สวัสดีทุกๆท่านที่กำลัง กวาดสายตาอ่านบทความนี้ อย่างไม่ได้สนใจอะไรมากนัก .. แต่สิ่งที่ทุกท่านกำลังจะเห็นหรืออ่านต่อแต่นี้ อาจจะทำให้มือไม้สั่นไหว หัวใจเต้นรัวประดั่งลูกสูบในเครื่องยนต์ V-Twin คันกระทุ้ง ทำงานสูบฉีดระบบไหลเวียนโลหิตของคุณจนคุณต้องเอามือทาบ-อก

ตำนานสิงห์กบฎอย่าง Harley Davidson นั้น ส่วนใหญ่แล้วที่เราจะเห็นกันจนชินตา ก็จะเป็นรูปลักษณ์ในแบบของ ชาวบ้านที่เรียกกันว่า "Chopper" ทรงจะดูแปลกตา ท่านั่งแบบ งงๆ เสียงลั่นสนั่นทุ่งดั่งสิงโตคำราม ประกาศกร้าวว่า ข้ามาแล้ว! จนทุกสายตาต้องเหลียวมองในความแปลกตาแต่ดึงดูดใจชะงัก เสียงอันทรงพลังดุดัน อย่างไม่มีแบรนด์ใดๆ เหมือน นั่นก็คงเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องร้อง "คุณพระ! นั่น ฮาเล่ย์"

ในยุคสมัยใหม่ที่ใครๆก็ทราบกันดีว่า เป็นยุคของการเปลี่ยนแปลงและเป็นยุคของ เทคโนโลยี Harley Davidson ก็ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนา แบรนด์ของตัวเอง ให้ถูกใจวัยโจ๋ ยุค 2020 ผมจะมัว โม้จนน้ำลายกระเส็น กระเด็นเต็มคีย์บอร์ด ทำไม งั้นเราไปดูกันดีกว่า ว่าการเปิดตัวรถ line-up ใหม่ Softail Series ของ Harley Davidson 2018 ว่าจะเจ๋งจ๊าบ ครองใจวัยโจ๋ กันแค่ไหน

Harley-Davidson จัดกองกำลังชุดใหญ่เข้ารุกตลาดอย่างหนักเพื่อครองใจวัยโจ๋ ตำนานกบฎคลาสสิค โดยในโอกาสครบรอบ 115 ปี Harley Davidson นั้น ก็ได้เปิดผ้าคลุม Project ลับ ที่จับ Dyna และ Softail มาผสมผสานดึงจุดดี ลบจุดบอด จนสมบูรณ์แบบในขณะนี้ ภายใต้ชื่อของ Softail ซึ่งสิ่งที่พัฒนาต่อยอดครั้งใหญ่นี้ ก็มีการลดน้ำหนักตัวรถลง ออกแบบแชสซีใหม่ เครื่องยนต์ใหม่ และช่วงล่างที่พัฒนาอย่างก้าวล้ำแบบฉุดไม่อยู่

Harley-Davidson Softail 2018 ทุกแบบการผลิตนั้น ใช้เฟรมแบบใหม่ทั้งหมดที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่แต่ลดน้ำหนักลง พร้อมกับแชสซีที่บรรจงสร้างสรรค์ออกแบบใหม่ทั้งหมด รวมถึง underseat "hide" single shock โช๊คเดี่ยว ใต้เบาะแบบซ่อนมิดชิด เพื่อการขับขี่ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นแบบข้ามขีดจำกัดนั่นคือเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 107 และ 114 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2017 ที่ผ่านมา
..........
Paul James - Motorcycle Product Planning ได้กล่าวว่า “Softail รุ่นใหม่นี้เกิดมาจากการพัฒนาและวิจัยอย่างเต็มสูบ เราทำทั้งวิจัยและทดสอบอย่างจริงจัง จุดประสงค์หลักๆที่ทำการทดสอบหลายพันชั่วโมงนั้นก็เพื่อยกระดับการขับขี่ที่นำจิตวิญญาณของ Harley-Davidson ผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่รักมัน”

