คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
จริงๆ ก่อนลาออก คุณน่าจะคุยให้ชัดๆ เรื่องเงินนะ ค่าใช้จ่ายในบ้านและเงินใช้ส่วนตัวต้องให้
ให้เท่าไหร่ก็ดูกันว่ามีกี่ค่าที่ต้องจ่าย ถ้าไม่ให้หัวเด็ดตีนขาดยังไง ผญ ก็อย่าลาอออก
นึกภาพถูกบ้านแฝดกับผ้าขี้ริ้วแล้วเหนื่อยแทน อย่าเพิ่งมีลูกกับเขานะคุณ เหมือนเขาไม่ปรับอะไรเลย
แต่งงานกันแล้ว มันควรจะช่วยกันทุกเรื่อง มีที่ไหนแต่งงานแล้วเงินในบัญชีลดฮวบๆ กินก็กินด้วยกัน
ให้เท่าไหร่ก็ดูกันว่ามีกี่ค่าที่ต้องจ่าย ถ้าไม่ให้หัวเด็ดตีนขาดยังไง ผญ ก็อย่าลาอออก
นึกภาพถูกบ้านแฝดกับผ้าขี้ริ้วแล้วเหนื่อยแทน อย่าเพิ่งมีลูกกับเขานะคุณ เหมือนเขาไม่ปรับอะไรเลย
แต่งงานกันแล้ว มันควรจะช่วยกันทุกเรื่อง มีที่ไหนแต่งงานแล้วเงินในบัญชีลดฮวบๆ กินก็กินด้วยกัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
แล้วจะรีบร้อนแต่งงานกันทำไมคะ ในเมื่อดูแล้วยังไม่มีความพร้อมกัน ผู้ใหญ่มาพูดก็ต้องตามใจเหรอคะ ชีวิตตัวเองแท้ๆ
แค่แฟนเป็นลูกคนโต อายุเกิน26นี่นะ ไม่ได้แก่เลย ถ้าเกิน36 แล้วก็ว่าไปอย่าง
และก่อนแต่งงาน พวกคุณไม่ได้คุยเรื่องการเงิน ความรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่าย ตลอดจนข้อตกในการอยู่ร่วมกันเหรอคะ
เป็นแบบนี้ คุณออกไปหางานทำเถอะค่ะ อย่างน้อยจะได้มีรายได้เอง และอย่ามีลูกเลย อย่าได้คิดเด็ดขาด ว่ามีลูก เค้าจะดีขึ้น จะปรับปรุงตัว เอาจริงๆ ถ้าจะเลิกก็เลิกเลยดีกว่า ไม่สมควรเรียกว่าช่วงปรับตัวด้วยซ้ำ เรียกว่าเห็นแก่ตัว เหมาะสมกว่า
คือตลกค่ะ อะไรกัน อยากได้เมียที่เป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูกเอง แค่ไม่คิดจะซับพอร์ตเมียเลย แม้ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านหมด พัง แต่ไม่คิดจะซื้อ หรือคิดจะซ่อม
เลือกสามีผิด คิดจนตัวตาย แต่เมื่อรู้แล้วว่าเลือกผิด ก็ยังทน คงเหมือนตายวันละหลายรอบ
แค่แฟนเป็นลูกคนโต อายุเกิน26นี่นะ ไม่ได้แก่เลย ถ้าเกิน36 แล้วก็ว่าไปอย่าง
และก่อนแต่งงาน พวกคุณไม่ได้คุยเรื่องการเงิน ความรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่าย ตลอดจนข้อตกในการอยู่ร่วมกันเหรอคะ
เป็นแบบนี้ คุณออกไปหางานทำเถอะค่ะ อย่างน้อยจะได้มีรายได้เอง และอย่ามีลูกเลย อย่าได้คิดเด็ดขาด ว่ามีลูก เค้าจะดีขึ้น จะปรับปรุงตัว เอาจริงๆ ถ้าจะเลิกก็เลิกเลยดีกว่า ไม่สมควรเรียกว่าช่วงปรับตัวด้วยซ้ำ เรียกว่าเห็นแก่ตัว เหมาะสมกว่า
คือตลกค่ะ อะไรกัน อยากได้เมียที่เป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูกเอง แค่ไม่คิดจะซับพอร์ตเมียเลย แม้ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านหมด พัง แต่ไม่คิดจะซื้อ หรือคิดจะซ่อม
