอาชีพอื่นให้เค้าทำ จะให้เค้าทำอะไร
จนมาถึงช่วงนี้มารณรงค์ออกสื่ออีกว่าให้ห้ามเผาป่า ที่จริงเดือนนี้เค้าเลิกเผากันไปแล้ว ก็สงสัยว่า
ฝุ่นควันจากการเผาป่า กับ จากควันไอเสียรถ โรงงาน อย่างไหนจะมากกว่ากัน
ถ้าชาวเขา มาขอให้รณรงค์ให้เลิกใช้รถ มาใช้จักรยาน หรือเดินไปไหนมาไหนแทน ให้หยุดโรงงานที่มีฝุ่นควันทั้งหมด เราจะทำกันมั๊ย
ฝุ่นควัน จากการเผาป่า กับไอเสียจากรถ จากโรงงาน จากไหนมากกว่ากัน
ขอเล่าเหตุการณ์ที่พึ่งเห็นมา ทำให้คิดได้ย่างหนึ่งว่า เรามักจะเรียกร้องจากคนอื่น โดยเราเองจะไม่ยอมทำอะไร
เดือน กพ ไปดอยภูคา จ.น่านมาครับ ระหว่างขับรถไปเข้าที่พัก ก็เห็นภูเขาราบเรียบ ต้นไม้โดนถางเป็นหย่อมๆ
เราก็บ่นไป คนแถวนี้ทำไมถึงมาถางป่าแบบนี้นะ เห็นป้ายรณรงค์ไม่ให้เผาป่า อารมณ์ก็ ทำไมถึงไม่เชื่อ จนท กันซะเลย
ยิ่งค่าฝุ่น pm2.5 จ.น่าน ตอนนั้นสูงมาก ก็คิดแต่ว่า ก็เผาป่ากันอย่างงี้นี่เอง
ตกเย็นปรากฏว่า มีไฟใหม้ป่า แสงไฟป่าสว่างไสว เสียงไม้แตกดังมาก
พอดีมี จนท ยืนดูอยู่ เลยเข้าไปคุยด้วย ได้ความว่า ชาวเขาเป็นคนเผา เราก็ เฮ้ยทำไมไม่ไปห้ามเขาล่ะ เผาแบบนี้ บลาๆๆๆๆๆ
จนท บอก เค้าเผามาตั้งแต่บรรพบุรุษเค้าแล้ว วนๆสลับพื้นที่ไป 7ปีก็กลับมาที่เดิมอีกรอบ ห้ามได้ก็แต่พอควร ห้ามมาก เดี๋ยวแกเผาทั้งป่าคราวนี้จะยุ่งหนัก และเดือน มี.ค. ก็ให้เลิกเผา เค้าก็เลิกจริง
กลับมาก็เลยได้คิดว่า ที่จริงไฟป่านี่ ถ้าคนไม่เผาธรรมชาติก็เผาอยู่ดี ดูข่าวอเมริกา ออสเตรเลียป่าเค้าก็ไฟใหม้ทุกปี แล้วชาวเขาเค้าก็ทำเกษตร ไม่ให้เผาป่าจะให้ไปทำที่ไหน เผาแปลงนี้ก็ปล่อยต้นไม้ขึ้น 7ปี ถึงกลับมาถางเผาใหม่ ต้นไม้ 7ปีก็น่าจะโต ถ้าเค้าขายไม้ได้ ก็คงมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก ถ้าเทียบกับเกษตรกรพื้นราบ ถางกันจนไม่มีต้นไม้เหลือซักต้น นี่ชาวเขาเค้าก็วนเวียนปลูกใน พท เดิมๆ ไม่หาอาชีพอื่นให้เค้าทำ จะให้เค้าทำอะไร
จนมาถึงช่วงนี้มารณรงค์ออกสื่ออีกว่าให้ห้ามเผาป่า ที่จริงเดือนนี้เค้าเลิกเผากันไปแล้ว ก็สงสัยว่า
ฝุ่นควันจากการเผาป่า กับ จากควันไอเสียรถ โรงงาน อย่างไหนจะมากกว่ากัน
ถ้าชาวเขา มาขอให้รณรงค์ให้เลิกใช้รถ มาใช้จักรยาน หรือเดินไปไหนมาไหนแทน ให้หยุดโรงงานที่มีฝุ่นควันทั้งหมด เราจะทำกันมั๊ย