รูป รส กลื่น สี เสียง สัมผัสทั้งห้านี้มีคนกล่าวว่ามันเชื่อมโยงกับความทรงจำ
บางคนเห็นรูปภาพส้มที่ถูกปอกเปลือกก็ต้องร้องจ๊าก เพราะความทรงจำวัยเด็กที่เพื่อนเคยเอาผิวส้มบีบใส่ไม้บรรทัดแล้วเอามาตีแป๊ะที่แขนเรา (เพื่อ?)
บางคนได้กลิ่นลูกยอสุกแล้วถึงกับอาเจียนเพราะเคยโดนผู้ใหญ่บังคับให้กินลูกยอสุกบดแก้เจ็บคอ (จขกทเองพอนึกถึงกลิ่น ก็พะอืดพะอมทันที)
หรืออย่างเพื่อนทนเห็นเล็บขูดกับแป้งที่อยู่ในกะละมังเหล็กไม่ได้ เป็นอันต้องดิ้นพราดทุรนทุรายด้วยความทรมานจากอาการเสียวเข้าไปถึงกระดูก เพราะตอนเด็กแมงกินฟันมันจนปวดฟัน เสียวฟันในขณะที่แม่มันกำลังนวดแป้งทำบัวลอย "ห่าน เมิงน่าจะไปดาราเน๊อะ โยงกันไปได้ นี่ถ้าเมิงปวดฟันในขณะที่เห็นหมูกำลังฟีชเจอริ่งกัน เมิงไม่ต้องกลัวการสืบพันธุ์ไปตลอดชีวิต??)
ผมเองก็มีความทรงจำหลายอย่างนะ ที่ลืมๆไปแล้วบ้างก็มีเพราะชีวิตตั้งแต่เล็กจนโตมีอะไรผ่านเข้าให้จำเยอะ บางทีมันก็เล็กๆน้อยๆจนลืมๆไปบ้าง แต่พอนึกขึ้นมาได้ ไอ้เรื่องเล็กๆที่มันดูจะไม่สลักสำคัญอะไร มันก็ทำอุ่นใจดีพิลึก
อย่างวันหนึ่งได้ดูรายการทำอาหารรายการหนึ่ง แล้วมีการพูดถึง ขนม "ดาวล้อมเดือน" เห็นคุณยายที่มาร่วมแข่งขันพูดเสียจนอยากกิน ไหนจะสีสันที่มันโอ้โห
ราวกับม้าโพนี่กำลังวิ่งเอาเขาขวิดกันอยู่ในทุ่งดอกดิฟฟาดิลเหลืองอร่ามก็ไม่ปาน
แวบแรกคือ "เชี่ย น่ากิน"
แวบสองคือ "เห้ย ใกล้วันแม่" (แม่แว่น)
แวบสามคือ "ทำกันเถอะ"
ดูเย็นวันนี้ หัวค่ำเข้าไปหาสูตรขนมในห้องเก็บหนังสือ ซึ่งลำบากพอๆกับการอัญเชิญพระคัมภีร์ของพระถัง มันมีหลายสูตร หลายแบบ หลายแป้งหลายไส้ หลายชื่อเรียกจนเราไม่รู้ว่าอันไหนคือดาวล้อมเดือนของจริง
จนสุดท้าย เราก็เลือกเอาสูตรที่ใกล้เคียงกับคุณยายท่านนั้นที่สุด
เมื่อได้สูตรก็ออกไปเก็บดอกมะลิมาลอยน้ำทิ้งไว้ ออกไปซื้อถั่วเหลืองหน้าปกาซอยกะเทาะเปลือกแช่น้ำทิ้งไว้คืนนึง
ตอนเช้าออกไปซื้อของโดยโจทย์ของเราคือ สีที่ทำต้องมาจากธรรมชาติทั้งหมด
ทำกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า กว่าจะเสร็จ ปาไปบ่ายสาม
"ถ้าเราซื้อเขากิน เราก็จะไม่ได้รู้ที่มาที่ไป และวิธีทำขนมนี้เน๊อะ" ปลอบใจตัวเองกันไป เพราะว่ามันเหนื่อย วุ่นวายไม่น้อย
มันเป็นขนมที่เหมาะจะทำกันเป็นครอบครัว พ่อตำ แม่นวด ลูกคลึง สนุกสนาน แต่ไม่เหมาะกับคนโสด เพราะมันจะหว่าเว้ และก็หันซ้ายหันขวาด้วยความ
งุนงงว่าควรทำอะไรก่อนหลัง
เห็นดาวเคียงเดือน เหมือนเตือนความจำ...ขนมดาวล้อมเดือน ขนมที่กินแล้วสะเทือนไปถึงดวงดาว
บางคนเห็นรูปภาพส้มที่ถูกปอกเปลือกก็ต้องร้องจ๊าก เพราะความทรงจำวัยเด็กที่เพื่อนเคยเอาผิวส้มบีบใส่ไม้บรรทัดแล้วเอามาตีแป๊ะที่แขนเรา (เพื่อ?)