เลือกสามีผิด คิดจนตัวตาย แต่เมื่อรู้แล้วว่าเลือกผิด ก็ยังทน คงเหมือนตายวันละหลายรอบ
ความคิดเห็นที่ 86
จากเมื่อตอนเย็นของวานนี้ สามีเราคุยกับแม่เค้าเรืองรถกับการไปทำงานของเรา สรุปคือ ให้เราไปที่บ้านใหญ่เพื่อคุยกับพ่อและแม่สามีเองค่ะเมื่อตอนเข้านี้ แม่สามีก็ถามค่ะว่าทำไมถึงอยากไปทำงานเรื่องขอใช้รถเค้าให้ได้ ไม่มีปัญหา แต่ไม่ไปทำงานได้ไหม เราเลยบอกเหตุผลทั้งหมดของเราไปรวมกับพฤติกรรม ความไม่เป็นผู้นำความไม่รับผิดชอบ ไม่ช่วยค่าอาหาร ค่าของใช้ ไม่ให้เงินเราตามที่สัญญา อีกหลายๆอย่างของสามีเรา เรื่องที่เรายังไม่สมควรมีลูก รวมถึงเรื่องหย่า แม่วามีได้ยินว่าเราเอ่ยปาก หย่า สีหน้าท่านเครียดเลยค่ะ ไม่พอใจอย่างรุนแรง แล้วหันไปต่อว่าสามีเรา ไม่มีความรับผิดชอบ ไหนบอกแต่งงานแล้วจะเลิกนิสัยเกเร ไม่เรียบร้อย แล้วจะบอกให้ม๊าไปขอเค้ามาทำไม และอีกหลาย ๆคำเลยค่ะ เราเลยคิดว่า เค้าน่าจะนิสัยนี้ตั้งแต่อยู่ที่บ้านกีบครอบครัวละค่ะ ยิ่งรู้อย่างนี่ความคิดที่อยากจะหย่าเร็วๆ เริ่มใกล้เข้ามา แม่สามีก็หันมาพูดค่ะ ว่าไม่ต้องถึงขั้นหย่าได้ไหม เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องรถเค้าจะยกให้เราอีกคันให้เราไว้ เค้าจะขึ้นเงินสามีให้เป็นสามหมื่น แล้วหักจากสามีครึ่งนึงมาทีเรา แต่ห้ามไปทำงาน เราเลยคิดว่ามันหนัหหนาอะไร ก็แค่จะไปทำงานตอนนั้นเราเริ่มโกธรแม่สามี เพราะเราคิดอยู่แล้วว่าจะออกมาแบบนี้ เราเลยบอกเค้าว่า งั้นเราก็ขอแยกทางกันเลย ความคิดเราเปลี่ยนไปแล้ว เราไม่อยากมีลูกกับคนแบบลูกเค้า และเค้าก็กดดันเราเกินไปบังคับเราสาระพัดให้อยู่ในกฎของบ้านเค้า ตอนนั้นโมโหมาหค่ะ ไม่เคยได้พูดได้ปลดปล่อยเรื่องอึดแด มันเหมือนเขื่อนแตกเลย อารมณของเราเมืองเช้านี้ เราพูดทุกสิ่งว่าเราอึดอัด แรกๆเราก็เห็นด้วยกับเค้าไปทุกอย่างเพราะเราหัวอ่อน เราไม่รักตัวเอง ไม่รักพ่อแม่เราเลย นี่แค่สี่เดือน เราจะไม่ขอทน ความคิดด่อนหน้านี่ทีาจะให้เวลาเค้าปรับปรุงตัวเราขอยกเลิก เราหันไปบอกสามี เพราะเรามองว่ายังไงเค้าก็ไม่สามารถปรับได้ ตอนนั้นเราร้องไห้ สามีก็ร้องไห้ค่ะ เค้าพูดว่าเค้าขอโทษเค้าทำตัวเป็นเด็กเค้าไม่ดีแต่ขอโอกาสให้เค้าหน่อย เรายังตอบว่าไม่ค่ะ เราพอแล้ว สี่เดือนก่อนถ้าเค้าคิดจะปรับตัว เค้าคงทำไปนานแล้ว ไม่ใช่พอเราจะขอหย่าแล้วจะกลับมาปรับปรุงตัว เราให้เวลาเค้ามาตั้งสี่เดือน ถ้าเราทนอยู่กับครอบครัวนี้ไปเราต้องเป็นประสาทหรือไม่ก็โรคซึมเศร้าแน่