ในส่วนของเฟรมใหม่นั้น ช่างเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดและผ่านตากันมาก่อนในประวัติศาสตร์ คือ เฟรมที่สามารถปรับแต่งองศาการเลี้ยวได้ถึง 3 รูปแบบ ในองศาต่างๆกันคือ 28, 30 และ 34 องศาขึ้นอยู่กับรุ่น และในส่วนของ แชสซี HD นั้นพัฒนาให้มีความ เบากว่า และแข็งแกร่งกว่าเดิม ปรับแต่งให้ดูทันสมัยมากขึ้นแต่ยังคงกลิ่นไอความเก๋าๆ โดยมีการตอบสนองคันเร่งที่ดีกว่า และพัฒนาให้ครอบคลุมไปถึงการเข้าโค้งที่จัดว่าดีเยี่ยม ตอบสนองต่อการเข้าโค้งได้ดีกว่า และเข้าได้ลึกกว่าเดิม
..........
ในส่วนของ carbon steel tubular frame รุ่นใหม่นี้มีความแข็งแรงมากกว่า Softail รุ่นเดิมถึง 65% จัดได้ว่าเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเฟรมโดยรวมมากถึง 34% และใช้อะไหล่น้อยลงกว่าเดิมไปกว่าครึ่ง มีจุดเชื่อมน้อยลงถึง 22% จัดได้ว่ามีการพัฒนาอย่างยอดเยี่ยมมากๆ และสำหรับ swing arms นั้นมี 2 แบบด้วยกัน คือ
- wide chassis น้ำหนัก 5.89 กก. (เบาลง 15%)
- narrow chassis น้ำหนัก 8.16 กก.(เบาลง 20%)
มาต่อกันที่โช้คหน้าแบบ Dual - Bending Valve ซึงพัฒนาจากกลุ่ม Touring 2017 ให้มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น โช้คหลังยังคงเป็น monoshock แอบเนียนหลบใต้เบาะและยังปรับปรุงเพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้น และการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักลดลงถึง 17 กก. ซึ่งทำให้อัตราเร่งดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

มาในส่วนของหัวใจหลักสำคัญอย่าง เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 107 ใหม่ล่าสุด
ในรุ่น Softails 2018 ทั้งหมดนั้น HD เลือกใช้ขุมพลัง V-Twin "Milwaukee-Eight" 107 และ 114 องศาสูบที่ 45 ซึ่งใช้ dual counter-balancers เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนแต่ยังคงรักษาความเป็น Harley-Davidson ไว้
..........
สำหรับเครื่องยนต์มี 2 ตัวเลือกได้แก่
- Milwaukee-Eight 107 (1745cc) เป็นพื้นฐาน ซึ่ง 0-100 กม./ชม. นั้นเร็วกว่าเครื่อง High Output Twin Cam 103 อยู่ 10% และช่วง 100-130 กม./ชม. อยู่ 16%
- Milwaukee-Eight 114 (1868cc) ในรุ่น Fat Bob, Fat Boy, Breakout และ Heritage Classic ซึ่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ดีกว่าเครื่อง 107 อยู่ 9% และช่วง 100-130 กม./ชม. อยู่ 13%

ในทุกรุ่นจะติดตั้งไฟหน้า LED "Daymaker" มาให้ แถมถังน้ำมันรูปทรงใหม่ ที่ชาร์จ USB, กุญแจ keyless และระบบกันขโมยมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย
............................
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับข้อมูลที่เอามาแบ่งปันกันอ่าน ต้องขอขอบคุณ www.cycleworld.com ที่นำเสนอบทความดีๆ แล้วผมมาแปลเผยแพร่ เพื่อการ update ข่าวสารก่อนใครเนาะ ^^
*ไม่ได้สปอนเซอร์ ไม่ได้ค่าจ้างจากแบรนด์รถใดๆทั้งสิ้น แค่มีข้อมูลในมือ เอามาแบ่งปันกันอ่าน แชร์กันเยอะๆนะจ๊ะ จะได้มีกำลังใจทำต่อ ^^*
อย่าลืม follow facebook fanpage ของพวกเรา ทีมรายการ ขับขี่เด๊ะ กันเยอะๆน้าาา ><
www.facebook.com/kubkeedeh/
และอย่าลืมกับ Youtube Channel ของพวกเรา เข้าไปกด Subscribe กันเยอะๆนะครับ มีอะไรให้ดูกันเพียบ!
www.youtube.com/ride2bros