บางคนได้กลิ่นลูกยอสุกแล้วถึงกับอาเจียนเพราะเคยโดนผู้ใหญ่บังคับให้กินลูกยอสุกบดแก้เจ็บคอ (จขกทเองพอนึกถึงกลิ่น ก็พะอืดพะอมทันที)
หรืออย่างเพื่อนทนเห็นเล็บขูดกับแป้งที่อยู่ในกะละมังเหล็กไม่ได้ เป็นอันต้องดิ้นพราดทุรนทุรายด้วยความทรมานจากอาการเสียวเข้าไปถึงกระดูก เพราะตอนเด็กแมงกินฟันมันจนปวดฟัน เสียวฟันในขณะที่แม่มันกำลังนวดแป้งทำบัวลอย "ห่าน เมิงน่าจะไปดาราเน๊อะ โยงกันไปได้ นี่ถ้าเมิงปวดฟันในขณะที่เห็นหมูกำลังฟีชเจอริ่งกัน เมิงไม่ต้องกลัวการสืบพันธุ์ไปตลอดชีวิต??)
ผมเองก็มีความทรงจำหลายอย่างนะ ที่ลืมๆไปแล้วบ้างก็มีเพราะชีวิตตั้งแต่เล็กจนโตมีอะไรผ่านเข้าให้จำเยอะ บางทีมันก็เล็กๆน้อยๆจนลืมๆไปบ้าง แต่พอนึกขึ้นมาได้ ไอ้เรื่องเล็กๆที่มันดูจะไม่สลักสำคัญอะไร มันก็ทำอุ่นใจดีพิลึก
อย่างวันหนึ่งได้ดูรายการทำอาหารรายการหนึ่ง แล้วมีการพูดถึง ขนม "ดาวล้อมเดือน" เห็นคุณยายที่มาร่วมแข่งขันพูดเสียจนอยากกิน ไหนจะสีสันที่มันโอ้โห
ราวกับม้าโพนี่กำลังวิ่งเอาเขาขวิดกันอยู่ในทุ่งดอกดิฟฟาดิลเหลืองอร่ามก็ไม่ปาน
แวบแรกคือ "เชี่ย น่ากิน"
แวบสองคือ "เห้ย ใกล้วันแม่" (แม่แว่น)
แวบสามคือ "ทำกันเถอะ"
ดูเย็นวันนี้ หัวค่ำเข้าไปหาสูตรขนมในห้องเก็บหนังสือ ซึ่งลำบากพอๆกับการอัญเชิญพระคัมภีร์ของพระถัง มันมีหลายสูตร หลายแบบ หลายแป้งหลายไส้ หลายชื่อเรียกจนเราไม่รู้ว่าอันไหนคือดาวล้อมเดือนของจริง
จนสุดท้าย เราก็เลือกเอาสูตรที่ใกล้เคียงกับคุณยายท่านนั้นที่สุด
เมื่อได้สูตรก็ออกไปเก็บดอกมะลิมาลอยน้ำทิ้งไว้ ออกไปซื้อถั่วเหลืองหน้าปกาซอยกะเทาะเปลือกแช่น้ำทิ้งไว้คืนนึง
ตอนเช้าออกไปซื้อของโดยโจทย์ของเราคือ สีที่ทำต้องมาจากธรรมชาติทั้งหมด
ทำกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า กว่าจะเสร็จ ปาไปบ่ายสาม
"ถ้าเราซื้อเขากิน เราก็จะไม่ได้รู้ที่มาที่ไป และวิธีทำขนมนี้เน๊อะ" ปลอบใจตัวเองกันไป เพราะว่ามันเหนื่อย วุ่นวายไม่น้อย
มันเป็นขนมที่เหมาะจะทำกันเป็นครอบครัว พ่อตำ แม่นวด ลูกคลึง สนุกสนาน แต่ไม่เหมาะกับคนโสด เพราะมันจะหว่าเว้ และก็หันซ้ายหันขวาด้วยความ
งุนงงว่าควรทำอะไรก่อนหลัง