แม่สามีกลับมาถามเราว่า ตกลงถ้าไม่ได้ไปทำงานคือจะหย่าใช่ไหม เราบอกว่า ใช่ ตอนนั่นแม่สามีขึ้นเสียงกับเรา เราไม่คิดว่ามันจะถึงขั้นนี้เลยจริงๆที่ต้แงมาทะเลาะกับแม่สามี แต่เมื่อเช้าเรามั่วแต่ร้องไห้ เลยลืมว่าแม่สามี ตวาดว่าอะไร หลังจากนั้น ท่านก็เงียบไปพักใหญ่ พ่อสามีเลยบอกให้เรส หลับมารอที่บ้านก่อนค่ะ ท่านจะให้คนขับรถไปส่ง เรื่แงการหย่า ปยกทาง ของลูกชายคนโตของบ้านเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเค้า ของปรึกษากันก่อน ตอนนี้เราได้แต่คิดว่าทำไม ทีผ่านมา เราถึงหมกหมุ่นอยู่กับความสุขของคนรอบข้าง คนไม่คิดถึงความรู้สึกของเราเองกับ พ่อแม่เรา เมื่อคืนเรานั่งอ่านความคิดเห็นในนี้แล้วเราได้แต่เหลียดตัวเอง น้ำตาไหล ทำไมเราถึงมาทนอะไรแบบนี่ ไม่รักตัวเอง ใครจะด่ายังไงเราก็ยินดีค่ะ จะด่าว่าโง่ก็ได้ แต่ความคิดเห็นของพวกคุณมันตรงไปตรงมา เพราะเราเป็นคนเงียบเลยไม่กล้าปรึกษาใครแม่แต่พ่อแม่เพราะไม่อยากให้ท่านมาเครียดกับเราด้วย ความคิดเราเปลี่ยนไปใหม่หมด จากที่เราเป็นคนขี้กลัวไม่กล้าพูดไม่กล้าบอกความต้องการมากนัก วันนี้เรากล้าจะพูดต่อหน้าแม่ปละพ่อของสามี ว่าเราต้องการทำงาน ถ้าไม่ให้ทำ คือ หย่า เราเด็ดขาด ทั้งที่ในใจเรากลัวแทบตาย ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า มันจะเป็นยังไง แต่เราไม่อยากฝื้นไปต่อกับสามีคนนี้อีกแล้ว เราเองก็รักเค้านะคะ ไม่งั้นเราไม่ทนผ่านช่วงสีเดือนนรกนั้นมาได้เพือความคิดที่ว่าอยากรักษาชีวิตครอบครัวกับเค้า แต่เราเสียสละอยู่แค่ฝ่ายเดียวค่ะ ส่วนเค้าไม่ เรากำลังทำใจโทรบอกพ่อกับปม่เราว่าเราอยากจะหย่า อยากจะบอกสาเหตุว่าทำไม ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นที่ทำให้เราเห็นว่าเราต้องรักตัวเองให้มากกว่าคนอืน ขอบคุณค่ะ. ที่ตามอ่าน
แม่สามีกลับมาถามเราว่า ตกลงถ้าไม่ได้ไปทำงานคือจะหย่าใช่ไหม เราบอกว่า ใช่ ตอนนั่นแม่สามีขึ้นเสียงกับเรา เราไม่คิดว่ามันจะถึงขั้นนี้เลยจริงๆที่ต้แงมาทะเลาะกับแม่สามี แต่เมื่อเช้าเรามั่วแต่ร้องไห้ เลยลืมว่าแม่สามี ตวาดว่าอะไร หลังจากนั้น ท่านก็เงียบไปพักใหญ่ พ่อสามีเลยบอกให้เรส หลับมารอที่บ้านก่อนค่ะ ท่านจะให้คนขับรถไปส่ง เรื่แงการหย่า ปยกทาง ของลูกชายคนโตของบ้านเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเค้า ของปรึกษากันก่อน ตอนนี้เราได้แต่คิดว่าทำไม ทีผ่านมา เราถึงหมกหมุ่นอยู่กับความสุขของคนรอบข้าง คนไม่คิดถึงความรู้สึกของเราเองกับ พ่อแม่เรา เมื่อคืนเรานั่งอ่านความคิดเห็นในนี้แล้วเราได้แต่เหลียดตัวเอง น้ำตาไหล ทำไมเราถึงมาทนอะไรแบบนี่ ไม่รักตัวเอง ใครจะด่ายังไงเราก็ยินดีค่ะ จะด่าว่าโง่ก็ได้ แต่ความคิดเห็นของพวกคุณมันตรงไปตรงมา เพราะเราเป็นคนเงียบเลยไม่กล้าปรึกษาใครแม่แต่พ่อแม่เพราะไม่อยากให้ท่านมาเครียดกับเราด้วย ความคิดเราเปลี่ยนไปใหม่หมด จากที่เราเป็นคนขี้กลัวไม่กล้าพูดไม่กล้าบอกความต้องการมากนัก วันนี้เรากล้าจะพูดต่อหน้าแม่ปละพ่อของสามี ว่าเราต้องการทำงาน ถ้าไม่ให้ทำ คือ หย่า เราเด็ดขาด ทั้งที่ในใจเรากลัวแทบตาย ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า