Harley Davidson Softail 2018 กำลังจะมานะพ่อเอ้ยยย! สวยโฮ้ก!
ตำนานสิงห์กบฎอย่าง Harley Davidson นั้น ส่วนใหญ่แล้วที่เราจะเห็นกันจนชินตา ก็จะเป็นรูปลักษณ์ในแบบของ ชาวบ้านที่เรียกกันว่า "Chopper" ทรงจะดูแปลกตา ท่านั่งแบบ งงๆ เสียงลั่นสนั่นทุ่งดั่งสิงโตคำราม ประกาศกร้าวว่า ข้ามาแล้ว! จนทุกสายตาต้องเหลียวมองในความแปลกตาแต่ดึงดูดใจชะงัก เสียงอันทรงพลังดุดัน อย่างไม่มีแบรนด์ใดๆ เหมือน นั่นก็คงเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องร้อง "คุณพระ! นั่น ฮาเล่ย์"
ในยุคสมัยใหม่ที่ใครๆก็ทราบกันดีว่า เป็นยุคของการเปลี่ยนแปลงและเป็นยุคของ เทคโนโลยี Harley Davidson ก็ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนา แบรนด์ของตัวเอง ให้ถูกใจวัยโจ๋ ยุค 2020 ผมจะมัว โม้จนน้ำลายกระเส็น กระเด็นเต็มคีย์บอร์ด ทำไม งั้นเราไปดูกันดีกว่า ว่าการเปิดตัวรถ line-up ใหม่ Softail Series ของ Harley Davidson 2018 ว่าจะเจ๋งจ๊าบ ครองใจวัยโจ๋ กันแค่ไหน
Harley-Davidson จัดกองกำลังชุดใหญ่เข้ารุกตลาดอย่างหนักเพื่อครองใจวัยโจ๋ ตำนานกบฎคลาสสิค โดยในโอกาสครบรอบ 115 ปี Harley Davidson นั้น ก็ได้เปิดผ้าคลุม Project ลับ ที่จับ Dyna และ Softail มาผสมผสานดึงจุดดี ลบจุดบอด จนสมบูรณ์แบบในขณะนี้ ภายใต้ชื่อของ Softail ซึ่งสิ่งที่พัฒนาต่อยอดครั้งใหญ่นี้ ก็มีการลดน้ำหนักตัวรถลง ออกแบบแชสซีใหม่ เครื่องยนต์ใหม่ และช่วงล่างที่พัฒนาอย่างก้าวล้ำแบบฉุดไม่อยู่
Harley-Davidson Softail 2018 ทุกแบบการผลิตนั้น ใช้เฟรมแบบใหม่ทั้งหมดที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่แต่ลดน้ำหนักลง พร้อมกับแชสซีที่บรรจงสร้างสรรค์ออกแบบใหม่ทั้งหมด รวมถึง underseat "hide" single shock โช๊คเดี่ยว ใต้เบาะแบบซ่อนมิดชิด เพื่อการขับขี่ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นแบบข้ามขีดจำกัดนั่นคือเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 107 และ 114 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2017 ที่ผ่านมา
..........
Paul James - Motorcycle Product Planning ได้กล่าวว่า “Softail รุ่นใหม่นี้เกิดมาจากการพัฒนาและวิจัยอย่างเต็มสูบ เราทำทั้งวิจัยและทดสอบอย่างจริงจัง จุดประสงค์หลักๆที่ทำการทดสอบหลายพันชั่วโมงนั้นก็เพื่อยกระดับการขับขี่ที่นำจิตวิญญาณของ Harley-Davidson ผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่รักมัน”
ในส่วนของเฟรมใหม่นั้น ช่างเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดและผ่านตากันมาก่อนในประวัติศาสตร์ คือ เฟรมที่สามารถปรับแต่งองศาการเลี้ยวได้ถึง 3 รูปแบบ ในองศาต่างๆกันคือ 28, 30 และ 34 องศาขึ้นอยู่กับรุ่น และในส่วนของ แชสซี HD นั้นพัฒนาให้มีความ เบากว่า และแข็งแกร่งกว่าเดิม ปรับแต่งให้ดูทันสมัยมากขึ้นแต่ยังคงกลิ่นไอความเก๋าๆ โดยมีการตอบสนองคันเร่งที่ดีกว่า และพัฒนาให้ครอบคลุมไปถึงการเข้าโค้งที่จัดว่าดีเยี่ยม ตอบสนองต่อการเข้าโค้งได้ดีกว่า และเข้าได้ลึกกว่าเดิม