มันจะเป็นยังไง แต่เราไม่อยากฝื้นไปต่อกับสามีคนนี้อีกแล้ว เราเองก็รักเค้านะคะ ไม่งั้นเราไม่ทนผ่านช่วงสีเดือนนรกนั้นมาได้เพือความคิดที่ว่าอยากรักษาชีวิตครอบครัวกับเค้า แต่เราเสียสละอยู่แค่ฝ่ายเดียวค่ะ ส่วนเค้าไม่ เรากำลังทำใจโทรบอกพ่อกับปม่เราว่าเราอยากจะหย่า อยากจะบอกสาเหตุว่าทำไม ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นที่ทำให้เราเห็นว่าเราต้องรักตัวเองให้มากกว่าคนอืน ขอบคุณค่ะ. ที่ตามอ่าน
ความคิดเห็นที่ 139
ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้ยังเข้ามาอ่านอยู่หรือเปล่า อยากขอแนะนำ ที่มาจากประสบการณ์การเป็นลูกสาวบ้านคนจีน เป็นลูกสะใภ้บ้านคนจีน มีญาติ เพื่อนๆ ครอบครัวคนจีนมาทั้งชีวิต ดังนี้ค่ะ
1) ถ้าครอบครัวแฟน ไม่ให้ออกมาทำงาน ขอให้ "เลิก" กับเขาค่ะ หรือ
2) ถ้าเขาต่อรองว่าถ้าอยากทำงานมีเงิน ก็ให้เข้าไปทำงานที่กงสีเขา "อย่า" รับข้อเสนอนี้เป็นอันขาดนะคะ (เท่าที่อ่านเกมส์ดู มีแนวโน้มว่าแม่สามีอาจมีข้อเสนอนี้มาให้)
ด้วยเหตุผลตามนี้ค่ะ
- ตามที่หลายๆ ความเห็นตอบไปแล้วว่า ผู้หญิงเราต้องยืนได้ด้วยขาของตัวเอง มีรายได้เป็นของตัวเอง มีอิสรภาพทางการเงินพอประมาณ มันคืออำนาจการต่อรองของตัวคุณเองค่ะ นี่ขนาดของใช้ในบ้านต้องแบมือขอเขา ไม่ไหวค่ะ
- ในส่วนข้อ 2 แม้มันดูเหมือนจะดีก็เถอะ แต่อย่ารับเด็ดขาด เราไม่ควรให้ครอบครัวสามี มีอิทธิพลต่อชีวิต ความอยู่รอดของตัวเองขนาดนั้น เพราะเขาต้องกดเงินเดือนคุณ ไม่มีการพิจารณาตามผลงานและความสามารถ วันหยุดที่ลูกจ้างได้หยุดคุณอาจไม่ได้หยุด อ้างว่าเป็นคนในครอบครัวต้องทุ่มเททำงาน ค่าจ้างได้นิดเดียวเพราะช่วยกิจการของครอบครัว เราเห็นมาเยอะแล้ว (รวมทั้งแม่เราเองด้วย) ทำงานกงสีงกๆ ได้เงินเดือนติ๊ดริดตลอดปีตลอดชาติ เงินเก็บไม่มี ถ้าหลวมตัวเข้าไป ก็ต้องทนๆ ยิ่งนานไปยิ่งอายุมาก หางานอื่นลำบาก ถึงตอนนั้นล่ะ เขาจะกดขี่ยังไงก็ต้องทน วันดีคืนดีปลดเราออก ทำไงอ่ะ อนาคตมืดมนมาก จะดีขึ้นก็ต่อเมื่อพ่อแม่สามีตายเท่านั้นแหละ นับไปอีกสัก 30 ปีมั้ง (ตอนหลังแม่เราลาออกไปทำงานบ.ฝรั่ง เงินเดือน 5 หมื่น up เมื่อ 20 ปีก่อน โนสนโนแคร์ พ่อเราทำงานข้างนอกอยู่แล้วก็สนับสนุนให้ออกด้วย บอกอยู่ไปเสียสุขภาพจิต)
ประเด็นว่าจะเลิก เพราะนิสัยแฟน ตรงจุดนี้ ขอแบ่งการพิจารณาอย่างนี้ค่ะ
1) นิสัยไม่เป็นระเบียบ ไม่หยิบจับอะไร อันนี้เป็นปกติของลูกชายบ้านคนจีนค่ะ เพราะเขาถูกเลี้ยงมาแบบไม่ต้องหยิบจับอะไรอยู่แล้ว แต่ที่มันแย่คือ ไม่ยอมจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านนี่ซิ แย่มากๆๆๆ พ่อเราก็เป็นคล้ายแฟนเจ้าของกระทู้เหมือนกัน แต่จุดที่ต่างคือ พ่อเรารับผิดชอบจ่ายทุกสิ่งอย่างในบ้าน รวมถึงลูกๆ บวกด้วยจ้างแม่บ้านพี่เลี้ยงด้วย เงินเดือนแม่เราคือใช้ส่วนตัวจริงๆ ถ้าเขาเปลี่ยนนิสัยคุณชายไม่ได้ เขาก็ต้องสามารถให้เราเป็นคุณผู้หญิงของบ้านได้ด้วย "ไม่ใช่ทาส" ค่ะ (ขอย้ำว่าทาส เพราะแม่บ้านยังมีเงินเดือน)
2) ถ้าเขารักเราจริงๆ เขาก็ต้องเปลี่ยนตัวเองได้ ไม่ต้อง 100% แต่ก็ต้องพอเปลี่ยนได้บ้าง อย่างพ่อเรา ที่เป็นคุณชายมาตลอด ถ้าช่วงไหนที่ไม่มีแม่บ้าน พ่อเราก็ยังช่วยแม่เอาผ้าลงเครื่อง ตากผ้า ล้างจานนะคะ
เรื่องนิสัยแฟน อันนี้เจ้าของกระทู้ต้องชั่งใจดูว่าจะเอายังไง แต่กรณีพ่อแม่เรากับคุณมีจุดต่างด้วยที่พ่อเราก็ค่อนข้างมีความคิดของตัวเอง แล้วก็ทำงานข้างนอกไม่ได้พึ่งกงสี อากงอาม่าเราก็เลยชักจูงอะไรมากไม่ได้ แต่จากแฟนเจ้าของกระทู้ทำงานรับเงินจากกงสี พ่อแม่แทบจะเป็นเจ้าชีวิตเขาเลยค่ะ
ในฐานะที่เราเป็นแม่ของลูกสาว 2 คน ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับลูกเรา เราจะแนะนำแบบนี้ค่ะ สำคัญที่สุด "ทำงานมีเงินของตัวเอง" และอย่าให้ใครมีอิทธิพลชี้เป็นชี้ตายกับอนาคตของเราขนาดนั้น ถ้าลูกคิดดีแล้วว่าจะหย่า เราโอเคค่ะ ประโยคหนึ่งของคอมเม้นท์บนอันนึง ตรงใจเรามากค่ะ "พ่อแม่ส่งเสียเราเรียนจบสูง เลี้ยงมาอย่างดี ไม่ใช่ให้มาเป็นคนรับใช้ของใคร" ที่สำคัญอย่าเพิ่งมีลูกกับเขาเด็ดขาด อายุคุณยังน้อย ถ้าต้องเลิกกันจริงๆ ยังมีทางเริ่มต้นใหม่ได้
ที่แม่สามีคุณบอกว่าการหย่า เป็นเรื่องเสียหายมาก ไม่อยากให้หย่า ก็แน่ละสิ แต่ง 4 เดือนแล้วลูกสะใภ้ขอเลิกเพราะลูกชายห่วย พวกเขาเป็นฝ่ายเสียหาย แต่กลับกันถ้าคุณเกิดมีหลานให้เขาไม่ได้ เชื่อมั้ยว่าเขาจะให้ลูกชายหย่าคุณอย่างไม่ลังเลเลย
ครอบครัวเขาอาจไม่ได้ตั้งใจเห็นแก่ตัว อาจจะแค่หัวเก่าตามจารีตโบราณเฉยๆ แต่จารีตจีนโบราณนี่แหละ เห็นแก่ตัวเอาเปรียบผู้หญิงสุดๆ ผู้หญิงมีค่าแค่ปรนนิบัติ ปรนเปรอผู้ชาย แล้วก็มีลูกเท่านั้นเอง
ขอคิดตัดสินใจดีๆ กับอนาคตค่ะ
1) ถ้าครอบครัวแฟน ไม่ให้ออกมาทำงาน ขอให้ "เลิก" กับเขาค่ะ หรือ
2) ถ้าเขาต่อรองว่าถ้าอยากทำงานมีเงิน ก็ให้เข้าไปทำงานที่กงสีเขา "อย่า" รับข้อเสนอนี้เป็นอันขาดนะคะ (เท่าที่อ่านเกมส์ดู มีแนวโน้มว่าแม่สามีอาจมีข้อเสนอนี้มาให้)
ด้วยเหตุผลตามนี้ค่ะ
- ตามที่หลายๆ ความเห็นตอบไปแล้วว่า ผู้หญิงเราต้องยืนได้ด้วยขาของตัวเอง มีรายได้เป็นของตัวเอง มีอิสรภาพทางการเงินพอประมาณ มันคืออำนาจการต่อรองของตัวคุณเองค่ะ นี่ขนาดของใช้ในบ้านต้องแบมือขอเขา ไม่ไหวค่ะ