..........
ในส่วนของ carbon steel tubular frame รุ่นใหม่นี้มีความแข็งแรงมากกว่า Softail รุ่นเดิมถึง 65% จัดได้ว่าเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเฟรมโดยรวมมากถึง 34% และใช้อะไหล่น้อยลงกว่าเดิมไปกว่าครึ่ง มีจุดเชื่อมน้อยลงถึง 22% จัดได้ว่ามีการพัฒนาอย่างยอดเยี่ยมมากๆ และสำหรับ swing arms นั้นมี 2 แบบด้วยกัน คือ
- wide chassis น้ำหนัก 5.89 กก. (เบาลง 15%)
- narrow chassis น้ำหนัก 8.16 กก.(เบาลง 20%)
มาต่อกันที่โช้คหน้าแบบ Dual - Bending Valve ซึงพัฒนาจากกลุ่ม Touring 2017 ให้มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น โช้คหลังยังคงเป็น monoshock แอบเนียนหลบใต้เบาะและยังปรับปรุงเพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้น และการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักลดลงถึง 17 กก. ซึ่งทำให้อัตราเร่งดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
มาในส่วนของหัวใจหลักสำคัญอย่าง เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 107 ใหม่ล่าสุด
ในรุ่น Softails 2018 ทั้งหมดนั้น HD เลือกใช้ขุมพลัง V-Twin "Milwaukee-Eight" 107 และ 114 องศาสูบที่ 45 ซึ่งใช้ dual counter-balancers เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนแต่ยังคงรักษาความเป็น Harley-Davidson ไว้
..........
สำหรับเครื่องยนต์มี 2 ตัวเลือกได้แก่
- Milwaukee-Eight 107 (1745cc) เป็นพื้นฐาน ซึ่ง 0-100 กม./ชม. นั้นเร็วกว่าเครื่อง High Output Twin Cam 103 อยู่ 10% และช่วง 100-130 กม./ชม. อยู่ 16%
- Milwaukee-Eight 114 (1868cc) ในรุ่น Fat Bob, Fat Boy, Breakout และ Heritage Classic ซึ่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ดีกว่าเครื่อง 107 อยู่ 9% และช่วง 100-130 กม./ชม. อยู่ 13%
ในทุกรุ่นจะติดตั้งไฟหน้า LED "Daymaker" มาให้ แถมถังน้ำมันรูปทรงใหม่ ที่ชาร์จ USB, กุญแจ keyless และระบบกันขโมยมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย
............................
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับข้อมูลที่เอามาแบ่งปันกันอ่าน ต้องขอขอบคุณ www.cycleworld.com ที่นำเสนอบทความดีๆ แล้วผมมาแปลเผยแพร่ เพื่อการ update ข่าวสารก่อนใครเนาะ ^^
*ไม่ได้สปอนเซอร์ ไม่ได้ค่าจ้างจากแบรนด์รถใดๆทั้งสิ้น แค่มีข้อมูลในมือ เอามาแบ่งปันกันอ่าน แชร์กันเยอะๆนะจ๊ะ จะได้มีกำลังใจทำต่อ ^^*
อย่าลืม follow facebook fanpage ของพวกเรา ทีมรายการ ขับขี่เด๊ะ กันเยอะๆน้าาา ><
www.facebook.com/kubkeedeh/
และอย่าลืมกับ Youtube Channel ของพวกเรา เข้าไปกด Subscribe กันเยอะๆนะครับ มีอะไรให้ดูกันเพียบ!
www.youtube.com/ride2bros