- ในส่วนข้อ 2 แม้มันดูเหมือนจะดีก็เถอะ แต่อย่ารับเด็ดขาด เราไม่ควรให้ครอบครัวสามี มีอิทธิพลต่อชีวิต ความอยู่รอดของตัวเองขนาดนั้น เพราะเขาต้องกดเงินเดือนคุณ ไม่มีการพิจารณาตามผลงานและความสามารถ วันหยุดที่ลูกจ้างได้หยุดคุณอาจไม่ได้หยุด อ้างว่าเป็นคนในครอบครัวต้องทุ่มเททำงาน ค่าจ้างได้นิดเดียวเพราะช่วยกิจการของครอบครัว เราเห็นมาเยอะแล้ว (รวมทั้งแม่เราเองด้วย) ทำงานกงสีงกๆ ได้เงินเดือนติ๊ดริดตลอดปีตลอดชาติ เงินเก็บไม่มี ถ้าหลวมตัวเข้าไป ก็ต้องทนๆ ยิ่งนานไปยิ่งอายุมาก หางานอื่นลำบาก ถึงตอนนั้นล่ะ เขาจะกดขี่ยังไงก็ต้องทน วันดีคืนดีปลดเราออก ทำไงอ่ะ อนาคตมืดมนมาก จะดีขึ้นก็ต่อเมื่อพ่อแม่สามีตายเท่านั้นแหละ นับไปอีกสัก 30 ปีมั้ง (ตอนหลังแม่เราลาออกไปทำงานบ.ฝรั่ง เงินเดือน 5 หมื่น up เมื่อ 20 ปีก่อน โนสนโนแคร์ พ่อเราทำงานข้างนอกอยู่แล้วก็สนับสนุนให้ออกด้วย บอกอยู่ไปเสียสุขภาพจิต)
ประเด็นว่าจะเลิก เพราะนิสัยแฟน ตรงจุดนี้ ขอแบ่งการพิจารณาอย่างนี้ค่ะ
1) นิสัยไม่เป็นระเบียบ ไม่หยิบจับอะไร อันนี้เป็นปกติของลูกชายบ้านคนจีนค่ะ เพราะเขาถูกเลี้ยงมาแบบไม่ต้องหยิบจับอะไรอยู่แล้ว แต่ที่มันแย่คือ ไม่ยอมจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านนี่ซิ แย่มากๆๆๆ พ่อเราก็เป็นคล้ายแฟนเจ้าของกระทู้เหมือนกัน แต่จุดที่ต่างคือ พ่อเรารับผิดชอบจ่ายทุกสิ่งอย่างในบ้าน รวมถึงลูกๆ บวกด้วยจ้างแม่บ้านพี่เลี้ยงด้วย เงินเดือนแม่เราคือใช้ส่วนตัวจริงๆ ถ้าเขาเปลี่ยนนิสัยคุณชายไม่ได้ เขาก็ต้องสามารถให้เราเป็นคุณผู้หญิงของบ้านได้ด้วย "ไม่ใช่ทาส" ค่ะ (ขอย้ำว่าทาส เพราะแม่บ้านยังมีเงินเดือน)
2) ถ้าเขารักเราจริงๆ เขาก็ต้องเปลี่ยนตัวเองได้ ไม่ต้อง 100% แต่ก็ต้องพอเปลี่ยนได้บ้าง อย่างพ่อเรา ที่เป็นคุณชายมาตลอด ถ้าช่วงไหนที่ไม่มีแม่บ้าน พ่อเราก็ยังช่วยแม่เอาผ้าลงเครื่อง ตากผ้า ล้างจานนะคะ
เรื่องนิสัยแฟน อันนี้เจ้าของกระทู้ต้องชั่งใจดูว่าจะเอายังไง แต่กรณีพ่อแม่เรากับคุณมีจุดต่างด้วยที่พ่อเราก็ค่อนข้างมีความคิดของตัวเอง แล้วก็ทำงานข้างนอกไม่ได้พึ่งกงสี อากงอาม่าเราก็เลยชักจูงอะไรมากไม่ได้ แต่จากแฟนเจ้าของกระทู้ทำงานรับเงินจากกงสี พ่อแม่แทบจะเป็นเจ้าชีวิตเขาเลยค่ะ
ในฐานะที่เราเป็นแม่ของลูกสาว 2 คน ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับลูกเรา เราจะแนะนำแบบนี้ค่ะ สำคัญที่สุด "ทำงานมีเงินของตัวเอง" และอย่าให้ใครมีอิทธิพลชี้เป็นชี้ตายกับอนาคตของเราขนาดนั้น ถ้าลูกคิดดีแล้วว่าจะหย่า เราโอเคค่ะ ประโยคหนึ่งของคอมเม้นท์บนอันนึง ตรงใจเรามากค่ะ "พ่อแม่ส่งเสียเราเรียนจบสูง เลี้ยงมาอย่างดี ไม่ใช่ให้มาเป็นคนรับใช้ของใคร" ที่สำคัญอย่าเพิ่งมีลูกกับเขาเด็ดขาด อายุคุณยังน้อย ถ้าต้องเลิกกันจริงๆ ยังมีทางเริ่มต้นใหม่ได้
ที่แม่สามีคุณบอกว่าการหย่า เป็นเรื่องเสียหายมาก ไม่อยากให้หย่า ก็แน่ละสิ แต่ง 4 เดือนแล้วลูกสะใภ้ขอเลิกเพราะลูกชายห่วย พวกเขาเป็นฝ่ายเสียหาย แต่กลับกันถ้าคุณเกิดมีหลานให้เขาไม่ได้ เชื่อมั้ยว่าเขาจะให้ลูกชายหย่าคุณอย่างไม่ลังเลเลย
ครอบครัวเขาอาจไม่ได้ตั้งใจเห็นแก่ตัว อาจจะแค่หัวเก่าตามจารีตโบราณเฉยๆ แต่จารีตจีนโบราณนี่แหละ เห็นแก่ตัวเอาเปรียบผู้หญิงสุดๆ ผู้หญิงมีค่าแค่ปรนนิบัติ ปรนเปรอผู้ชาย แล้วก็มีลูกเท่านั้นเอง
ขอคิดตัดสินใจดีๆ กับอนาคตค่ะ
ความคิดเห็นที่ 6
เลิกกัน หย่ากันเลยดีกว่าครับ คุณปรับ แต่เค้าไม่ปรับ ความคิดไม่เดินหน้า มีแต่อยู่กับที่ ถึงมีลูกก็ไม่แน่ใจเลยว่าจะดีขึ้น
เท่าที่อ่าน ไม่เห็นความดี หรืออะไรที่ดีๆในตัวผู้ชายคนนี้เลยครับ
กลับไปทำงานเริ่มต้นใหม่จะดีกว่า คุยกับพ่อแม่คุณ พ่อแม่เค้าให้เข้าใจซะ ผมว่าพ่อแม่คุณน่าจะรับฟังด้วยดี แต่บ้านผู้ชายไม่ทราบครับว่าจะคิดยังไง
เท่าที่อ่าน ไม่เห็นความดี หรืออะไรที่ดีๆในตัวผู้ชายคนนี้เลยครับ
กลับไปทำงานเริ่มต้นใหม่จะดีกว่า คุยกับพ่อแม่คุณ พ่อแม่เค้าให้เข้าใจซะ ผมว่าพ่อแม่คุณน่าจะรับฟังด้วยดี แต่บ้านผู้ชายไม่ทราบครับว่าจะคิดยังไง
ความคิดเห็นที่ 4
อย่าพึ่งมีลูกเด็ดขาด อย่าทำให้ชีวิตคุณยากไปอีก
ออกไปทำงานค่ะคุณจะได้มีเงินใช้มีเพื่อนด้วย
ถ้าเค้าบ่นก็บอกว่าไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนใช้ในเมื่อเค้าไม่ให้
คือถ้าแต่งแล้วมามีชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้จะแต่งทำไมดูแย่ลง
ให้ออกจากงานมาอยู่บ้านสามีก็ต้องซัพพอร์ตเรื่องเงินเรื่องบ้านสิ
นี่อะไรไม่ให้อะไรสักอย่าง แค่ของใช้ในบ้านยังงก เกินไป
ออกไปทำงานค่ะคุณจะได้มีเงินใช้มีเพื่อนด้วย
ถ้าเค้าบ่นก็บอกว่าไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนใช้ในเมื่อเค้าไม่ให้
คือถ้าแต่งแล้วมามีชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้จะแต่งทำไมดูแย่ลง
ให้ออกจากงานมาอยู่บ้านสามีก็ต้องซัพพอร์ตเรื่องเงินเรื่องบ้านสิ
นี่อะไรไม่ให้อะไรสักอย่าง แค่ของใช้ในบ้านยังงก เกินไป
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งแต่งงานสี่เดือน สามีไม่มีความเป็นผู้นำครอบครัวเพราะไม่ให้เงินไว้ใช้จ่าย ควรทำยังไงดีคะ ?
อาทิตย์แรกเราก็ยังไปทำงานอยู่ค่ะ จนแม่สามีรู้เข้าท่านก็ไม่พอใจคะ เราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันถึงต้องมาโกรธเรา เรียกเรากะแฟนเข้าไปคุยที่บ้าน คือ โดย สรุป อยากให้เราออกจากงานมาอยู่บ้านค่ะ ท่านอยากให้เรามีหลานไวๆ ไม่อยากให้ทำงาน เหมือนสมัยท่านที่แต่งงาน ต้องอยู่บ้านลูแลสามี มีลูก ตามธรรมเนียมคนจีนโบราณๆ เราก็ไม่อยากขัดใจเค้า บวกกับอยากมีหลานให้พ่อกับแม่เราเหมือนกัน เลยออหจากงานมาดูแลบ้าน ทีนี้สาวออฟฟิสแบบเราก็ปรับตัวอยู่พักนึงเหมือนกัน เพราะไม่ชินที่ต้องเปลี่ยนลักษณะงาน
กลับมาที่ สามีเรา
พอเริ่มอยู่ด้วยกันจริงๆ มันต่างจากการเป็นแฟนมากคะๆ นิสัยเค้าเริ่มออก ภายนอกเค้าดูเป็นคนเรียบร้อย แต่พอกลับมาบ้านเค้าไม่เรียบร้อยเลยยย. กินตรงไหนตั้งเศษขยะไว้ตรงนั้น เราต้องตามเก็บตลอด น้ำไม่อาบ เสื้อผ้าใส่แล้ว ไม่แยกตะกร้า กินเสร็จ ไม่เก็บจาน นี่แค่เดือนแรก เดือนถัดมา หลอดไฟที่บ้านขาดค่ะ เราให้เค้าซื้อมาเปลี่ยนเค้าไม่เปลี่ยนค่ะ บอกเราว่า เดียวค่อยซื้อมาเปลี่ยนให้ละกัน จนทุกวันนี้ขนาดที่นั่งพิมพ์อยู่นี้ หลอดไฟยังไม่ได้เปลี่ยนเลย ไม้กวาดบ้าน ไม้ถูพื้น ก็ไม่ซื้อให้. เราร้องขอตั้งนานก็ไม่เคยซื้อ บอกแค่ว่าเดี่ยวก่อนๆ เราอดทนมากค่ะ ไม่บ่น ไม่ว่า แต่เราเหนื่อยทีต้องทวงตลอด นี้คือเรื่องจำเป็นเรื่องดีๆทำไม ไม่ซื้อให้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ต้องรอให้เค้ามาตัดก่อน ค่แยเอาไปจ่าย พอเราถามทำไมต้องรอให้เค้ามาถอดก่อนถึงเอาไปจ่าย เค้าบอกว่าแค่เหนื่อยเลยขี้เกียจไปแล้วก็ไปโทษ คนมาตัดหม้อไฟฟ้าว่าจะรีบตัดทำไม เคือเรางงอ่ะ เราเครียดมากที่แฟน ไม่มีความเป็นผู้นำแบบนี้ เค้าไม่เรียบร้อยเลย กลับมาบ้านเค้าแทบไม่ต้องทำไรเลย เข้าห้องละก็เล่นโทรศัพ ถอดเสื้อผ้าวางกองไว้ กินขนมเสร็จ ก็ตั้งเปลือกไว้ให้เราตามเก็บ เราบอกขอเงินไว้ใช้บ้างสิ เวลาไปไหนกันจะได้ไม่ต้องขอต่อหน้ากันเค้าก็ไม่เคยให้เราไว้เลยซักบาท แต่จริงๆเราขอเพื่อจะไปซื้อุปกรณ์ ทำความสะอาดบ้าน ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน แหละกว่าจะได้แต่ละครั้งต้องรอให้หมดก่อนเค้าถึงจะขับรถออกไปซื้อให้ คือสรุป อะไรที่ดีต่อบ้าน เค้าไม่เคยคิดซื้อ มองว่ามันเล็กน้อย กลับซื้อแต่ของทีไม่ค่อยมีสาระเข้าบ้าน เงินเดือนเค้าเราขอเก็บไว้บ้างซักเดือนละสองพันเค้ายังไม่ให้เลยค่ะ เพราะเค้าชอบถือเงินคนเดียว เค้าพูดว่าจะใช้อะไรหนักหนาแค่อยู่บ้านทำงานบ้านไม่จำเป็นต้องใช้มีอะไรอยากได้ให้มาขอ โดยส่วนตัวเราเป็นคนประหยัดมากคะ จะไม่เปลื่องพวกเสื้อผ้าของไรสาระเท่าเค้า แต่พอเราขอเงินเค้าซื้อของเข้าบ้านแต่ละครั้งเค้าก็บ่ายเบีายงตลอดค่ะ ทุกวันนี้ตอนเค้าไปทำงานเราอยู่บ้านมีแต่จักยานตะกร้าหน้ารถ เอาไว้ซื้อของที่ร้านค้าแถวบ้านได้เท่านั้น เพราะรถมีแค่คันของเค้าคันเดียว เค้าใช้ได้คนเดียว เราต้องปั่นจักยานไกลมากเพื่อไปซื้อของมาทำกับข้าวที่ตลาดเป็นประจำ. ค่ากับข้าวทั้งหมดคือเงินเก็บจากที่ทำงานเราเองทั้งสิ้นตลอดสี่เดือนทีอยู่ด้วยกันมา ตอนนี้เงินเก็บเราก็กำลังจะหมดลงเพราะมีแต่จ่ายออก ไม่มีเก็บเข้า ทุกวันนี้เรายังต้องถูบ้านกับผ้าขี้ริ้ว ไม่มีไม้ถู เพราะเค้าไม่ซื้อให้ เราเหนื่อยมากค่ะ มันไม่เหมือนตอนเป็นแฟนกัน เจอแบบนี้เราไม่อยากจะมีลูกให้กับเค้าเลยค่ะ นี้แค่สี่เดือนเองเราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี. เราอยากกลับไปทำงานอยากมีเงินเก็บ หรือว่ามันเป็นแค่ช่วงปรับตัวของเค้าคะ ? ขอความเห็นเป็น พลังด้านบวกให้เรารักษาชีวิตครอบครัวได้หน่อยค่ะ